“ไม่...ไม่ได้ลำบากอันใด ท่านที่ไปรบสิต้องลำบาก ข้าจะใช้ชีวิตสุขสบายคนเดียวได้อย่างไรกัน” หลินหร่านฝืนความเ็ปของร่างกายระบายยิ้มออกมา เขากลัวความเ็ปที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับอดกลั้นไว้ได้
อวี้ฉู่จาวถามหลินหร่าน ‘เ้าคงได้รับความลำบากมาไม่น้อยสินะ’ ประโยคนี้หลินหร่านจะเอาอะไรมาแลก พวกเขากำลังจะตายแล้ว นั่นแลกมากับครึ่งชีวิตของการตั้งตารอคอยและการเฝ้าดูอีกฝ่ายเชียวนะ
ในปีนั้นหลินหร่านอายุ 13 ปี ใช้ชีวิตอยู่ที่กระท่อมฟางนอกจวนแม่ทัพสองปี เวลานั้น บนท้องถนนดูครึกครื้น พอได้ยินว่ากองทัพนำชัยชนะกลับมา ในใจจึงคิดว่าจะมีผู้เป็บิดาของตนหรือไม่ถึงได้วิ่งออกไปดู
ผลสุดท้าย เขาไม่ได้เจอบิดาแต่กลับได้พบชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่บนหลังอาชา หอกยาวสีฟ้าเงินถูกคาดอยู่ด้านหลัง ช่างสูงส่งและหล่อเหลากว่าทุกคน
เพียงสบตา หลินหร่านพลันถูกดึงดูดจากท่านอ๋องรูปงามราวกับเทพ
ชาวเมืองต่างพากันโห่ร้องร่วมยินดีให้กับชัยชนะของเทพเ้าแห่งากันระงม ส่วนหลินหร่านตกตะลึง เขาตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น
กิตติศัพท์ของท่านอ๋องนั้น หลินหร่านเคยได้ยิน่ที่เขาทำงานอยู่ในโรงน้ำชาเล็กน้อย ในตอนนั้นก็คิดว่าเก่งกาจน่ายกย่องนับถือ
แต่เมื่อได้มาพบตัวจริงวันนี้ เขากลับได้แต่ถอนหายใจ
คนอะไรทำไมถึงได้ไร้ที่ติเช่นนี้ เป็คนที่มองได้เพียงไกลๆ มิอาจจับต้อง
ั้แ่นั้นเป็ต้นมา อวี้ฉู่จาวตราตรึงอยู่ในใจของหลินหร่าน
มาถึงบัดนี้ เขาเป็รักแรกพบที่ทำให้หลินหร่านยอมที่จะสละชีวิตครั้งที่สองได้อย่างง่ายดาย
“เป็ความผิดของข้า” อวี้ฉู่จาวไม่เคยรู้จักหลินหร่านมาก่อน ในใจอดคิดไม่ได้ว่า ‘ไม่คิดว่าจะเป็คนที่ดูนุ่มนวลถึงเพียงนี้’
ก่อนหน้านี้จิตใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง คนหยิ่งยโสอย่างเขาคิดอยู่เสมอว่า ที่บิดาให้แต่งงานกับชายาที่เป็ชายเพื่อทำลายเขา ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่เคยปฏิบัติต่อชายาของตนเองดีๆ แม้กระทั่งตอนที่อวี้ฉู่ซวนพาหลินหร่านเข้ามา เขายังพูดหนึ่งประโยคว่า ‘อย่างไรสักวันก็ต้องลาจากอยู่ดี’
เท่ากับว่าเขาเองได้ทำลายชีวิตของหลินหร่านไปแล้วไม่ใช่หรือ
“ท่านอ๋องไม่ผิด ท่านเป็วีรบุรุษ เป็เทพเ้าแห่งา เป็ผู้พิทักษ์แห่งราชวงศ์ คนที่ผิดคือคนเ่าั้” ประโยคนี้หลินหร่านเอ่ยออกมาด้วยความกล้าหาญ เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาคิดว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปตัดสินใคร
“เหอะ” อวี้ฉู่จาวหัวเราะแ่เบา เสียงหัวเราะนี้ไม่รู้ว่าอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกใด แต่รอยยิ้มบนใบหน้าเขาช่างเป็สิ่งที่พบเห็นได้ยากนัก
ทั้งคู่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เสียงฝีเท้าของเหล่าทหารดังขึ้นในห้องขัง เสียงโซ่เหล็กที่ประตูดังมาจากด้านนอกสะท้อนกึกก้องไปทั่ว
หัวใจของหลินหร่านสั่นสะท้าน มองไปทางประตูเหล็กด้วยความใ
ปฏิกิริยาของหลินหร่าน อวี้ฉู่จาวเห็นได้อย่างชัดเจน เขาออกแรงยืนพิงกำแพงแล้วขยับร่างเข้าไปใกล้
แสงเงาตกลงมาทำให้หลินหร่านเงยหน้ามอง “ท่านอ๋อง…”
“เ้าบอกว่า เ้ากำลังรอข้ากลับบ้าน” อวี้ฉู่จาวไม่รอให้หลินหร่านได้ตอบอะไรก็พูดต่อ “เ้าก็รู้ว่าข้าเป็คนเ็า อาจไม่มีวันมองเห็นความดีของเ้า”
หลินหร่านขยับตัวไปมาแต่ไม่ได้ยืนขึ้น เขาเพียงเปลี่ยนท่านั่งเท่านั้น
“ท่านอ๋อง ท่านเป็คนมีความสามารถ เป็ข้าที่ขวางทางท่าน แต่ข้าก็จริงใจกับท่าน ถึงข้าไม่ได้มีชีวิตที่ดี ไม่อาจเป็คนที่ท่านห่วงหา แต่ท่านจะเป็คนแรกและเพียงคนเดียว”
อวี้ฉู่จาวจ้องมองดวงตาของหลินหร่าน ดวงตาคู่นี้ดูอ่อนล้า แทบไม่มีแม้แต่แรงจะกะพริบตา แต่แสงสะท้อนม่านตากลับเปล่งประกาย
ตึง!
เสียงโซ่ตกกระทบพื้นเสียงดัง ประตูห้องขังถูกเปิด ทหารสวมชุดเกราะหลายนายพากันก้าวเข้ามา
“ออกไปที่ลานปะา!” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น
อวี้ฉู่จาวไม่ขยับ ยังคงมองไปที่หลินหร่าน เหล่าทหารที่เข้ามาล้วนไม่กล้าลงมือ
‘อธิบายไม่ถูกเอาเสียเลย’ หลินหร่านคิดในใจ ทว่าเวลานี้ เขากลับไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกเท่าที่ควร
“ไปกันเถอะ” แววตาของอวี้ฉู่จาวอ่อนโยนขึ้นมาก
เหล่าทหารสวมชุดเกราะได้รับการตอบกลับจากอดีตเทพเ้าแห่งาแล้วก็หันมาะโใส่หลินหร่าน “รีบออกไป!”
ทหารเ่าั้ไม่กล้าแตะต้องอดีตเทพเ้าแห่งา แต่กล้าที่จะจัดการหลินหร่าน ก่อนทหารนายหนึ่งจะสั่งทหารข้างหลังให้ลากหลินหร่านออกมา
เมื่อทหารด้านหลังก้าวออกมา อวี้ฉู่จาวก็หันไปมองจนทหารนายนั้นถอยกลับไป
จากนั้นอวี้ฉู่จาวก้มตัวลง ประคองร่างของหลินหร่านขึ้น แต่หลินหร่านกลับก้มหัวพร้อมดึงแขนของตนเองออก
“เป็อะไรไป” อวี้ฉู่จาวคิดว่าหลินหร่านหวาดกลัวจึงได้เอ่ยถาม “กลัวหรือ”
หลินหร่านส่ายหัวด้วยความไม่มั่นใจ แล้วค่อยๆ ดึงแขนเสื้อกับขากางเกงของตนเองขึ้น จนรู้ว่าแท้ที่จริงเขาได้สูญเสียมือและเท้าไป
หัวใจของอวี้ฉู่จาวพลันเ็ป ชายาตัวน้อยของเขาทุกทรมานมามากเสียจริง
อวี้ฉู่ซวน ไอ้คนสารเลว!
“ไม่เป็ไรนะ” อวี้ฉู่จาวปลอบ
เอ่ยจบก็อุ้มร่างบอบบางของชายาตัวน้อยขึ้น ก่อนหมุนตัวเดินไปทางประตู เหล่าทหารต่างพากันหลีกทางให้
อวี้ฉู่จาวอุ้มหลินหร่านไปที่ลานปะา
ตอนเดินผ่านกำแพงวัง หิมะที่ตกก่อนหน้านี้ได้หยุดลง แสงแดดสาดส่องลงมายังร่างของทั้งคู่ เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็เพียงผ้าบางๆ แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวเย็น
แสงแดดที่สะท้อนลงมาที่หิมะบนพื้นทำให้ทั้งสองรู้สึกแสบตา
“ั้แ่เมื่อไรที่เ้ามีข้าอยู่ในหัวใจ” อวี้ฉู่จาวเอ่ยถาม
“ตะ...ตอนอายุสิบสาม” หลินหร่านที่ไม่มีมือรู้สึกไม่ค่อยสมดุลเท่าไรนัก เขาทำได้เพียงพิงไปที่แผ่นอกของอวี้ฉู่จาว เปล่งน้ำเสียงนุ่มนวลเข้าไปที่ริมหู
“เ้าบอกข้าหน่อยได้ไหม ดูท่าจะไม่มีเวลาแล้ว หากมีโอกาส ชาติหน้าให้ข้าดูแลเ้าได้หรือไม่?” อวี้ฉู่จาวเอ่ยพลางก้มศีรษะลงไปใกล้หน้าผากของหลินหร่าน
หลินหร่านแทบไม่อยากเชื่อ วีรบุรุษของเขายอมรับเขาแล้วงั้นหรือ
หลินหร่านพยักหน้า “ตอนอายุสิบสาม ข้า…”
หลินหร่านพูดออกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็ความชื่นชมของเขาที่มีต่ออวี้ฉู่จาว หรือแม้แต่รักแรกพบในวันที่เทพเ้าแห่งากลับมา เขาพูดมันออกไปทั้งหมด
อวี้ฉู่จาวที่ใกล้จะตายและแสนจะเ็า เมื่อได้ยินเช่นนั้นจิตใจพลันสั่นไหว ความรักของเด็กหนุ่มที่ทุ่มเทให้ทั้งชีวิต ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าตนเองได้ทำผิดต่อคนที่ดีงามมากเช่นนี้
“ตอนที่ข้าไม่อยู่ เ้าอยู่ตำหนักในวังคนเดียว เ้าทำอะไรบ้าง”
“...คิดถึงท่าน คิดว่าเมื่อไรท่านจะกลับมา บางทีก็เขียนถึงท่าน วาดภาพท่านและนับ...ถั่วแดง”
“นับถั่วแดง?” อวี้ฉู่จาวไม่รู้ว่านั่นคือบทกวีในตำราหรือไม่
“...เหมือนดั่งถั่วแดงที่ถูกจารึกไว้ในลูกเต๋า ความคิดถึงที่จารึกในเืกับกระดูกของข้า ท่านรู้หรือไม่ ข้าเรียนรู้มาไม่มากก็จริง แต่ข้าก็รู้ว่าถั่วแดง...แทนความรัก นับถั่วแดงเพื่อส่งความรัก...แต่น่าเสียดาย ถั่วแห่งความรักจริงๆ เติบโตทางแดนใต้ ข้าทำได้แค่ใช้ถั่วแดงที่หาได้ทั่วไปแทนเท่านั้น” หลินหร่านที่มาจากอนาคต บทกวีนี้เขารู้จักดี แต่โลกตอนนี้จะมีบทกวีนี้จริงหรือไม่เขาก็ไม่อาจรู้ อีกทั้งเขาอยู่ทางเหนือมาตลอด ยังไม่เคยพบเจอถั่วแห่งความรักจริงว่าเป็เช่นไร แค่พูดไปเท่านั้น
อวี้ฉู่จาวก็เพิ่งจะเคยได้ยินบทกวีนี้ครั้งแรก แต่ผู้มีจิตใจแบบนี้ช่างหาได้ยากยิ่งนัก
“ข้ารู้แล้ว ความคิดถึงของเ้าข้ารับรู้แล้ว อีกเดี๋ยวก็ถึงถนนฮวางฉวน1 อยู่ข้างข้าไว้ เราจะไปด้วยกัน หากมีโอกาสข้าจะพาเ้าไปหาความรักที่แท้จริง”
……..
“เบิกตัวนักโทษ!”
เสียงะโดังขึ้น ก่อนที่ประตูของลานปะาจะเปิดออก ทุกคนต่างมองมายังเทพเ้าแห่งาที่โอบอุ้มร่างบอบบางของผู้เป็ชายาเดินขึ้นมาบนแท่น
สายตาของผู้คนเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ท่านอ๋องท่านนี้นำทหารออกไปต่อสู้นองเื สร้างเกียรติภูมิให้แก่ราชวงศ์อวี้ แก้แค้นให้เหล่าผู้คนที่ชายแดน ทำให้บ้านเมืองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าอย่างไร ความสำเร็จของอวี้ฉู่จาวก็มิอาจลบเลือนได้ ความรักและความชื่นชมของผู้คนที่มีต่อเขาจึงไม่มีวันจางหายเช่นเดียวกัน
-----------------------------------------
1 ถนนฮวางฉวน ในวัฒนธรรมจีนเชื่อว่าเป็สถานที่สำหรับอาศัยอยู่หลังความตาย