หลังจากวางโทรศัพท์ ฉินหล่างนึกถึงเนื้อหาที่ได้ฟังเมื่อครู่
พนันบอล ซื้อบ้าน บริจาคเงินช่วยเหลือด้านการศึกษา…รวมไปถึงตัดขาดกับตระกูลหลิง
เขารู้สึกว่าไม่เหมือนกับสาวน้อยในความทรงจำของเขาสักเท่าไร
ฉินหล่างจมอยู่กับความคิดที่สวนทางกัน แต่ไม่นานก็เข้าใจ สาวน้อยคนนี้มีบุญคุณที่ช่วยเหลือเสี่ยวหรุย ซึ่งถือว่าเป็คนที่มีบุญคุณของตระกูลฉินเช่นกัน ในวันนี้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังได้อยู่ห่างจากคนที่จะหาผลประโยชน์และคิดทำร้ายเธอ ไม่ว่าจะเป็เื่ใด เขาก็รู้สึกดีใจกับเธอจากใจจริง
ส่วนเื่การพนัน…เขารู้ว่าในเมืองผิงมีเื่แบบนี้อยู่ หากมีความ้าก็จะมีการเปิดแหล่งพนัน นั่นเป็เพียงส่วนเล็กๆ ที่ไม่จำเป็ต้องใส่ใจอะไรมาก
และยิ่งไปกว่านั้นเด็กสาวไม่ได้ลุ่มหลงมันเหมือนบางคนที่รวยขึ้นกะทันหัน ไม่คิดจะก้าวหน้าโดยไม่สนใจว่ามันคือการพนัน ในทางกลับกัน เธอขยันขันแข็งมากขึ้น และลงทุนอย่างมีเหตุผล
สิ่งที่มีค่ามากที่สุด เธอเข้าใจที่จะแบ่งปันให้สังคม
ทุนการศึกษาเพื่อการกุศล เขาค่อนข้างใเมื่อได้ยินเื่นี้ เมื่อดึงสติกลับมาก็ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เขามีพี่น้องร่วมสถาบันหลายคนที่ทำธุรกิจ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จ ทรัพย์สินของครอบครัวอยู่ในระดับพันล้าน ทว่าสิ่งที่ได้ยินจากคนเ่าั้มีเพียงใครมอบของกำนัลให้เถ้าแก่คนใด แทบจะไม่เคยได้ยินคนพูดถึงการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
เด็กสาวคนนั้นมีเงินเพียงเจ็ดแสนหยวน กลับยินยอมจ่ายเงินสองแสนหยวน ถือเป็เงินหนึ่งในสามส่วนที่มีเพื่อช่วยคนอื่น
ไม่ว่าจะเป็เมื่อหลายปีก่อนที่เขาอยู่ในกองทัพ หรือจะเป็่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ฉินหล่างติดตามทีมสำรวจเข้าไปในพื้นที่ห่างไกลหลายแห่ง และเคยเห็นความยากจนกับตา หลายปีมานี้มีคนส่วนหนึ่งให้การสนับสนุนครอบครัวของผู้ร่วมรบที่เสียชีวิตและทุพพลภาพระหว่างที่อยู่ในกองทัพ
แต่เขากลับไม่เคยคิดจัดตั้งกองทุนอย่างเป็กิจจะลักษณะ
เื่นี้ทำให้ฉินหล่างรู้สึกสะกิดใจ
เวลานั้นลึกๆ เขารู้สึกประหลาดใจและนับถือสาวน้อยคนนั้นมาก ประหลาดใจที่เธอมีความคิดเช่นนี้ ซึ่งอันที่จริงมันไม่ใช่สิ่งที่เด็กวัยนี้และมีประสบการณ์เท่านี้จะคิดได้ นับถือในตัวเธอที่สามารถคิดเื่แบบนี้ อีกทั้งยังพยายามช่วยบริจาคเงิน และนำสิ่งนี้ไปปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง
“ฉันให้เธอ ไม่ต้องคืน”
นิ้วกดพิมพ์ราวกับคนเล่นเปียโน หลังจากพิมพ์ลงไปจำนวนหกคำ และตรวจสอบแล้วจึงกดส่ง
ในตอนที่ให้เงินไป เดิมทีเขาตั้งใจช่วยเธอให้ได้เรียนมัธยมปลายสามปีอย่างสบายใจ ไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกกดดันเื่เงิน และไม่เคยคิดอยากได้เงินคืน
ภาพเด็กสาวร่างเพรียวบางที่กำลังง่วนอยู่กับงานที่ร้านชานมผุดขึ้นมาในหัว จนมุมปากยกขึ้นอย่างไม่อาจห้ามได้ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ยกโทรศัพท์และกดโทร.หาโจวโฮ่วเซิง
“คุณอาโจว…ใช่ครับ พวกเขาอยากบริจาคเงินการกุศลเพื่อช่วยเด็กนักเรียนยากจน คุณเป็คนดูแลในส่วนนี้ หากสนใจ พอจะช่วยเหลือสักหน่อยได้ไหมครับ…”
ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบดูแลด้านการศึกษาเป็หลัก แน่นอนว่าโจวโฮ่วเซิงจะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้านเงินบริจาคการกุศลแก่นักเรียนยากจน สำหรับเด็กสาวคนนั้นที่สามารถคิดถึงประเด็นนี้ แม้แต่โจวโฮ่วเซิงยังรู้สึกใ เมื่อเขาปรับอารมณ์ให้คงที่ได้แล้วจึงรับปากทันที
“จะเกรงใจทำไม แม้แต่เด็กสาวคนนั้นยังตระหนักถึงเื่นี้ ฉันจะยอมล้าหลังได้ยังไง อีกสักครู่ฉันจะโทรศัพท์หาทางเมืองผิง ให้พวกเขาประสานงานเื่นี้อย่างเต็มที่”
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอบคุณคุณอาโจวไว้ล่วงหน้านะครับ”
มือของฉินหล่างวางอยู่บนโต๊ะขณะกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่หูของเขาจะได้ยินเสียงดังมาจากทางเดินด้านนอก
“เป็ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ”
“อันที่จริงผมต่างหากที่รบกวนคุณอาโจว คุณอาคงยุ่งอยู่ ผมไม่รบกวนแล้วครับ”
“ได้สิ”
เมื่ออีกฝ่ายวางสาย ก็มีเสียงฝีเท้าดังที่หน้าประตู
“เข้ามา”
ฉินหล่างเอ่ยพร้อมเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่วางอยู่บนเตียง เขาสวมมันและติดกระดุม
คนที่เปิดประตูเข้ามาคือชายหนุ่มอายุน้อยที่เข้ามาอยู่ในทีมสำรวจ เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ถูกส่งตัวมาฝึกงานที่นี่
ถึงแม้อายุมากกว่าเขาไม่ถึงสองปี แต่สำหรับฉินหล่างที่เป็หัวหน้า เด็กหนุ่มคนนี้ให้ความเคารพต่อฉินหล่างมาก
ในตอนที่เพิ่งถูกส่งตัวมาเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจหัวหน้าคนนี้สักเท่าไร แต่เมื่อเดินทางไปสำรวจทางตะวันตกเฉียงเหนือ และได้พบฝูงหมาป่า การเจอในสถานการณ์ที่กะทันหันเช่นนั้น ฉินหล่างสามารถช่วยทุกคนไว้ได้อย่างทันท่วงที ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อหัวหน้าฉินผู้นี้เปลี่ยนไป ั้แ่วินาทีนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ก็มองฉินหล่างเป็แบบอย่างที่เคารพนับถือ
“หัวหน้าฉินครับ ท่านคณบดีเรียกพบครับ”
เื่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือในครั้งนี้ก่อให้เกิดปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่ แม้แต่หน่วยงานใหญ่ก็ใ ฉินหล่างรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรเสียทางคณบดีจะต้องเดินทางมาสอบถามเื่นี้อย่างแน่นอน
ไม่เพียงแค่เื่นี้ ยังมีเื่ก่อนหน้านั้นที่เขาไปมีเื่กับคนที่เมืองผิง ถึงแม้เื่นี้จะยังไม่ได้แพร่กระจายในวงกว้างในหมู่ของทีมสำรวจ แต่ฉินหล่างก็พอจะคาดเดาได้
เมื่อจัดเนกไทและตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องแบบแล้ว ฉินหล่างจึงเปิดประตูออกไป และมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของคณบดี
ไม่ว่าจะเป็เื่ข้อพิพาทกับตระกูลหลิง หรือเื่ที่ฉินหล่างแอบให้ความสนใจ ซูอินไม่เคยรับรู้เื่เหล่านี้
ซูอินรับประทานอาหารที่ละลานตาด้วยจิตใจเป็สุข หลังจากถูกเมิ่งเถียนเฟินปฏิเสธที่เธอจะเก็บจานชามให้ เธอก็เข้าไปในห้องเพื่อกล่อมเด็กชายตัวน้อยนอนกลางวัน
ก่อนหน้านี้เด็กชายตัวน้อยนอนร่วมห้องกับสองสามีภรรยาตระกูลซู เป็ห้องที่อยู่ติดกับห้องครัว แต่เมื่อเข้าไปด้านใน เธอก็เห็นความแตกต่าง หากเทียบกับห้องนอนที่มีเฟอร์นิเจอร์ใหม่สีชมพูราวกับห้องนอนเ้าหญิงของเธอ ห้องนี้ทั้งชื้นทั้งอับ ผนังสีขาวเปลี่ยนเป็สีเหลืองและมีรอยสีเทาด่าง เตียงเตาดิน[1]เก่าๆ ตู้เสื้อผ้าเก่าที่เริ่มเป็คราบสีดำ การตกแต่งเช่นนี้ต่างหากถึงจะสอดคล้องกับลักษณะบ้านดินหลังคาเตี้ย
ห้องนอนของเธอก่อนหน้านี้เคยเป็ของหลิงเมิ่ง แม้แต่เฟอร์นิเจอร์ชุดนั้นก็ทำขึ้นเพื่อหลิงเมิ่ง
สองสามีภรรยาตระกูลหลิงปฏิบัติต่อหลิงเมิ่งไม่ดีอย่างที่หลิงเมิ่งเคยพูดจริงๆ หรือ
เมื่อมาเห็นทุกอย่างด้วยตาของตนเอง ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของซูอินซับซ้อนไปหมด แต่ว่าความรู้สึกเช่นนี้อยู่ได้ไม่นาน เธอก็ถูกเ้าตัวน้อยที่อยู่บนเตียงเตาดินดึงความสนใจไป
เด็กชายตัวน้อยถือถุงหิ้วหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์สเข้ามา ซูอินรู้นิสัยของเด็กน้อยดีว่าชอบของเล่น จนอดใจไม่ไหว อยากเล่นตลอดเวลาจนไม่อยากนอน
เธอเข้ามาก็เพื่ออยู่เป็เพื่อนเล่นของเด็กชายตัวน้อยสักครู่
แต่เธอกลับได้เห็นสภาพการตกแต่งในห้อง เด็กชายตัวน้อยถอดรองเท้าก่อนจะปีนเก้าอี้ตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ ขึ้นไปบนเตียง เดินไปยังตำแหน่งที่วางหมอน ถุงที่บรรจุหุ่นยนต์ทรานส์ฟอร์เมอร์สวางอยู่ข้างหมอน เด็กชายตัวน้อยนอนลงพร้อมหลับตา
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างราบเรียบ โดยไม่ต้องมีใครเข้าไปควบคุม
ซูอินที่ตั้งใจจะมาเล่นเป็เพื่อน : …
ว่านอนสอนง่ายเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
เธอเดินไปหยุดอยู่ด้านข้างเพื่อมองเด็กชายตัวน้อยนอนหลับอย่างว่าง่าย ขนตายาวเป็แพดูโดดเด่นขึ้นเมื่อดวงตาปิดลง ริมฝีปากเล็กปิดสนิท หน้าท้องนูนเพราะเพิ่งกินอิ่มขยับขึ้นลงตามลมหายใจ นอนหลับเงียบๆ เช่นนี้ยิ่งดูเหมือนเทวดาตัวน้อย
ใบหน้าน่ารักที่กำลังหลับใหลทำให้หัวใจดวงนี้ของซูอินสงบและสบายใจ
เธอดึงผ้าม่านปิดเข้ามาก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างเงียบๆ แล้วค่อยๆ ปิดประตู
ซูอินล้างหน้าและแขนในอ่างล้างหน้าเพื่อคลายร้อนก่อนจะกลับไปยังห้องของตนเอง เธอนอนเล่นบนเตียงก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ดูว่ามีใครติดต่อเข้ามาหรือไม่ตามความเคยชิน จากนั้นจึงพบว่าฉินหล่างตอบข้อความของเธอแล้ว
ไม่ต้องคืนเหรอ
ทำไมมีคนที่ปฏิเสธเงินแบบนี้ด้วยนะ
ภาพของร่างสูงที่จัดการอันธพาลจนล้มลงไปกองกับพื้นปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง แต่ฉินหล่างก็คอยช่วยเหลือเธอตลอด ถึงแม้เื่ที่เกิดขึ้นจะมีต้นสายปลายเหตุ แต่ก็มองออกได้ไม่ยากว่าเขาเป็คนมีน้ำใจ
ในหัวของเธอมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งเธอจึงแก้ไขข้อความที่พิมพ์ไปก่อนหน้านี้และตอบกลับไป
“นี่เป็เงินที่ยืมมาจะไม่คืนได้ยังไง ต่อให้ไม่้า แต่ฉันคงไม่สบายใจ ฉันกับเพื่อนกำลังจะจัดตั้งกองทุนเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน คุณคิดว่า้านำเงินนี้สมทบกับกองทุนหรือไม่คะ เพื่อถือเป็เงินทุนตั้งต้น”
---------------------------------------------------------------
[1] เตียงเตาดิน หมายถึง เตียงหรือแท่นที่ก่อขึ้นด้วยก้อนอิฐหรือดินเพื่อใช้เป็ที่นอน ด้านล่างมีปล่องสำหรับจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว ้าปูที่นอนหรือฟูกใช้เป็ที่นอน พบได้มากในบ้านเรือนของชาวจีนตามต่างจังหวัด