บทนำ
คำเตือน : มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเอ่ยถึงการฆ่าตัวตาย
เขาเคยมีความฝันที่อยากจะมีชีวิตอิสระจากครอบครัว มีบ้านหลังธรรมดาอยู่กับคนรัก มีงานที่ทำแล้วมีความสุข และครอบครัวที่ดีของเขาหมายถึง การมีลูก แต่มันก็เป็เพียงแค่ความฝันอยู่ดี ถ้าหากเขารู้ว่าการมีชีวิตของเขามันจะเป็แบบนี้ั้แ่แรก เขาก็คงไม่อยากจะเกิดมา
เดือนอ้ายใช้เวลากับการอดทนอดกลั้นกับคนในครอบครัวมาโดยตลอด แม้จะคุยกับบิดาหลายคราแล้วว่าตนเคยมีค่าสำหรับตระกูลโชตินันท์บ้างไหมแต่แล้วคำตอบก็ยังคงเป็คำว่า ‘ไม่’ เช่นเดิม ั้แ่เกิดเขามักจะโดนเปรียบเทียบกับพี่ชายฝาแฝดนั่นก็คือ อิงดาว ขวัญใจประชาชนและก็ครองใจคนในตระกูลโชตินันท์เสมอมา
เดือนอ้ายใช้วิธีเลี่ยงหรือไม่เข้าไปยุ่งกับคนพวกนั้นแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เขาอายุได้ยี่สิบสองปีแล้วกำลังจะตามหาที่ฝึกงาน ส่วนพี่อิงดาวก็มีบริษัทใหญ่มาจองตัวั้แ่ปีสอง ควบกับตำแหน่งนักแสดงยอดนิยม ไม่ว่าจะละครกี่เื่หรือเดินเข้าไปในเมืองก็มักจะเจออิงดาวตามป้ายโฆษณา
“จะไปไหน?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขัดกลางห้องโถงขณะที่ร่างเล็กกำลังจะเดินออกจากบ้าน เดชาตอนนี้เป็ผู้นำตระกูลที่รับ่ตำแหน่งช้าสุดเลยก็ว่าได้ พ่อของเดือนอ้ายอายุได้ห้าสิบสามแต่เพิ่งได้เข้ารับ่ต่อตระกูลตอนอายุสี่สิบกว่า
“อ้ายจะไปยื่นเอกสารงานครับ”เขาชะงักตัวให้หยุดก่อนจะหันไปเผชิญหน้า
“ค่อยไปทีหลัง เข้ามาคุยก่อน”
“ครับ”ร่างเล็กเดินเข้าไปนั่งโซฟาด้านข้างอย่างเรียบง่าย ไม่นึกเอ่ยขัดใจอีกคนเพราะเขาก็ไม่อยากเสียเวลาปะทะอารมณ์กับพ่อเท่าไหร่นัก
“รอก่อน รอไม่ได้ก็ต้องรอ”
“อ้ายรออยู่แล้ว” เขาก็รอมาตลอด.. เดชามักชอบติเตียนเื่จุกจิกของเดือนอ้าย ไม่ว่าการทำงาน การเรียนและหาข้อเปรียบเทียบที่อิงดาวจะต้องทำได้ดีกว่า
“แล้วเมื่อไหร่แกจะเลิกเอาแต่ทำงานเล่นๆ ไปวันๆ ควรจะทำงานเป็หลักเป็แหล่งสักทีนะ” น้ำเสียงของเดชากดต่ำลงฉับพลัน
“อ้ายกำลังจะฝึกงานนี่ไง”
“อิงดาวไม่เห็นต้องฝึกงานก็ยังมีงานทำเลย”อีกคนไม่เคยรู้เลยว่าคำพูดของตัวเองมันกำลังทิ่มแทงหัวใจของเด็กตัวเล็กๆมาตลอด
“อ้ายก็พยายามอยู่ พ่อไม่รู้หรอก”
“เก่งแต่ปากอย่างแกจะได้ดีหรอ” คำดูถูกพวกนี้เขาได้ยินมาตลอดั้แ่เด็ก เขาทำได้แต่ก้มหน้าไม่เอ่ยคำตอบอีกคน
ผู้นำตระกูลก็คงไม่ได้มีเหตุผลที่จะเกลียดลูกตัวเอง เพียงแต่มันเป็ความเชื่อ สมัยที่ทวดยังอยู่มีคำทำนายเอาไว้ หากเด็กแฝดเกิดขึ้นครั้งแรกในตระกูลก็เหมือนดั่งคำสาป บุตรแฝดคนพี่จะเป็ตัวนำโชคของตระกูล ส่วนคนที่สองคือ ตัวกาลกิณี นับั้แ่นั้นการดูแลเด็กแฝดก็ไม่เคยเท่าเทียมกัน
เขาใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองถึงสามปี แต่แล้วก็ล้มเหลวไม่เป็ท่า มีแต่อิงดาวที่ได้รับคำชื่นชม มีแต่คนดีๆเข้าหา ได้รับโอกาสที่ดีตลอด ครอบครัวโชตินันท์ก็พากันเชิดหน้าชูคอมากขึ้น สุดท้ายเดือนอ้ายก็เป็ส่วนเกินอยู่ดี
“มากันแล้วหรอ?”ไมตรีเดินออกมาด้วยสีหน้าระรื่นพร้อมกับเกาะแขนอิงดาวที่เดินแนบข้างมา ผิวขาวอมชมพูผ่องใส ดวงตาหวานที่รับกับใบหน้าเรียวเป็อย่างดี แปลกที่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าถึงจะเป็แฝดกัน เขาไม่เหมือนกับอิงดาวเลย
“เหนือเมฆล่ะ?”
“กำลังเดินตามลงมาเลย นี่อ้าย เถิบให้พี่อิงดาวเขานั่งตรงนั้นหน่อย แกเถิบออกไป”
“อ่า..ครับ”ร่างเล็กเขยิบตัวไปทางซ้ายเพื่อเว้นที่ให้อีกคนนั่งด้านข้าง
“วุ่นวายอะไรแต่เช้า”ร่างสูงเดินมานั่งที่โซฟาอีกฝั่งด้วยท่าทีหงุดหงิด ดูเหมือนว่าพี่เหนือเมฆจะไม่ได้นอน เขานึกสงสัยว่าเื่ที่พ่อจะคุยคือเื่อะไรกันแน่ถึงต้องเรียกมาคุยพร้อมหน้าแบบนี้
“แล้วสายฟ้าล่ะคะคุณ?”
“ไม่ต้องเรียกมา นี่มันเื่ของผู้ใหญ่”เอกสารถูกวางลงบนโต๊ะก่อนจะยื่นให้ทางอิงดาว มือเล็กหยิบขึ้นมาและเปิดออก เขามองสีหน้าของอิงดาวแล้วเหมือนจะไม่ใช่เื่ดีเท่าไหร่นักเพราะคิ้วผูกเป็ปมขนาดนั้น
“พ่อครับ นี่คือ..?”
“การแต่งงานครั้งนี้มันจำเป็”
“แต่งงาน? แต่งงานอะไรกัน?”เหนือเมฆรีบคว้าเอกสารที่อยู่ในมือน้องชายตัวเองมาดูทันที หลังจากที่อ่านข้อความสัญญาบนกระดาษครบก็ได้แต่ทำสีหน้าตึงเครียด
“อิงดาวยังเด็กเกินไปสำหรับการแต่งงานนะครับ” เดือนอ้ายมองกลุ่มคนตรงหน้าสลับไปมากับอิงดาวที่ตอนนี้กำลังกำมือตัวเองแน่น
“แต่นี่มันเป็สัญญานะลูก..”เขาไม่เข้าใจครอบครัวตัวเองเลยว่าทำไมถึงไปสัญญาเื่นี้ซี้ซั้ว การทำแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับขายลูกกินเลย
“ดาวไม่อยากแต่งครับแม่..ฮึก”อิงดาวเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่จนต้องกลั้่นน้ำตา ตัวสั่นเทาจนผู้เป็แม่ต้องโอบกอดลูกไว้
“เมฆก็ไม่เห็นด้วยนะครับ นี่มันกะทันหันเกินไปแล้วงอีกอย่างตระกูลศิวาลัยก็มีแต่พวกเฒ่าหัวงู-“
“แกพูดอะไรออกมา!”เดชาตะคอกออกมาอย่างเสียงดังและลุกขึ้นยืนด้วยความโทสะ
“มันเื่จริงนี่ครับพ่อ!”
“ไม่เอาพี่เมฆ..อย่าทะเลาะกันเลย”เขาพยายามพูดให้ทั้งคู่ใจเย็นลงก่อน
“หุบปากไปอ้าย”แต่คำตอบที่ได้รับไม่เคยดีเลย
“พ่อบอกว่าเื่นี้มันเป็สิ่งจำเป็ เราตกลงกับฝั่งนั้นไปแล้ว”
“แล้วทำไมพ่อถึงไม่ถามดาวก่อนล่ะครับ..ดาวแต่งงานไม่ได้จริงๆ”
“โถ่ลูก..”เขามองแม่ที่ยังปลอบอิงดาวอยู่สลับกับมองไปที่พ่อตัวเอง “แล้วทำไมพ่อถึงไปสัญญาเื่นี้ล่ะครับ”
สุดท้ายแล้วพ่อของเขาก็ยอมเปิดปากพูดว่าจริงๆแล้วข้อตกลงของสัญญาเป็ของฝ่ายนั้นที่ยื่นมา และปักหลักไว้แล้วว่าต้องเป็อิงดาว ตระกูลศิวาลัยล้วนเป็ที่น่าเกรงขามและมีอิทธิพลมากภายในประเทศ หากใครที่ได้ทำสัญญาแล้วผิดสัญญาก็คงจะต้องมีปัญหาใหญ่ตามมาแน่
ถ้าหากจำไม่เป็ผิด่สมัยที่เดือนอ้ายยังเด็ก ตระกูลโชตินันท์ไม่เคยลำบาก มีเงินใช้ตลอด จนกระทั่งมาถึงจุดวิกฤติที่ผู้นำตระกูลคนสำคัญเสียชีวิตอย่างกะทันหัน อาจจะเป็เพราะเหตุผลนั้นที่ศิวาลัยเป็มิตรสหายกับผู้นำตระกูลจึงยื่นมือเข้ามาช่วยประคองบริษัทในเครือโชตินันท์ไว้ได้
ท้ายที่สุดบริษัททั้งหมดของโชตินันท์ก็พลิกเป็หน้ามือโดยที่มีศิวาลัยช่วยเหลือ นักธุรกิจมากมายอยากที่จะลงทุนด้วย พ่อของเขาก็รับตำแหน่งผู้นำคนต่อไปทันที
และนั่นคงเป็สาเหตุที่ศิวาลัยเองก็ไม่อยากตัดความสัมพันธ์กับโชตินันท์เพราะเนื่องด้วยธุรกิจที่ยังเกี่ยวข้องกันอยู่ จนเป็สาเหตุที่การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่รู้ทำไมถึงต้องเป็อิงดาวกัน
“แต่จริงๆแล้ว..ดาวมีคนรักอยู่แล้วนะครับพ่อ”
“ว่าไงนะ!/จริงหรอดาว?”
“ดาวมีคนรักอยู่แล้ว ดาวแต่งไม่ได้หรอกครับพ่อ ดาวขอร้อง..”อิงดาวร้องขออ้อนวอนอย่างน่าสงสาร มือเล็กยกขึ้นประสานกันสองข้าง ดวงตาเคล้าไปด้วยน้ำตา “ดาวขอร้องนะครับ พ่อเห็นแก่ดาวได้ไหม..”
“มันก็อาจจะได้” เขาคิดไว้อยู่แล้วยังไงพ่อก็ต้องใจอ่อน ถ้าหากเขาเป็คนทำหน้าแบบนั้น ผลตอบรับจะเป็แบบนี้บ้างไหมนะ
“แต่แกต้องไปแต่งงานแทนพี่เขา”
“ว่าไงนะครับ?”เขาหันไปมองหน้าพ่อด้วยสีหน้าใ แล้วพยายามควบคุมอาการสั่นของตัวเองเอาไว้
“ฉันบอกว่าแกต้องไปแต่งงานกับเ้าสัวศิวาลัยแทน”
“ถ้าเป็แบบนั้นก็อาจจะได้นะ เพราะยังไงมึงก็หน้าคล้ายอิงดาวอยู่แล้วนี่”เหนือเมฆพูดพลรางยกยิ้มขึ้น ก่อนขอตัวออกไปทันที เขาได้แต่มองอีกคนเดินออกไป ขนาดพี่ชายยังไม่คิดจะเห็นใจเขาเลย
“แล้วทำไมอ้ายต้องแต่งงานด้วย พ่อบอกเองไม่ใช่หรอว่าต้องเป็อิงดาวนี่”ปลายนิ้วชี้ไปที่คนที่เอาแต่นั่งร้องไห้ ตอนนี้อิงดาวก็ยังคงซุกใบหน้าลงกับไหล่ของแม่
“ก็เพราะว่าอิงดาวมีคนรักอยู่แล้วไง แกหูหนวกรึไง?”เดือนอ้ายหันหน้าไปจะขอความช่วยเหลือจาก
แม่ตัวเองแต่ว่าอีกคนกลับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง สุดท้ายก็เป็แบบนี้
“อ้ายไม่แต่งครับ”
“แกต้องแต่ง!”
“พ่อไม่คิดหรอว่าถ้าอ้ายแต่งงานกับเ้าสัวไป เขาก็ต้องรู้ว่าอ้ายไม่ใช่อิงดาวอยู่ดี!”
“เื่นั้นพ่อจะเป็คนคุยเอง แต่แกไม่มีทางเลือกทั้งนั้น”
“….”ทำไมล่ะ ทำไมเขาถึงเลือกไม่ได้ แต่อิงดาวกลับเลือกได้
“ยังไงอ้ายก็ไม่แต่ง”
“หัดทำตัวให้เป็ประโยชน์กับลตระกูลเสียบ้าง เดือนอ้าย! นี่พ่อยังพูดไม่จบนะ!”
“ถ้าอยากจะได้ผลประโยชน์มากนัก พ่อก็ไปแต่งเองกับเ้าสัวเลยแล้วกัน”ร่างเล็กเดินออกจากห้องโถงไม่ทนฟังคำพูดดูถูกอีกต่อไป ฝ่ามือกำแน่นไปด้วยความโกรธ ใบหน้าของเดือนอ้ายตอนนี้ไร้สีจนน่ากลัว เหล่าสาวใช้ก็ยังไม่กล้าเดินผ่าน
เดือนอ้ายพยายามทำตัวเข้มแข็งมาโดยตลอด แต่แล้วทำไมเขาถึงต้องมาอ่อนแอ่เพราะเื่แบบนี้กัน ถึงแม้อยากจะร้องไห้มากแค่ไหนแต่ก็ทำได้เพียงปั้นหน้านิ่งเอาไว้ เขาไม่เคยเลือกอะไรกับชีวิตได้เลยสักอย่าง
ความกดดันในครอบครัวที่เกิดมาในตระกูลใหญ่อย่างโชตินันท์มันช่างน่าเศร้า มีหลายคนที่อยากเกิดมาในตระกูลเพราะความร่ำรวย สมัยเด็กเขาแทบจะ ไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน นอกจากเพื่อนตัวเดียวที่ชื่อวิสกี้ เป็หมาตัวใหญ่สีขาวแต่ว่ามันโดนวางยาจากพ่อของเขาเอง
เดชาไม่อยากให้ลูกจมปลักกับการเล่นกับสุนัข ้าให้ลูกเรียนทั้งวันเพื่อไม่ให้มีจุดด่างพร้้อยในตระกูล เขาเคยคิดว่าอยากเล่าเื่ของครอบครัวให้เพื่อนฟัง แต่มันก็ทำไม่ได้
ความแข็งแกร่งอาจจะเอาชนะความเศร้าได้ก็จริง แต่ตอนนี้กลับทำอะไรไม่ได้เลย ความรู้สึกข้างในมันทั้งผิดหวัง เสียใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงไม่ฟังเขาเลย
"ฮัลโหล"ร่างเล็กพยายามต่อสายหาเพื่อนตัวเองจนอีกฝ่ายกดรับ
(ว่าไงมึง คิดถึงกูหรอ)
"มาเจอกันหน่อยได้ไหม"น้ำเสียงเล็กสั่นเคลือจนเก็บไว้ไม่อยู่
(เห้ย เกิดไรขึ้นปะเนี่ย?)
"อื้อ มาเจอกับกูที่ร้านเดิมนะ"เดือนอ้ายใช้เวลาขับรถบนถนนได้สักพักแล้วหลังจากที่ออกมาจากบ้าน ปลายสายก็ยังโทรเรียกเข้าไม่หยุด และเขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ ถ้าหากตอนนี้ได้เจอนาวินกับเควินคงจะดีกว่าการอยู่คนเดียว
ในที่สุดรถยนต์ก็ได้เลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถสำหรับสถานบันเทิง สองแฝดที่หน้าตาเหมือนกันยืนรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อเดือนอ้ายเห็นเพื่อนทั้งคู่ที่ยิ้มกว้างออกมาพร้อมโบกมือรอ ร่างเล็กก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งเข้าไปก่อนทั้งคู่
"เกิดอะไรขึ้น"ฝ่ามือบางถูกลูบหลังเพื่อนตัวเล็กเบาๆ เควินเป็คนที่อยู่ในสายเมื่อครู่ก็อดสงสัยไม่น้อยว่าอะไรคือเหตุที่ทำให้เพื่อนเขาอ่อนไหวได้ขนาดนี้
"มันคือเื่ใหญ่ ใหญ่มากๆจนกูไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น"เขายังคงซุกใบหน้าตัวเองกับไหล่เพื่อน เขาไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นมาเลยเพราะทั้งคู่อาจจะเห็นดวงตาที่บวมเปล่งออกมา
"งั้นเข้าไปข้างในก่อนเถอะ"นาวินเป็คนพยุงเดือนอ้ายเข้าไปในร้านก่อนจะหาที่นั่งปักหลักได้ ทันทีที่หลุดจากอ้อมแขนเพื่อน เควินก็รีบยื่นหน้ามาใกล้เขาทันที "นี่มึงร้องไห้?"
"ใครทำอะไรมึงวะ!?"นาวินที่ไม่เคยได้เห็นเพื่อนร้องไห้บ่อยนักแต่พอเห็นว่าคราวนี้ดูผิดแปลกไปจากปกติก็อดโมโหไม่ได้
"กูจะต้องแต่งงาน..กับเ้าสัว"
"ห้ะ?/เหี้ย!"
"กูไม่รู้ว่ากูจะทำยังไง กูคิดอะไรไม่..ฮึก"สิ้นเสียงพูดของเดือนอ้ายก็พูดออกมาไม่ได้ หยดน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ความรู้สึกอึดอัดภายในใจ ทั้งน้อยใจครอบครัว มันสะสมมากขึ้น สิ่งที่ช่วยเขาได้ก็คืออ้อมกอดของเพื่อนสองคนนี้
"กูไม่คิดเลยว่าเขาจะบังคับมึงถึงขั้นนี้"
"กูว่ามันเกินไปนะเควิน"
"มันทำอะไรไม่ได้ เขาจะบังคับกูให้..ฮึก..ได้เลย"โชคดีที่อย่างน้อยภายในร้านทึบแสง การร้องไห้ของเขาก็ไม่เป็ที่สังเกตุ เดือนอ้ายคิดไว้แล้วว่าวันนี้ตัวเองจะมาปลดปล่อยที่นี่
"มันไม่มีทางแก้เลยหรอ?"เควินอยากจะพยายามหาทางช่วยเพื่อนตัวเล็กให้ได้แต่ตัวเองก็ตันสุดทาง ส่วนนาวินก็ได้แต่ปลอบโยนเพื่อนเท่านั้น
"ไม่เลย.."
"กูขอโทษนะที่ช่วยไรไม่ได้"
"มึงไม่ต้องขอโทษอะไรเลย เื่นี้ไม่มีอะไรแก้ได้ สัญญามันเป็ไปแล้ว ฮึก..แล้วอีกอย่างต่อให้กูหนีไปต่างประเทศ เขาก็คงหากูเจออยู่ดี"เขาก็จนหนทางแล้วเหมือนกัน ถ้าหากเขาต้องแต่งงานกับเ้าสัวจริงๆ เขาจะต้องทำตัวอย่างไรกัน เขายังใช้ชีวิตวัยรุ่นของตัวเองยังใช้ได้ไม่คุ้มเลย
สิ่งที่จะช่วยเยียวยาความรู้สึกเสียใจในครั้งนี้ก็คงมีแต่ตัวเขาเองที่ต้องลืม ลืมเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถึงแม้จะเป็แค่เวลาชั่วคราวก็ถือว่าช่วยเขาให้พ้นจากความเสียใจไปสักพักอยู่ดี
"พวกกูอยู่ข้างมึงเสมอนะ"
"ขอบใจนะนาวิน เควินด้วย"เขาเงยหน้ามองทั้งคู่ก่อนจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตา "คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่รู้จักพวกมึง กูจะเป็ยังไง"
เพราะหลายครั้งแล้วที่เดือนอ้ายพยายามที่จะจบชีวิตตัวเอง แต่ก็ล้วนไม่สำเร็จเลยสักครั้ง ความกลัวมันครอบงำไปทั่วร่างกาย ผลสุดท้ายไม่ว่าเขาจะตายหรือว่าเขาจะอยู่ ครอบครัวก็ไม่ได้รับผลดีหรือผลเสียอะไรอยู่แล้ว
นาวินกับเควินมีความหมายสำหรับเดือนอ้ายมาตลอด ถ้าหากตอนปีหนึ่งไม่เจอสองคนนี้คงจะแย่มากแน่ๆ สิ่งเดียวที่เขาเชื่อมากที่สุดว่าอย่างน้อยพระเ้าก็คงไม่ใจร้ายกับเขามากจนเกินไปก็ถือว่าขอบคุณที่ยังส่งเพื่อนที่ดีคอยอยู่ข้างๆเขา
"วันนี้ไปนอนที่บ้านกูก่อนแล้วกันนะ"
"อื้อ"ตอนนี้เขาเริ่มมัวเมาไปกับแสงไฟรอบตัว เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มนึ่งก่อนที่ภาพลางๆจะเกิดขึ้น ร่างสูงที่สวมเชิ้ตสีขาวเหมือนนักศึกษา รอยยิ้มที่มีรอยบุ๋มตรงแก้มสองข้าง นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอ ป่านนี้อีกคนคงจะได้แต่งงานกับคนที่รัก ส่วนเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ไม่รู้จัก ทำไมเขาถึงต้องทรมานณขนาดนี้?
อีกฟากหนึ่งของอีกประเทศ ประเทศที่ติดอันดับการคบค้าสมาคมด้านเศรษฐกิจดีที่สุดอันดับหนึ่งของโลก เหล่านักธุรกิจมักเดินทางมาเจรจาที่นี่แหละรวมไปถึงธุรกิจอันดำมืดที่อันตราย ซึ่งแน่นอนว่าที่นี่สิ่งเ่าั้ล้วน ‘ถูกกฎหมาย’ เพียงแต่โทษของมันก็ร้ายแรงเช่นกัน
ร่างสูงสวมสูทสีดำผ้าชั้นดีนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มืออีกข้างถือบุหรี่ที่สูบค้างเอาไว้ ใบหน้ารูปงามที่ใครเห็นก็ต้องลุ่มหลงไปกับมัน สันกรามที่คมกริบกับจมูกโด่งเป็สัน หากพระเ้าจะลำเอียงใครก็คงจะเป็ ‘เ้าสัวศิวาลัย’
“เ้าสัวครับ มีโทรศัพท์เข้า”
“เอามา” มือหนาเขี่ยบุหรี่ลงกับที่รองรับมัน ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ที่เลขายื่นมาแนบหู สีหน้าทะมึนดูไม่พอใจเล็กน้อยที่ขัดจังหวะที่ตัวเองกำลังอยู่ใน่เวลาพักงาน
(สวัสดีครับเ้าสัว ผมเอ็ดดี้ติดต่อจากสาขาบีครับ)
“มีอะไรรีบพูด”
(ทางโชตินันท์้าเปลี่ยวตัวเ้าสัวครับ)
“หมายความว่าไง” เสียงขบกรามดังขึ้นออกมาอย่างเสียงดัง
(คือว่า..คุณเดชาเขาจะส่งตัวคุณเดือนอ้ายแทนคุณอิงดาวแทนนะครับ)
“กลับ”แต่ทว่าเสียงทุ้มกลับต่ำขึ้นไม่ทันตั้งตัวจนเลขาเสียวสันหลังวูบ
(ให้ผมกลับหรอครับ? แต่คุณเดชาเขายัง-)
“กูไม่ได้คุยกับมึง กูจะบินกลับวันนี้ โจไปจัดการให้กู” ร่างสูงหันไปสั่งเลขาทันควัน จะมาเกิดเื่แบบนี้ได้ยังไง เขาตัดสินทำตามสัญญาคุณย่าแล้วยังจะตุกติกอีก สีหน้าหงุดหงิดของเ้านายตอนนี้น่ากลัวจนโจเองก็ได้แต่ตอบรับเสียงสั่นๆ “คะ..ครับ”
“ไม่ต้องลงตารางว่าจะกลับมาที่นี่อีก”
“เ้าสัวจะไม่กลับมาที่นี่หรอ?”
“กูจะกลับอยู่ที่นั่นสักพัก”