หยางซื่อน้ำตาไหลอย่างเงียบงัน หวาดกลัวจนไม่รู้จะทำเช่นไร สายตาเลือนรางกระทั่งเบื้องหน้าจะชนถูกคนแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
“ขออภัยด้วย ขออภัยด้วย” รู้สึกเพียงว่าร่างกายถูกชนทีหนึ่ง หยางซื่อไม่มีเวลาไปมองคนที่อยู่เบื้องหน้าให้ชัด เอาแต่ก้มหน้าขอโทษ บนกระหม่อมกลับมีเสียงที่น่าฟังดังลอยมา
“ท่านป้า? ท่านเป็อะไรไปหรือ?”
หยางซื่อช้อนตาขึ้น จึงได้เห็นว่า ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็คือซูเช่อ
ถูกแล้ว นางลืมจวิ้นอ๋องน้อยไปได้อย่างไร
“จวิ้นอ๋องน้อย ท่านช่วยพวกเราด้วยเถิด” มิได้พูดสิ่งใดต่อ หยางซื่อก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าของเขาทันที สองมือเอาแต่จับชายเสื้อของเขาไว้
ซูเช่อตะลึงงันไปแล้ว รีบประคองนางขึ้นมา “ท่านป้าลุกขึ้นมาก่อนเถิด มีเื่ใดท่านค่อยๆ พูด ”
ได้ยินว่าชาวบ้านที่ไร้ซึ่งพลังและอำนาจ ทันทีที่เข้าไปในเรือนจำก็ได้แต่รับทุกข์เท่านั้น หยางซื่อจะกล้าชักช้าได้อย่างไร รีบเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ให้เขาฟัง ซูเช่อเมื่อได้ฟังก็ขมวดคิ้วแน่น “จื่อซี?”
เขาหัวเราะเสียงเย็น “เพียงเพราะบิดามารดาสิ้นชีพทั้งคู่ ฝ่าาทรงเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนจึงแต่งตั้งเป็จวิ้นจู่เท่านั้น ยังกล้าเ้าเล่ห์เกเรเช่นนี้!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้เขาก็มีโทสะเต็มไปหมด จวิ้นจู่น้อยจื่อซีผู้นี้ เป็ที่เื่ลือในเมืองหลวงว่าไร้ซึ่งเหตุผล เทียบกับเจาหยางแล้วยังรับมือยากกว่า
ลือกันว่าขอเพียงที่ใดมีความครึกครื้นที่นั่นก็มีนาง เป็ผู้ที่ชมความวุ่นวายโดยไม่กลัวจะเป็เื่ใหญ่ ยิ่งมีข่าวลือว่า ขอเพียงเป็สิ่งที่นาง้า ก็จะคิดหาทุกวิธีเพื่อให้ได้มา ต่อให้ไม่ได้มาก็จะทำลายทิ้ง
หญิงสาวที่ดุร้ายเช่นนี้ ไปมีความเกี่ยวข้องกับร้านอาหารสกุลหลิงได้อย่างไร?
“ท่านป้าโปรดวางใจ เื่นี้มอบให้ข้า หลังจากนี้ข้าจะไปที่ที่ว่าการเมืองเพื่อพาตัวท่านลุงหลิงออกมา ทว่า ท่านต้องบอกข้าก่อน ว่าตอนนั้นนอกจากจื่อซีแล้ว ยังมีผู้ใดอยู่ที่นั่นอีกบ้าง?”
หยางซื่อจะสามารถเรียกชื่อของเหล่าคุณหนูสูงศักดิ์แต่ละคนออกมาได้อย่างไร ที่นางเห็นก็ล้วนแต่หน้าตางดงาม ส่วนผู้ใดเป็ผู้ใดนั้นก็แยกไม่ออกั้แ่แรก
“แปดคน ไม่ ดูเหมือนจะเป็เจ็ดคน คล้ายจะเป็พี่น้องกันทั้งหมด ที่สวมใส่และประดับกายล้วนไม่ใช่หญิงสาวจากครอบครัวทั่วไป ข้าก็ไม่รู้จัก”
ซูเช่อไม่คิดจะบีบบังคับนาง ที่จริงแล้วเขาเพียงอยากรู้ว่ามีหลันเชี่ยนหยิ่งร่วมอยู่ด้วยหรือไม่เท่านั้น เพราะอย่างไร จื่อซีกับหลิงมู่เอ๋อร์ก็ไร้ซึ่งความแค้นต่อกัน เป็ไปไม่ได้ที่จะใส่ความนางโดยไม่มีเหตุผล แต่ว่า หากเป็เพราะออกหน้าให้พี่น้อง เช่นนั้นก็ไม่เหมือนกันแล้ว
“ท่านแม่ หามู่เอ๋อร์พบหรือยังขอรับ ยังมีซั่งกวนเซ่าเฉิน หาพบหรือยังขอรับ?” หลิงจือเซวียนวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ เนื่องจากหันหลังให้ เขาจึงไม่เห็นซูเช่อ
หยางซื่อส่ายหัวอย่างเศร้าสร้อย “มู่เอ๋อร์ออกไปรักษานอกสถานที่ ยามนี้ไม่อยู่ในเมืองหลวง ส่วนเ้าหนุ่มเฉิน ได้ยินว่าออกไปทำงานให้ฮ่องเต้อีกแล้ว แต่ว่าเซวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวล จวิ้นอ๋องน้อยบอกว่าจะต้องช่วยพวกเราแน่”
หลิงจือเซวียนจึงได้เห็นว่าที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือซูเช่อ มือทั้งสองของเขาประสานคำนับ ค้อมเอวเก้าสิบองศา “หลิงจือเซวียนขอบพระทัยจวิ้นอ๋องน้อยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เื่เล็กน้อยเท่านั้นมิต้องจดจำใส่ใจ เ้ามาก็ยิ่งดีแล้ว ก็ไปรับท่านพ่อของเ้าพร้อมข้าเถิด ”
ให้หยางซื่อกลับไปก่อน ซูเช่อพาหลิงจือเซวียนไปยังที่ว่าการ
จวิ้นอ๋องน้อยออกโรง ผู้ว่าการเมืองหลวงจะกล้าล่วงเกินได้อย่างไร แน่นอนว่าหลังจากพูดคุยทักทายอยู่สองสามรอบก็ปล่อยคน แต่ถึงอย่างไรก็เป็เื่ใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตคน ร้านอาหารจึงยังไม่อาจปลดผนึกชั่วคราว
ซูเช่อขมวดคิ้วบางๆ “ความหมายของเ้าคือ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเห็นแก่หน้าบางๆ ของข้าผู้นี้?”
เห็นซูเช่อไม่สบอารมณ์ ผู้ว่าการเมืองหลวงรีบเอ่ยปากอธิบายว่า “ไม่ๆๆ จวิ้นอ๋องน้อยตรัสสิ่งใด ผู้ที่ทรง้าปล่อยตัวกระหม่อมก็ปล่อยให้พระองค์แล้ว เพียงแต่ร้านอาหารนี้ วันนี้มีชาวบ้านจำนวนมากถึงเพียงนั้นมาล้อมดู เื่นี้หากไม่จัดการ เปิ่นกวนก็ยากที่จะอธิบายกับราษฎรได้พ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ว่าการเมืองหลวงเป็ขุนนางดีที่ซื่อสัตย์ยุติธรรม ปล่อยคนได้ แต่อาหารในร้านอาหารมีปัญหา เื่นี้ต้องตรวจสอบอย่างเคร่งครัด วันนี้เป็เพียงแค่ราษฎรผู้หนึ่งหมดสติ พรุ่งนี้ หากเป็สิบคนร้อยคน จะไม่กลายเป็การสร้างความหวาดวิตกให้กับราษฎรหรือ?
ซูเช่อเข้าใจความหมายของเขาก็ไม่คิดจะทำให้ลำบากใจ เอ่ยปากอย่างเรียบเฉยว่า “หืม? ในเมื่อเป็เช่นนี้ เปิ่นหวางก็จะช่วยพวกเ้าตรวจสอบ สาวใช้ที่หมดสติผู้นั้นอยู่ที่ใด พาข้าไปดู ”
ยามนี้ สาวใช้กำลังนอนอยู่ในห้องรับแขกของที่ว่าการ ผู้ว่าการก็ได้เรียกท่านหมอมาตรวจอาการเช่นกัน คำตอบที่ได้รับเป็การถูกพิษจริงๆ
“เป็ไปไม่ได้ อาหารในร้านอาหารของพวกเราล้วนผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีทางที่จะมีพิษได้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าจะไปถูกพิษจากที่อื่น?” อารมณ์ของหลิงจือเซวียนพลุ่งพล่านเป็อย่างมาก มือทั้งคู่ของเขากำเป็หมัดแน่น สองตาเบิกโต ร่างกายยิ่งปั่นป่วนจนสั่นสะท้านเบาๆ
“ได้แต่ยืนยันว่าถูกพิษจริงๆ แต่ว่าถูกพิษในเวลาใดนั้น เื่นี้ก็สร้างความลำบากให้ข้าเกินไปแล้ว” ท่านหมอยักไหล่ เขาเป็เพียงหมอ มิได้เป็แพทย์ผู้ชันสูตรของทางการเสียหน่อย
หลิงจือเซวียนยังอยากจะพูดสิ่งใดอีก ถูกซูเช่อหยุดไว้ ทำสัญลักษณ์มือ เป็สัญญาณให้ทุกคนตามออกไป
ผู้ว่าการเมืองหลวงไม่รู้ว่าจวิ้นอ๋องน้อย้าทำสิ่งใด ได้แต่ตามอยู่เื้ัอย่างเชื่อฟัง
ประมาณ่เวลาครึ่งก้านธูป ซูเช่อกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเพียงเขาเท่านั้น และยังสวมหน้ากากด้วย
เห็นเพียงเขาหยิบขวดสีดำเล็กๆ ออกมาจากอก จากนั้นวางไว้ใต้จมูกของสาวใช้ที่หมดสติ ให้นางดม เพียงครู่เดียวสาวใช้ก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาแล้ว
นางมองไปรอบกายอย่างสงสัย ในยามที่เห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าเตียง มือทั้งสองก็กอดเข้าที่อก สีหน้าระมัดระวัง “เ้า เ้าเป็ใคร ที่นี่คือที่ใด? เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่?”
ซูเช่อยกริมฝีปากอย่างชั่วร้าย “ข้าย่อมต้องเป็คนของจื่อซีจวิ้นจู่เช่นกัน นางให้ข้ามาบอกเ้า มิได้ลืมคำพูดที่กำชับเ้าไว้ก่อนหน้านี้กระมัง?”
สาวใช้มิได้ระมัดระวัง เมื่อได้ยินว่าเป็คนของเ้านายก็รีบพยักหน้า “บ่าวไม่กล้าลืมเ้าค่ะ นายหญิงสั่งไว้ว่า หลังจากตื่นขึ้นมา ไม่ว่าผู้อื่นถามสิ่งใด ล้วนให้พูดว่าถูกพิษหลังจากกินเนื้อแกะลวกที่ร้านอาหารสกุลหลิง แต่ว่า เหตุใดเมื่อก่อนข้าจึงไม่เคยเห็นเ้าอยู่ข้างกายนายหญิงมาก่อน เหตุใดเ้าจึงใส่หน้ากาก?”
“ข้างกายของจื่อซีจะมีคนที่ไม่เคยเห็นข้าได้อย่างไร ไม่สู้เ้าลองมองให้ละเอียดดูอีกครั้ง?” ได้รับคำตอบที่้า ซูเช่อก็ไม่ปลอมแปลงอีก ปลดหน้ากากออกอย่างช้าๆ
สาวใช้ที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของบุรุษก็ตะลึงไปทั้งตัว รีบปิดปากอย่างใ “จวิ้น จวิ้นอ๋องน้อย เหตุใดจึงเป็ท่านได้?”
ถึงอย่างไรก็อยู่ข้างกายจวิ้นจู่มานานหลายปี ทันทีที่รู้ว่าตนโดนหลอก สาวใช้รีบมองไปที่นอกประตูทันที น่าเสียดาย ภายใต้สัญญาณปรบมือสองสามครั้งของซูเช่อ ผู้ว่าการเมืองหลวง ท่านหมอ และหลิงจือเซวียนก็พากันเดินเข้ามา
“ช่างเป็สาวใช้ที่ดีจริงๆ ถึงกับกล้าแกล้งป่วยใส่ความร้านอาหารสกุลหลิง พูด เป็จื่อซีจวิ้นจู่สั่งให้เ้าทำเช่นนี้ใช่หรือไม่ ยังมี ยาพิษของเ้านั้นมีที่มาอย่างไร?”
บ่าวรับใช้ใจนแย่แล้ว แต่เป็ตายอย่างไรก็ไม่ยอมรับอย่างจงรักภักดี “ข้า ข้าไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น และก็ฟังไม่เข้าใจว่าพวกท่านกำลังพูดสิ่งใดกัน! ข้าถูกพิษที่ร้านอาหารสกุลหลิง ถูกแล้ว เป็เนื้อแกะลวกนั่น”
หลิงจือเซวียนหายใจกระชั้นด้วยโทสะ “เมื่อครู่เ้ามิได้พูดเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เป็เ้านายของเ้าสั่งการให้เ้าทำเช่นนี้ ถูกหรือไม่?”
“ไม่ใช่!” สาวใช้ะโเสียงดัง ในยามที่มองซูเช่ออีกครั้ง นางกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ขอจวิ้นอ๋องน้อยโปรดพิจารณา นายหญิงจะเป็ผู้ที่ชั่วร้ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ขอจวิ้นอ๋องน้อยได้โปรดเชื่อนายหญิงและเชื่อบ่าวด้วยเถิดเพคะ”
ซูเช่อก็เพราะไม่เชื่อจึงได้ใช้วิธีการนี้
เห็นเขาสะบัดมือของนางที่จับชายเสื้อเขาไว้อย่างรังเกียจ คำพูดที่เอ่ยปากดูราวกับไม่ใส่ใจ แต่กลับร้ายกาจอย่างมาก “เ้าไม่พูดก็ไม่เป็ไร เพียงแต่ข้าจะให้คนขังเ้าไว้ในคุกใต้ดิน ได้ยินว่าที่แห่งนั้น ทั้งมืดมิดและอับชื้น อีกทั้งยังจะถูกผู้คุมที่ใจกล้ารังแกเอาอีก มิเช่นนั้น เ้าลองเดาดู หากเ้าถูกขังแล้ว นายหญิงของเ้าจะออกหน้าช่วยเ้าหรือไม่?”
จื่อซีหากออกหน้า ก็จะเป็การแสดงว่าทั้งหมดนี้เป็ฝีมือของนาง เกรงว่ายามนี้ นางแทบจะหลบไม่ทัน
“อย่า อย่าทำเช่นนั้นกับข้า ข้าพูด ข้าพูดทุกอย่างแล้วเ้าค่ะ”
สาวใช้กลัวจนแย่แล้ว ที่ข้างนอก นางยังมีบุพการีวัยชราอีกสองคนที่ต้องดูแล หากเกิดเื่ใดขึ้นจริงๆ คนที่บ้านจะทำเช่นไร?
“เป็จวิ้นจู่น้อย เพื่อที่จะแก้แค้นให้คุณหนูหลัน จงใจใส่ร้ายร้านอาหารสกุลหลิง กล่าวว่า ทำเช่นนี้ก็จะทำให้หลิงมู่เอ๋อร์ลำบาก แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็คุณหนูสูงศักดิ์ มีข้าเพียงคนเดียวที่เป็บ่าวรับใช้ นายหญิงจึงนำยาพิษออกมาให้ข้ากินลงไปก่อน บอกว่าภายหลังค่อยให้คนมาช่วยข้ากลับไป จวิ้นอ๋องน้อย ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็ความจริง ไม่กล้าปิดบังเป็อันขาด ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็ความคิดของนายหญิงเพคะ”
ซูเช่อขมวดคิ้ว “คุณหนูหลัน? หลันเชี่ยนหยิ่ง?”
“ใช่เพคะ วันนี้สีหน้าของคุณหนูหลันไม่ดีอย่างมาก ได้ยินว่าเป็เพราะเื่ที่จวิ้นอ๋องน้อยทรงปฏิเสธการแต่งงาน นายหญิงรู้สึกว่าครื้นเครงดีจึง้าที่จะปราบหลิงมู่เอ๋อร์ ดังนั้นจึง…”
“ดังนั้นพวกเ้าจึงได้ใส่ความเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่านำพาความยุ่งยากมาสู่สกุลหลิงของพวกเรามากเพียงใด!”
หลิงจือเซวียนหายใจถี่ด้วยความโมโห หากมิใช่เพราะเห็นแก่ที่นางเป็สตรี ก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอนางให้หักแล้ว
“ใช้ได้แล้ว บัดนี้ความจริงเป็ที่กระจ่าง เ้ารู้ว่าควรทำเช่นใดแล้วกระมัง?” ซูเช่อหันกาย สายตากวาดผ่านร่างของผู้ว่าการเมืองหลวง ฝ่ายหลังรีบค้อมเอวเก้าสิบองศา “ภายในเมืองหลวงเกิดเื่ที่ชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็ผู้ใด เปิ่นกวนจะต้องตรวจสอบไม่ละเว้น ขอให้จวิ้นอ๋องน้อยโปรดวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ซูเช่อที่เดินไปถึงประตูแล้วหันศีรษะกลับมาอีกครั้ง “เพียงเท่านี้?”
ผู้ว่าการเมืองหลวงตะลึง แต่ก็ตอบสนองกลับมาได้อย่างรวดเร็ว “เปิ่นกวนจะรีบส่งคนไปปลดผนึกร้านอาหารสกุลหลิงทันที และจะพิสูจน์ความจริงต่อเหล่าราษฎรอย่างเปิดเผย มิทราบว่าจวิ้นอ๋องน้อยยังทรงมีคำสั่งใดอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“เ้าเป็ขุนนางดีที่ซื่อสัตย์ ยุติธรรมอย่างหาได้ยาก ครั้งหน้ายามเปิ่นหวางพบฝ่าา จะต้องพูดชื่นชมให้เ้าแน่”
ทิ้งคำพูดไว้ ซูเช่อพาหลิงจือเซวียนไปรับหลิงต้าจื้อด้วยตนเอง
เนื่องจากพึ่งถูกจับเข้าไป เนื่องจากยังไม่มีการไต่สวน ผู้คุมจึงยังมิได้รีบร้อนใช้ทัณฑ์ทรมาน สภาพจิตใจของหลิงต้าจื้อก็ดีมาก ซูเช่อให้พวกเขาทั้งสองคนกลับไปก่อน ตนเองไปทำอีกเื่ที่สำคัญยิ่งกว่า
“คุณหนู จวิ้นอ๋องน้อยมาเยี่ยมท่านแล้วเ้าค่ะ” สาวใช้วิ่งมาจากด้านนอกอย่างยินดีปรีดา
หลันเชี่ยนหยิ่งที่กำลังนั่งทำงานปักอยู่บนเก้าอี้ตะลึง ปลายเข็มแทงทะลุมือ แต่กลับมิอาจขัดขวางความยินดีในหัวใจแม้แต่น้อย “จริงหรือ?”
“เร็ว รีบช่วยข้าประทินโฉมเร็วเข้า ประเดี๋ยว นำชุดสีเหลืองอ่อนที่หลายวันก่อนพึ่งทำเสร็จมา พี่เช่อบอกว่าข้าใส่สีเหลืองแล้วน่าดู” หลังจากได้รับการยืนยันจากสาวใช้เป็ครั้งที่สามว่าซูเช่อมาที่จวน ในใจของหลันเชี่ยนหยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายินดีเพียงใด ยิ่งนำปิ่นปักผมที่พึ่งซื้อมาใหม่มาประดับไว้บนศีรษะด้วย
“เ้าค่ะ งดงามจริงๆ รับรองว่าเมื่อจวิ้นอ๋องน้อยทรงเห็นแล้ว แม้แต่ขาก็ก้าวไม่ออกแล้วเ้าค่ะ ”
“เป็เ้าที่ปากหวาน” ได้ยินสาวใช้ชื่นชม มองภาพสะท้อนของตนเองอีกครั้งก็พอใจอย่างมากจริงๆ หลันเชี่ยนหยิ่งยิ้มไม่หุบ “จวิ้นอ๋องน้อยทรงอยู่ที่ใด รีบพาข้าไป”
“บอกว่ารออยู่ที่ศาลารับลมด้านหน้าเ้าค่ะ”
ยากนักที่ซูเช่อจะมาหานาง ไม่ว่าเป็เพราะเหตุใด วันนี้นางจะต้องรั้งคนไว้ให้ได้ ไม่อาจไปสนใจความสง่างามของคุณหนูสูงศักดิ์ ฝีเท้าของหลันเชี่ยนหยิ่งรวดเร็วเป็อย่างมาก
จากไกลๆ มองเห็นคุณชายที่สง่างามผู้นั้นยืนอยู่ในศาลารับลมกลางบึง หลันเชี่ยนหยิ่งกำลังจะยื่นมือออกไปส่งสัญญาณ แต่กลับเห็นว่าในอ้อมอกของเขาโอบกอดสตรีไว้นางหนึ่ง