"โอ๊้ย..." หนานกงเยวี่ยซวนเซ มือที่ถือถ้วยชาเอนเอียง น้ำชาทั้งหมดกระฉอกหกรดเสื้อผ้าของนาง
“ไอหยา นายหญิง...” สาวใช้ของหนานกงเยวี่ยรีบเข้าไปประคองหนานกงเยวี่ย ดูเหมือนว่านางจะกังวลต่อสถานการณ์ของนายตนเองมาก จึงฉุกละหุกฉุนเฉียวเกินไป สาวใช้นางนั้นปราดตามองจิ้นหวางเฟยเขม็ง “นายหญิงของข้ายกชาให้ พร้อมทั้งยังกล่าวขอโทษอย่างดี แล้วนี่จิ้นหวางเฟยท่านทำอะไรกับนายข้า?”
คำพูดตำหนิของสาวใช้นางนั้น ทำให้เหนียนเย่าและฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนขมวดคิ้ว
พวกเขาแอบด่าสาวใช้ไม่มีตานางนี้ในใจ จิ้นหวางเฟยใช่คนที่นางจะตำหนิได้เยี่ยงนี้หรือไร?
ทำตัวเช่นนี้ เกรงว่ามันจะยิ่งเป็การเพิ่มเชื้อเพลิงในห้กองไฟเสียมากกว่า
เป็อย่างที่คิด จิ้นหวางเฟยปราดตามองสาวใช้นางนั้นอย่างเ็า และค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า สายตาเย็นเยียบของนางแผดเผาร่างกายของหนานกงเยวี่ย
พลังที่แฝงในสายตานั้น ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหนานกงเยวี่ย แข็งทื่อเล็กน้อย ส่วนสาวใช้ที่คอยประคองอยู่ด้านข้าง เริ่มตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง นางกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างอดไม่ได้
"ข้ากำลังทำอะไรงั้นอย่างนั้นหรือ?"
จิ้นหวางเฟยเอ่ยอย่างแ่เบา ทันใดนั้นนางยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมา มีเพียงเสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้นในห้องโถง ทุกคนต่างอึ้งงัน ยามที่รู้สึกตัวและเห็นสถานการณ์ชัดเจน นั่นคือตอนที่สาวใช้ข้างกายของหนานกงเยวี่ยยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของตนเอง ความเ็ปแสบร้อนบนใบหน้า ทำให้นางต้องหลั่งน้ำตาในทันใด
“เ้าพูดมาเสียว่าเปิ่นหวางเฟยกำลังทำอะไร?” จิ้นหวางเฟยพ่นลมหายใจเ็า ั์ตาลุกวาววัาบฉายแววเด็ดเดี่ยวดุร้าย ไม่แม้แต่เหลือบมองสาวใช้ ทว่ามองตรงไปยังหนานกงเยวี่ย “นายเป็เยี่ยงไร บ่าวก็เป็เยี่ยงนั้นจริงๆ บ่าวผู้โง่เขลานางนี้มิมีผู้ใดสนใจสั่งสอน เช่นนั้นเปิ่นหวางเฟยจะสั่งสอนให้เอง ฮูหยินเหนียนคงไม่ถือสาหาความใช่หรือไม่?”
คำพูดนี้ของจิ้นหวางเฟย แม้นหนานกงเยวี่ยจะฝืนยิ้ม ทว่าสีหน้านางก็ยังไม่น่ามอง
การตบของจิ้นหวางเฟยเมื่อครู่นี้ แม้นเหมือนว่านางจะตบสาวใช้ ทว่าในความจริงมันคือการตบหน้าหนานกงเยวี่ยอย่างโเี้ ไม่เพียงเท่านี้...
ความหมายในคำพูดของนางยามนี้ ไม่เพียงแต่จะสื่อว่านางไม่มีความสามารถในการสั่งสอนสาวใช้ของตัวเอง ทว่าแม้แต่หนานกงเยวี่ยตัวนางเองยังไม่มีการศึกษา!
ฮูหยินทุกคนที่ฟังอยู่ตรงนั้น แน่นอนว่าทุกคนเข้าใจความหมายในคำพูดนั้น ในใจทุกคนล้วนรู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก นี่เป็การตบหน้าหนานกงเยวี่ยอีกครั้งอย่างชัดเจน
จากนิสัยของหนานกงเยวี่ย เกรงว่านางคงจะรับความอัปยศษอดสูเช่นนี้ไม่ไหว
ทุกคนล้วนเฝ้ามองการเผชิญกันระหว่างหนานกงเยวี่ยและจิ้นหวางเฟยโดยไม่หันเหไปทางใดเลย พวกนางล้วนอยากเห็นหนานกงเยวี่ยมีทำสีหน้าเหยเกย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเพียงชั่วพริบตาเดียว สีหน้าของหนานกงเยวี่ยกลับค่อยๆ ยกยิ้ม ในรอยยิ้มนั้น ดูเหมือนมีความรู้สึกยอมจำนนเจืออยู่
“ไม่ถือสา... ไม่ถือสาแน่นอน จิ้นหวางเฟยมาเป็แขกที่นี่ ข้าในฐานะเ้าบ้าน ย่อมต้องต้อนรับให้แขกมีความสุข มิใช่หรือ?” หนานกงเยวี่ยหัวเราะแห้ง ท่าทีตอบสนองเช่นนี้อยู่ในสายตาของผู้คนรอบข้าง นึกไม่ถึงว่าหนานกงเยวี่ยจะคาดเดาได้ยากเล็กน้อย ทว่าสำหรับลู่ซิวหรงแล้ว ในใจนางกลับรู้เห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจนา
หนานกงเยวี่ยกำลังอดกลั้นไว้ในใจ นาง้าให้ทุกคนเห็นว่านางกำลังกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมเพื่อรักษาหน้าให้ทุกฝ่ายงั้นหรือ?
ทว่าไม้ตายของนาง มันอยู่ในขวดยานั่น!
"จิ้นหวางเฟย มิใช่ว่าข้า้าขอโทษอิ้งเสวี่ยหรือไร? ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่น้ำชาขอขมาโทษถ้วยนี้หกรดหมดแล้ว"
หนานกงเยวี่ยมองถ้วยชาในมือ สีหน้านางดูเสียใจจริงๆ นางไม่สนใจสาวใช้ที่ถูกตบ นางเดินผ่านหน้าจิ้นหวางเฟยไป และเดินไปด้านข้างจ้าวอิ้งเสวี่ยอีกครั้ง นางถือโอกาสวางถ้วยชาก่อนหน้านี้ลง และหยิบถ้วยชาใบใหม่ขึ้นมา จากนั้นจึงรับกาน้ำชาจากมือของสาวใช้ด้านข้าง รินชาจนเต็ม
“"อิ้งเสวี่ย เ้ากับข้าอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน กลายเป็แม่สามีลูกสะใภ้ ย่อมเป็โชคชะตาลิขิต ส่วนเ้ากับเหนียนเฉิงเองก็...” ขณะที่หนานกงเยวี่ยเหมือนจะเอ่ยถึงเหนียนเฉิง สายตาของจิ้นหวางเฟยตวัดมองอย่างดุดัน หนานกงเยวี่ยพลันกักเก็บคำที่จะพูดทันที “ก็ขอให้เ้าทำเพื่อครอบครัว แม้นจะเข้ากับสตรีเช่นข้าไม่ได้ ดื่มชาถ้วยใบนี้ ปล่อยให้ความคับข้องหมองใจระหว่างพวกเราจบลงเพียงเท่านี้เถิด ประจวบเหมาะพอดี วันนี้มีเหล่าฮูหยินมากมายร่วมเป็สักขีพยาน เ้าดูสิ...”
คำพูดของหนานกงเยวี่ย แลดูจริงใจอย่างมาก
แม้นนางทุกถ้อยคำในคำพูดของนางจะดูจริงใจ ทว่าผู้ใดจะรู้จริงเท็จ?
อีกประการหนึ่ง ชาเพียงถ้วยเดียวจะชดเชยคืนให้กับความคับข้องหมองใจของจวนจิ้นอ๋องที่มีต่อตระกูลเหนียน รวมถึงสิ่งที่ลูกชายของนางทำร้ายจ้าวอิ้งเสวี่ย เื่นี้จะเป็ไปได้อย่างไร?
ไม่ใช่แค่จ้าวอิ้งเสวี่ยและจิ้นหวางเฟย ทว่าทุกคน ณใน ที่แห่งนั้นล้วนรู้ถึงความจริงข้อนี้อย่างชัดเจน นางหนานกงเยวี่ยย่อมไม่มีทางไม่รู้ เหตุผลที่นางเอ่ยเช่นนี้ไม่ใช่เพราะนางคาดหวังที่จะขอโทษเพื่อชดเชยให้กับความคับข้องนี้ ทว่านางเพียงแค่จะโยนปัญหาให้จ้าวอิ้งเสวี่ย เพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่าตัวนาง หนานกงเยวี่ยได้ขอสงบศึกอย่างจริงใจแล้ว ทว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยและจิ้นหวางเฟยต่างหากที่ไม่ยอมปล่อยวางเื่นี้!
มุมปากของจ้าวอิ้งเสวี่ยยกยิ้มเย้ยหยัน หนานกงเยวี่ยเอ๋ยหนานกงเยวี่ย จะจบลงเพียงเท่านี้งั้นหรือ?
ความคิดของนาง หนานกงเยวี่ย นี่ช่างน่าพอใจเสียจริง!
“"จบลงเพียงเท่านี้ก็ได้...” จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยปากขึ้นทันใด เสียงแหบแห้ง บวกกับคำพูดที่เอ่ยออกมา ทำให้ในใจของผู้คนรู้สึกใอย่างมิอาจบรรยายได้
ได้งั้นหรือ?
ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยบอกว่าได้งั้นหรือ?
แม้แต่หนานกงเยวี่ยยังมีสีหน้าตื่นตะลึงเล็กน้อย นางไม่แม้แต่จะคาดคิดถึงคำตอบเช่นนี้เลย
ทว่าในระหว่างที่ทุกคนกำลังรู้สึกใ เสียงของจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับยังคงดังลอยออกมาจากใต้ผ้าโปร่งสีขาว...
"อย่างไรก็ตาม ชาเพียงถ้วยเดียวนั้นคงมิเพียงพอ"
หนานกงเยวี่ยขมวดคิ้ว ชาถ้วยเดียวไม่พอหรือ?
"ท่านหญิงยัง้าอะไรอีกงั้นหรือ?"
เหนียนเย่าเอ่ยถาม หากสามารถทำให้ความคับข้องใจระหว่างจวนจิ้นอ๋องและจวนเหนียนจบลงได้ ในความคิดเขาก็คิดว่าเป็อะไรที่ดีอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่า หลังจากนี้ ด้วยการสนับสนุนจากจวนจิ้นอ๋อง จวนเหนียนและเฉิงเอ๋อร์ก็จะสามารถเติบโตก้าวหน้าไปได้ยิ่งกว่านี้ ครั้นคิดเช่นนี้แล้ว สายตาแห่งความคาดหวังในดวงตาของเหนียนยวี่เหนียนเย่ายิ่งทวีความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
"ง่ายมาก" จ้าวอิ้งเสวี่ยวางถ้วยชาในมือลงอย่างไม่ช้าไม่เร็ว "ตราบเท่าที่ฮูหยินหนานกงยอมมอบเหนียนอีหลานให้ข้าหนึ่งวัน ด้วยตำแหน่งของข้า ความคับข้องเคียดแค้นของทั้งสองตระกูล จะต้องจบลงตรงนี้อย่างแน่นอน"
ครั้นคำพูดนั้นออกไป ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนมีสีหน้าแตกต่างกัน
ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยหมายความว่าอย่างไร?
มอบคุณหนูใหญ่เหนียนอีหลานให้นางงั้นหรือ?
นี่มัน...
หรือว่าท่านหญิงอิ้งเสวี่ย้าทำให้เหนียนอีหลานรับทุกข์ดั่งเช่นที่นางได้รับงั้นหรือ?
ครั้นหวนนึกถึงเื่ที่เหนียนเฉิงที่ทำให้นางด่างพร้อย รวมถึงเหตุการณ์เพลิงไหม้ แทบทุกคนที่นั่นต่างรู้สึกมั่นใจว่าจ้าวอิ้งเสวี่ย้าอะไร
่เวลาหนึ่งวัน เพียงพอแล้วที่จะทำลายความบริสุทธิ์ของเหนียนอีหลาน เพียงพอแล้วที่จะทำลายชีวิตนาง
"ไม่..." หนานกงเยวี่ยบีบถ้วยชาในมือแน่น นางแทบจะโพล่งปฏิเสธออกไปในทันที จ้าวอิ้งเสวี่ยผู้นี้ คาดมิถึงว่านางจะมีความคิดจิตใจที่โเี้ได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ?
จ้าวอิ้งเสวี่ย นาง้าจะทำเื่สกปรกกับลูกสาวของนาง คิดจะทำลายลูกสาวนาง เช่นนั้นนางจะไปยอมได้อย่างไร?
ในใจหนานกงเยวี่ยก็ยิ่งรู้สึกเกลียดชังจ้าวอิ้งเสวี่ย นางกัดฟันกรอดอย่างโกรธเกลียด นางในยามนี้ไหนเลยจะจำได้ว่า เหนียนเฉิงบุตรชายตนเองทำเื่สกปรกกับจ้าวอิ้งเสวี่ย และทำลายจ้าวอิ้งเสวี่ย!
ครั้นจ้าวอิ้งเสวี่ยได้ยินคำว่า "ไม่" หลุดออกมาจากปากหนานกงเยวี่ย มุมปากหลังผ้าผืนบางค่อยๆ ยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“"ฮูหยินเหนียนช่างเป็มารดาที่ดีตามคาด” จ้าวอิ้งเสวี่ยแย้มยิ้มแกมหัวเราะแ่เบา นางไม่แม้แต่ปิดบังคำพูดประชดประชัน
รักลูกสาวตัวเองสุดหัวใจเลยงั้นหรือ?
ในใจของนาง ‘หนานกงเยวี่ย’ บุตรสาวของตนเองเป็ดั่งของล้ำค่า ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามทำร้าย ส่วนคนอื่นก็แค่หมูหมา จะรังแกเมื่อใดก็ได้
บุตรชายของนาง แม้นเขาจะทำเื่สกปรกน่ารังเกียจอันใดก็ตาม ล้วนอภัยให้ได้ ทว่าฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าคนผู้นั้นจะต้องกล้ำกลืนความทุกข์มากเพียงใด ยากลำบากเยี่ยงไร กลับทำได้เพียงต้องทนรับไปเท่านั้น
สองมาตรฐานเช่นนี้ ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง!
จ้าวอิ้งเสวี่ยขมวดคิ้ว นึกถึงเหนียนยวี่ รวมถึงเนื้อหาในจดหมายนั่น ความเกลียดชังในดวงตานางเปลี่ยนไปในทันใด มันทวีความคาดหวังเล็กน้อย
ทว่ายามนี้ สิ่งที่นางต้องทำคือ...
จ้าวอิ้งเสวี่ยฉุดคิดถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองถูกไฟแผดเผาในกองเพลิง รวมถึงความอัปยศที่เหนียนเฉิงทำกับนาง จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยออกมาอย่างเ็าว่า “ในเมื่อฮูหยินเหนียนไม่ตอบรับ เช่นนั้นยังรออะไรอยู่? คุกเข่าเสีย!”