Chapter 15
ั้แ่วันที่ป๋ายได้ไปรับวัคซีน ถึงจะผ่านมาแค่ 2 วัน แต่ป๋ายเองก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนไป เขาไม่สบายตัวเอามาก ๆ แถมยังเหนื่อยง่าย เพราะไม่สามารถกลายร่างกลับไปเป็แมวได้ ส่วนกรีน จาก่นี้ที่เทียวไปเทียวมาระหว่างร้านกับบ้าน เขาก็ตัดสินใจหยุดอยู่บ้านอย่างเต็มตัวตลอด 2 อาทิตย์ จนกว่าป๋ายจะหายป่วย
"เป็ไงบ้างครับตัวเล็ก?"
กรีนเข้ามาในห้องนอนของอีกคน เพื่อเอาข้าวและยามาให้ 2 วันที่ผ่านมา กรีนให้คนตัวเล็กกินอาหารคน นั่นก็คือข้าวต้ม เพราะยังไงอีกคนก็ไม่รับรู้รสชาติอาหารใน่นี้อยู่แล้ว จะให้เขาลุกขึ้นมาเคี้ยวอาหารเม็ดก็คงไม่ไหว หรือแม้แต่อาหารเปียกก็ยังดูยากสำหรับเ้าแมวน้อยใน่นี้
"ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน ต้องกินยาให้ตรงเวลานะ"
"ไม่เอา"
กรีนเชื่อคำที่หมอบอกแล้ว ว่าอาการใน่นี้ของป๋ายจะเปลี่ยนไป ทั้งที่ผ่านมาแค่ 2 วัน แต่กรีนได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นจากคนตรงหน้าแทบจะตลอดเวลา ปกติถ้าเขาไม่อยากทำอะไรที่กรีนอยากให้ทำ เขาก็จะอ้อนและขอที่จะไม่ทำมันดี ๆ แต่่นี้สิ่งที่ป๋ายทำ คือการเมิน
ใช่
กรีนถูกเมิน
เพราะหลังจากที่คนตัวเล็กเอ่ยคำปฏิเสธออกมา เขาก็จะหันตัวไปอีกฝั่งทันที ไม่มีเสียงอ้อน ๆ ไม่มองหน้า ถามคำตอบคำ มันเป็แบบนี้ตลอด 2 วัน
"เห้อ ป๋าย อยากให้พี่ขาดใจตายจริง ๆ ใช่ไหม?"
"อะไรอ่ะ?"
"ทำไมถึงไม่คุยกับพี่เลย"
"เค้าป่วยนะ ทำไมที่กรีนต้องมาชวนคุยตลอดด้วย"
นั่นแหละ
ป๋ายกำลังหงุดหงิดเขา
ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด
"งั้นพี่ลงไปนะ กินข้าวกินยาด้วย"
"ใครให้ลงไป?"
ในจังหวะที่กรีนกำลังจะลุกขึ้นจากข้างเตียงของอีกคน มือของป๋ายก็ยกขึ้นไปจับข้อมือของคนพี่ไว้แล้วดึงให้ลงมานั่งเหมือนเดิม
"สรุปอยากให้พี่อยู่หรือเปล่าครับ หื้ม? พี่เอาใจไม่ถูกแล้วนะ" กรีนส่งมือไปลูบหัวป๋ายเบา ๆ
"ทำไมแค่นี้ถึงไม่รู้ว่าเค้าอยากได้อะไร?"
เห้อ
พี่ทำอะไรผิดเนี่ย?
"ก็เธอไม่พูด พี่จะรู้ได้ยังไง?"
"เค้าต้องพูดด้วยเหรอ?"
"ใช่สิครับ อยากได้อะไรก็ต้องบอกนะ พี่รับรู้ไม่ได้หรอกถ้าเธอไม่พูดออกมา"
"ป้อนเค้าได้ไหม?"
"ได้สิครับ แค่เธอบอกเอง พี่ทำให้หมดเลย"
ป๋ายค่อย ๆ ยกตัวเองขึ้นมานั่งด้วยความยากลำบาก กรีนก็ไม่ได้ปล่อยให้ป๋ายพยายามอยู่คนเดียว เขาคอยพยุงทุกครั้งที่คนตัวเล็กจะลุกขึ้น
"หนาว" ปากบางสั่นเล็กน้อย แล้วพอได้ยินดังนั้น คนพี่ก็จัดการปรับแอร์ให้ทันที
"ยังใช้รีโมทแอร์ไม่คล่องเหรอตัวเล็ก?" กรีนถามขึ้นมา เพราะเขาเองก็สอนวิธีการใช้รีโมทแอร์กับป๋ายไปหลายครั้ง พอสมควร
"เค้าใช้ได้ แต่อยากให้พี่มาทำให้"
"เลิกเ้าเล่ห์ได้แล้ว พี่ก็นึกว่าเธอยังใช้ไม่ค่อยเป็"
"แปลว่าจะไม่มาปรับให้เค้าเหรอ?" คนตัวเล็กพูดขึ้นมาพร้อมกับเบะปากพร้อมงอน
"เปล่าครับ ถ้าอยากให้พี่มาปรับให้พี่ก็จะมา แค่กลัวเธอทำไม่ได้เวลาที่พี่ไม่อยู่"
"แล้วพี่จะไปไหน?"
"เวลาพี่ไปทำงานไง"
"ไม่เห็นจะไปเลยนะ"
"ก็ตอนนี้เธอไม่สบายนี่ครับ ถ้าเธอหายแล้วพี่ก็ต้องไปทำงานเหมือนเดิมนะตัวเล็ก"
"งั้นเค้าจะป่วยตลอดไปเลย"
"อย่าพูดแบบนั้น ไม่สบายมันไม่ใช่เื่ดีนะป๋าย ที่เป็อยู่เธอไม่ทรมานตัวเองเหรอครับ หื้ม? หัวก็ปวด แรงก็ไม่มี ชอบแบบนี้เหรอ?"
ป๋ายส่ายหน้าเพื่อตอบคำถามของกรีน กรีนลูบหัวป๋ายเบา ๆ ก่อนจะยกโต๊ะขนาดเล็กขึ้นมาตั้งไว้บนเตียงของป๋าย แล้วก็วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ ตักข้าวต้มใส่ช้อนเป็ขนาดพอดีคำ ยกขึ้นมาเป่าไล่ความร้อนเบา ๆ จากนั้นก็ยกมันขึ้นไปจ่อที่ปากของคนน้อง
"กินข้าวก่อนนะ"
ความดื้อหยุดทำงานชั่วครู่ รับข้าวต้มจากช้อนที่กรีนถือเข้าปากช้า ๆ เคี้ยวจนละเอียด คนตัวเล็กเบ้หน้าเล็กน้อยก่อนจะกลืนมันลงคอไป
"ป๋ายเจ็บคอเหรอ?" คนน้องก็ตอบโดยการพยักหน้ากลับ
เห้อ
ทำไงดีวะ
อยากให้หายซะตอนนี้เลย
"เค้าทนได้นะ"
อยู่ดี ๆ ก็หายดื้อเฉยเลย
"เอาเป็ว่า กินเท่าที่กินไหว จะได้กินยา พรุ่งนี้อาจจะดีขึ้นก็ได้เนอะ พี่กรีนขอโทษที่ทำอะไรไม่ได้เลยนะครับ" ป๋ายเบะปากออกเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยิน
"ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้น้าพี่กรีน เดี๋ยวเค้าจะรีบหาย"
"เอาเท่าที่ไหวนะครับคนเก่ง ไม่ฝืนนะ"
กรีนยกมือขึ้นลูบหัวอีกคนช้า ๆ แล้วก็ป้อนข้าวต่อจนคนตัวเล็กกินไม่ไหว หลังจากกินข้าวเสร็จก็ให้กินยาแล้วนอนพักผ่อนเหมือนอย่างเคย
3 วันถัดมา
"เอาหัวมาให้พี่จับหน่อยครับ" ป๋ายว่าง่าย โน้มหัวลงไปให้กรีนเอามืออังที่หน้าผากเพื่อเช็คอุณหภูมิ
ทำไมไม่ร้อนน้อยลงเลยวะ
กรีนเองเริ่มหงุดหงิดกับอาการป่วยของป๋าย เพราะอาการของอีกคน มันแทบจะเหมือนเดิม ถึงจะไม่ได้หนักขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย มันทำให้เขากังวลมาก แต่ยังดีที่คนน้องไม่ได้มีอาการซึมอะไร ยังคงอยากเล่นอะไรเหมือนที่เคยเล่นปกติ แต่แค่เล่นได้น้อยลงเพราะไม่มีแรง
เขาแทบจะขาดใจเมื่อเห็นอีกคนทรมานกับอาการป่วยที่กำลังเป็ ทั้งไอออกมาตลอดเวลา คอยหลับตาแล้วนวดขมับตัวเองอยู่บ่อย ๆ เสียงสูดน้ำมูกที่มีให้คนพี่ได้ยินทั้งวัน ซึ่งป๋ายเป็มันมาตลอด 5 วันเต็ม ๆ แล้ว คนเป็เองก็ทรมาน ส่วนคนดูแลก็แทบจะขาดใจ
"ไม่รู้สึกดีขึ้นเลยเหรอครับคนเก่ง?"
ป๋ายส่ายหัวให้กรีนเบา ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับอาการปวดหัวของตัวเอง กรีนเองก็ไม่รู้จะทำยังไง สงสารคนน้องเอามาก ๆ ที่ต้องมานั่งป่วยอยู่แบบนี้
หายไว ๆ เถอะน้าตัวเล็ก
1 สัปดาห์ผ่านไป
"อ้าปากหน่อยครับ"
ถึงแม้ว่าจะผ่านไปเป็สัปดาห์แล้ว แต่กิจวัตรประจำวันของพวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงเหมือนเดิม คือการที่ให้คนน้องกินอาหารของคนป่วยวนไป แต่วันนี้สิ่งที่มันแปลกไปคือ ป๋ายเริ่มรับรู้รสชาติอาหารขึ้นมาแล้ว และพอได้รับรสของข้าวต้ม คนตัวเล็กก็เบ้หน้าทันที เพราะเขาไม่ถูกปากกับรสชาติอาหารของคน
"เป็อะไรครับ?"
"ไม่อร่อยเลยนะพี่กรีน"
กรีนเบาใจขึ้น หลังจากที่คนน้องเริ่มรับรู้รสชาติของอาหารแล้ว ร่างสูงรีบยกถาดข้าวต้มลงจากโต๊ะที่ตั้งอยู่บนเตียงของอีกคน แทนที่ด้วยอาหารแมวชนิดเปียกแทน
"งั้นลองกินอาหารแมวดูนะ"
เ้าแมวน้อยจัดการตักอาหารแมวตรงหน้าเข้าปากทันที เขารับรู้รสชาติของมันได้เล็กน้อย นั่นก็ทำให้คนตัวเล็กยิ้มออกมาได้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ป่วยมา เขากินอะไรก็ไม่ได้รับรสชาติของมันเลย ในระหว่าง 1 อาทิตย์หลัง อาหารของคนป่วยจึงถูกแทนที่ด้วยอาหารแมวชนิดเปียกแทน
ในสัปดาห์นี้ อาหารการกินของเ้าตัวเล็กเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อย ๆ และกรีนเองก็หวังว่ามันจะดีขึ้นไปมากกว่านี้ ส่วนในเื่ของอาการป่วย ก็ไม่แย่เท่าอาทิตย์ที่ผ่านมา จะหลงเหลือก็แค่อาการเหนื่อยง่ายเท่านั้น
.
เข้าสู่วันที่ 12 หลังจากที่ป๋ายได้รับวัคซีน ร่างกายของเขาแทบจะหายดี 100% แล้ววันนี้เขาก็มีนัดกับคุณหมอ เพื่อตรวจเช็คร่างกายและดูอาการ
โรงพยาบาล
"ไหน เป็ยังไงบ้างคะ?"
"เรื่อย ๆ นะคุณหมอ ลิ้นเหมียวเริ่มรับรสแล้วด้วยน้า เ้านายดูแลดีมาก ๆ"
คุณหมอถึงกับเอ็นดูกับคำบอกเล่าที่ดูตื่นเต้นของเ้าเหมียว หลังจากที่ถามไถ่อาการจากเ้าตัวเสร็จเรียบร้อย คุณหมอก็ให้คนตัวเล็กไปตรวจสุขภาพเบื้องต้นกับพยาบาลด้านนอก แล้วบอกให้กรีนอยู่คุยกันก่อน
"มีอะไรหรือเปล่าครับคุณหมอ?" กรีนถามขึ้นหลังจากที่เ้าแมวน้อยของเขาก้าวพ้นห้องออกไป ตัวกรีนเองสังเกตได้ั้แ่ตอนที่ป๋ายเล่าอาการต่าง ๆ ให้หมอฟัง แม้ว่าใบหน้าของหมอเองเหมือนจะยิ้มแย้มรับสิ่งที่คนตัวเล็กพูด แต่สายตาของหมอไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลย
"แบบนี้นะคะผู้ปกครอง ตอนนี้น้องคงจะหาย 80-90% แล้วค่ะ เหลือแค่รอเวลาที่กลับไปกลายร่างเป็แมวได้เท่านั้น แต่เหมือนตัวน้องเองจะเข้าใจว่าตัวเองยังไม่หายดีเท่าไหร่ เพราะว่าลิ้นยังไม่ได้รับรสชาติอาหารและขนมที่กินไป เลยคิดว่าจะสามารถรับรสได้มากกว่านี้"
"แปลว่าทุกวันนี้ถึงลิมิตที่ลิ้นเขาจะสามารถรับรสได้แล้วใช่ไหมครับ?"
"ใช่ค่ะ"
กรีนถอนหายใจออกมาเบา ๆ
"ยังไง่นี้ ค่อย ๆ พูดกับเขาเื่นี้นะคะ มีครึ่งทางที่เป็แบบนี้หลายคนเลยค่ะ เขาจะเข้าใจเหตุผลของมันทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขา แต่เื่อาการซึมมันห้ามกันไม่ได้ เลยอยากให้ผู้ปกครองใกล้ชิดเขามากกว่าเดิมใน่นี้นะคะ"
"ครับ คุณหมอ"
พอคุยกับคุณหมอเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรีนก็เดินไปหาอีกคนที่กำลังคุยเล่นกับพี่พยาบาลอยู่ข้างนอก มองอีกคนเต็มไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ห่าง ๆ กรีนทำการวาดยิ้มลงบนหน้าของตัวเองและเดินไปหาอีกคนทันที
"กวนอะไรพี่เขาป๋ายป๋าย พี่เขาทำงานนะครับ"
"เค้าถามแล้วน้าเ้านายพี่กรีน พี่พยาบาลบอกว่าพี่พยาบาลยังไม่มีงาน เค้าสามารถคุยเล่นด้วยได้นะ" พยาบาลที่ป๋ายไปนั่งคุยด้วยถึงกับยิ้มออกมา และอดที่จะยกมือขึ้นลูบหัวไม่ได้
"แต่เราต้องกลับแล้วครับ ป่ะ" ป๋ายเบะปากลงเล็กน้อย ทำการบอกลาพี่พยาบาล จากนั้นก็เดินกลับมาหาเ้านายของเขา กรีนเองก็โค้งให้พยาบาลคนนั้นเล็กน้อยก่อนจะพาป๋ายเดินกลับมาที่รถ
ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน ในหัวของกรีนแทบจะไม่ได้คิดเื่อื่นเลย นอกจากเื่ที่ว่า เขาจะบอกป๋ายยังไงถึงเื่การรับรสของคนตัวเล็ก ในความคิดของกรีนคือถึงแม้จะรับรู้ดีอยู่แล้วว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ตัวป๋ายเองก็คงจะอดเสียใจไม่ได้หรอก
กรีนขับรถเข้าไปจอดที่โรงจอดรถภายในบ้าน มอบหน้าที่ไขประตูบ้านให้กับคนตัวเล็ก เขายังคงดูสนุกกับการไขประตูอยู่ทุกวันที่ได้ทำ พอทั้งคู่เข้ามาในบ้านแล้ว กรีนก็บอกให้ป๋ายอาบน้ำ กรีนคิดไว้ว่าจะบอกป๋ายไปตรง ๆ เลย ยิ่งเขาปิด มันก็จะยิ่งกินระยะเวลานานขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นแปลว่าแมวน้อยของเขาจะรออย่างมีความหวังต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าปลายทางแล้วมันต้องพบกับสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้ เขาก็ขอตัดความหวังของคนตัวเล็กั้แ่ตอนนี้ไปเลยดีกว่า
"สระผมทำไมครับ? ยังไม่หายดีเลยนะ" กรีนพูดขึ้น หลังจากที่เห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดผมที่ถูกบังคับทำงานโดยมือเรียว
"เค้าคันยิก ๆ ๆ เลยนะพี่กรีน ไม่ไหวแล้ว"
"มานี่มา พี่เช็ดให้"
ป๋ายวิ่งมาหากรีนที่โซฟา ราวกับว่าเป็สิ่งที่รอให้กรีนพูด จากนั้นคนตัวเล็กก็ส่งผ้าเช็ดผมผืนเล็กให้คนพี่ทันที ตัวของเขาเองก็นั่งลงที่พรมด้านหน้าโซฟา เพื่อให้คนพี่ได้เช็ดผมของเขาได้ง่ายขึ้น
"พี่มีเื่จะบอก" กรีนพูดขึ้นในขณะที่เช็ดผมให้อีกคนไปด้วย
"เค้าว่าเค้ารู้นะ"
มือของพี่ที่กำลังเช็ดผมให้คนตัวเล็กชะงักทันที
"เื่ลิ้นเค้าใช่ไหม?"
"ครับ"
"มันได้แค่นี้จริง ๆ ใช่ไหมพี่กรีน?"
"ใช่ครับ"
หลังจากได้รับคำตอบจากกรีน คนตัวเล็กก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ใช่ เขารับรู้ได้สักพักแล้ว ว่านี่อาจจะเป็การรับรสที่มากที่สุดเท่าที่จะรับได้แล้ว เขาทำใจกับมันอยู่ทุกครั้งเวลาที่ได้กินอะไร ถึงแม้ว่าอยากจะยอมรับ แต่อีกใจหนึ่งมันก็ยังคงภาวนาให้สามารถรับรู้รสชาติได้มากกว่านี้อีกสักนิด เพราะมันลดลงแทบจะครึ่งหนึ่งของที่เคยได้รับ
"ฮึก"
ไหล่เล็กสั่นเทา แรงสะอื้นจากคนน้อง ทำให้กรีนใ กรีนรีบย้ายตัวเองลงไปนั่งที่พรมกับน้องทันที กดท้ายทอยของคนตัวเล็กให้ซบลงที่บ่าของเขา แล้วค่อยลูบมันไม่ห่าง
"ชู่ว พี่กรีนอยู่นี่แล้วนะครับ"
สิ่งที่กรีนอยากทำ ก็เพียงแค่อยากแสดงออกไปให้คนตรงหน้าเขาได้รู้ว่าเขายังอยู่ข้าง ๆ เสมอ เขาจะไม่โทษอีกคนเลยที่ยืนกรานจะไปฉีดวัคซีนทั้งที่รู้ผลข้างเคียงของมันอยู่แล้ว เพราะนั่นคือสิ่งที่กล้าหาญมากที่สุดที่น้องได้ทำลงไป ทั้งยอมเสี่ยงกลับไปที่บ้านบัตเลอร์เพื่อเอาบัตรประจำตัว ไหนจะยอมฉีดวัคซีนแทบจะทันที ทั้งที่รู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
ป๋ายป๋ายเก่งที่สุดแล้ว
เก่งมากแล้ว
กรีนออกแรงกอดอีกคนให้แน่นขึ้น เพื่อเป็การย้ำว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน ไม่ว่าภายในใจของอีกคนจะรู้สึกอะไร แต่สิ่งที่เขาอยากให้เ้าแมวน้อยของเขารับรู้มากที่สุด ก็คือเขาจะอยู่ด้วยกันตรงนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
วันถัดมา
อาการซึมของคนตัวเล็กดูท่าจะไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เวลาอื่นอาจจะดูปกติ แต่เวลาที่ป๋ายกินอาหาร เขาก็จะเริ่มซึมทันที ถึงแม้ว่าจะทำตัวให้ดูปกติเพื่อไม่ให้กรีนกังวล แต่ก็ใช่ว่ากรีนจะดูไม่ออก
"อยากไปร้านพี่ไหมครับ? ออกไปสูดอากาศกันหน่อย"
พอไปได้ยินก็พยักหน้ารับรัว ๆ ทันที เขายังไม่มีโอกาสได้สนิทกับเพื่อนของกรีนที่ร้านเลย เพราะั้แ่ได้ย้ายมาอยู่กับกรีน เขาก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกจากสวนในบ้าน กรีนไม่ได้้าจะจำกัดพื้นที่ของป๋ายแต่อย่างใด แต่เขาแค่อยากจะให้เื่ที่เ้าหน้าที่กำลังตามหาแมวสีขาวในเขตซาลงไปก่อน และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครพูดถึงมันแล้ว กรีนจึงค่อนข้างวางใจที่จะพาอีกคนออกไปข้างนอก
ร้านเครื่องหอม Your Cart
กริ๊ง ~
"ร้านเครื่องหอม Your Cart ยินดีต้อนรับค่ะ"
เสียงกระดิ่งที่ติดอยู่กับประตูของร้านดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกล่าวต้อนรับของพนักงานหญิงที่พูดขึ้นอัตโนมัติ
"พี่กรีน!" พอเกรซเห็นว่าเป็ใครที่เดินเข้ามา ก็ส่งเสียงเรียกออกไปด้วยความใปนดีใจที่ได้เห็นหน้าหัวหน้าของเขา ทำให้เวย์ที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน ถึงกับวิ่งออกมาดูด้วยตัวเอง
"ไอ้กรีน ไหนว่าจะไม่เข้า" เวย์ยิงคำถามใส่เพื่อนทันทีที่เห็นหน้า
"อยากพาป๋ายออกมาสูดอากาศ" ฟังคำตอบของเพื่อนจบเวย์ก็เอี้ยวตัวไปมองคนที่อยู่ด้านหลังกรีนก่อนจะยิ้มให้
ถึงแม้ว่าเวย์และเกรซเองจะไม่ได้เจอกับป๋ายเลย แต่เขาทั้งคู่ก็ได้ฟังจากคำบอกเล่าเื่ราวต่าง ๆ ของคนตัวเล็กจากปากของเ้านายเขา เพราะในแต่ละวันที่กรีนมาที่ร้าน เขาก็แทบจะไม่พูดถึงเื่อื่นเลยยกเว้นเื่เ้าตัวเล็กที่บ้าน ด้วยความคลั่งรักของเ้านายป๋ายป๋ายตัวน้อย ก็ทำให้ทั้งเวย์และเกรซได้รู้จักกับป๋ายผ่านเื่เล่าไปแล้วส่วนหนึ่ง
"มาเล่นกับเกรซนะ ๆ" เกรซเอ่ยชวนเ้าแมวน้อยทันที และคนถูกชวนก็พยักหน้ารับแทบจะทันทีเช่นกัน
ก่อนที่จะปล่อยให้อีกคนไปเล่นที่ไหน กรีนได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เวย์และเกรซฟัง เพื่อที่จะได้ระวังคำพูดบางอย่างที่อาจจะทำให้คนตัวเล็กคิดมากขึ้นมา ซึ่งเกรซที่จะไปเล่นกับอีกคนก็จดจำอย่างขึ้นใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตัวเกรซเองนับถือใจของเ้าแมวน้อยที่แสนกล้าหาตัวนี้มาก ที่กล้ายอมรับในผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน ก้าวข้ามจุดนั้นเพื่อไปฉีดมัน เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรเลย นอกจากเ้านายของเขา
หลังจากที่คุยกับเกรซเสร็จ กรีนก็แยกตัวออกไปทำงานที่ห้องทำงานของเขาเอง ปล่อยให้เกรซได้เล่นกับป๋ายไป
"ป๋ายป๋ายคะ พี่กรีนเคยเอาเทียนหอมให้ดมหรือเปล่านะ?" เกรซพูดขึ้นหลังจากที่ได้เข้ามานั่งในห้องด้านหลังเรียบร้อยแล้ว
"เคยอยู่น้าคุณเกรซ พี่กรีนชอบเอาอันที่เหมือนโคมไฟเปิดใส่อันนี้แล้วก็กลิ่นจะหอม ๆ ออกมา ใช่ไหม ๆ ?" ความหมายของเขาก็คือ กรีนเคยเปิดโคมไฟอุ่นเทียนอยู่บ่อย ๆ ในบ้าน แล้วคนตัวเล็กก็จะได้กลิ่นมันทุกครั้ง
"นี่ ๆ ๆ กลิ่นนี้พี่กรีนน่าจะทำให้ป๋ายนะ"
"ทำให้เค้าเหรอ?" คนตัวเล็กชี้ไปที่ตัวเองด้วยความใ
"ใช่ ๆ เกรซเคยถามที่กรีนว่าทำไมจู่ ๆ ถึงทำกลิ่นขึ้นมา เพราะอยู่ดี ๆ พี่กรีนก็ให้เกรซออกแบบกล่องของมัน ทั้งที่เรากำลังเตรียมตัวที่จะทำคอลเลคชั่นใน่ปีใหม่กันอยู่ ถึงกับให้เงินเกรซเพิ่มแล้วให้เกรซออกแบบเลยนะ"
"เหรอ ๆ ๆ แล้วทำไมพี่กรีนถึงทำนะคุณเกรซ?" เ้าแมวน้อยถามขึ้นด้วยความสงสัย
"น่าจะเพราะที่บ้านมีป๋ายป๋าย" เ้าเหมียวถึงกับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ที่รับรู้ว่าคนที่นึกถึงเขาอยู่ตลอด
"พี่กรีนบอกว่าบรรยากาศในบ้านพี่กรีนเปลี่ยนไป ตอนแรกเกรซก็งงว่าเปลี่ยนไปยังไง แต่พอได้ฟังกลิ่นที่พี่กรีนจะเอามาใส่ในเทียนหอมสูตรนี้ ก็รู้เลยว่ามันเพราะอะไร มันมีแต่กลิ่นที่เป็ต้นไม้สำหรับแมวทั้งนั้นเลย"
"ป๋ายป๋ายพิเศษสำหรับพี่กรีนมากเลยรู้ไหม? ทั้งที่ก็เอ็นดูแมวมาแทบจะทั้งชีวิตของเขา แต่กลับเพิ่งคิดที่จะทำอะไรพวกนี้ตอนได้เจอป๋าย แถมกลิ่นนี้ยังขายดีมากด้วยนะ คนที่มาซื้อบอกว่าแมวของพวกเขาชอบมาก"
"จริงไหม ๆ ๆ งั้นเหมียวต้องออกไปช่วยพี่กรีนขายแล้ว!"
เกรซหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูอีกคนที่ทำท่าจะลุกขึ้นไปที่หน้าร้านจริง ๆ เกรซพอจะเข้าใจแล้ว ว่าอะไรเป็สิ่งที่ทำให้หัวหน้าของเขายิ้มได้ทุกวันใน่หลังมานี้ จากที่เป็คนที่ดูกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว มันก็ทำให้กรีนดูมีความสุขมากขึ้นไปอีกในแต่ละวัน เพราะเหมือนกับตัวเขามีเป้าหมายชัดเจนขึ้น มีสิ่งที่อยากดูแลชัดเจนขึ้น
"เล่นอยู่ในนี้ดีกว่าน้า ถ้าออกไปพี่กรีนจะเป็ห่วง" ถึงหน้าจะงอลงเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ารับคำของเกรซ
ฮือออ ทำไมน่ารักขนาดนี้เนี่ย
"กรีน มึงออกมาดูหน้าร้านหน่อย กูจะไปรับแซลมอน" เวย์เปิดประตูเข้ามาที่ห้องทำงานของกรีนแล้วพูดขึ้น
"แซลมอนอยู่ไหน?"
"อยู่โรงเรียนสอนว่ายน้ำ ตอนนี้น่าจะเลิกแล้วแหละ" หลังจากฟังคุยพูดจบกรีนก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาทันที เขานั่งทำงานจนไม่ได้โฟกัสว่าตอนนี้ผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว แล้วก็พบว่ามันเกือบจะบ่าย 2 โมงอยู่รอมร่อ
กรีนละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และก่อนที่จะเดินไปหน้าร้าน กรีนก็แวะดูที่ห้องที่เกรซอยู่กับเ้าแมวน้อยของเขา เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้น เกรซก็หันมาแล้วแตะนิ้วชี้ลงที่ริมฝีปากของตัวเองทันที เพื่อเป็สัญญาณบอกกรีนว่าไม่ให้ส่งเสียงดัง เพราะตอนนี้เ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยหลับไปแล้ว
"เกรซไปดูหน้าร้านเถอะครับ เดี๋ยวพี่อยู่กับตัวเล็กเอง" กรีนพูดขึ้นเบา ๆ เกรซเองก็ยิ้มรับและพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป
กรีนเดินมาที่โซฟาที่คนตัวเล็กนอนอยู่ ปากบางวาดยิ้มออกมา เดินเข้าไปลูบหัวอีกคนด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็กดจมูกฝังลงที่กลุ่มผมหอม ๆ ที่เ้าแมวน้อยเพิ่งสระ
พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ
หลับสนิท ๆ
ไม่ต้องฝันอะไรเลยนะ
แต่ถ้าเธอฝัน
ก็ขอให้ฝันเื่ที่ดีที่สุดนะป๋ายป๋าย