ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ได้สามปีแล้ว เหมันต์ในครานี้หนาวกว่าปีก่อนๆ
หิมะตกโปรยปรายติดต่อกันหลายวัน ประตูเมืองอวี้อันของเมืองหลวงในสมัยราชวงศ์อวี้ถูกปิด อากาศหนาวสะท้าน แม้แต่ผู้คนที่สัญจรไปมาก็บางตาลง
อากาศหนาวเช่นนี้ ช่างเป็เื่ยากเย็นสำหรับผู้คนยากไร้ยิ่งนัก
ประตูเมืองถูกปิด การทำมาหากินจึงยิ่งลำบาก
สมัยราชวงศ์อวี้เป็่ที่บ้านเมืองค่อนข้างเปิดกว้าง ผู้คนอยู่อาศัยและทำงานกันอย่างมีความสุข แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่า เหล่าคนร่ำรวยจะไม่มีเื่อาหารการกินกับเสื้อผ้ามาทำให้วุ่นวายใจ มันเริ่มั้แ่เมื่อไรกันที่มีการทำาทั้งปี ภาษีก็แสนแพง กระทั่งเวลาต่อมา การจับจ่ายใช้สอยไปกับอาหารและเสื้อผ้ากลับทำได้อย่างยากลำบาก
ใน่สามเก้าวัน1 หนาวจนนิ้วเท้าแทบแข็ง แต่บนถนนก็ยังคงมีรอยเท้าลึกบ้างตื้นบ้างให้เห็น ผู้คนต่างพากันเดินออกมาจากบ้าน
สองข้างถนนมีเหล่าทหารคอยดูแลความสงบและกำชับชาวบ้านอยู่
่สองสามวันมานี้มีคำสั่งให้ชาวเมืองอวี้อันออกจากบ้านมารวมกันที่ลานปะา
“เฮ้อ” ทั่วท้องถนนเต็มไปด้วยเสียงถอนหายใจเศร้าโศก
“อย่าเดินๆ หยุดๆ สิ เร็วเข้า” ผู้คนข้างถนนถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย
ทุกคนออกจากบ้านมาด้วยความตั้งใจ วันนี้เป็วันที่ครั้งหนึ่ง ราชวงศ์อวี้เคยเทิดทูนเทพเ้าแห่งา แต่ตอนนี้กลับแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เพราะวันนี้เป็วันที่เทพเ้าแห่งา หรืออีกพระนามหนึ่ง อวี้ฉู่จาว จะถูกปะาเพราะสมคบคิดกับฏ
หากจะพูดถึงท่านอ๋องท่านนี้แล้ว นับเป็วีรบุรุษหนุ่มคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อปกป้องราชวงศ์อวี้ ออกรบั้แ่อายุ 16 สังหารแม่ทัพของศัตรูด้วยลูกธนู จากนั้นเป็ผู้นำทัพบุกไปยังเมืองของศัตรูหลายต่อหลายเมือง เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นจากาเพียงครั้งเดียว
หลังจากนั้นเมื่อออกรบ อวี้ฉู่จาวมักนำชัยชนะกลับมาเสมอ เหล่าเมืองน้อยใหญ่รอบด้านจึงพากันหวาดกลัว ยกระดับเกียรติยศให้แก่ราชวงศ์อวี้
อวี้ฉู่จาวไม่ได้เป็เพียงเทพเ้าแห่งาของราชวงศ์อวี้ แต่เป็เทพเ้าแห่งาทั่วทุกสารทิศ ทั่วทั้งแผ่นดินจิ่วโจว ใครกันที่จะไม่รู้จักอวี้ฉู่จาว
วันนี้ ถึงหิมะที่ตกหนักติดต่อกันมาหลายวันจะเบาลง แต่ท้องฟ้ายังคงเป็สีหม่น ดูไม่มีชีวิตชีวา เกล็ดหิมะลอยละลิ่วอยู่ในอากาศ ร่วงหล่นใส่หัวของผู้คนที่มารวมตัวอยู่ที่ลานปะา
ยามเหม่า2 ของวันนี้ เป็เวลาที่เหล่าผู้คนล้วนตื่นนอนราวกับเฝ้ารออะไรอยู่
ลานปะาตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองอวี้อัน ท้องฟ้ายังคงมืดมิด ภายใต้หิมะที่ร่วงหล่นลงมากลับยังมีผู้คนมากมายก้าวเข้ามาไม่ขาดสาย
สถานที่แห่งนี้ถูกล้างด้วยเืมาแล้วหลายต่อหลายหน แท่นตัดหัวถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน อาจยังเห็นเนื้อขาวๆ ที่โดนสับหลงเหลืออยู่บ้าง หากใครไม่รู้มาก่อนว่าที่นี่เป็แท่นตัดหัว คงคิดกันว่าเป็โรงฆ่าสัตว์เป็แน่
หลายวันมานี้มีหลายคนถูกพามาปะาที่นี่ ชาวบ้านต่างพูดกันว่าาาแห่งาพ่ายแพ้ในการทำา นางกำนัลกับคนสนิทของเขาถูกฆ่าหมดไม่มีเหลือ
่นี้ชาวบ้านมักถูกเรียกออกมารับชมการปะา แต่ไหนแต่ไรการนองเืมีให้เห็นจนลายตา ทว่าวันนี้ ในใจของทุกคนเต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล นั่นเพราะเทพเ้าแห่งาของพวกเขากำลังจะถูกตัดหัว ไม่มีใครรู้ว่าที่มาที่ไปของาในครั้งนี้เป็อย่างไร
หลายปีก่อน ซีเจียงขยายอำนาจรุกรานและเข่นฆ่าชาวเมืองในแถบชายแดนอย่างป่าเถื่อน ่เวลานั้น ด้วยความโกรธแค้น ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงได้มีรับสั่งให้อวี้ฉู่จาวจัดการซีเจียงให้ราบคาบ
ทุกคนต่างจำได้ดี ในวันที่อวี้ฉู่จาวออกไปทำา ผู้คนต่างพากันคุกเข่าส่งเขา ฮ่องเต้ฉงเต๋อปลุกขวัญกำลังใจ เหล่าทหารจึงเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
หลังจากอวี้ฉู่จาวออกจากเมืองไปได้ไม่นาน ข่าวดีก็ตามมา ฮ่องเต้ฉงเต๋อยินดีเป็อย่างยิ่ง แต่เนื่องด้วยพระชนมพรรษาที่มากแล้ว ฤดูหนาวจึงได้ประชวร
กระทั่งมาถึงรัชศกที่ 25 ฮ่องเต้ฉงเต๋อทรงประชวรอย่างหนัก โอรสของพระองค์นามว่าอวี้ฉู่ซวน ซึ่งเป็โอรสที่กำเนิดจากฮองเฮาจึงถูกแต่งตั้งขึ้นเป็องค์รัชทายาทผู้สืบทอดราชบัลลังก์
ั้แ่นั้นมา ข่าวคราวของอวี้ฉู่จาวพลันขาดหายไป ไม่มีใครได้รับข่าวเกี่ยวกับเขาอีกเลย
จวบจนถึงรัชศกที่ 26 ไม่รู้ข่าวลือมาจากไหนว่าอวี้ฉู่จาวสมรู้ร่วมคิดกับฏ พยายามใช้โอกาส่ที่ฮ่องเต้ฉงเต๋อทรงประชวรหนักเพื่อยึดอำนาจ จากนั้นฮ่องเต้ฉงเต๋อก็สิ้นพระชนม์ด้วยความพิโรธ องค์ชายรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์และส่งกองกำลังไปจัดการอวี้ฉู่จาว
าครั้งนี้ของราชวงศ์อวี้กินเวลายาวนานถึง 3 ปี และใน่สามปีนี้ ราชวงศ์อวี้เปลี่ยนแปลงไปมาก
อวี้ฉู่จาวแยกตัวออกไปอยู่อีกฝั่งและผันตัวเป็ ‘ศัตรู'' ของราชวงศ์อวี้
ราชวงศ์อวี้ราวกับเนื้อติดมันก้อนใหญ่ เมื่อไร้ซึ่งอวี้ฉู่จาวแล้ว ราชวงศ์จึงตกเป็เป้าของเหล่าบ้านป่าเมืองเถื่อนที่อยู่รอบด้าน
ราชวงศ์อวี้ตกอยู่ในความกังวลและเกิดความวุ่นวายขึ้นช้าๆ ราชสำนักเริ่มดำเนินการจัดเก็บภาษีกันอย่างอุกอาจ ควบคู่ไปกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้า แคว้นที่เคยรุ่งเรืองและมั่งคั่งในแผ่นดินจิ่วโจวก็เริ่มหายไป สถานะของแคว้นค่อยๆ ตกต่ำลง
ถึงกระนั้น แคว้นนี้ก็ยังคงคิดทำการจัดการอวี้ฉู่จาว กล่าวหาว่าเป็ ‘ฏ’ พร้อมทำการจับกุมผู้สมคบคิดฏ รวมไปถึงผู้ต่อต้าน
ทว่า ตัวเขาเองรับรู้ดีว่าาครั้งสุดท้ายนี้ ต้องนำกองทัพออกไปสู้รบกับพวกเมืองเถื่อนแดนใต้เพื่อปกป้องเมืองชายแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของราชวงศ์อวี้
ภายหลังจบาไม่ทันไรกลับถูกกองทัพของฮ่องเต้เข้าปราบปรามอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อถูกโจมตีขนาบข้างในเวลาเดียวกันจึงทำให้พ่ายแพ้
สุดท้าย การต่อสู้ยึดอำนาจในครั้งนี้ของอวี้ฉู่จาวก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้และถูกจับกุมในที่สุด
ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อเป็คนในราชวงศ์จะต้องมีวันนี้ เมื่อเป็ผู้พ่ายแพ้จะต้องถูกเกลียดชังไปชั่วนิรันดร์
อวี้ฉู่จาวพ่ายแพ้แล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ แม่ทัพผู้เคยสั่งการทหารนับหมื่นนายจึงอยู่ต่อได้อย่างลำบากนัก
…….
เวลานี้ย่างเข้าสู่ยามเฉิน3 ใกล้จะถึงเวลาปะาชีวิต
ในคุกซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองอวี้อัน อวี้ฉู่จาวกับพระชายาของเขา หลินหร่านถูกขังอยู่
อวี้ฉู่จาวสวมชุดนักโทษสีขาว ตรงกลางเขียนคำว่านักโทษตัวใหญ่ทำให้ยากที่จะไม่เหลียวมอง ทรงผมยุ่งเหยิง ใบหน้าอันหล่อเหลามีร่องรอยาแไม่ตื้นไม่ลึกจากคมดาบ ดวงตาคมใต้คิ้วยังคงส่องประกาย เขามองออกไปนอกหน้าต่างบนผนัง ไม่รู้ว่ากำลังมองสิ่งใด
ทันใดนั้น อวี้ฉู่จาวเอ่ยปาก “เหตุใดเ้าจึงไม่หนีไป”
เมื่อได้ยินเสียงของอวี้ฉู่จาว ร่างที่นอนขดตัวอยู่ผนังฝั่งตรงข้ามก็ยกศีรษะขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสดใสคู่นั้นมองมาทางผู้เป็สามีด้วยความหวาดกลัวและประหลาดใจ
นี่เป็ครั้งแรกที่ท่านอ๋องเป็ฝ่ายเอ่ยปากก่อน แม้กระทั่งวันแต่งงาน อวี้ฉู่จาวยังทิ้งเขาไว้คนเดียวทั้งคืน ออกไปโดยไม่มองเขาแม้แต่น้อย แปดปีมานี้ ไม่ใช่สิ สิบสองปีมานี้ ในที่สุดพวกเขาก็ได้คุยกันเสียที
“ข้า...ข้ารอท่าน...กะ...กลับบ้าน” หลินหร่านรู้สึกตื่นเต้น แม้จะใช้ชีวิตได้อีกไม่นาน แต่เขาก็อยากทำให้เป็ความทรงจำดีๆ หวังว่าอวี้ฉู่จาวจะจดจำความทรงจำเหล่านี้ไว้
“สามีภรรยาเปรียบราวกับนกร่วมป่า เมื่อเจอภัยพิบัติก็จะโบยบินไปพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้น เปิ่นหวัง4 ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากพูดกับเ้า พยักหน้าก็ไม่เคย เปิ่นหวังไม่เคยคำนึงถึงความปลอดภัยของเ้า ไม่กลับมาเมืองหลวงเพื่อพาเ้าหนี เ้าคง...ได้รับความลำบากมาไม่น้อย” คำพูดของอวี้ฉู่จาวไร้ซึ่งความอ่อนโยน เต็มไปด้วยความเ็าแบบที่ตัวเขาเป็ ท้ายที่สุดเขาก็มองไปทางหลินหร่านและไม่อาจหยุดมองได้อีก
ชายาของเขาตัวเล็กขนาดนี้เชียวหรือ? ขดอยู่ที่มุมช่างดูอ่อนแอ มือเท้าซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกับขากางเกง ชุดนักโทษดูใหญ่เทอะทะ มีคราบเืที่แห้งเป็วงกว้างชวนใ
อวี้ฉู่จาวจำได้เลือนราง ปีที่พวกเขาพบกัน หลินหร่านมีผมยาวสีดำขลับราวกับขนนกธรรมชาติ แต่ยามนี้...ผมเผ้าที่รุงรังเป็ก้อนอยู่นั่นคืออะไรกัน ไหนจะใบหน้าที่มีาแเต็มไปหมด
เพราะอวี้ฉู่จาวพูดด้วย หลินหร่านจึงดีใจจนลืมปกปิดใบหน้าตนเอง จนอวี้ฉู่จาวมองใบหน้าเขา เอ่ยถามถึงความยากลำบากเขาถึงคำนึงได้ รีบก้มหัวหลบทันที
---------------------------------
1 สามเก้าวัน หมายถึง ่ที่หนาวกับร้อนที่สุดของปี ซึ่ง่เวลาที่หนาวที่สุดจะยาวนานถึง 9 วัน
2 ยามเหม่า(卯)คือ ่เวลา 05.00 – 06.59 น.
3 ยามเฉิน(辰)คือ ่เวลา 07.00 – 08.59 น.
4 เปิ่นหวัง หมายถึง คำที่เชื้อพระวงศ์ชายใช้เรียกตัวเอง