หลิงมู่เอ๋อร์จะคิดเช่นใดได้ ตัวนางในตอนนี้ตะลึงไปหมดแล้ว
ดังนั้นนี่คือ พวกไท่จื่อสองสามีภรรยานี้วางแผนจะร่วมมือกันกักตัวนางไว้ในตำหนักรัชทายาทหรือ?
คนหนึ่งใช้ไม้แข็ง อีกคนใช้ไม้อ่อน อ่อนแข็งผสาน ทำให้นางไม่อาจถอนตัวได้?
แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่มีเื่ร้องขอผู้อื่นของไท่จื่อเฟย หลิงมู่เอ๋อร์ก็เดาได้ว่าในใจของนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่ “หากข้ามิได้เดาผิดแล้วละก็ ไท่จื่อเฟยคิดจะมอบข้าให้ไท่จื่อ เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากพระองค์?”
ถูกคนเปิดโปงวัตถุประสงค์ ในเสี้ยววินาทีนั้น ไท่จื่อเฟยรู้สึกอับอายเป็อย่างมาก
สวามีของตนต้องตาสตรีอีกนางในจวนของตน ส่วนนางก็ทำให้ตนเองต่ำต้อยด้วยการใช้วิธีเช่นนี้มาทำให้บุรุษเห็นใจ ‘น่าเวทนา’ สองคำนี้ยังไม่เพียงพอที่จะแสดงถึงสภาพในยามนี้ของนางได้
“อยู่ในวังหลังมีเื่มากมายที่ไม่อาจไม่กระทำ หากเ้ายืนอยู่ในตำแหน่งของข้าก็จะรู้ว่า การมีชีวิตอยู่นั้นน่าเศร้าเพียงใด” ไท่จื่อเฟยที่ในยามปกติเย่อหยิ่งแผ่รัศมีครอบงำผู้คน ยามนี้ก็ราวกับดอกโบตั๋นที่เหี่ยวเฉา พลันสูญเสียความเปล่งประกายทั้งหมดไปในเสี้ยววินาที
ดังนั้น นางจึงไม่เต็มใจที่จะมีความเกี่ยวข้องใดกับวังหลวงทั้งสิ้น ขอเพียงใช้ชีวิตของตนในแต่ละวันอย่างเรียบง่ายก็พอ พี่บุญธรรมนั้นหากมิใช่เพราะรู้จักอยู่ก่อน นางก็ไม่มีทางหาผู้ที่เป็ผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์หลวงมาเป็สามี
“แทนที่ท่านจะมอบข้าให้ไท่จื่อเพื่อได้รับความรู้สึกดีจากพระองค์ มิสู้ทำให้ทรงรักพระองค์อีกครั้ง ไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียง หม่อมฉันพูดถูกหรือไม่เพคะ?” ดวงตาสุกสกาวทั้งคู่ของหลิงมู่เอ๋อร์มองนางอย่างไม่กะพริบตา
“มีหรือที่ข้าจะไม่้า?” ไท่จื่อเฟยถอนใจอย่างคับแค้น “ข้ารู้จักกับไท่จื่อั้แ่ยังเยาว์วัย และแต่งงานมาได้หลายปี กับข้า ไท่จื่อทรงรู้สึกไร้ความสดใหม่ไปนานแล้ว มิเช่นนั้น ข้าจะคิดนำลูกมาผูกพระองค์ไว้ได้อย่างไร? ”
ไท่จื่อเฟยตรัสไป ตนเองก็ส่งเสียงหัวเราะไปด้วย สักพักแล้วที่ไท่จื่อมิได้มาที่ตำหนักบรรทมของนาง แม้แต่การถามไถ่สารทุกข์สุกดิบยิ่งแทบจะไม่มีให้นาง วันนี้ ก็ไม่รู้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไม่ ยากนักที่จะมาที่ตำหนักบรรทมของนางสักครั้ง แต่กลับทำให้เขาพบเข้ากับสตรีที่งดงามอรชรอีกนางหนึ่งแทน
หากมิใช่รู้ว่าหลิงมู่เอ๋อร์มิได้้าแต่งเข้ามาอยู่ในส่วนลึกของวังแห่งนี้ นางจะคิดรั้งนางไว้ได้อย่างไร? แน่นอนว่า หากสามารถใช้สตรีนางเดียวมาทำให้ไท่จื่อมองนางและปฏิบัติต่อนางใหม่ นางเต็มใจที่จะปล่อยมือเสี่ยงดูสักครา เพราะอย่างไรตำแหน่งของตำหนักกลางนี้ก็เป็ของนางตลอดกาล เหล่าอนุนางบำเรอมากมายพวกนั้น มีผู้ใดบ้างที่เมื่อพบนางแล้วมิต้องผงกศีรษะค้อมเอว?
“มิทราบว่ารู้จักกลยุทธ์ที่เรียกว่าแสร้งปล่อยเพื่อจับหรือไม่เพคะ” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว “ถือว่าเป็การขอบพระทัยที่เมื่อครู่ทรงช่วยหม่อมฉันแก้สถานการณ์ วันนี้ หม่อมฉันจะช่วยพระองค์ในเื่นี้”
สอบถามอย่างง่ายๆ ครู่หนึ่ง เกี่ยวกับเื่สำคัญพิเศษที่เคยเกิดขึ้นระหว่างไท่จื่อกับไท่จื่อเฟย ไท่จื่อเฟยอยากได้รับความรู้สึกดีๆ จากไท่จื่ออย่างจริงใจ เล่าทุกรายละเอียดจนไม่อาจละเอียดไปกว่านั้นได้อีก
แผนการของหลิงมู่เอ๋อร์ง่ายมาก ขอเพียงไท่จื่อเฟยไปปรากฏตัวในสถานที่ที่ไท่จือปรากฏตัวบ่อยๆอย่างมิได้เจตนา และในยามที่สายตาของไท่จื่อมองมาและคิดจะค้นหานั้น นางจะต้องจากไปใน่เวลาแรกทันที จากนั้น ทำเื่ค่อนข้างสำคัญที่คนทั้งสองเคยทำร่วมกันอีกครั้งโดยตั้งใจและมิได้ตั้งใจ ส่วนในยามที่ไท่จื่อคิดจะใกล้ชิดกับนางเพราะย้อนระลึกถึงอดีตนั้น ไท่จื่อเฟยจะต้องปฏิเสธอย่างจริงจัง เื่ราวที่ติดต่อกันเป็ฉากเป็ตอนนี้จะต้องทำให้เป็ธรรมชาติ
ไท่จื่อเฟยมองหลิงมู่เอ๋อร์อย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ในใจของนางมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง วิธีการนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่กลับเป็การเปลี่ยนผ่านอันยาวนาน แต่ยามนี้ก็ไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้อีก
“ได้ ข้าจะเชื่อเ้าในหนนี้ หากเ้าสามารถช่วยข้าได้จริงๆ ข้าย่อมไม่มีทางลืมบุญคุณในครั้งนี้แน่”
สิบห้าวันให้หลัง
ในยามที่หลิงมู่เอ๋อร์กำลังทำการตรวจรักษาให้ผู้ป่วยอยู่ในโรงหมอ พลันคนกลุ่มหนึ่งก็แบกของขวัญจำนวนมากเข้ามา ผู้เป็ผู้นำนั้น ก็คือมัวมัวชราที่อยู่ข้างกายของไท่จื่อเฟย
“แม่นางหลิงเป็หัตถ์เทพคืนวสันต์จริงๆ ่นี้พระวรกายของไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียงดีขึ้นมาก แม้แต่ปมในใจนานนับหลายปีก็ได้รับการแก้ไข วันนี้เหนียงเหนียงสั่งการข้าให้นำของขวัญพวกนี้มามอบให้แม่นางเป็พิเศษ ขอบคุณในสิ่งที่แม่นางได้ทุ่มเทด้วยตนเอง หวังว่าแม่นางจะรับไว้ทั้งหมด อย่าได้รังเกียจ”
นอกจากเงินจำนวนหนึ่งถาดแล้ว ยังมีผ้าชั้นดีอีกหลายม้วน และที่เจิดจรัสที่สุดนั้นก็คือไข่มุกราตรีเม็ดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง
สำหรับความใจกว้างอย่างกะทันหันของไท่จื่อเฟย หลิงมู่เอ๋อร์รู้สึกตกตะลึง ส่วนผู้ที่มาก็กระทำอย่างเอิกเกริกเช่นนี้อีก พลันชักนำคนนับไม่ถ้วนเข้ามามุงดูทันที
คราวนี้ ไม่เพียงมีอักษรฝีพระหัตถ์พระราชทาน ยังมีการขอบคุณในที่สาธารณะของไท่จื่อเฟยอีก ในเสี้ยววินาที โรงหมอของหลิงมู่เอ๋อร์ก็กระหึ่มดังเป็กระแสไปทั่วเมืองหลวง
“คุณหนูช่างร้ายกาจจริงๆ แม้แต่ไท่จื่อเฟยที่นิสัยแปลกประหลาด ก็ปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่ธรรมดา บัดนี้คุณหนูของเรากลายเป็ผู้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองหลวงไปแล้ว” ซางจืออิจฉาอยู่เล็กน้อย แต่ก็ได้ทำการตัดสินใจอย่างลับๆ นางก็จะกลายเป็บุคคลแบบคุณหนูเช่นกัน
หลิงมู่เอ๋อร์เพียงแต่ยิ้ม มองจดหมายที่ไท่จื่อเฟยแนบไว้กลุ่มของขวัญนิ่งๆ
ไม่ต่างจากที่คิด ในจดหมายเป็พวกคำพูดประเภทการขอบคุณ ที่แท้หลายวันมานี้ ไท่จื่อเฟยทำตามคำแนะนำของตน ใน่เวลาสั้นๆ เพียงเจ็ดวันก็ได้รับความรู้สึกดีๆ จากไท่จื่ออีกครั้ง ส่วนนางก็แก้ความเอาแต่ใจในอดีต เปลี่ยนเป็อ่อนโยนดีงาม ไท่จื่อยิ่งค้างคืนอยู่ที่ตำหนักบรรทมของนางติดต่อกันถึงสามวัน และปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยนขึ้นมาก
ไท่จื่อเฟยแสดงออกว่าในอนาคตจะไม่เป็ศัตรูกับหลิงมู่เอ๋อร์อีกอย่างเด็ดขาด และสำหรับคำขอร้องของนางก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่
อยู่ในเมืองหลวง มีเพื่อนเพิ่มอีกคนหนึ่งย่อมดีกว่ามีศัตรูเพิ่มอีกคนหนึ่งมากนัก แม้ไท่จื่อเฟยจะยังไม่นับเป็เพื่อนของนาง แต่อย่างน้อยก็มิได้เป็ศัตรูของนางแล้ว
ร่างกายของนางได้ถูกปรับจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว หากเป็เช่นนี้ต่อไป การตั้งครรภ์นั้นเป็เพียงเื่ของเวลาเท่านั้น ส่วนเพราะเหตุใดนางจึงได้รับประทานหญ้าฝรั่นมาเป็เวลานาน นั่นก็เป็เื่ที่นางต้องไปตรวจสอบเองแล้ว
ตำหนักรัชทายาท ทันทีที่หลันเชี่ยนหยิ่งเข้าประตูมาก็เห็นไท่จื่อเฟยที่ยิ้มไม่หุบ ในใจรู้สึกสงสัย “เชี่ยนหยิ่งรู้สึกว่ายามที่ลูกผู้พี่หญิงแย้มสรวลนั้นงดงามที่สุดเลยเพคะ มิทราบว่าได้พบกับเื่มงคลยิ่งใหญ่ใดหรือเพคะ ทั่วทั้งพระวรกายคล้ายจะงดงามเปี่ยมเสน่ห์ขึ้นไม่น้อย”
มีสตรีนางใดไม่รักสวยรักงาม ถูกคนกล่าวชม ไท่จื่อเฟยยิ่งหัวเราะจนจิตใจเบิกบานราวฤดูใบไม้ผลิ นางมองตนเองในกระจกทองแดง ลูบใบหน้าที่งดงามประณีต “จริงหรือ? วันนี้ข้าดูอ่อนเยาว์ลงจริงหรือ?”
“หากไม่รู้ยังคิดว่าพี่หญิงเป็หญิงสาวที่ยังมิได้ออกเรือนแน่เพคะ ใบหน้าเนียนลื่น ผิวพรรณก็ดี เชี่ยนหยิ่งรู้สึกอิจฉาจริงๆ เพคะ” หลันเชี่ยนหยิ่งเล่นกล่องแป้งในมือ “ได้ยินว่าตอนนี้ในตลาดมีชาดชนิดใหม่ออกมา สามารถช่วยเสริมสีผิวได้ เมื่อเชี่ยนหยิ่งเห็นก็คิดจะซื้อมามอบให้พี่หญิงทันที แต่ดูไปแล้ว ตอนนี้พี่หญิงน่าจะทรงไม่จำเป็ต้องใช้แล้วเพคะ”
ได้ยินว่ามีเครื่องประทินโฉมชั้นดี ไท่จื่อเฟยที่รักความงาม รีบหันกายไปคว้ามาทันที “ของสิ่งนี้วิเศษเช่นนั้นจริงหรือ?”
หลันเชี่ยนหยิ่งรีบพยักหน้า “เชี่ยนหยิ่งย่อมต้องลองด้วยตนเองก่อนแล้วจึงจะกล้านำมามอบให้พี่หญิง แต่ว่า พี่หญิงยังมิได้ทรงบอกเชี่ยนหยิ่งเลย ว่าเป็เื่ใดกันที่ทำให้ทรงเบิกบานเช่นนี้?”
ไท่จื่อเฟยเป็ลูกพี่ลูกน้องหญิงแท้ๆ ของหลันเชี่ยนหยิ่ง ในอดีตก็ไม่มีสิ่งใดที่ไม่พูดคุยกัน เื่ที่ไท่จื่อละเลยนางจะมากน้อยก็เคยพูดถึงกับหลันเชี่ยนหยิ่งมาก่อน ่นี้ไท่จื่อเปลี่ยนแปลงมากถึงเพียงนี้ นางย่อมอดใจไม่ได้ที่จะบอกกับทุกคนว่านางกลับมาเป็ที่โปรดปรานแล้ว
ส่งสายตาให้มัวมัวที่อยู่ข้างกาย มัวมัวเข้าใจความหมาย รีบเอ่ยปากทันทีว่า “เป็เพราะ่นี้ไท่จื่อเหยียทรงโปรดปรานรักใคร่เหนียงเหนียงเป็พิเศษ เมื่อเหนียงเหนียงทรงสำราญพระทัย พลังจิติญญาจึงสูงขึ้นมาเ้าค่ะ”
หลันเชี่ยนหยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็แสร้งเป็ประหลาดใจอย่างมาก “จริงหรือ? เช่นนั้นต้องขอแสดงความยินดีกับพี่หญิง ยินดีด้วยอย่างยิ่งเพคะพี่หญิง”
ไท่จื่อเฟยยินดีราวกับสาวน้อยที่เขินอาย พวกแก้มแดงระเรื่อ
นางก็คิดไม่ถึงว่า เพียงไม่กี่คำของหลิงมู่เอ๋อร์ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีถึงเพียงนี้ นางได้คำนวณไว้แล้ว ในสิบห้าวันนี้ ไท่จื่อมาหานางเกินกว่าห้าครั้ง อีกทั้ง่นี้ก็เป็เวลาที่ดีของนาง คิดว่าการตั้งครรภ์ั เป็เพียงเื่ช้าเร็วเท่านั้น
“ไท่จื่อทรงสามารถพบความดีของข้าอีกครั้ง เป็เื่ที่ทำให้ข้ามีความสุขอย่างมาก พูดไปแล้วเื่นี้ยังต้องขอบคุณหลิงมู่เอ๋อร์” ไท่จื่อเฟยเอ่ยปากอย่างมิได้ตั้งใจ พูดจบจึงรู้สึกตัวว่าตนกล่าวคำพูดผิดไป แต่นางก็มิได้ใส่ใจ
เื่ที่หลันเชี่ยนหยิ่งไม่ชอบหลิงมู่เอ๋อร์นางเคยได้ยินมาก่อน แต่อย่างไรฝ่ายหลังก็ได้ช่วยเหลือนาง นางคงไม่มีความจำเป็ต้องละทิ้งสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเพื่อลูกผู้น้องนางหนึ่งกระมัง
อย่างที่คิด สีหน้าของหลันเชี่ยนหยิ่งเปลี่ยนอย่างฉับพลัน
“เชี่ยนหยิ่ง ข้ารู้ว่าเ้ากับหลิงมู่เอ๋อร์แต่ไรมาไม่ลงรอยกัน ซูเช่อก็เป็เพราะนางจึงเอ่ยปากถอนหมั้นต่อหน้าเหล่าขุนนางด้วยตนเอง เื่นี้สำหรับเ้าแล้วสร้างผลกระทบอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร นั่นก็เป็เื่ที่ซูเช่อกระทำแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหลิงมู่เอ๋อร์แม้แต่น้อย เ้าเป็คนฉลาด รู้ถึงเหตุผลที่อยู่ภายในใช่หรือไม่? ”
ถูกไท่จื่อเฟยจับข้อมือของนางสั่งสอน บนใบหน้าของหลันเชี่ยนหยิ่งแม้จะไม่คลื่นลมใดๆ ทว่าในใจกลับโมโหเป็อย่างมาก
หลิงมู่เอ๋อร์ที่ยอดเยี่ยม คิดไม่ถึงว่า่เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน ถึงกลับสามารถทำให้ไท่จื่อเฟยเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยใจคอ นางจำได้ว่า ก่อนหน้านี้ครึ่งเดือน ไท่จื่อเฟยยังปรับทุกข์กับนางว่า หลิงมู่เอ๋อร์ขวัญกล้าบังอาจ คิดจะสั่งสอนนาง ช่างเป็คนที่มีฝีมือจริงๆ
“พี่หญิง หลิงมู่เอ๋อร์ผู้นั้น ดีขนาดที่ทรงตรัสมาเลยหรือเพคะ?” หลันเชี่ยนหยิ่งถามอย่าลองเชิง ไท่จื่อเฟยกลับพยักหน้าอย่างเรียบๆ
“ในตอนแรกข้าก็ไม่ชอบนางเช่นกัน เ้าก็รู้ แต่นางคนนี้มิได้ถือสา มิเพียงช่วยรักษาโรคให้ข้า ยังช่วยข้าวางแผน นั่น ่นี้ที่ไท่จื่อเปลี่ยนใจกลับมา ก็เพราะฟังแผนการของนาง อย่าได้พูดไป ความคิดของหลิงมู่เอ๋อร์ผู้นี้มีมากจริงๆ”
เห็นไท่จื่อเฟยยิ้มไม่หยุด หลันเชี่ยนหยิ่งแทบอยากจะบุกไปเบื้องหน้าของหลิงมู่เอ๋อร์ในตอนนี้ แล้วตบนางสองที
นางจิ้งจอก ยั่วยวนพี่เช่อไม่พอ ยังรู้จักล่อลวงจิตใจผู้คนเช่นนี้อีก ภูผาหนุนหลังเพียงคนเดียวของนาง ก็ถูกนางขุดไปแล้ว
ความแค้นที่ยากจะเลิกรานี้นางรับไว้แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าหมอสามัญชนธรรมดาคนหนึ่ง สาวชนบทตัวเล็กๆ จะมีความสามารถเช่นนี้ แต่พี่หญิงทรงมีความสุขก็พอแล้วเพคะ เชี่ยนหยิ่งไม่กล้ารบกวนอารมณ์ดีๆ ของพี่หญิง ทูลลาก่อนเพคะ”
นางไม่มีอารมณ์นั่งปั้นหน้าเสแสร้งอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ
ที่นางมาในวันนี้ก็เพราะอยากจะถามให้ชัดเจน ตกลงกันแล้วว่าจะช่วยทวงความเป็ธรรมให้นาง เหตุใดนานแล้วจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหว หลิงมู่เอ๋อร์ผู้นั้นไม่เพียงไม่ได้รับการสั่งสอน กิจการของโรงหมอกลับยิ่งเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งนางยังได้ยินว่า พี่เช่อยิ่งวิ่งไปโรงหมอของนางวันเว้นวัน ช่างทำให้คนโมโหแทบตายจริงๆ
“เอาเถอะ เชี่ยนหยิ่ง ผู้อื่นไม่รู้จักเ้า เปิ่นกงยังไม่เข้าใจหรือ? ในใจของเ้ามีความโกรธ ไม่อาจทนเห็นข้าชื่นชมหลิงมู่เอ๋อร์ว่าดีใช่หรือไม่?”
ไท่จื่อเฟยก็มิได้ขวางนางไว้ แต่คำพูดที่ตรัสออกมาทำให้หลันเชี่ยนหยิ่งไม่กล้าก้าวไปต่อแม้แต่ก้าวเดียว
ถึงอย่างไรพี่หญิงก็เป็ไท่จื่อเฟย หากสามารถยืมมือนางกำจัดหลิงมู่เอ๋อร์ เื่ดีเช่นนี้เหตุใดนางจึงจะไม่ทำเล่า?
หลันเชี่ยนหยิ่งรีบร้องไห้กระซิกๆ นั่งยองๆ ยอบกายลงหน้าไท่จื่อเฟย ใบหน้าเต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หญิง ท่านเป็พี่หญิงของข้า ผู้ที่สามารถช่วยข้าได้ก็มีแต่ท่านเท่านั้นแล้ว พี่เช่อเพื่อนางแล้วทำให้ข้าอับอายเช่นไรท่านรู้ดีที่สุด ข้าได้ยินว่า หลิงมู่เอ๋อร์ผู้นั้นมีคู่หมั้นอยู่ ยังเป็ผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์ซั่งกวนเซ่าเฉินอีกด้วย แต่ในเมื่อนางมีคนที่คบหาด้วยแล้ว ยังยึดครองพี่เช่อไว้อีก ข้าไม่ยินยอม”
เมื่อก่อน ทุกครั้งที่หลันเชี่ยนหยิ่งมาร้องทุกข์กับนาง ไท่จื่อเฟยล้วนรู้สึกว่านางน่าสงสารเป็อย่างมาก แต่ครั้งนี้นางนั่งยองอยู่ข้างกายร้องไห้พิรี้พิไร กลับทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียน
คำพูดเมื่อครู่ของนางกล่าวอย่างชัดเจนมากแล้ว เื่ยกเลิกการแต่งงานเป็ความคิดของซูเช่อเพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับหลิงมู่เอ๋อร์ อีกทั้งหลิงมู่เอ๋อร์ยังชอบเพียงซั่งกวนเซ่าเฉินเท่านั้น มองไปทั่วเมืองหลวงทุกคนล้วนทราบ หากนางยังไปหาเื่คนเขาอีก มิเท่ากับไร้เหตุผลหรอกหรือ?
“เชี่ยนหยิ่ง อย่าได้ไม่รู้เหตุผล ใจของซูเช่อมิได้อยู่ที่ตัวเ้า ต่อให้เ้าทำเช่นไรก็ไม่มีประโยชน์ อีกทั้งข้าได้ยินว่า อีกไม่นานหลิงมู่เอ๋อร์กับซั่งกวนเซ่าเฉินก็จะแต่งงานกันแล้ว แทนที่จะถ่วงเวลาต่อสู้กับนาง ไม่สู้เรียนจากข้าให้มากหน่อย ลองวางแผนดูดีๆ ว่าจะทำอย่างไรให้ได้รับความสนใจจากซูเช่ออีกครั้ง” ไท่จื่อเฟยตรัสจบ น้ำเสียงก็เ็าขึ้นมา “แน่นอน เ้าเป็คนฉลาด เ้าควรรู้ว่าใต้หล้านี้ไม่มีที่ใดไร้ต้นหญ้า ในโลกใบนี้ก็มิได้มีซูเช่อเป็บุรุษเพียงคนเดียว”