“ได้เลย ได้โปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบไปสั่งอาหารเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวเอ้อร์รีบสาวเท้ายาวๆ ลงไปสั่งให้ทำอาหาร สาวใช้ทั้งสี่ลอบมองขึ้นขึ้นลงลงสำรวจสถานที่
อย่าว่าแต่จวนอวี้เลย หากอยู่ในเขตพระราชวังพวกนางทำได้เพียงเดินตามหลังพระชายาแล้วแอบมองดูสถานที่เท่านั้น
สถานที่ที่มีความงดงามเช่นที่นี่หาได้ยากยิ่ง
“นายหญิง ท่านคิดว่าเ้าของร้านฝูหรงโหลวเป็คนเช่นไรหรือเ้าคะ?”
ป๋ายจีสำรวจทุกมุมห้อง ก่อนจะเอ่ยคำถามกึ่งชมเชยออกมา
แม้จะไม่หรูหราเท่าพระราชวัง แต่ของทุกชิ้นล้วนถูกคัดสรรมาอย่างดี
แม้แต่คนที่ไม่เคยเรียนหนังสือเช่นนางยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็คนเช่นไรแต่ข้ารู้สึกได้ว่าจะต้องไม่ใช่คนธรรมดา”
ตำแหน่งที่หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ติดหน้าต่างสายตาทอดยาวมองดูผู้คนเดินสวนกันไปมา
ฝูหรงโหลวอยู่จุดกึ่งกลางของถนนคนเดินแห่งนี้
ดังนั้นตำแหน่งที่นางอยู่จึงสามารถมองเห็นตึกรามบ้านช่องได้อย่างชัดเจน
ที่นี่นับเป็สถานที่ซึ่งเจริญแล้วทุกซอกมุมล้วนมีเอกลักษณ์เป็ของตัวเอง
ฉะนั้น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่น่าเบื่อ
ท้องฟ้าที่เคยสดใสเมื่อครู่ เพียงพริบตาเดียวกลับมีเมฆครึ้ม
สายฝนพลันตกลงมา
หลินเมิ้งหยายังคงนั่งข้างหน้าต่าง มองดูสายฝนโปรยปรายสายฟ้าเปล่งแสงกระทบหลังคาอย่างต่อเนื่อง ภาพเบื้องล่างเริ่มเลือนรางความโศกเศร้าเริ่มก่อตัวในหัวใจอีกครั้ง
“มาแล้ว ท่านลูกค้า นี่คือหมูกรอบและขาหมูตุ๋นที่ท่านสั่งส่วนนี้คือชาดอกมี่หลัว เชิญกินกันให้อร่อยนะขอรับ”
เสี่ยวเอ้อร์เคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียว ไม่นานอาหารก็ถูกวางลงบนโต๊ะของพวกนาง
หมูกรอบคือเนื้อสัตว์ที่หามาจากูเาส่วนเครื่องปรุงมิได้ใส่มากมายนัก แต่เมื่อลองได้ชิมกลิ่นหอมของเนื้อพลันฟุ้งกระจายอยู่ในโพรงปาก
ขาหมูตุ๋นยิ่งน่าสนใจ ราวกับว่าขาหมูชิ้นนี้ถูกเคี่ยวจนได้ที่ เครื่องเทศต่างๆจึงซึมลึกถึงตัวเนื้อ
สาวใช้ทั้งสี่ยืนตะเกียบเข่าไปเจาะเบา ๆทว่าเนื้อหมูกลับฉีกออกอย่างง่ายดาย
“ว้าว นี่มันขาหมูตุ๋นจริงๆ ด้วย พวกเขาทำได้ยังไงนะ”
ป๋ายจื่อร้องออกมาอย่างประหลาดใจ มือจับตะเกียบคีบเนื้อเข้าปาก
สาวใช้ที่เหลืออีกสามคนมองดูนางด้วยความอิจฉา
ป๋ายจื่อพยักเผยิบหน้าให้ลองชิมตาม
“ฝีมือการใช้มีดดีใช้ได้ดูเหมือนเขาจะเชี่ยวชาญในการแล่เนื้อเป็อย่างดี”
ไม่รู้ว่าหลินเมิ้งหยาเดินเข้ามายืนด้านหลังพวกนางั้แ่ตอนไหนนางหยิบตะเกียบขึ้นมา
“ใช่มั้ยเ้าคะนายหญิงข้าคิดว่าพ่อครัวของที่นี่จะต้องเป็ปรมาจารย์อาหารอย่างแน่นอน”
เมื่อได้กินของอร่อย ป๋ายจื่อเอ่ยชมไม่หยุด
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ดูเหมือนพ่อครัวจะจัดการขาหมูชิ้นนี้ั้แ่ตอนที่มันยังดิบอยู่
เขาเฉือนมันออกมาได้อย่างสวยงาม แม้แต่นางที่เป็นักศึกษาแพทย์ยังทำได้ไม่ดีขนาดนี้
บริเวณกระดูกถูกเลาะจนไม่มีเนื้อติดอยู่
พ่อครัวคนนี้เป็ใครกันแน่?
หลินเมิ้งหยาเริ่มรู้สึกประหลาดใจในตัวพ่อครัวแห่งฝูหรงโหลว
ตอนที่คิดจะเรียกเสี่ยวเอ้อร์เข้ามานางได้ยินเสียงเคาะประตูดังลั่นที่ด้านนอก
“นั่นใคร?”
ป๋ายซ่าวร้องถาม พอลองฟังเสียงดูแล้วมิเหมือนเสี่ยวเอ้อร์แห่งฝูหรงโหลว
“คนสวย พวกเ้าทั้งห้ามากันอย่างเดียวดาย มิกลัวเหงาหรอกหรือ? ให้พวกพี่มาช่วยดูแลเ้าดีหรือไม่?”
เสียงยั่วยุดังขึ้น ก่อนเสียงหัวเราะจะดังลั่นที่ด้านนอก
คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากันเหตุใดสถานที่งดงามแห่งนี้จึงมีคนไร้ยางอายกัน
ส่ายหน้า ส่งสัญญาณผ่านทางสายตามิให้ป๋ายซ่าวพุ่งตัวออกไป
ประตูถูกลงกลอนเอาไว้ พวกเขาคงไม่บุกเข้ามา
“โหยว สาวสวยไม่ตอบเสียด้วย เข้ามา ช่วยข้าพังประตูเข้าไป”
เสียงพังประตูดังขึ้น
เหตุเพราะเสียงดังลั่นจนทำให้ลูกค้าตื่นตระหนกเสี่ยวเอ้อร์จึงรีบวิ่งขึ้นมาบนชั้นสอง
“คุณชาย ด้านในมีฮูหยินท่านหนึ่งอยู่ ข้าน้อยรู้ดีว่าท่านชอบสาวงามแต่หากกระทำคุกคามผู้อื่นเช่นนี้ ข้าน้อยเกรงว่าจะมิเป็การสมควร”
“เ้ามันแค่คนใช้ ไสหัวไป”
ราวกับชายคนนั้นถีบเสี่ยวเอ้อร์ออกไปให้พ้นทาง ได้ยินเสียง “ตึงตึง ตึง” ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเพราะความเ็ปของเสี่ยวเอ้อร์
“ไอ้คนตาไม่มีแวว นายหญิงเ้าคะ ข้าจะไปสั่งสอนเขาเอง”
เมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย ป๋ายซูจึงโกรธมาก
มองดูประตูไม้ที่กำลังสั่นไหว หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงป๋ายซูและป๋ายซ่าวจึงเปิดประตูออก
“ไม่รู้ว่าท่านเป็คุณชายจากสกุลใด ในเมื่ออุตส่าห์มาแล้วเช่นนั้นก็มาดื่มชาด้วยกันเถิด”
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธาน ยกชาขึ้นแล้วจิบเล็กน้อย
ชา ทำไมถึง...
ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรด้านนอกมีคุณชายสวมใส่ชุดสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามา
“ถือว่าเ้ารู้การรู้งานเป็อย่างดี เช่นนั้นข้าจะบอกให้เ้ารู้ก็ได้ว่าข้าคือคุณชายสกุลตู้เ้าเรียกข้าว่าตู้หลางหรือคุณชายตู้ก็ได้ แล้วแต่เ้าจะชอบ”
คุณชายสกุลตู้มีตาคล้ายรูปสามเหลี่ยมเพียงได้มองก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาเป็คนไม่ดี
ใบหน้าเผยให้เห็นความคิดชั่วช้า อีกทั้งยังส่งยิ้มมีเลศนัยที่ทำให้คนมองรู้สึกรังเกียจ
รูปร่างไม่สูงมากดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นอยู่กับเื่อย่างว่ามากจนเกินไปดังนั้นร่างกายจึงไร้เรี่ยวแรง
หลินเมิ้งหยาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น ราวกับว่านางมิได้มองเห็นคุณชายสกุลตู้อยู่ในสายตา
“มีอะไรก็รีบพูดออกมา อย่าทำให้ข้าหมดความอดทน”
หลินเมิ้งหยาไม่อยากมีเื่วันนี้นาง้าพาสาวใช้มาซื้อของละลายทรัพย์เท่านั้นดังนั้นนางจึงไม่มีอารมณ์มาสั่งสอนผู้ชายมักมากในกาม
“ฮ่าๆ ดุดันเสียจริงวันนี้คุณชายตู้อย่างข้าจะขอลิ้มลองแม่สาวเผ็ดร้อนคนนี้ดูสักหน่อย”
พูดจบ มือยื่นเข้ามาหมายมั่นจะแตะต้องใบหน้าของหลินเมิ้งหยา
ทว่าหลินเมิ้งหยาร้องฮึในลำคอ ก่อนที่จะพลิกมือขึ้นหยิบปิ่นปักผมบนศีรษะแล้วแทงลงไปบนมือของเขาโดยไม่หันหน้าไปมองเลยแม้แต่น้อย
“อ๊าก...นังหญิงบ้า”
ร้องโอโอยเพราะความเ็ปแม้แต่ชายผู้นั้นยังคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะกล้าลงมือกับเขาเช่นนี้
ทันใดนั้นนางเหวี่ยงมือข้างที่จับปิ่นปักที่กำลังแทงมือของเขาอยู่ลงบนโต๊ะอย่างแรงปลายปิ่นคมกริบแทงทะลุมือของเขาจนเสียบลงกับโต๊ะอาหาร
“คงไม่มีใครบอกเ้าสินะว่าคนที่กล้ายั่วยุข้ามักจะไม่มีโอกาสหายใจ”
หยักยิ้มเล็กน้อยทว่าคำพูดของหลินเมิ้งหยากลับทำให้คุณชายตู้หวาดผวา เหงื่อผุดขึ้นทั้งร่าง
อันที่จริงตัวนางเปรียบเสมือนเครื่องมือสั่งสอนผู้อื่น
“เ้า...เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
มือยังคงติดอยู่กับโต๊ะ หยาดเหงื่อรินไหลลงจากหน้าผาก
ความเ็ปทำให้ชายหนุ่มต้องกัดฟันแน่นส่วนพวกผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพร้อมที่จะวิ่งหนีทุกเวลา
“พวกเ้าควรทำตัวให้เชื่องสักหน่อยอย่าได้เคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า มิเช่นนั้นเ้านายที่ไม่ต่างจากหมาข้างถนนของพวกเ้าจะต้องกลายเป็คนพิการ”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงเ็าคาดว่าคนพวกนี้จะต้องเคยชินกับการอยู่ภายใต้อำนาจดังนั้นพวกเขาจึงถูกหญิงสาวตรงหน้าทำให้รู้สึกหวาดกลัว
ฉะนั้น พวกเขาจึงรู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งกับนาง
“เ้า...เ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่ถูกน้ำมันหมูบังตาก็เลยกล้ามายั่วยุฮูหยินเช่นท่าน”
พยายามหาข้ออ้างเพื่อปกปิดความจริงแต่หลินเมิ้งหยากลับไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
ป๋ายซูลอบมองเพื่อสำรวจ หากมีการสอดแนมหรือทำอะไรไม่ดี นางสามารถรู้ได้เป็คนแรก
เมื่อครู่หลินเมิ้งหยากับป๋ายซูสบตากันอีกฝ่ายยังคงแสดงสีหน้าไม่รู้เื่
คาดว่าจะต้องมีคนรู้ว่านางอยู่ที่นี่ ฉะนั้นจึงส่งคนมาทำร้ายนาง
“ไสหัวไป ฝากบอกคนที่อยู่เื้ัเ้าด้วยว่าหากกล้ามายุ่งกับข้าก็จงเตรียมตัวย้ายบ้าน อย่าได้โผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีกเป็ครั้งที่สอง ไม่เช่นนั้นชีวิตของเ้าจะดับสูญ”
ดึงปิ่นปักผมขึ้น เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งคุณชายตู้หวาดผวามองทางหลินเมิ้งหยา
กัดฟัน ยอมรับความพ่ายแพ้
“พวกเรากลับ!”
คาดว่าคนที่อยู่เื้ัเขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้หาใช่เวลาสร้างเื่ต่อไป ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไป
“ช้าก่อน ทำลายข้าวของของข้า ซ้ำยังต่อยตีผู้ช่วยของข้าแต่ที่สำคัญไปยิ่งไปกว่านั้น พวกเ้ากล้าทำให้ยัยเด็กน้อยของข้าต้องโมโหคิดหรือว่าจะกลับไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้?”
เสียงยียวนระคนเย็นะเืดังขึ้น ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปล่งประกาย
เบิกตาโต วิ่งออกไปด้านนอก ก่อนจะได้เห็นร่างอันคุ้นเคย
“ชิงหู เหตุใดเ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”
เขาคือชิงหู คนที่นางส่งให้ไปทำงานให้ นางไม่ได้เจอเขาหลายวันแล้วใบหน้าของเขายังคงทะเล้นไม่เปลี่ยนแปลง
“เ้าเด็กน้อย เหตุใดจึงเที่ยวเล่นไปทั่ว ข้าหาเ้าตั้งนาน”
ชายสวมชุดสีขาวล้วน แต่กลับมีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่าเดิมเดินเข้ามา
สิ่งเดียวที่ยังไม่เปลี่ยนไปคือแววตาอ่อนโยนของเขาเวลามองนาง
“เ้าจิ้งจอกเ้าเล่ห์ ใครบอกให้เ้าไปนานขนาดนั้นข้าถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็ธรรม ไม่มีใครเป็เดือดเป็ร้อนแทนข้าเลย”
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด บางทีอาจเพราะบนโลกใบนี้ชิงหูเป็เพียงคนเดียวที่พร้อมจะยืนอยู่ข้างนาง โดยไม่จำเป็ต้องถามหาเหตุผล
ดังนั้น หลินเมิ้งหยาจึงมองเขาเป็เหมือนญาติสนิทของตนเองคนหนึ่ง
เดินเข้ามา ไม่สนใจสายตาของผู้อื่นก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้าขึ้นขึ้นลงลง
“เอ๋ เ้าเด็กน้อย เหตุใดเ้าจึงผอมลงเล่า? หรือหลงเทียนอวี้ไม่ให้ข้าวเ้ากิน? เข้ามา ยกอาหารที่อร่อยที่สุดประจำร้านมาให้ข้าของคนอื่นค่อยทำทีหลัง ปล่อยให้พวกเขารอก่อน”
ชิงหูเป็คนเอาแต่ใจแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลินเมิ้งหยาต้องมาที่หนึ่งเสมอแม้จะเป็เทพเซียนหรือฮ่องเต้ก็ต้องรอ
“ได้เลยขอรับเถ้าแก่ รอสักครู่”
เสี่ยวเอ้อร์ที่แกล้งนอนตายอยู่บนพื้นเด้งตัวขึ้นมาก่อนจะรีบวิ่งไปทางห้องครัว
“นี่...”
หลินเมิ้งหยาชี้นิ้วไปทางด้านล่าง ทว่าชิงหูกลับหัวเราะตาหยีก่อนจะดันตัวนางกลับเข้าไปในห้อง
“วางใจเถิด เ้าเด็กนั่นมีเก้าชีวิต ไม่ตายง่ายๆ หรอก”
หญิงสาวทั้งห้ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่มันเื่อะไรกันแน่?
“เ้ากลับมาั้แ่เมื่อไร? เหตุใดจึงไม่กลับไปที่จวน? ตรวจสอบเื่สกุลเยว่ได้ความว่าอย่างไร?”
หลินเมิ้งหยานั่งลงบนตั่ง ก่อนจะยิงคำถามระรัว
ชิงหูมองนางด้วยสายตาตำหนิ
“เ้าเด็กไร้หัวใจ ทั้งที่ข้ารีบกลับมาแทบตายยังไม่ทันที่ลมหายใจจะกลับมาเป็ปกติ แล้วยังจะให้ข้าตอบคำถามมากมายของเ้าอีก”
จิกนิ้วชี้เข้าหานิ้วโป้งก่อนจะดีดหน้าผากหลินเมิ้งหยาพลางเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
