ูเี่อันเริ่มเซ็งลู่เป๋าเหยียนดูไม่เหมือนคนคิดมากเื่อายุนี่นา! แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมาหาเื่เธอแบบนี้เนี่ย?
เธอดิ้นอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยจึงได้แต่ทำหน้าตาน่าสงสารก่อนเอ่ย
“นายไม่เคยได้ยินหรือไงที่เขาว่ากันว่าผู้ชายอายุสี่สิบดอกไม้ผลิบาน อายุสามสิบอย่างนายนี่กำลังรอคอยการแรกแย้มเลยนะ ฮือปล่อยฉันเถอะ...”
ดอกไม้แรกแย้มอะไรกันลู่เป๋าเหยียนได้ยินการเปรียบเปรยอันติงต๊องของเธอแล้วอ่อนใจไม่ได้แต่แล้วก็ปล่อยเธอ
“รัดเข็มขัดดีๆ”
“อื้อ”ูเี่อันทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะหยิบชานมที่วางไว้ขึ้นมาดื่ม ทำไมขมล่ะ เอ่อเธอหยิบผิดแก้วนี่นา นี่มันกาแฟของลู่เป๋าเหยียน
“ฉันดื่มผิดอันอันนี้ของนาย”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้ว่าอะไรเขายกแก้วลาเต้ขึ้นมาดื่ม
“จะไปไหนอีกหรือเปล่า”
ูเี่อันมองเวลาก่อนตอบ
“ไม่แล้วล่ะกลับไปทำมื้อใหญ่ให้นายกินดีกว่า!”
พูดจบเธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ลู่เป๋าเหยียนยกกาแฟขึ้นดื่ม ทั้งๆ ที่เธอดื่มไปแล้วเนี่ยนะ!
เอ่อ หรือว่า...เขาไม่ถือ?
ูเี่อันเม้มริมฝีปากความอ่อนหวานเริ่มเข้ามาในจิตใจ สองมือของเธอลูบกระเป๋าที่วางไว้บนตักเบาๆ อย่างลืมตัว
แวบแรกที่เธอเห็นเนกไทเส้นนี้ก็รู้สึกว่ามันเหมาะกับลู่เป๋าเหยียนมากตอนนี้เธอซื้อมันมาแล้ว แต่ว่า...จะให้เขาอย่างไรดีล่ะ? เขาจะชอบหรือเปล่านะ?
ความอยากซื้อหายไปความอึดอัดก็เข้ามาแทนูเี่อันไม่ชินกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ ว่าแล้วจึงถอนหายใจเบา
“ง่วงจัง ฉันนอนก่อนนะถึงบ้านแล้วบอกด้วย”
ไม่นานเธอก็หลับไปอย่างที่พูดขนตางอนยาวของเธอปิดสนิทดูนิ่งสงบไร้พิษภัย
ทั้งๆ ที่ในบางคราเธอก็เ้าเล่ห์ราวกับปีศาจตัวน้อย เมื่อวานถ้าเขาไม่ผลักเธอให้ล้มลงบนเตียงไม่รู้ว่าเธอจะทำผมทรงอะไรให้เขาอีก
เมื่อกลับมาถึงบ้านูเี่อันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นลู่เป๋าเหยียนลองเรียกเธอ เธอ “อืม” ตอบเขา ก่อนจะหลับตาอีกรอบ ผ่านไปประมาณครึ่งนาทีจึงลุกพรวดขึ้นมานั่ง
“ถึงบ้านแล้วเหรอ?”พูดจบเธอก็ลงจากรถทันทีอย่างสะลึมสะลือ
ลุงสวีและป้าหลิวช่วยกันขนของออกจากท้ายรถพร้อมกับบอกลู่เป๋าเหยียนว่า
“เมื่อกี้กุ้งเครย์ฟิชกับเนื้อวัวถูกส่งมาแล้วครับไม่ทราบว่าคุณชายกับคุณผู้หญิงจะให้จัดการยังไง ผมเลยยังไม่ได้สั่งทางครัวน่ะครับ”
“ไม่เป็ไร”ลู่เป๋าเหยียนมองไปทางูเี่อัน “ให้เธอเป็คนจัดการ”
หลังได้หลับไปหนึ่งตื่นูเี่อันก็มีพลังเต็มเปี่ยมเธอเดินเข้าห้องครัวไปอย่างตื่นเต้น ก่อนจะต้องตาโตอย่างนึกขึ้นได้ เธอทำสเต๊กได้เชี่ยวชาญก็จริงแต่เธอไม่เคยทำอาหารที่ใช้กุ้งเครย์ฟิชนี่นา ปกติเธอแค่กินอย่างเดียว...
ลู่เป๋าเหยียนเดินเข้าประตูห้องครัวมาก็เห็นูเี่อันกำลังยืนกัดนิ้วจ้องหน้ากุ้งเครย์ฟิชอยู่อย่างกังวล
“กุ้งพวกนี้ให้พ่อครัวทำให้ก็ได้”
“ไม่ได้!”ูเี่อันปฏิเสธอย่างดื้อดึง “ฉันบอกแล้วว่าจะเป็คนทำกับข้าวให้นาย”
เธอหยิบมือถือออกมาหาวิธีทำอาหารจากกุ้งเครย์ฟิชก่อนจะเลือกทำเมนูที่ง่ายที่สุดอย่างกุ้งอบพริกเกลือ เธอลอกสูตรออกมาแปะไว้บนกำแพงก่อนจะเสิร์ชหาวิธีการทำความสะอาดพวกมันก่อนลงมือทำอาหาร
วิธีการและเทคนิคต่างๆ เธอสามารถหาได้ก็จริงแต่กุ้งที่ยังเป็ๆ ตรงหน้าเธอจะลงมือจัดการอย่างไร? ถ้าเป็ปลา เธอทุบให้มันสลบได้แต่กุ้งพวกนี้...คงไม่ไหว
ลู่เป๋าเหยียนดึงมือถือออกจากมือเธอ
“ฉันทำเอง เธอไปย่างสเต๊ก”
“นาย...จะทำเอง?” ูเี่อันทำหน้าไม่อยากเชื่อ“ไหวไหมน่ะ?”
ลู่เป๋าเหยียนดึงแก้มเธอก่อนเอ่ย
“ต่อไปห้ามสงสัยว่าคนอื่นจะทำอะไรไม่ได้อีก”
เขาจำลำดับขั้นตอนก่อนจะคืนมือถือใหู้เี่อันและเริ่มลงมือทำูเี่อันเรียกเขาไว้ก่อนจะช่วยพับแขนเสื้อให้ จากนั้นก็ตบไหล่เขาเชิงให้กำลังใจ
“เสร็จแล้วไปเถอะนายทหารกล้า”
เธอเองก็เริ่มลงมือเตรียมผักแกล้มและสลัดพลางมองลู่เป๋าเหยียนอย่างเป็ห่วงบ้างเป็ครั้งคราว
แต่ลู่เป๋าเหยียนดูคล่องแคล่วเหมือนไม่ใช่เพิ่งทำครั้งแรกท่าทางของเขาสง่างาม ใบหน้าด้านข้างราวสลักของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น ทั้งๆ ที่เธออยู่ใกล้เขาแค่นี้แต่ภาพตรงหน้าดูสมบูรณ์แบบเกินไปจนเธอรู้สึกเหมือนอยู่ในห้วงความฝัน
ูเี่อันเคยฝันแบบนี้มาก่อน
หลังเข้ามหาวิทยาลัยเธอก็เริ่มรู้จักคำว่าความรักและการแต่งงานเธอฟังเื่ราวมากมายทั้งสมหวังและผิดหวังจากคนอื่นๆเธอเคยฝันถึงชีวิตที่ได้อยู่ร่วมกันกับลู่เป๋าเหยียนอย่างมีความสุขพวกเธอสองคนช่วยกันทำอาหาร นั่งแอบอิงกันบนโซฟาในห้องนั่งเล่น วันเวลาผ่านไปช้าๆ และสวยงามราวกับบทเพลงบรรเลงเปียโน
เธอเคยคิดไว้ว่ามันคงเป็ได้แค่ฝันไม่มีวันเป็จริง
แต่ตอนนี้ฝันของเธอกลายเป็จริงแล้วเธอกำลังทำกับข้าวอยู่หน้าเตา ในขณะที่เขากำลังล้างของจัดเตรียมไว้ให้บรรยากาศท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องและดอกไม้ในสวนที่บานสะพรั่งต้อนรับการมาของฤดูร้อน
เป็แบบนี้ดีจังเลย
และสิ่งที่ดึงูเี่อันออกจากภวังค์ก็คือเสียงกุ้งในหม้อที่ดิ้นไปมาจนน้ำกระเด็นเลอะเสื้อผ้าของลู่เป๋าเหยียนไปหมด
เธอหยิบผ้ากันเปื้อนก่อนจะเดินไปหาลู่เป๋าเหยียน
“หันหลังสิ”
ลู่เป๋าเหยียนทำตามเธอกำลังจะสวมผ้ากันเปื้อนให้เขา แต่ลู่เป๋าเหยียนกลับเอียงตัวหลบเสียก่อน
“ไม่เอา”
“งั้นนายก็เตรียมเปียกทั้งตัวได้เลย!”ูเี่อันแกล้งขู่ให้เขาใ
เขาขมวดคิ้วยุ่งสุดท้ายก็ยอมใหู้เี่อันสวมผ้ากันเปื้อนและผูกเอวให้เขาเธอกวาดตามองเขาั้แ่หัวจรดเท้า
พรืด...ูเี่อันอดกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่
“...” ลู่เป๋าเหยียนทำสีหน้าบอกบุญไม่รับเขามั่นใจว่าเธอตั้งใจทำแบบนี้แน่ๆ
ูเี่อันยอมรับว่าเธออยากเห็นภาพเขาเวลาใส่ผ้ากันเปื้อนแต่ไม่นึกเลยว่าภาพที่ได้เห็นจะฮาขนาดนี้เธอแกล้งทำเป็หั่นหน่อไม้ฝรั่งอีกทีสองทีจากนั้นจึงหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมถ่ายรูป
แต่ลู่เป๋าเหยียนมีหรือจะไม่รู้ตัวสายตาเย็นเยียบของเขาตวัดมาทันที เธอใรีบเก็บมือถือลงไปในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนก่อนจะเดินไปหยิบเนยจากตู้เย็น
“อย่าบ่นน่าตอนนี้นายออกจะดูเป็พ่อบ๊านพ่อบ้าน”
“หุบปาก”ลู่เป๋าเหยียนกัดฟันตอบ
ลุงสวีเดินเข้ามาในครัวเขาตั้งใจจะมาถามูเี่อันว่า้าให้พ่อครัวเข้ามาช่วยอะไรไหมแต่กลับได้เห็นภาพของคุณชายของเขาในชุดผ้ากันเปื้อน
เขาประหลาดใจจนแว่นตาแทบร่วงจากนั้นจึงค่อยๆ เดินออกจาครัวไป
สามารถทำให้คุณชายยอมใส่ผ้ากันเปื้อนได้แบบนี้เขานึกไม่ออกแล้วว่าจะมีเื่ไหนอีกที่คุณผู้หญิงของเขาจะทำไม่ได้
เนยค่อยๆ ละลายซึมเข้าไปในเนื้อวัวจนส่งกลิ่นหอมฟุ้งูเี่อันมองเนื้อวัวที่ค่อยๆ สุกทีละนิดอย่างภาคภูมิใจ
ลู่เป๋าเหยียนจัดการกุ้งเครย์ฟิชเรียบร้อยแล้วเขาถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะมองซีกหน้าด้านข้างของูเี่อันสายตาของเขาถูกเธอสะกดไว้
ปีศาจน้อยแสนซนของเขา เวลาลงมือทำอะไรก็มักจะทำอย่างตั้งใจกว่าคนอื่นภาพของเธอในยามนี้เขาจะไม่ยอมให้ใครมาเห็นเด็ดขาดไม่รู้เป็เพราะอากาศเริ่มร้อนหรือเปล่า แก้มของเธอจึงกลายเป็สีแดงอมชมพูระเรื่อผิวขาวนวลเนียนที่มีเืฝาดน้อยๆ นั้นดูน่ามองจับใจ
เธอสวมเสื้อยืดคอกลมธรรมดาๆที่เผยให้เห็นลำคอระหงและแนวกระดูกไหปลาร้าที่สวยงามราวปีกผีเสื้อเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้
ลู่เป๋าเหยียนลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะช่วยูเี่อันยกเนื้อสเต๊กที่ทำเสร็จแล้วไปไว้บนโต๊ะอาหาร เธอล้างกระทะก่อนจะทำท่าเหมือนพร้อมออกรบ
“ต่อไปก็ตาน้องกุ้งแล้วสินะ!”
เธอไม่เคยทำเมนูนี้ก็จริงแต่เธอมั่นใจในพื้นฐานอันแน่นปึ้กของตัวเองหลังปรายตามองสูตรอาหารเพื่อกะปริมาณเครื่องปรุงที่ต้องใส่เธอก็มั่นใจว่ารสชาติจะต้องออกมาดีแน่นอน
กลิ่นเผ็ดฉุนอบอวลไปทั่วทั้งห้องครัวขนาดเครื่องดูดควันยังช่วยอะไรไม่ได้ ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วมุ่นในขณะทีู่เี่อันทำหน้าตื่นเต้นดีใจ
“รับรองอร่อยชัวร์”
สุดท้ายกว่าจะเสร็จเธอก็จามไปหลายทีแต่สิ่งที่เข้าจมูกมาพร้อมกันก็คือกลิ่นหอมของอาหารทะเลตรงหน้า เธอหันไปถามลู่เป๋าเหยียนอย่างตื่นเต้น
“นายได้กลิ่นหรือเปล่า”
“ท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนปีศาจที่เพิ่งเอาชนะอุลตร้าแมนมาได้ยังไงยังงั้น”ลู่เป๋าเหยียนแซวเธอ
แต่เธอไม่สนใจหรอกว่าเขาจะพูดอะไรูเี่อันปิดเตาแก๊สก่อนจะตักกุ้งใส่จาน แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ
“พวกเรากินสเต๊กแบบฝรั่งแต่กุ้งนี่...ทำแบบจีนนี่นา” หลังนิ่งไปสักพักเธอจึงตอบคำถามของตัวเอง
“ช่างเถอะอาหารจีนกับอาหารฝรั่งกินด้วยกันอาจจะอร่อยก็ได้”
เพราะมือของเธอยังไม่หายดีลู่เป๋าเหยียนจึงรับหน้าที่ยกกับข้าวทั้งหมดออกไปเธอเดินตามเขาไปที่ห้องรับแขกซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่สักคน
ปกติเวลานี้พวกลุงสวีกับป้าหลิวมักจะทำงานกันอยู่ไม่ใช่เหรอ? เธอกะจะให้พวกเขาชิมฝีมือเธอซะหน่อย
ลู่เป๋าเหยียนช่วยหันเนื้อสเต๊กเป็ชิ้นเล็กๆใหู้เี่อัน ูเี่อันจึงรีบเบนความสนใจมาทางนี้ทันทีเธอหยิบส้อมขึ้นมาจิ้มมันส่งเข้าปาก ถึงเธอจะค่อยๆ เคี้ยวค่อยๆ กลืนก็จริงแต่เมื่อเทียบกันแล้วท่าทางการกินของลู่เป๋าเหยียนดูเป็ผู้ดีกว่าเธอหลายขุม
หลังทานเสร็จลู่เป๋าเหยียนก็สวมถุงมือเพื่อแกะเปลือกกุ้ง ูเี่อันไม่ชอบเวลาเปลือกกุ้งทิ่มมือแต่ในใจก็อยากกินไวๆ เธอจึงมองหน้าลู่เป๋าเหยียนอย่างน่าสงสารปนคาดหวัง
“นายแกะให้ฉันได้ไหม”
ลู่เป๋าเหยียนแกว่งเนื้อกุ้งในมือ
“อยากได้?”
ูเี่อันพยักหน้าไม่หยุดแต่ลู่เป๋าเหยียนกลับทำสีหน้าเหมือนกำลังจะแกล้งเธอ เธอจึงคว้ามันมากินทันทีเนื้อกุ้งแน่นและนุ่ม รสชาติของมันที่กระจายอยู่เต็มปากทำให้อยากกินแล้วกินอีก
อร่อยกว่าสเต๊กเมื่อกี้ที่กินเยอะเลยไม่จำเป็ต้องจิ้มซอสด้วยซ้ำ!
ลู่เป๋าเหยียนเห็นเธอกินอย่างเป็สุขจึงช่วยแกะเปลือกกุ้งให้เธออีกสองตัว
“นายก็ลองชิมดูมั้งสิ”
มือของเขากำลังยุ่งอยู่กับการแกะกุ้งูเี่อันเห็นแก่ความลำบากของเขา จึงหยิบกุ้งตัวหนึ่งป้อนให้เขาแต่ยังไม่ทันได้ถามว่ารสชาติเป็อย่างไรบ้าง ซูอี้เฉิงก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูพร้อมรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
ูเี่อันหน้าแดงก่อนจะชักมือกลับ
“พี่”
ซูอี้เฉิงลากเก้าอี้ออกมานั่ง
“ลาภปากจริงๆ วันนี้มาได้เวลาพอดี” พูดจบเขาก็ปรายตามองน้องสาว
ูเี่อันสะดุดกับคำพูดของพี่ชายตนที่ว่า “มาได้เวลาพอดี” เธอหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินกุ้งของเธอต่อไป
ลู่เป๋าเหยียนหยิบถุงมือส่งให้ซูอี้เฉิง
“เจี่ยนอันทำเองชิมหน่อยไหม?”
“จะไม่ชิมได้ยังไงล่ะ”ซูอี้เฉิงรับถุงมือมาก่อนจะแกะเปลือกกุ้ง ทว่าเขากลับไม่กินในทันทีเขามองมันอย่างพิจารณา
“รู้สึกไม่ชินยังไงไม่รู้ที่ได้แกะกุ้งให้ตัวเองกินแต่ก่อนฉันแกะแทบไม่ทันสปีดการกินของเจี่ยนอันเลยนะ”
ลู่เป๋าเหยียนแกะกุ้งจิ้มซอส และวางมันลงไปบนจานของูเี่อัน ก่อนจะปรายตามองซูอี้เฉิงพร้อมยิ้มน้อยๆ
“อีกหน่อยคงไม่ต้องลำบากนายแล้ว”
ซูอี้เฉิงถอนหายใจอย่างเ็ปดูท่าคงมีแต่การกินเท่านั้นที่จะรักษาาแในจิตใจของเขาได้
ูเี่อันพยายามสะกดจิตตัวเอง
เธอไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นไม่ได้ยินสิ่งที่ชายสองคนนี้คุยกัน ก้มหน้าก้มตากินต่อไปูเี่อันเวลาโดนถามว่าทำไมถึงหน้าแดง เธอจะได้โทษกุ้ง ว่ามันเผ็ดไป!
