“ว้าว อาหารที่เรียกว่าหม้อไฟนี้อร่อยจริงๆ ข้าเป็ถึงจื่อซีจวิ้นจู่กลับไม่เคยกินของที่อร่อยถึงเพียงนี้ วันหลังข้าจะกินมันทุกวัน” สาวน้อยที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูนางหนึ่ง ลวกเนื้อในหม้อร้อนไม่หยุด กินคำโตอย่างมูมมาม ไร้ซึ่งทีท่าสง่างามที่จวิ้นจู่ควรมีแม้แต่น้อย
เหล่าสตรีที่อยู่รอบๆ เมื่อเห็นแล้วก็หัวเราะออกมา “จวิ้นจู่ ท่านช้าลงหน่อย เนื้อแกะลวกนี้ยังมีอีกเยอะ วันนี้รับรองให้ท่านได้กินได้เต็มที่อย่างแน่นอน”
ผู้ที่กล่าววาจาเป็บุตรสาวคนเล็กของรองเสนาบดีกรมการคลัง ยามปกติที่ชำนาญที่สุดก็คือการป้อยอเอาใจ
“จวิ้นจู่อย่าได้สนใจกินแต่เนื้อแกะลวก ของที่เรียกว่าซาลาเปาไข่ปูนี้ก็อร่อยอย่างมากเช่นกัน ข้าไม่เคยได้ยินไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลย” บุตรสาวภริยาเอกของเสนาบดีกรมพิธีการรีบคีบซาลาเปาไข่ปูชิ้นหนึ่งวางลงในชามของจื่อซีจวิ้นจู่ ในยามกล่าววาจา หางตาก็มองไปเห็นหลันเชี่ยนหยิ่งที่ดูหม่นหมองไร้ความสุข นางใช้ไหล่ชนนางครั้งหนึ่ง “เชี่ยนหยิ่ง วันนี้เ้าเป็อะไรไป นับแต่เข้าประตูมาก็ไม่มีความสุข เป็ผู้ใดทำให้คุณหนูใหญ่ของพวกเราโมโหหรือ?”
คำนี้เมื่อพูดออกมา สายตาของทุกคนต่างก็มองมา รอบโต๊ะกลมมีทั้งหมดแปดคน เป็กลุ่มพี่น้องสตรีที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง ระดับสูงเป็จวิ้นจู่ ระดับต่ำเป็คุณหนูสูงศักดิ์ ล้วนแต่เป็สตรีจากตระกูลใหญ่ทรงอำนาจทั้งสิ้น
จื่อซีจวิ้นจู่ที่กำลังรับประทานอาหารอยู่เหลือบมองหลันเชี่ยนหยิ่งครั้งหนึ่ง เยาะหยันเสียงเบาว่า “นี่ยังต้องถามหรือ หากมิใช่เพราะเื่ที่หลายวันก่อนพี่ซูเช่อปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าผู้คน ใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลซูกับจวนมหาเสนาบดีคิดจะเชื่อมสัมพันธ์กันด้วยการแต่งงาน ผลคือก่อนวันที่สองตระกูลจะแลกเปลี่ยนเทียบบันทึกชะตา ลูกผู้พี่ปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าขุนนางทั้งหลาย น่าขายหน้าขนาดไหน เชี่ยนหยิ่งมีความสุขขึ้นมาได้ก็แปลกแล้ว”
คำพูดเป็ชุดนั้นแม้จะเป็การอธิบายกับทุกคนว่าเหตุใดหลันเชี่ยนหยิ่งจึงอารมณ์เสียเช่นนี้ แต่ก็ยิ่งเป็การตบหน้านางอย่างแรง
าแที่ใกล้จะหายดีแล้วถูกคนเปิดออกอย่างรุนแรง ดวงตาที่เกรี้ยวโกรธคู่นั้นของหลันเชี่ยนหยิ่งถลึงไปอย่างโมโห ผู้อื่นต่างเกรงกลัวจื่อซี่จวิ้นจู่น้อย แต่หลันเชี่ยนหยิ่งนางไม่กลัว
ในกลุ่มพี่น้องสตรีนี้ จื่อซีจวิ้นจู่มักจะเป็ศัตรูกับนางตลอด หากมิใช่เพราะนางมีหน้าตางดงามกว่า ความสามารถเก่งกาจกว่านาง แต่มีผู้ใดไม่รู้ว่า แม้จื่อซีจะสูงศักดิ์เป็ถึงจวิ้นจู่ แต่กลับมิได้มีอำนาจที่แท้จริง ยังมิสู้นางผู้เป็คุณหนูใหญ่แห่งจวนมหาเสนาบดี
วันนี้จื่อซีจวิ้นจู่จงใจสาดเกลือลงบนแผล ทำให้นางที่เดิมอารมณ์หดหู่เต็มไปด้วยไฟโทสะในท้อง “เ้าหุบปาก!”
“เชี่ยนหยิ่งเ้าอย่าได้อารมณ์พลุ่งพล่าน ที่จื่อซีจวิ้นจู่พูดก็เป็เื่จริง หากเ้าโมโหจริงๆ ไม่เป็การทำลายบรรยากาศกลมเกลียวของพวกเรากลุ่มพี่น้องสตรีหรือ?” บุตรสาวคนเล็กของรองเสนาบดีกรมการคลังที่พึ่งประจบประแจง เห็นหลันเชี่ยนหยิ่งจะโมโหใส่จวิ้นจู่น้อย ก็รีบกอดแขนของนางทันที “ใครไม่รู้บ้างว่า เหตุผลที่จวิ้นอ๋องน้อยตระกูลซูปฏิเสธการแต่งงาน เป็เพราะหมอหญิงชนบทบ้านป่าที่ไม่อาจออกหน้าออกตานางนั้น ต่อให้เ้าอยากจะหาเื่ ก็ควรไปหาเื่นางจึงจะถูก”
ด้านข้างรีบมีคนสนับสนุนตามทันที “นั่นสิ ข้าได้ยินว่าผู้หญิงคนนั้นเชี่ยวชาญการยั่วยวนคน ่นี้ เหล่าสตรีสาวที่ออกเรือนแล้วต่างก็พากันบ่นไปทั่วท้องถนน บอกว่าหลิงมู่เอ๋อร์ผู้นั้นไปแย่งสามีของพวกนาง”
จื่อซีจวิ้นจู่เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตะเกียบในมือก็วางดัง‘เพี๊ยะ’ลงบนโต๊ะ “โอ๋ เหตุใดข้าจึงลืมไปได้ ที่นี่มิใช่ร้านอาหารสกุลหลิงหรอกหรือ?”
ทุกคนเมื่อได้ฟัง พลันเข้าใจในทันทีว่าคำนี้ของนางหมายความเช่นไร
แม้จื่อซีจวิ้นจู่จะชอบเป็ศัตรูกับหลันเชี่ยนหยิ่ง แต่นั่นเป็เพราะนางคิดว่า นางยอดเยี่ยมกว่านาง ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมากกว่าไป ส่วนที่นางชอบมากกว่าคือการชมความครึกครื้นอย่างไรเล่า
นางโบกมือ เรียกคนทั้งหมดให้ไปสุมรวมกัน ลดเสียงเบาว่า “หลิงมู่เอ๋อร์ผู้นั้นมิใช่โอหังอย่างมากหรอกหรือ แต่หากมีเื่การกินถูกของไม่สะอาดในร้านอาหารของนางออกมา ที่นั่งอยู่ก็ล้วนแต่เป็พวกเรา พวกเ้าว่าร้านอาหารแห่งนี้ ยังจะเปิดต่อไปได้อีกหรือไม่?”
หนึ่งในเหล่าคุณหนูผู้ชื่นชอบการกินเป็พิเศษขมวดคิ้ว “แบบนั้น วันหลังพวกเรามิใช่ไม่อาจกินของที่อร่อยเช่นนี้แล้วหรือ?”
หมัดของบุตรสาวคนเล็กของรองเสนาบดีกรมคลังเคาะลงที่หน้าผากของนาง “เ้าโง่แล้ว รอจนพวกเราทำให้ร้านอาหารสกุลหลิงล้มลง ก็บังคับให้พวกเขาบอกวิธีการทำหม้อไฟกับพวกเรา วันหลังพวกเราก็กินที่จวนของพวกเราเอง ยังจะต้องทำการนัดหมายที่แสนวุ่นวายพวกนี้อีกหรือ?”
ได้ยินว่า ที่วันนี้ได้ห้องส่วนตัวมายังเป็เพราะจื่อซีจวิ้นจู่ทำการจองไว้ถึงเดือนกว่า
“วิธีนี้ดี ลงมือครั้งเดียวได้ประโยชน์ทั้งสองทาง”
ทุกคนหัวเราะแยกย้าย จื่อซีจวิ้นจู่ส่งสายตาให้สาวใช้ที่นำมาด้วย ในห้องพลันได้ยินร้องเสียงดัง ‘โอ๊ย โอ๊ย’
การกระทำเป็ชุดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น ดวงตาดอกท้อที่งดงามทั้งคู่ของหลันเชี่ยนหยิ่งมองทุกคนอย่างละเอียด ทว่าั้แ่ต้นจนจบกลับมิได้เอ่ยวาจาแม้เพียงครึ่งคำ
เป็หลิงมู่เอ๋อร์ยั่วยวนพี่เช่อก่อน เป็คนพวกนี้ประกาศว่าจะสั่งสอนนาง
นางมิได้ลืมคำพูดที่ลูกผู้พี่หญิงไท่จื่อเฟยกล่าวกับนาง ในเมื่อพี่หญิงไม่ช่วย เช่นนั้นคนพวกนี้ออกหน้าให้นางมีสิ่งใดไม่ได้? อย่างไรเสีย เมื่อถึงเวลาที่พี่เช่อจะไล่หาผู้รับผิดชอบ นางมิได้กล่าวสิ่งใดแม้แต่คำเดียว ก็ไม่อาจจะโทษมาถึงตัวของนางได้
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น? หรือว่ามีอาหารชนิดใดที่ไม่ถูกปากคุณหนูทุกท่านหรือ?”
ได้ยินเสียงร้องครวญคราง หลิงต้าจื้อที่รับผิดชอบบัญชีอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าก็รีบขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาเป็เถ้าแก่ใหญ่ในนามของร้านอาหาร
“ยังถามพวกเราอีกว่าเป็อะไร? เ้าเป็เถ้าแก่ใช่หรือไม่? เบิกตาสุนัขของเ้ามองให้ชัดเจน คนของข้า หลังจากกินอาหารของร้านเ้าก็เกิดปัญหาขึ้นมา เ้าลองพูดมาสิว่าเื่นี้จะจัดการอย่างไร?”
บุตรสาวคนเล็กของรองเสนาบดีกรมการคลังกางมือเท้าเอว ชี้ไปที่สาวใช้ที่นอนน้ำลายสีขาวฟูมปาก ชักกระตุกไปทั่วร่างบนพื้น
ได้ยินว่าทางนี้มีความเคลื่อนไหว เหล่าชาวบ้านผู้ชอบชมความครึกครื้นที่อยู่รายรอบยิ่งพากันแห่เข้ามา เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ ผู้ที่พึงกินอาหารอดไม่ได้ที่จะอาเจียน หลิงต้าจื้อยิ่งตะลึงงันไปแล้ว
“นี่ เหตุใดจึงเป็เช่นนี้ได้? หม้อไฟของพวกเราเปิดตัวออกมาก็เป็ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไม่เคยเกิดเื่เช่นนี้มาก่อน” หลิงต้าจื้อเช็ดหยดเหงื่อบนหน้าผากออก รีบคิดถึงบุตรสาว “ถูกแล้ว หมอ ข้าจะไปเชิญหมอเดี๋ยวนี้”
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” จื่อซีจวิ้นจู่ค่อยๆ เอ่ยปากพูด เชิดเปลือกตาขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง สายตามองหลิงต้าจื้ออย่างดูถูก “นี่เป็สาวใช้ที่จะแต่งงานไปพร้อมข้า จื่อซีจวิ้นจู่ บัดนี้กินของของร้านเ้าแล้วก็กลายเป็เช่นนี้ เ้าคิดว่าหาหมอมายังทันการณ์หรือ?”
บุตรสาวคนเล็กของรองเสนาบดีกรมการคลังเมื่อได้ยินคำนี้ ก็รีบร้องะโไปนอกประตูทันที “ทุกคนยังตะลึงอะไรอีก แจ้งทางการเร็วเข้า!”
หน้าประตูของห้องส่วนตัวมีคนมุงล้อมจำนวนมาก ทันทีที่ได้ยินว่าจะแจ้งทางการ หยางต้าโหย่ว ยังมีหยางซื่อและถังซื่อที่อยู่ในครัวด้านหลังต่างรีบขึ้นมาอย่างเร่งร้อน ยามนี้ สาวใช้ที่ยังชักกระตุกอยู่ได้ตกสู่ภาวะหมดสติแล้ว ทุกคนใจนแย่แล้ว
หยางซื่อรีบแอบส่งคนไปหาหลิงมู่เอ๋อร์ หลิงต้าจื้อกลับหยิบตะเกียบ พินิจอาหารที่ส่งขึ้นมาอย่างละเอียด และได้ลองชิมด้วยตนเอง “ไม่มีปัญหานี่นา อาหารพวกนี้ข้าล้วนกินหมดแล้ว ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย”
หยางต้าโหย่วเมื่อได้ยินคำพูดของน้องเขย ก็รีบมองไปยังเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์เบื้องหน้า “อาหารของพวกเราจะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเ้าแต่ละคนเหตุใดจึงไม่เป็อะไรเลย ใช่เพราะสาวใช้ผู้นี้มีโรคเรื้อรังใดหรือไม่?”
“บังอาจ” จื่อซีจวิ้นจู่ตำหนิด้วยความโกรธ “เ้ากำลังสาปแช่งเปิ่นจวิ้นจู่หรือ?”
แต่ไรมาบุตรสาวคนเล็กของรองเสนาบดีกรมการคลังก็ชำนาญการประจบสอพลอเป็ที่สุด เห็นจวิ้นจู่น้อยพิโรธ นางรีบเข้ามาเบื้องหน้า “ยามนี้พวกเ้าควรจะรู้สึกโชคดี ว่าจวิ้นจู่ของพวกเรากินของไปแล้วไม่มีปัญหา ไม่เช่นนั้นพวกเ้าแต่ละคน ต่อให้มีสิบหัวก็ไม่พอให้ตัด”
ถังซื่อเมื่อได้ยินว่าต้องโดนตัดหัว ก็ใจนเกือบจะเป็ลมไป นางมองเหล่าคุณหนูเยาว์วัยอย่างวิงวอน “อาหารของพวกเราไม่มีปัญหาจริงๆ พวกท่านอย่าได้แจ้งทางการ มีข้อเรียกร้องใดกล่าวออกมา พวกเราแก้ไขให้ยังมิได้หรือ?”
คำนี้เมื่อกล่าวออกมา ยิ่งทำให้จื่อซีจวิ้นจู่จับจุดอ่อนได้ “โอ้ นี่ไม่คิดจะรับผิดชอบ คิดจะใช้เงินปิดปากพวกเรา เช่นนั้นจงดูให้ดี ข้านั้นคือจื่อซีจวิ้นจู่!”
เมื่อพูดจบ จื่อซีก็ไม่มองทุกคนอีก ปล่อยให้ทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่ด้านนอก
มีชาวบ้านบางคนเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้ากินอาหารที่เหลือจนหมด แม้แต่เงินก็ไม่จ่าย จากไปอย่างเร่งร้อน
ของในร้านอาหารกินจนมีคนตาย พวกเขายังจะกล้ากินอีกได้อย่างไร ไม่ว่าหลิงต้าจื้อและหยางต้าโหย่วจะอธิบายอย่างไร ทุกคนก็ไม่ยอมฟัง
ร้านอาหารที่เมื่อครู่ยังมีคนแน่นขนัด ในเสี้ยววินาทีว่างเปล่าไร้ผู้คน ส่วนที่หน้าประตูยังมีเหล่าราษฎรจำนวนมากล้อมดูอยู่
คนที่หยางซื่อส่งออกไปกลับมาอย่างรวดเร็ว ที่ได้รับกลับมิใช่ข่าวดี “คุณหนูไม่อยู่ที่โรงหมอเ้าค่ะ ได้ยินซางจือบอกว่าไปเมืองเฟิ่งเฉิงพวกตรวจอาการให้ท่านป้าอะไรไม่ทราบเ้าค่ะ ฟูเหรินตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดีเ้าคะ?”
ราวกับพอกล่าวจบ ผู้ว่าการเมืองหลวงก็นำทหารของทางการสองสามคนเข้ามาอย่างเร่งร้อน “เกิดอะไรขึ้น? เป็สิ่งใดที่กินจนทำให้มีคนตาย เถ้าแก่เป็ผู้ใด อธิบายต่อข้ามาให้ชัดเจน”
บุตรสาวคนเล็กของรองเสนาบดีกรมการคลังรีบก้าวออกไปเป็คนแรก ยืนกรานว่าเป็หม้อไฟของร้านอาหารสกุลหลิงมีปัญหา บนพื้นก็มีสาวใช้ที่หมดสติไปแล้วนอนอยู่อีก ต่อให้หลิงต้าจื้อจะอธิบายอย่างไร ผู้ว่าการเมืองหลวงโบกมือครั้งหนึ่ง “ใครก็ได้เข้ามา รีบปิดผนึกร้านอาหารเสีย จับตัวผู้รับผิดชอบไปที่ว่าการให้หมด!”
หลิงต้าจื้อถูกคนนำตัวไปแล้ว จื่อซีจวิ้นจู่มีฐานะเป็พยานบุคคลก็ต้องตามไปด้วยเช่นกัน ร้านอาหารถูกปิดด้วยป้ายผนึกยาวขนาดใหญ่ภายใต้สายตาของทุกคน
“หัวหน้าครอบครัวของบ้านเราถูกใส่ร้าย พวกท่านอย่าได้จับเขา พวกเราถูกใส่ร้าย” หยางซื่อทางหนึ่งะโ อีกทางก็พุ่งไปหาหลิงต้าจื้อ แต่กลับถูกทหารของทางการสองนายขวางไว้
ถังซื่อก็ใจนแย่แล้ว ร่างกายที่ชราภาพสั่นไม่หยุด “ลูกเขยของบ้านข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น พวกเราทั้งครอบครัวล้วนไม่ใช่คนที่จะทำร้ายผู้อื่นเพื่อทรัพย์สินเงินทอง ในเื่นี้จะต้องมีความเข้าใจผิดใดแน่ ใต้เท้า ท่านต้องตรวจสอบให้ดีนะเ้าคะ”
ไม่ว่าทุกคนจะะโอย่างไร หลิงต้าจื้อก็ถูกนำตัวไปภายใต้สายตาเป็ห่วงของทุกคน
หลันเชี่ยนหยิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มฝูงชนส่งสายตาให้สาวใช้ สาวใช้รีบประชิดไปที่ข้างหูของหยางซื่อ “พวกท่านยังตะลึงอะไรอยู่อีก ยังไม่รีบไปหาหลิงมู่เอ๋อร์เล่า?” สาวใช้พูดจบก็มุดเข้าไปในฝูงชนอีกครั้ง รอจนหยางซื่อคิดจะมองใบหน้าของนางให้ชัด ก็ไม่มีโอกาสแล้ว
“หลิงมู่เอ๋อร์ ข้าจะดูว่าครั้งนี้เ้าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร”
“น้องสาว ตอนนี้จะทำเช่นไรดี พวกเรา พวกเราจะไปขอให้เ้าหนุ่มเฉินช่วยหรือไม่?” ทุกครั้งล้วนเป็ซั่งกวนเซ่าเฉินช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหา หยางต้าโหย่วตัดสินใจไม่ได้แล้วจริงๆ น้องเขยถูกขังอยู่ในคุก ไม่แน่ว่าจะได้รับความทุกข์ทรมานเช่นใด อยู่ต่ออีกชั่วขณะ ก็มีอันตรายเพิ่มมาอีกใน่เวลาสั้นๆ นั้น
“ถูกแล้ว เ้าหนุ่มเฉิน หามู่เอ๋อร์ไม่เจอก็ไปหาเ้าหนุ่มเฉิน พี่ใหญ่ ท่านพาท่านแม่กลับไปก่อน ข้าจะไปหาคน”
เมื่อไม่มีสามีและบุตรสาวอยู่ข้างกาย เห็นได้ชัดว่าพี่ชายไม่สามารถตัดสินใจได้ ท่านแม่ก็ชราแล้ว ที่สามารถแบกรับสกุลหลิงไว้ได้ก็เหลือแต่นางแล้ว
หลังจากหยางซื่อปลอบประโลมถังซื่อสองสามคำก็จากไปอย่างเร่งร้อน น่าเสียดายที่ในยามนี้ ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ไม่อยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน
หยางซื่อที่หมดอาลัยตายอยากเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชน เดินไปเดินไป ไม่นานก็ร้องไห้ออกมา มู่เอ๋อร์ไม่อยู่ เ้าหนุ่มเฉินก็ไม่อยู่ สามีก็ถูกคนจับไปแล้ว ยามนี้จะมีใครสามารถช่วยสกุลหลิงของพวกนางได้กัน