บทที่ 1
ร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินออกมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยสีหน้าตึงเครียด เหล่าลูกน้องต่างวิ่งวุ่นเมื่อเห็นบุคคลที่ไม่ได้กลับประเทศมานานพร้อมกับใบหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่รับแขกในตอนนี้ พวกเขารู้ดีว่าหากทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียวมีหวังโดนปาดคอหน้าสนามบินแน่ โจเดินตามพี่ชายด้วยเองอย่างเร่งฝีเท้า เมื่อเดินมาถึงรถประจำตัว อาทิตย์ก็รีบเข้าไปในรถทันทีตามด้วยเลขานั่งที่หน้ารถ
"ไปที่บ้านโชตินันท์เดี๋ยวนี้"แม้น้ำเสียงจะนิ่งแค่ไหน แต่ก็ััได้ถึงความกระด้าง ในใจอาทิตย์ร้อนรุ่มดังไฟเผา ตลอดการนั่งเครื่องบินมาจากฮ่องกง ไม่มีตอนไหนเลยที่ร่างสูงจะไม่นึกถึงเื่เ้าสาวที่จะต้องแต่งงานกับเขาถูกเปลี่ยนตัว
เื่สัญญาการแต่งงานทั้งหมดเดิมทีแล้วคนที่เป็คนริเริ่มก็คือคุณย่าของเขาเองและนั่นมันก็นานมาแล้วยังเป็สมัยที่เขายังอายุน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าสัญญานั่นคงจะเป็เื่โกหกที่คุณย่า้าจะหลอกล่อให้เขามีคนรักสักที แต่ใครจะไปรู้ว่ามันเป็สัญญาของจริง
เมื่อเดือนที่แล้วเป็เกิดเื่ขึ้นที่ตระกูลศิวาลัย การสูญเสียคนสำคัญที่สุดครั้งใหญ่ของตระกูล'คุณหญิงอังศุมาลี'ได้จากไปตลอดกาล หลังจากที่คุณย่าป่วยด้วยโรคมะเร็ง แม้จะรักษาเท่าไหร่มันก็ไม่ทัน จนกระทั่งวันสุดท้ายที่คุณย่ายังมีลมหายใจ ท่านขอให้หลานชายสุดที่รักแต่งงานกับคุณหนูตระกูลโชตินันท์ตามที่สัญญาเคยบอกไว้
วันนั้นเป็เหมือนฝันร้ายของอาทิตย์ไปโดยสมบูรณ์ หลังจากที่คุณย่าขอร้องเขา เอกสารที่เป็สัญญาของจริงก็ถูกยื่นมาตรงหน้า เนื้อหาในกระดาษนั้นแทบไม่เข้าหัวของอาทิตย์แม้แต่นิดเดียว เสียแต่ว่าความโกรธนั้นมันก็เริ่มรุนแรงขึ้น สิ่งที่ย้ำเตือนอาทิตย์มาเสมอคือประโยคสุดท้ายของคุณย่าก่อนจะสิ้นลมหายใจ
"ศิวาลัยเป็คนสร้างโชตินันท์ขึ้นมา เพราะงั้นก็อย่าทิ้งไปให้เสียเปล่าเลยนะลูก"
อาทิตย์ยอมทำตามคำขอของคุณย่าด้วยการเอาเหตุผลในทางธุรกิจมาปกปิดความรู้สึกในใจของตัวเอง แม้จะรู้สึกโกรธแค่ไหนก็ตามแต่การที่โชตินันท์ได้เกี่ยวดองกับศิวาลัยเท่ากับว่าเป็การฉกฉวยผลประโยชน์ด้านธุรกิจได้มากกว่าบริษัท
เครือศิวาลัยนั้นมีธุรกิจครอบคลุมไปทั่วทุกแห่ง ไม่ว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ก็มีไม่มีทางที่จะสู้ศิวาลัยได้เลย ส่วนโชตินันท์ที่นำเข้ารถจากต่างประเทศนั้นกำลังอยู่ใน่ลงทุนจะทำจิวเวอรี่ แน่นอนว่าหากได้ ดีลกันแล้ว ยังไงศิวาลัยก็ต้องได้เปรียบกว่าใคร และต้องไม่เปลี่ยนรองใครอย่างที่อาทิตย์้า
"เ้าสัวครับ ถึงบ้านโชตินันท์แล้วครับ"
"อืม"ร่างสูงรีบเดินออกจากรถทันที เขาตรงดิ่งไปที่กลางห้องโถงทันที เหล่าสาวใช้ที่เห็นก็วิ่งมาต้อนรับทันที
"สะ..สวัสดีค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ?"
"คุณเดชาอยู่ไหน?"เมื่อสายตาคมกริบมองไปที่สาวใช้ เธอต้องรีบก้มหน้าลงมองเท้าตัวเองทันที ตัวสั่นระริกไปด้วยความกลัว เธอไม่เคยเจอหน้าอีกคนมาก่อน แต่อีกฝ่ายดูน่ากลัวเหลือเกิน
"คะ..คุณเดชาอยู่ที่ห้องทำงานชั้นสองค่ะ"
"ผมจะไปพบเขา"
"แต่ว่า..คุณเดชาไม่ให้ใครเข้าพบค่ะ"
"ว่าไงนะ?"อาทิตย์ขบกรามด้วยอารมณ์หงุดหงิด บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด และโจรีบเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"คือว่านะครับ คุณคนนี้คือเ้าสัว และธุระที่จะมาคุยนั้นสำคัญมาก คุณช่วยไปแจ้งคุณเดชาให้หน่อยได้ไหมครับ"เมื่ออีกคนเห็นใบหน้าตี๋ยิ้มหวานใส่ เธอจึงยอมขึ้นไปเรียกให้
"ดะ..ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่ที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ"เธอเดินนำไปห้องรับแขกก่อนจะขอตัวขึ้นไป้า
"เห็นไหม พี่หน้าบึ้งแบบนั้น ใครมันจะอยากคุยด้วย"หลังจากที่เหลือทั้งสองคนโจก็รีบหันมาแซวพี่ชายตัวเองทันที
"ยังไม่หมดเวลางาน มึงพูดคำว่าพี่กับใคร?" อาทิตย์หันไปมองน้องชายตัวเองด้วยสีหน้าดุ
"โห่พี่ นี่มันนอกสถานที่นะ"
"หุบปากไป"เป็อีกครั้งที่โจต้องยอมพี่ชายตัวเอง ความเ้าระเบียบไม่เคยหายไปเลยจริงๆ นั่งเงียบกันไปได้สักพักก็มีคนเดินเข้ามาภายในห้องรับแขก
"สวัสดีครับคุณเ้าสัว"
"สวัสดีครับ"ร่างสูงลุกขึ้นเพื่อให้เกียรติคนที่อายุมากกว่า ก่อนจะถูกเชิญให้นั่งลงได้ตามปกติ "นั่งตามสบายเถอะครับ"
"ครับ"
"ผมรู้ว่าคุณมาด้วยเื่อะไร"
"เหตุผลคืออะไรครับ"เดชาไม่ได้คิดมาก่อนว่าเ้าสัวจะเป็คนที่ตรงๆขนาดนี้ เพราะตอนที่ตนเคยเจออีกคนในวัยเด็ก อีกฝ่ายมีนิสัยต่างกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง
"ผมจะพูดตรงๆเลยนะครับ อิงดาวมีคนรักอยู่แล้วครับ"
"อิงดาว? คนที่เป็เ้าสาวของผมในข้อตกลงหรือครับ?"
"ครับ อิงดาวคือคนที่จะเป็เ้าสาวั้แ่แรก แต่ว่าคนที่จะต้องมาแทนคือแฝดของอิงดาวที่ชื่อว่า เดือนอ้ายครับ"ไม่รู้เพราะอะไร คำว่าเดือนอ้ายที่อีกฝ่ายพูดมาถึงกับคุ้นหูเขาได้ขนาดนี้
"แต่การที่คุณมาเปลี่ยนตัวแบบนี้ คุณก็น่าจะรู้นะครับว่าศิวาลัยไม่ชอบเื่ผิดข้อตกลง"
"ผมต้องขออภัยในเื่จริงๆครับ ผมจึงมีข้อบางอย่างมาแลกเปลี่ยน"
"คุณลองเสนอมาสิครับ"โจได้แต่คิดในใจ ทันทีที่คุยเื่ธุรกิจทีไร เ้านายตัวเองมักจะเ้าเล่ห์ตลอด เอาเป็ว่าคงติดเป็นิสัยไปแล้ว
"ผมมีที่ดินหนึ่งที่ติดกับไร่ศิวาลัยที่ราชบุรี ตรงนั้นมันเป็ที่ที่คุณตั้งใจจะทำฟาร์มวัวใช่ไหมครับ?"
"ครับ แต่การที่คุณจะมอบที่ดินให้ผมเพื่อแลกเปลี่ยนกับการผิดสัญญา ผมว่ามันคงจะไม่พอนะครับ"
'ไม่พอได้ไงวะ..ที่ตั้งใหญ่'โจแอบพูดกระซิบกับตัวเองเบาๆ ไม่คิดว่าเ้านายจะปอกลอกขนาดนี้
"ผมไม่ได้คิดจะให้แค่นั้นหรอกครับ ยังไงบริษัทในเครือโชตินันท์ก็ต้องกลับเข้าสู่ศิวาลัยอยู่แล้ว"
"ถ้างั้นผมก็ไม่ติดปัญหาอะไรครับ ส่วนเื่ที่ดินไว้คุยตกลงกันอีกทีแล้วกันนะครับ"
"ครับ แล้วเื่งานแต่งคุณเ้าสัวจะจัดวันไหนครับ"
"อาทิตย์หน้าครับ ยังไงผมก็ไม่มีเวลาว่างแล้ว"
"ได้ครับ คุณเ้าสัวจะรอเจอเดือนอ้ายไหมครับ อีกไม่นานก็คงกลับ"
"ไม่เป็ไรครับ ผมไม่ต้องเจอก็ได้ ยังไงก็ได้เจออาทิตย์หน้าอยู่แล้ว"
"งั้นตามนี้นะครับ"
"จะบ่ายสามแล้วครับเ้าสัว ต้องไปพบคุณวสันแล้วครับ"อาทิตย์ก้มไปมองนาฬิกาตัวเองทันที
"งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะกล่าวลา โจก็รีบตามเ้านายทันที รถคันเดิมจอดรออยู่หน้าบ้านอยู่แล้ว
รถยนต์หรูออกตัวจากบ้านโชตินันท์สวนทางกับเด็กผู้ชายตัวเล็กที่สวมชุดนักศึกษาที่กำลังเดินเข้าไปในบ้าน อาทิตย์เพียงแค่มองตรงไปด้านหน้าไม่ได้หันมองด้านข้าง ส่วนร่างเล็กก็ได้แต่เดินเหม่อมองเท้าตัวเอง โดยไม่ได้สังเกตสิ่งรอบตัว เดือนอ้ายตัดสินใจกลับมาบ้านครั้งนี้คิดว่าจะคุยให้เรียบร้อยเื่งานแต่ง
เดือนอ้ายเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าพ่อกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกอยู่แล้ว ร่างเล็กเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาทันที ยังไงวันนี้เขาก็ต้องคุยให้รู้เื่ว่าจะต้องไม่มีงานแต่งเกิดขึ้น จะให้ไปแต่งงานกับคนแปลกหน้าได้ไงกัน นี่มันสมัยไหนแล้วยังจะมีคลุมถุงชนอะไรนั่นอีก
"กว่าจะกลับมาได้นะ"
"พ่อ อ้ายบอกตรงๆนะ อ้ายจะไม่แต่งงานแน่"
"พรุ่งนี้แกไปตัดชุดแต่งงานซะ ฉันจะให้คนไปส่ง"
"พ่อ! พ่อได้ฟังที่อ้ายพูดบ้างไหม? อ้ายบอกว่าอ้ายไม่แต่งทั้งนั้น"เขายืนมองอีกคนที่ไม่แม้แต่จะมองเขาเลยสักนิดนอกจากกระดาษหนังสือพิมพ์ในมือ
"อย่าให้ฉันพูดซ้ำสอง เงินทองที่แกใช้ตลอดชีวิตมันเป็ของใคร แกเคยสำนึกบุญคุณบ้างไหม"
"สำนึกสิ อ้ายคิดมาตลอดว่าจะต้องตอบแทน แต่พ่อจะขายลูกกินแบบนี้มันใช่หรอ!?"เดชาวางหนังสือพิมพ์ลงทันที สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ "แกพูดว่าไงนะ?"
"ก็บอกว่าพ่อเป็คนขายลูกกิ-"
เพี้ยะ!
ใบหน้าเล็กที่ถูกฟาดด้วยฝ่ามือหันไปตามแรง น้ำหนักที่มือที่อีกคนลงมาทำให้ใบหน้าขึ้นรอยแดงเป็รูปฝ่ามือ เขายกมือกุมแก้มตัวเองด้วยความเจ็บก่อนจะรีบหันไปมองหน้าพ่อตัวเอง "พ่อ..."
"อย่าพูดจาหมาๆแบบนั้นออกมาอีก! กูเลี้ยงมึงมาทั้งชีวิต ยังจะคิดว่ากูขายลูกอีกหรอ!"
"..."
"เคยถามกูบ้างไหมว่ากูเหนื่อยกับการผิดหวังมีลูกแบบมึงรึเปล่า!?"เสียงด่าทอยังคงดังอย่างต่อเนื่อง "มึงไม่เคยทำเหี้ยไรให้ครอบครัวเลยอีอ้าย! แค่แต่งงานมันยากนักรึไงวะ!"
"ก็ถ้ามันง่ายอ่ะ..ฮึก อ้ายจะมาเถียงกับพ่อทำไม"
"..."
"อ้ายไม่มี..ฮึก..ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกทางของตัวเองเลยหรอ.."สายตาแข็งกร้าวของพ่อยังคงจ้องมองมาที่เขา เขารับรู้ถึงความรู้สึกผิดหวัง รังเกียจ ขยะแขยงในสายตานั่นดี
"แกเกิดมาโชตินันท์ก็อย่ามาทำตัวเป็ขยะแบบนี้อีก"เขามองอีกคนเดินผ่านเขาไปโดยที่ไม่หันมาใยดีเขาอีกเลย ความเจ็บข้างแก้มขวามันชาแล่นไปถึงหัวใจของเดือนอ้ายในตอนนี้ สุดท้ายเขาก็ต้องทำตามอยู่ดีอิสระของเขามันก็คงเป็แค่ความฝันอยู่ดี
1 อาทิตย์ต่อมา
งานวิวาห์ของสองตระกูลใหญ่ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรู ซึ่งนั่นก็คงหนีไม่พ้นศิวาลัยเป็คนจัดการอยู่ดี แขกผู้มีเกียรติมากหน้าหลายตาต่างมาร่วมงานด้วยความยินดีและไม่ยินดี เป็ธรรมดาที่จะมีตระกูลอื่นที่แอบอิจฉาอยู่ไม่น้อย ภายในงานตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวตัดกับธีมดวงดาวที่เป็สีน้ำเงิน
ร่างเล็กในตอนนี้กำลังนั่งเก็บตัวอยู่ในห้องเ้าสาว ชุดสูทสีครีมนั่นตัดกับผิวขาวนวลพอดี ใบหน้าที่เคยไร้สีบัดนี้กับเต็มไปด้วยสีชมพูระเรื่อ ั้แ่เช้าแล้วที่ช่างแต่งหน้าเอาแต่ชมเขาไม่มีหยุดพักว่าหน้าตาดีแบบนั้นแบบนี้ รูปร่างที่ดูผอมเพรียวก็ดูเข้ารูปกับชุด ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เขาจะดูดีกว่าตอนปกติเสียอีก
"มึงจะหน้าบูดทำไมเนี่ย?"เควินเดินมานั่งข้างเขาพร้อมกับจับแก้มนิ่มข้างซ้ายเดือนอ้ายยืดออกมา
"อื้อ กูแค่คิดอะไรนิดหน่อย"
"อย่าเครียดมากดิวะ"
"ไม่เครียดแล้ว แล้วนาวินไปไหน"
"มันยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย"
"แต่งตัวนานจัง"เมื่อสามชั่วโมงนาวินเพิ่งจะทักมาบอกว่ากำลังแต่งตัวอยู่ จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววที่อีกคนจะทักมาเลยด้วยซ้ำ
"ว่าแต่เ้าบ่าวมึงนี่คือใคร เห็นหน้ายัง?"
"ยัง.."
"ห้ะ!! นี่มึงจะแต่งกันอยู่แล้วอีกไม่กี่นาที แต่มึงยังไม่เห็นหน้าเ้าบ่าวเนี่ยนะ?"
"เออดิ เห็นบอกว่าเป็เ้าสัวแล้วงานก็ยุ่งมาก ไม่มีเวลามาเจอ"
"กูช็อค แม่งต้องเป็ตาลุงแก่แน่ๆเลยว่ะมึง"ร่างเล็กยกมือตีไหล่เพื่อนตัวแสบไปเบาๆ
"มึงไม่ต้องพูดแล้ว ช่างแม่งเถอะ จะแก่จะอะไรก็ไม่สนแล้ว ตัวใครตัวมัน"
"แล้วถ้าเขาอยากมีลูกกับมึงจะทำไงวะ?"ฝ่ามือฟาดลงบนกลางหัวของนาวินทันที "โอ้ย! เจ็บนะเว้ย"
"พูดอะไรไม่รู้เื่ แล้วกว่ามึงจะมาได้นะ"เห็นบอกว่าแต่งตัว แต่ดูจากชุดก็ปกติ ไม่น่าจะแต่งตัวนาน ขนาดนี้
"จริงๆกูขี้แตกว่ะ โทษที"
"กูว่าละ คิดไว้ไม่มีผิด"
"สมกับเป็เพื่อนรักกูจริงๆ"พอมันพูดจบก็รีบเอามือมันมาลูบหัวเขาทันทีก่อนจะถูกเควินตีมือ "ผมมันจะยุ่งเอา"
"เหลืออีกกี่นาทีวะเควิน"
"อ้ายคือมึงจะรีบทำไมเนี่ย?"
"กูไม่ได้รีบ แต่กูอยากรู้ไง"เควินหยิบโทรศัพท์มาให้เขาดูนาฬิกา เดิมทีงานแต่งจะเริ่มห้าโมงเย็น ตอนนี้สี่โมงครึ่งแล้ว
"อีกครึ่งชั่วโมงเองอ่อ"
"แล้วทำไมมึงไม่ออกไปเลยอ่ะ เขาให้มึงรอไรวะ"นาวินถามด้วยความสงสัย
"แม่บอกให้กูที่ห้องนี้จนกว่าพ่อจะมาอ่ะ"
"แล้วพ่อมึงจะมากี่โมงวะเนี่ย"
"กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะมึง"เขานั่งรออยู่ในนี้มานานแล้วก็ไม่เห็นพ่อจะมาสักที จนต้องเรียกสองคนนี้มาอยู่เป็เพื่อนเพราะความเหงา "จริงๆพวกมึงไปหาของกินก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวกูอยู่คนเดียวก็ได้ อีกไม่กี่นาทีเอง"
"แล้วมึงแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้"
"ได้ดิ"
"แน่นะ"
"แน่สิ"
"อย่าอวดดี"เควินลงมือฟาดไปที่หัวของนาวินอีกครั้ง"เลิกกวนส้นตีนอ้ายได้ละนาวิน รีบไปดิ หิวไม่ใช่รึไง"เดือนอ้ายยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู สองแฝดคนนี้หน้าเหมือนกันแต่ก็ต่างขั้วสุดๆ
"โห่ เจ็บเลย เออๆไว้เจอกันในงานนะอ้าย"
"ไว้เจอกันๆ"
ผ่านเวลาไปได้ครึ่งชั่วโมงพ่อก็เดินเข้ามารับเขาออกไประหว่างทางก็เจอแขกมากมายที่เข้ามาร่วมงาน เดือนอ้ายก็ต้องทักทายั้แ่ต้นจนจบก็ยังไม่เห็นเ้าบ่าวของตัวเองเสียที พ่อได้บอกกับเขาว่าให้ไปในงานคนเดียว แต่ร่างเล็กเดินไปถึงประตูหน้างานแล้ว ทันทีที่ประตูเปิดออกแขกหลายคนก็ต่างหันหน้ามามองเขาทันที
เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นประปราย นับว่าเป็โชคดีของเดือนอ้ายที่ทำเป็ไม่ได้ยินอะไรเลยสักอย่าง มันถึงไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอ่อนไหวกับคำพูดพวกนั้นเลย สายตาของเขาไม่อยากมองไปรอบข้าง จึงต้องเลือกมองไปด้านหน้าแทน เขามองร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังหันหลังให้
ตุ้มหูห่วงสองข้างนั่นคุ้นตาเขาเหลือเกิน ท้ายทอยของอีกคนก็ทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมา เขาไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะใช่คนที่เขาคิดถึงหรือไม่แต่ฝีเท้ามันกลับก้าวเข้าไปหาอย่างเร่งรีบไปกลัวอะไร จนกระทั่งอีกคนหันหลังมาเพียงแค่เสี้ยวหน้า ใบหน้าแบบนั้นมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ร่างเล็กที่รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดอีกคนจากด้านหน้าทันทีโดยที่ใบหน้ายังซุกอยู่ตรงอกอีกคน
"พี่อาทิตย์!"ใบหน้าเล็กเงยหน้าขึ้นพร้อมกับดวงตาประกายแสงระยิบระยับ แก้มที่ชมพูขึ้นจากผิวของเดือนอ้ายเองและรอยยิ้มหวานที่ใครเห็นก็ต้องตะลึงไปตามๆกัน เหตุการณ์แบบนี้มันทำให้เขานึกถึงในวัยเด็ก การที่เขาไปตกหลุมรักครั้งแรก
12 ปีก่อน
ในวันเกิดครบรอบสิบขวบของเดือนอ้ายและอิงดาว เด็กเล็กมากมายต่างพากันวิ่งเล่นหน้าบ้าน เว้นแต่ว่าคนเดียวที่ไม่ได้เล่นกับคนอื่นเขาคือเดือนอ้าย เด็กน้อยตัวอ้วนพุ้ยเอาแต่นั่งเล่นอยู่ในสวน มืออวบสองข้างก็ถือหนังสือนิทานเอาไว้ เด็กน้อยมักจะอ่านนิทานเล่นเสมอในเวลาที่ว่าง เพราะว่าตัวเองเป็คนชอบดูละคร
แต่มันยากนักที่จะได้ดูละครกับครอบครัว เขามักจะโดนไล่เสมอเวลาจะดูของพวกนี้ ยิ่งวันนี้เป็วันเกิดแล้วด้วยพวกผู้ใหญ่ก็ต้องยิ่งห้ามอยู่แล้ว เขาเลยเอาหนังสือมาอ่านคนเดียวแทนดีกว่า เมื่อนั่งอ่านไปได้สักพักแสงแดดก็ส่องแยงตาจนต้องยกแขนขึ้นมาบังไว้แต่ก็เหมือนจะมีเงาคนมาบังไว้อีกที
เดือนอ้ายมองไปที่อีกคนช้าๆใบหน้าที่อีกคนมองลงมาเป็สีหน้าแบบไหนเขาไม่รู้ เพราะเงากระทบแสงแดดทำให้มืดไปหมด ก่อนที่เขาจะเห็นใบหน้าอีกคนชัดๆเมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงมาช้าๆ
"ไงน้อง มาทำไรตรงนี้แดดมันร้อนนะ"
"อ้ายมาอ่านนิทานคับ"
"อ่านตรงนี้มันร้อนเกินไป ไปข้างในดีกว่านะ"ดวงตาสองข้างของพี่คนนี้ทำไมถึงอบอุ่นจัง
"แต่ว่า..ข้างในคนเยอะคับ"
"งั้นพี่พาไปที่หนึ่งเอาไหม ไม่ร้อนหรอก"
"พี่คือใครอ่าคับ ผมไม่กล้าไปกับคนแปลกหน้า"เมื่อเขาพูดไปแบบนั้นอีกคนก็หลุดหัวเราะออกมา "ฮ่าๆ! น้องนี่ฉลาดจัง พี่ไม่พาไปที่อันตรายหรอก นี่ก็บ้านน้องไม่ใช่หรอ"
"คับ..แต่ผมไม่รู้จักพี่เลย"
"งั้นเรามาทำความรู้จักกันดีไหมครับ?"
"คับ ผมชื่อเดือนอ้าย.."
"พี่ชื่ออาทิตย์นะครับตัวเล็ก"เขามองใบหน้าอีกคนด้วยความหลงใหล รอยยิ้มนั่นทำให้ใจของเขาเต้นไม่เป็จังหวะ ลักยิ้มนั่นยังคงตราตรึงไว้ในใจเดือนอ้าย
หลังจากวันนั้นเดือนอ้ายมักจะโดนอาทิตย์พาไปเล่นด้วยกันตลอด บ่อยครั้งที่เดือนอ้ายขอไปนอนที่บ้านอาทิตย์และคนที่ต้องพากลับมาส่งตอนเช้าก็คืออาทิตย์ ความสัมพันธ์พี่น้องของทั้งคู่มีแค่พวกเขาทั้งคู่ที่รู้เท่านั้นจนมันก็จบลงที่อาทิตย์ต้องออกไปอยู่หอเพื่อเรียนมหาลัย และก็ไม่กลับมาหาเด็กน้อยอีกเลย
ในใจเดือนอ้ายนั้นเต้นรัว เขาไม่คิดว่าจะได้เจออีกคนอีกครั้ง เขาคิดถึงอีกคนเหลือเกิน เขาจำอีกคนได้แม้จะไม่ได้เจอกันนานแต่ใบหน้าพี่อาทิตย์ยังคงเหมือนเดิมสำหรับเขา
"อ้ายคิดถึงพี่อาทิตย์มากๆเลยครับ"ร่างเล็กยังคงกอดร่างสูงแน่น ความคิดถึง ความโหยหามันสะสมตลอดมาจนตอนนี้เขาได้เจออีกคนแล้ว
"ปล่อยกู"ฝ่ามือหนาแกะแขนที่เกี่ยวตัวเองออกจากตัวเองก่อนจะผลักให้ร่างเล็กถอยแต่เดือนอ้ายไม่คิดว่าอีกคนจะผลักจึงทรงตัวไม่ได้ทำให้ล้มลงไปกับพื้น
ผู้คนในงานที่เห็นต่างใร้องเสียงหลง เมื่อเห็นเ้าบ่าวของงานผลักเ้าสาวออก เดือนอ้ายเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าอีกคนด้วยความไม่เข้าใจ นี่ก็คือพี่อาทิตย์ไม่ใช่หรอ แต่ทำไมอีกคนถึงไม่เหมือนกับคนมี่เขารู้จักในวัยเด็กเลย
"ทำไมพี่ถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้.."