“ภรรยาเ้าใหญ่สายตาแหลมคมนัก” หลี่เหล่าไท่ไท่พยักหน้า หยกอุ่นสีแดงครั้งนั้นชิ้นใหญ่มาก ได้มาเมื่อครั้งบรรพบุรุษของจวนชิ่งป๋อร่วมบุกเบิกดินแดนกับฮ่องเต้องค์ก่อน ต่อมาล้วนเป็สินเ้าสาวของหลี่เหล่าไท่ไท่ทั้งหมด เมื่อยามที่นางสั่งทำสร้อยเงิน มีสั่งทำอยู่สองแบบด้วยกันคือกุญแจอายุยืนและแบบสลักลวดลายดอกไม้ ลวดลายดอกไม้นั้นอยู่ในมือของหลี่หม่านและหลี่อวิ๋น ส่วนกุญแจอายุยืนอยู่ที่หลี่โจวและหลี่ลั่ว
ครั้งนั้นที่เรือนหลี่ฮ่าวให้กำเนิดบุตรอนุหลี่เฉานางยังตัดใจที่จะเอาออกมาไม่ได้ ยังมีความหวังอย่างเห็นแก่ตัวเล็กๆ ว่าอาจจะมีหลานชายจากภรรยาเอกของบุตรชายมาเกิดอีก ทว่าในยามนี้กลับมอบให้แก่หลี่ลั่ว
ภรรยาหลี่ฮุยนั้นมีความริษยาเล็กน้อย แต่เมื่อคิดได้ว่าหลี่หม่านมีอยู่แล้วชิ้นหนึ่งนางจึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
“มา ย่าจะใส่ให้เ้า” หลี่เหล่าไท่ไท่สวมสร้อยเงินกุญแจอายุยืนประดับหยกอุ่นให้กับหลี่ลั่วด้วยมือของนางเอง ราวกับว่าเื่ราวเมื่อสักครู่นี้มิเคยเกิดขึ้น
ถัดมาเป็การยกน้ำชาให้กับผู้าุโ แต่หลี่ลั่วเป็โหวเหฺย ดังนั้นจึงยืนคารวะเพื่อยกน้ำชาให้กับภรรยาหลี่ฮุยและภรรยาหลี่ฮ่าว ขณะที่กำลังยกน้ำชาให้พวกเขานั้น หลี่ลั่วพบว่าตำแหน่งที่นั่งนั้นไม่ถูกต้อง หลี่หยางซื่อในฐานะเ้าบ้านฝ่ายหญิงของจวนโหว มิว่าจะตามหลักาุโหรือชาติกำเนิดแล้วนางก็มิสมควรจะนั่งในตำแหน่งที่ต่ำลงมาจากภรรยาของหลี่ฮุย แต่ก่อนหน้านี้หลี่ลั่วเองได้ตบหน้าของหลี่เหล่าไท่ไท่ไปแล้ว ดังนั้นเื่นี้เขาจึงมิได้เอ่ยอันใด
“ลั่วเอ๋อร์ นี่คือพี่หญิงสาม นี่คือพี่หญิงสี่ นี่คือพี่หญิงห้า และนี่คือพี่ชายห้าของเ้า” ภรรยาหลี่ฮ่าวแนะนำลูกหลานฝ่ายของหลี่ฮ่าวให้แก่หลี่ลั่ว
ทุกคนได้เตรียมของขวัญไว้ให้ั้แ่เมื่อคืน ล้วนเป็ถุงเงินทั้งสิ้น คนแล้วคนเล่ามอบให้กับหลี่ลั่ว ผิงอันก้าวเข้ามารับถุงเงินเ่าั้ไว้ ของขวัญจากผู้ที่อยู่ในวัยเดียวกันไม่ต้องให้หลี่ลั่วรับมาเองกับมือ หากจะต้องไปรับเอง ย่อมต้องดูฐานะ
“น้องหก” ของขวัญของหลี่อวิ๋นเป็เ้าแม่กวนอิมหนึ่งชิ้น เทียบกับของขวัญของผู้อื่นแล้วมีค่ากว่ามาก บ้านมารดาของภรรยาหลี่ฮ่าวนั้นเป็คุณหนูจากครอบครัวทำการค้า สินเ้าสาวนั้นมีจำนวนมาก หญิงสาวห้อยพระพุทธ ชายหนุ่มห้อยกวนอิม เดิมทีกวนอิมชิ้นนี้เป็ของขวัญที่ภรรยาหลี่ฮ่าวตั้งใจว่าจะมอบให้เป็ของขวัญพบหน้าแก่หลี่ลั่ว แต่เมื่อคิดได้ว่าภรรยาหลี่ฮุยคงมิได้เตรียมสิ่งของที่มีค่ามากมายอันใดนัก ดังนั้นหากนางมอบของขวัญที่มีค่าชิ้นนี้ไป ระหว่างพี่สะใภ้กับนางคงจะไม่ค่อยน่าดู ดังนั้นนางจึงให้หลี่อวิ๋น และให้หลี่อวิ๋นเป็ผู้มอบของขวัญจากเด็กๆ ด้วยกัน เช่นนี้จึงมิได้เสียหายอันใด อีกทั้งเมื่อเป็ของขวัญที่ออกจากมือหลี่อวิ๋น ย่อมรู้กันดีว่านี่เป็ของจากมือนาง
ภรรยาของหลี่ฮ่าวคนนี้ดูแล้วอ่อนโยนและสุภาพ น่าจะพูดคุยเข้าหาได้ง่าย แต่เมื่อมองจากของขวัญที่มอบให้แล้วนั้น เกรงว่าจะไม่ได้ใจดีเหมือนที่เห็นจากภายนอก
หลี่ฮ่าวเป็คนเช่นไรนั้น หลี่เหล่าไท่ไท่ย่อมกระจ่างแจ้งดี ในยามที่นางเลือกภรรยาให้กับบุตรชายของตนนั้นก็ได้ทำการคัดเลือกมามากมาย เงื่อนไขมิได้สูงนัก แต่ครอบครัวนางมีฐานะมั่งคั่ง อุปนิสัยทุกด้านล้วนดีงาม นับได้ว่าได้ทุ่มเทกำลังไปมากจริงๆ
“ขอบคุณพี่หญิงสาม” หลี่ลั่วยิ้มบางๆ บรรดาเด็กๆ หลายคนที่มีอายุสิบกว่าปีในที่นี้ ในสายตาของหลี่ลั่วก็เป็เพียงเด็กนักเรียนมัธยมต้น เขาย่อมไม่ติดใจอะไร
“น้องหก ใครๆ ล้วนพูดกันว่าเมื่อได้รับมาย่อมต้องตอบแทนไปตามธรรมเนียมมารยาท กำไลข้อมือที่ฝ่าาประทานให้เ้านั้นได้มอบให้ผู้อื่นแล้วหรือไม่? ข้าพี่สามยังไม่มีสิ่งของใดที่เป็ของพระราชทานจากฝ่าา จึงอยากจะโอ้อวดบ้างสักครั้ง” หลี่อวิ๋นก้าวขึ้นมาจับมือของหลี่ลั่วไว้ คำพูดนี้พูดได้น่าฟังกว่าหลี่หม่านมากมายนัก
แต่หลี่เหล่าไท่เหฺยซึ่งปกติทำหน้าที่จัดซื้อสิ่งของและรั้งตำแหน่งขุนนางขั้นสามยังไม่เคยได้รับของพระราชทานจากฝ่าาแม้สักครั้ง
หลี่ลั่วคาดไม่ถึงว่าหลี่อวิ๋นจะเข้ามาขอสิ่งของ เขาไม่ชอบทะเลาะกับเด็กๆ ชายหนุ่มอายุยี่กว่าปีย่อมไม่ชอบทะเลาะกับเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าขวบ “กำไลข้อมือนั้นได้มอบให้ท่านยายไปแล้ว แต่ฝ่าายังได้พระราชทานไข่มุกบูรพาิโหลวมาหนึ่งกล่อง อีกไม่กี่วันเมื่อทำเป็เครื่องประดับแล้วจะนำมามอบให้พี่หญิงสาม”
“เป็ความจริงหรือ?” ดวงตาของหลี่อวิ๋นเป็ประกาย นางเพียงอยากได้สิ่งของที่เป็ของพระราชทานจากฝ่าา ส่วนจะเป็กำไลข้อมือหรือสิ่งของอย่างอื่นนั้นก็มิได้แตกต่างกันมากมายนัก
“ขอรับ” หลังจากกลับไปต้องให้ผิงอันนำไปทำเป็เครื่องประดับทันที
หลังจากการคารวะยามเช้าที่เรือนหลี่เหล่าไท่ไท่เสร็จเรียบร้อย หลี่เหล่าไท่ไท่จึงให้ทุกคนกลับไป หลี่เหล่าไท่เหฺยได้กำชับว่ายามเฉินเจิ้ง[1]จะต้องเดินทางไปเข้าผังสกุลที่จวนกั๋วกง
รอจนกระทั่งทุกคนออกจากเรือนไปแล้ว สีหน้าของหลี่เหล่าไท่ไท่จึงได้มืดครึ้มลง “เ้าคิดเช่นใด?” แน่นอนว่าคนที่นางถามย่อมต้องเป็เหอหมัวมัว
เหอหมัวมัวถูกหลี่ลั่วตบหน้า ในใจย่อมรู้สึกไม่เป็สุข “บ่าวเห็นว่าคำพูดของคุณชายหกวันนี้ช่างใช้คำได้สละสลวยสวยงามยิ่งนัก มิว่าจะในที่มืดหรือในที่สว่างต่างก็มีแต่เหน็บแนม...ถากถาง...” เหอหมัวมัวเหลือบไปเห็นสีหน้าของหลี่เหล่าไท่ไท่แล้ว นางจึงพูดไม่ออก
“ฮึ” หลี่เหล่าไท่ไท่ส่งเสียงฮึในลำคออย่างเ็าครั้งหนึ่ง “คุณชายหกอายุเพียงห้าขวบ คำพูดเหล่านี้เขาจะพูดออกมาได้อย่างไรกัน ย่อมเป็หลี่หยางซื่อที่เสี้ยมสอนแน่แล้ว อย่าได้มองว่าในยามปกตินางแทบจะไม่เคยเอ่ยอะไร นางฉลาดยิ่งนัก ครั้งนั้นเ้ารองสามารถแต่งนางเป็ภรรยาได้นับว่าสายตาแหลมคมจริงๆ”
“แล้วอย่างไรเล่าเ้าคะ? ท่านเป็เหล่าไท่ไท่ มิใช่ว่าทุกสิ่งอยู่ในกำมือของท่านหรอกหรือ” คำพูดของเหอหมัวมัวช่างรื่นหูนางนัก “แล้วต่อไปท่านคิดว่าจะทำเช่นใดเ้าคะ”
“ตำแหน่งโหวนั้นได้กำหนดลงมาแล้ว ฝ่าาทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง นับได้ว่าจบแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องทำตอนนี้คือให้คุณชายหกใกล้ชิดกับพวกเรามากขึ้น หากว่าสามารถนำมาเลี้ยงดูข้างกายพวกเราได้...จะเป็การดียิ่ง” หลี่เหล่าไท่ไท่ครุ่นคิด “แต่หยางซื่อ[2]เป็มารดาใหญ่ นางก็มิได้ทำผิดอันใด ข้า้านำเขามาเลี้ยงไว้ข้างกาย เกรงว่าคงจะไม่ได้เสียแล้ว”
“เช่นนั้นก็คิดหาวิธีที่ทำให้นางไม่มีคุณสมบัติดีพอที่จะเลี้ยงคุณชายหกไว้ข้างกาย ต่อไปก็มิใช่...”
“เ้ามีวิธีรึ?”
“บ่าวมีวิธีเ้าค่ะ”
[1] ยามเฉินเจิ้ง (辰正) ยามเฉินเป็่เวลาั้แ่ 07.00-09.00 น. ยามเฉินเจิ้ง คือเวลา 08.00 น.
[2] หยางซื่อ (杨氏) “ซื่อ” หมายถึงคำที่ใช้เรียกสตรีที่แต่งงานแล้ว ข้างหน้าจะเป็สกุลของตนเอง บางครั้งอาจใส่สกุลของสามีไว้ข้างหน้าสกุลของตนเองเพื่อเป็เกียรติกับสกุลของครอบครัวสามี ในเื่คือ หลี่หยางซื่อ ดังนั้นจะเรียกหลี่หยางซื่อ หรือหยางซื่อก็ได้