ฐานะของหลี่ลั่วในสมัยยุคปัจจุบันถือได้ว่าเป็ลูกหลานของครอบครัวที่มีเชื้อสายชนชั้นสูง เขามิได้คาดคิดมาก่อนว่าตนจะต้องมาใช้ชีวิตอย่างถูกกดขี่ข่มเหงในยุคสมัยโบราณ หาก้าใช้ชีวิตตามอำเภอใจในยุคสมัยโบราณแล้วนั้น ขอเพียงมีเงื่อนไขสองข้อที่ต้องตระเตรียมเอาไว้ ข้อหนึ่งคือสติปัญญาและความสามารถ อีกข้อหนึ่งคือต้องมีที่พึ่ง หลี่ลั่วมีสติปัญญาพร้อมด้วยความสามารถ และยังหาที่พึ่งพบแล้วด้วย สำหรับที่พึ่งนั้น แน่นอนว่าต้องเป็ฝ่าาที่อยู่ในวังหลวง ในยุคสมัยที่กษัตริย์เป็ผู้ปกครองประเทศนั้น ไม่มีขาของผู้ใดใหญ่เท่ากับขาของฝ่าาอีกแล้ว
ดังนั้นหลี่ลั่วคิดได้ตั้งนานแล้วว่าต้องกอดขาใหญ่นี้เอาไว้
อาศัยความสัมพันธ์ของบิดาและฝ่าา เขาสืบทอดตำแหน่งโหว แต่หลี่ลั่วนั้นกระจ่างแจ้งในเื่หนึ่งดี สำหรับขุนนางที่ตายไปแล้ว ความโปรดปรานและเมตตาของฝ่าาย่อมมีข้อจำกัด อีกทั้งยังได้มอบความเมตตานี้มาให้แล้ว ส่วนจะต้องทำเช่นไรเพื่อที่จะได้กอดขาใหญ่ในเบื้องหน้าต่อไป ย่อมขึ้นอยู่กับตัวของหลี่ลั่วเอง แต่หลี่ลั่วคิดว่าด้วยสติปัญญาของคนในยุคปัจจุบัน หาก้ากอดขาของฝ่าาให้แน่นนั้นมิใช่เื่ยากอันใด
ลำดับแรกคือเขาอายุเพียงห้าขวบ เช่นนั้นก็ใช้ความคิดของเด็กวัยห้าขวบไปกอดขาใหญ่ ข้อแรกคือต้องทำให้ฝ่าาเห็นเขาอยู่ในสายตา
หลี่ลั่วเงยใบหน้ารูปไข่เล็กๆ อันขาวผ่องขึ้น พร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “เมื่อวานขณะที่กลับจวน ได้โขกหัวให้กับท่านปู่และมารดาแล้วขอรับ ยามนี้มีเพียงท่านย่าและท่านพ่อที่ยังมิได้โขกหัว แต่ป้ายิญญาของท่านย่าและท่านพ่อล้วนอยู่ที่ศาลเ้าบรรพชนในบ้านสกุลหลี่ขอรับ”
แต่ศาลเ้าบรรพชนของสกุลหลี่นั้นอยู่ที่จวนจงกั๋วกง
ฟังคำพูดของหลี่ลั่วแล้ว ภายในห้องรับรองกลับมาเงียบงันอีกครั้ง ในชั้นบรรยากาศนั้นร้อนแรงราวกับสามารถแผดเผาขึ้นมาได้ หลี่เหล่าไท่ไท่มิเคยถูกผู้อื่นตบหน้าเช่นนี้มาก่อน นางเป็ภรรยาใหม่ก็จริง ทว่าั้แ่มีชีวิตอยู่มาจนถึงบัดนี้มีหลี่ลั่วเป็คนแรกที่ตบหน้านางอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าทุกคน แต่เขายังเป็เพียงแค่เด็กน้อยอายุห้าขวบ คำพูดที่ใส่หน้ากากเช่นนี้ ชัดเจนยิ่งว่าชี้มาที่นางแน่แล้ว ในขณะเดียวกันกลับทำให้นางไม่อาจโต้ตอบกลับได้ ท่านย่าแท้ๆ ของผู้อื่นยังไม่ได้คุกเข่า เป็เพียงแค่ท่านย่าที่รับ่ต่อมากลับคิดวางท่าเสียแล้ว?
หลี่เหล่าไท่ไท่โมโหจนสีหน้าขาวซีด
“ปัง”
นางฟาดฝ่ามือตบลงบนโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่ง
หลี่หลินได้แต่ดึงเสื้อของหลี่หยางซื่อไว้แน่น นางมิเคยเห็นหลี่เหล่าไท่ไท่โมโหเช่นนี้มาก่อน หลี่หยางซื่อตบหลังมือของบุตรสาว มุมปากยิ้มเยาะเย้ยเพียงบางๆ นางแต่งเข้าบ้านสกุลหลี่มากว่ายี่สิบปี ไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน เสี่ยวโหวเหฺยอายุห้าขวบคนนี้ มิธรรมดาเลยจริงๆ
ปรากฏว่านี่คือเด็กที่ฝ่าาเจตนาเลี้ยงไว้ข้างนอกแล้วให้คนสั่งสอนอบรมด้วยพระองค์เอง
หลี่หยางซื่อปะติดปะต่อเื่ราวได้แล้ว
“เหอหมัวมัว เ้าติดตามรับใช้ข้างกายข้ามากี่สิบปีแล้ว ไยจึงไม่เข้าใจกฎระเบียบของข้า?” หลี่เหล่าไท่ไท่เอ่ยวาจา “ผู้ใดให้เ้าทำตัวเ้ากี้เ้าการกัน?”
เหอหมัวมัวลนลานคุกเข่าลงด้านหลังหลี่ลั่ว “บ่าวสำนึกผิดแล้วเ้าค่ะ ขอหลี่เหล่าไท่ไท่ลงโทษด้วยเ้าค่ะ”
“ลงโทษหักเงินเดือนครึ่งเดือน” หลี่เหล่าไท่ไท่พูด แล้วใบหน้าก็พลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกวักมือเรียกหลี่ลั่ว “มาข้างๆ ย่าเร็วเข้า”
หลี่ลั่วส่งถ้วยน้ำชาให้ผิงอัน จากนั้นเดินไปข้างหน้าหลี่เหล่าไท่ไท่ “ท่านย่า” ในเมื่อหลี่เหล่าไท่ไท่หาบันไดลงมาได้แล้ว เขาย่อมเดินลงมาด้วย
“ไอหยา เด็กคนนี้ หน้าตางดงามชวนมองยิ่งนัก” พูดแล้วก็หยิบสร้อยเงินออกมาชิ้นหนึ่ง จี้บนสร้อยเงินเป็กุญแจที่ทำด้วยเงิน ด้านหนึ่งเขียนไว้ว่า “มั่งมีศรีสุข อายุยืนนาน”[1] อีกด้านหนึ่งประดับด้วยทับทิมรูปไข่หนึ่งเม็ด ด้านล่างยังมีทับทิมทรงกลมอีกสามเม็ดห้อยอยู่
สร้อยคออาจจะทำขึ้นมาอย่างง่ายๆ แต่มูลค่าที่แท้จริงของมันอยู่ที่ทับทิมรูปไข่เม็ดนั้น จวนชิ่งป๋อนั้นเป็ตระกูลที่มีชื่อเสียงสืบเนื่องมาทางเชื้อสายจากรุ่นสู่รุ่น หลี่เหล่าไท่ไท่ในฐานะบุตรีภรรยาเอกคนหนึ่ง ทับทิมในมือของนางย่อมมีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็หลี่หง หลี่หลิน หรือหลานชายหลานสาวของนางถือกำเนิด นางล้วนมอบสร้อยคอให้ทั้งสิ้น ครั้งนั้นเมื่อนำทับทิมชุดนั้นออกมา สร้อยคอเหล่านี้ก็สั่งทำในคราเดียวกัน ทว่ารูปแบบแตกต่างกันไป ผู้ชายจะสลักคำว่าอายุยืน ผู้หญิงจะสลักเป็ลวดลายดอกไม้
เมื่อยามที่หลี่หงกับหลี่หลินถือกำเนิดนั้น หลี่ซวี่ได้รั้งขุนนางขั้นสี่แล้ว อีกทั้งยังติดตามจ้าวหนิงฮ่องเต้ในสมัยที่ยังเป็เพียงท่านอ๋อง ดังนั้นสิ่งของที่หลี่เหล่าไท่ไท่มอบให้พวกเขานั้น สามารถพูดได้ว่าเป็ของที่ให้หน้ากันอยู่หลายส่วน
แต่ถึงกระนั้นก็ยังสู้ทับทิมเม็ดนี้ในวันนี้ไม่ได้
“นี่คือ...หยกอุ่นใช่หรือไม่เ้าคะ?” ภรรยาหลี่ฮุยเอ่ยขึ้น
นี่หาใช่ทับทิมไม่ มันคือหยกอุ่นสีแดงต่างหากเล่า
[1] ฟู่กุ้ยฉางโซ่ว (富贵长寿) “ฟู่กุ้ย” หมายถึง มั่งมีศรีสุข “ฉางโซ่ว” หมายถึงอายุยืน ส่วนใหญ่ใช้เป็คำอวยพรที่เป็สิริมงคล ที่สลักบนกุญแจเงินโบราณแล้วนำมาทำเป็เครื่องประดับเช่นนี้ เนื่องมาจากธรรมเนียมจีนที่มักจะมอบ “กุญแจอายุยืน” ให้กับเด็กเล็กในครอบครัวเพื่อป้องกันปีศาจร้ายและภยันตรายทั้งหลาย เป็การล็อกชีวิตให้ปลอดภัย