หลังจากเก็บของขวัญที่สำคัญราวกับของล้ำค่าแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนก็มานั่งรอบโต๊ะกลมเพื่อรับประทานอาหาร
สองสามีภรรยาตระกูลซูเป็ชาวนาซื่อๆ เมื่อถึง่เวลาสำคัญของสมาชิกในครอบครัวเช่นในตอนนี้ จึงไม่มีใครยกแก้วและอารัมภบทให้มากความ พวกเขาสี่คนมองหน้ากัน สุดท้ายก็หยิบตะเกียบขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย และลงมือรับประทาน
สำหรับสองสามีภรรยาตระกูลซู หลังจากพบเจอเื่พลิกผันมากมายจนในที่สุดบุตรสาวก็กลับมา อีกทั้งซูอินยังใช้เงินของตนเองจากการทำงานอย่างหนักซื้อของขวัญให้พวกเขา
ทั้งมีความสุขและอบอุ่นหัวใจ
สำหรับเด็กชายตัวน้อย พี่สาวคนก่อนที่เปรียบเสมือนปีศาจได้จากไปแล้ว พี่สาวคนใหม่ที่กลับมาทั้งสวยและอ่อนโยน ไม่เพียงให้ของขวัญแก่เขา ยังเอ่ยปากชมอีกด้วย
ทั้งมีความสุขและรู้สึกปลอดภัย
สำหรับซูอิน ใช้ชีวิตมาสองชาติภพ ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากตระกูลหลิงและได้กลับมาอยู่ข้างกายบิดามารดา พวกเขาตั้งใจเตรียมห้องนอนเ้าหญิงให้เธออย่างพิถีพิถัน ตั้งใจทำอาหารมากมายหลายเมนู ในตอนแรกเธอกังวลว่าน้องชายจะเป็เด็กนิสัยไม่ดี แต่ในความเป็จริงเขาเป็เทวดาตัวน้อยที่น่ารัก
ทั้งมีความสุขและสบายใจ
พวกเขาสี่คนในครอบครัวล้อมวงรับประทานอาหารอย่างสบายใจ นั่งกินเงียบๆ ถึงแม้ระหว่างมื้อจะไม่มีบทสนทนา แต่บรรยากาศความรู้สึกผ่อนคลายได้อบอวลรายล้อมรอบตัวของพวกเขา มันเต็มไปด้วยความอบอุ่นและกลมเกลียว
หากเทียบกับครอบครัวตระกูลซูที่มีความสุขและกลมเกลียวเมื่อได้มารวมตัว ตระกูลหลิงที่รวมตัวกันเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้กลับไม่มีความสุขมากเท่ากับพวกเขา
เมื่อวานนี้ที่ซูอินก่อเื่ในงานเลี้ยงวันเกิดต่อหน้าแขกมากหน้าหลายตาที่มาร่วมงาน ฉีกหน้าตระกูลหลิงและเหยียบลงบนพื้น
“ตกลงใครเป็คนบอกเื่นี้กับเด็กบ้านนอกคนนั้น!”
อู๋อู๋โกรธจนหน้าแดงก่อนจ้องไปทางห้องครัว “หรือว่าจะเป็เธอ”
หลิงจื้อเฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวใกล้ๆ ได้แต่นวดขมับ สีหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและกระสับกระส่าย
“จะเป็ใครตอนนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือตระกูลอวี๋ได้เงินบริจาคช่วยเหลือกองทุนด้านการศึกษาไปแล้ว!”
เดิมทีเขา้าใช้งานวันเกิดในครั้งนี้แก้ไขความสัมพันธ์กับอินอิน และถือโอกาสบริจาคเป็การกุศลเพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษา ขยายอิทธิพลในสังคมของตนเอง
สำหรับหลิงจื้อเฉิง เื่เงินการกุศลในครั้งนี้จะเป็บุตรสาวแท้ๆ หรือบุตรสาวบุญธรรมเป็คนเอ่ยปากก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขา เพราะลึกลงไปในใจเขาอยากใช้เื่นี้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซูอิน ในขณะเดียวกันจะได้มีข้ออ้างหารือและติดต่อกับเธอเมื่อไรก็ได้ ซึ่งเขาคาดหวังว่ามันจะประสบความสำเร็จ
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเมิ่งเมิ่งจะโมโหมากขนาดนั้น ส่วนอินอินก็มีปฏิกิริยาต่อต้านที่หนักแน่นมาก
ที่น่าโมโหมากกว่านั้นคือตระกูลอวี๋…
“ทำไมต้องเป็อวี๋ิกวงด้วย”
หลิงจื้อเฉิงบ่นพึมพำ น้ำเสียงแสดงถึงความไม่มั่นคง อวี๋หรงกรุ๊ปถือเป็คู่แข่งทางธุรกิจรายใหญ่ที่สุดของโรงแรมหลิงกวง
“คุณแม่ หนูควรทำยังไงดีคะ”
ดวงตาของหลิงเมิ่งแดงก่ำเหมือนตากระต่าย
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดเมื่อวานถือเป็งานแรกที่เธอเปิดตัวต่อหน้าสาธารณชน ไม่ได้เฉิดฉายอย่างที่คาดหวังมิหนำซ้ำกลับต้องขายหน้าต่อหน้าคนมากมาย ตอนนี้เธอไม่สามารถสู้หน้าผู้คนในเมืองผิง เพราะใครๆ ต่างรู้ว่าเธอเป็คนใจร้ายมากขนาดไหน
การต่อสู้ที่ใหญ่ขนาดนี้ทำให้หลิงเมิ่งรับมือไม่ไหว เมื่อวานหลังจากกลับมา เธออยู่บนเตียงและร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มอย่างขมขื่น
หลิงจื้อเฉิงถอนหายใจยาว “เฮ้อ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็บอกลูกอย่างชัดเจนแล้ว…”
เมื่อได้ยินคำตำหนิจากหลิงจื้อเฉิง อู๋อู๋เถียงกลับไปทันที “หลิงจื้อเฉิง คุณมีสิทธิ์อะไรมาโทษเมิ่งเมิ่ง แค่เมื่อวานเธอก็เสียใจจะแย่แล้ว!”
“แล้วคุณคิดว่าเื่นี้ควรโทษใครล่ะ!”
“แน่นอนว่าก็ต้องเป็แม่เด็กบ้านนอกคนนั้น ไม่ใช่มาโทษเมิ่งเมิ่ง เมิ่งเมิ่งไม่ควรต้องมาแบกรับความรู้สึกยากลำบากหลายปีขนาดนั้น!”
“อินอินก็พูดแล้วไม่ใช่หรือ เื่อุ้มลูกผิดในตอนนั้นไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อย!”
อู๋อู๋แสดงสีหน้าราวกับไม่อยากเชื่อ “คุณพูดแบบนี้ แสดงว่าคุณเลือกยืนอยู่ข้างเด็กคนนั้นหรือ”
ในหัวของหลิงจื้อเฉิงรู้สึกสับสน แต่เขายังข่มจิตใจไว้ได้ “อันที่จริง ตอนนี้พวกเราต้องพึ่งพาอินอิน!”
“คุณยืนอยู่ข้างเธอจริงๆ สินะ เด็กคนนั้นร่ายคาถาอะไรใส่คุณหรือ แต่จะว่าไปหน้าตาของเธอก็ไม่เลว หรือว่าคุณ…”
“อู๋อู๋ นี่คุณมีความคิดแบบนี้ได้ยังไง!”
ถึงแม้หลิงจื้อเฉิงจะเป็คนอารมณ์ดี แต่หากถูกสงสัยเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะะเิออกมา
ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึม สองสามีภรรยาตระกูลหลิงทะเลาะกันอีกรอบ ในคฤหาสน์ของพวกเขาเต็มไปด้วยสถานการณ์ย่ำแย่อีกครั้ง
ห่างออกไปจากเมืองผิงราวๆ หนึ่งร้อยกิโลเมตร ฉินหล่างกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ
เขาสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นแบบเรียบง่าย นำผ้าเช็ดผมที่เปียกไปตากไว้บนราวแขวน ก่อนจะดึงลิ้นชักและหยิบโทรศัพท์ออกมา
หลังจากที่เดินทางกลับจากเมืองผิง เขาได้รับการแจ้งอย่างเร่งด่วนจากหน่วยงานที่สงสัยว่าอาจจะพบแหล่งน้ำมันทางตะวันตกเฉียงเหนือ วันนั้นเขาจึงรีบบินมาในทันที เขาไม่พบแหล่งน้ำมัน แต่กลับเจอฝูงหมาป่าแทน
ในพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่จะต้องใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมเท่านั้น หากเป็โทรศัพท์ทั่วไปจะไม่มีสัญญาณ เขาจึงทำได้เพียงทิ้งโทรศัพท์มือถือของตนเองไว้ที่ห้องพัก
ขายาวยื่นออกไปพาดบนโต๊ะ หยดน้ำที่ยังไม่ได้เช็ดให้แห้งไหลผ่านลูกกระเดือกลงไปยังหน้าอกแน่นเบื้องล่าง เสื้อกล้ามเข้ารูปยิ่งทำให้เห็นกล้ามท้องโครงสร้างวีไลน์ที่สง่างามอย่างชัดเจน
เขากดปุ่มเปิดเครื่องมือสื่อสารและเริ่มหาคลื่นสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อ ก่อนจะได้รับข้อความมากมาย
ข้อความจากที่บ้าน ข้อความจากเพื่อนฝูง…
ฉินหล่างเปิดอ่านและตอบข้อความ เขาตอบกลับแบบง่ายๆ โดยไม่เกินสิบตัวอักษร เขาจัดการกับข้อความเ่าั้ได้อย่างดีเยี่ยม จากนั้นไม่นานเขาก็เห็นข้อความที่ส่งมาจากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
นี่เป็เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขา ไม่มีใครรู้นอกจากหัวหน้า คนในครอบครัวและเพื่อนสนิท
แววตาของเขาเผยความสงสัย นิ้วหัวแม่มือเลื่อนกดเพื่อเปิดดู จากนั้นจึงปรากฏเนื้อหาภายใน
“สวัสดีค่ะ ฉันคือซูอินที่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณครั้งก่อนที่เมืองผิง ขอบคุณสำหรับเงินห้าพันหยวนที่ทำให้ฉันข้ามผ่านอุปสรรคไปได้ ตอนนี้ถึงเวลาต้องคืนเงินแล้ว รบกวนคุณแจ้งเลขบัญชีให้ฉันทราบได้ไหม ฉันจะได้คืนเงินให้คุณ ขอบคุณมากค่ะ”
ซูอินหรือ
นิ้วหัวแม่มือของเขาเลื่อนไปมาบนชื่อที่ไม่คุ้นเคย คิดไปคิดมาในหัวของเขาก็ปรากฏใบหน้าที่เหมือนดอกลิลลี่แห่งหุบเขา
เป็เด็กสาวคนนั้นนั่นเอง…
ถึงแม้ในเวลานั้นเขาจะรู้สึกว่าเด็กสาวคนนั้นมีความพิเศษ แต่เขาก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จึงให้ความสนใจไปที่เื่งานและลืมเื่อื่นไว้เื้ั
เมื่อนึกขึ้นได้จากข้อความที่ได้รับ สายตาของเขาก็ให้ความสนใจกับคำข้างหลัง “ข้ามผ่านอุปสรรค”
ในหัวของเขาปรากฏภาพน้ำเลมอนแก้วนั้นขึ้นมาทันที สาวน้อยคนนั้นยากจนถึงขั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับการทบทวนตำราก่อนสอบขึ้นชั้นมัธยมปลาย และต้องออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงตนเอง อีกทั้งตระกูลซูก็ไม่ได้มีฐานะที่ดีนัก
แล้วเธอผ่านอุปสรรคนี้ได้ด้วยวิธีไหน
หรือว่าจะเป็ตระกูลหลิง
เมื่อนึกถึงความเป็ไปได้ ฉินหล่างก็เปิดรายชื่อผู้ติดต่อและค้นหาเบอร์โทรศัพท์เบอร์หนึ่ง
ในตอนที่มีโทรศัพท์เข้ามา หลินเฉวียนกำลังเดินดูบ้านในละแวกหมู่สาม ถนนฟาง
สีหน้าของหลิวชิ่งกั๋วที่พาเขาเดินทะลุตรอกซอกซอยต่างๆ เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “นี่เพื่อน หัวของนายโดนลาเตะจนสมองกลับแล้วหรือ เพื่อนที่เคยร่วมรบกับนายมาเขาอยู่ที่เมืองไหน พวกเขาอยู่เมืองหลวง ทุกคนในประเทศต่างมุ่งหน้าไปที่นั่น เพราะที่อยู่อาศัยที่ไม่เพียงพอต่อความ้าทำให้ต้องรื้อถอนอาคารเก่าและสร้างใหม่ แต่เมืองผิงที่เก่าและทรุดโทรมของพวกเรามีที่ว่างเยอะแยะมากมาย สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้เลย ใครจะมาเสียเงินเสียเวลา และยอมจ่ายเงินตั้งมากเพื่อรื้อถอนบ้านเรือนเก่าๆ พวกนี้ เงินที่นายมีเอาไปซื้อบ้านในหมู่บ้านที่เพิ่งปลูกใหม่เถอะ พวกสาวๆ เห็นบ้านที่นายซื้อต้องเต็มใจอยู่กับนายแน่…”
ในระหว่างที่หลิวชิ่งกั่วกำลังพูดเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของหลินเฉวียนก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมา เมื่อเห็นชื่อเขาก็แสดงอาการใเล็กน้อย
เมื่อดึงสติกลับมาได้ ร่างกายของเขาก็ยืนตรงอัตโนมัติทันที
“ชู่ ฉันจะรับโทรศัพท์”
หลินเฉวียนทำมือเป็สัญลักษณ์บอกให้เงียบ ก่อนที่เขาจะเดินไปหามุมสงบด้านข้าง เมื่อเดินออกไป เขาเคาะส้นเท้าหนึ่งครั้งก่อนจะยืนด้วยท่าทางเรียบร้อย
“คุณชาย…ฉิน มีเื่อะไรหรือครับ”