หลังถูกผับแห่งสุดท้ายของแหล่งท่องราตรีปฏิเสธไม่ให้เข้า เธอคงต้องยอมรับเสียทีว่าตนได้ถูกลู่เป๋าเหยียนแบนเข้าให้แล้ว
“ให้ตาย!” ลั่วเสี่ยวซีเริ่มโวยใส่ผู้จัดการร้าน “ฉันคือลั่วเสี่ยวซี! ลูกสาวของประธานลั่วนะ! คุณไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้หมายถึงกำลังปิดช่องทางหากินของตัวเอง”
“คุณหนูลั่ว...” ผู้จัดการร้านอธิบายอย่างลำบากใจ “คุณชายลู่สั่งมานี่ครับ พวกเราเองก็ไม่มีทางเลือก ผมทราบดีว่าไม่ควรมีปัญหากับตระกูลลั่ว แต่ว่า...กับตระกูลลู่ผมยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่!” เขายอมเสียลูกค้าอย่างลั่วเสี่ยวซีอย่างไม่ลังเล...
ลั่วเสี่ยวซีไม่อยากต่อปากต่อคำกับผู้จัดการร้านอีกต่อไป เธอเดินกลับไปที่รถสปอร์ตคันใหม่ของเธอด้วยความโมโห ว่าแล้วจึงขับรถไปหาูเี่อัน
ูเี่อันไม่แคร์เื่นี้เลยสักนิด เธอพูดแค่ว่า
“ลั่วเสี่ยวซี อย่าเอาความรักที่ไม่สมหวังมาเป็ข้ออ้างในการดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำทุกวันเลย เธอควรเอาเวลาไปทำอะไรให้เป็เื่เป็ราว แฟนพี่ชายฉันแต่ละคน มีใครบ้างที่ไม่ใช่ผู้หญิงทำงานเก่ง? เธอไม่ได้ทำตัวให้อยู่ในสเปคเขาเลย แล้วเขาจะเลือกเธอไหมล่ะ”
“ก็ฉันไม่จำเป็ต้องทำงานเก่งนี่” ลั่วเสี่ยวซีบ่นกับตัวเอง “ที่จริงฉันก็เคยนั่งคิดนะว่า แฟนของพี่ชายเธอแต่ละคนมีแต่ผู้หญิงที่เก่งและโดดเด่น เจี่ยนอัน ถ้าฉันเป็แบบเธอพวกนั้นได้บ้าง เธอว่าเขาจะหันมาสนใจฉันบ้างไหม”
ูเี่อันนิ่งไป “เธอคิดจะทำอะไร”
ลั่วเสี่ยวซียิ้ม “ไว้ฉันจะบอกเธอทีหลัง”
พูดจบเธอก็เดินออกไปไวดั่งสายลม
ูเี่อันรู้จักเพื่อนคนนี้ดี เธอคงแค่ใจร้อนคิดชั่ววูบ ปกติลั่วเสี่ยวซีเป็คนที่ไม่ว่าจะเื่อะไรก็ทำได้ ต่อให้เป็เื่น่าใแค่ไหนก็ตาม แต่จะพยายามทำจนสำเร็จถึงปลายทางได้หรือไม่นี่สิ...อันนี้พูดยาก
พอทำไปสักพักเธอก็มักจะเริ่มเบื่อ หรือไม่ก็เจอของใหม่ที่อยากลอง สำหรับลั่วเสี่ยวซี คำว่ายอมแพ้ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
มีเพียงเื่เดียวเท่านั้นที่เธอพยายามมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือ ซูอี้เฉิง
ูเี่อันไม่แน่ใจว่าซูอี้เฉิงควรจะดีใจหรือเสียใจดีกับเื่นี้
เธอได้เจอลั่วเสี่ยวซีอีกครั้ง คือสามวันให้หลัง
ูเี่อันเพิ่งเลิกงานกลับมาบ้าน ลั่วเสี่ยวซีก็โทรมาหา
“คืนนี้สองทุ่ม อย่าลืมดูช่องหัวหนาน!”
“อย่าบอกนะว่าเธอไปก่อเื่อะไรมาจนรายการทีวีมาขอสัมภาษณ์” มีเพียงเื่นี้ที่เป็ไปได้ในความคิดของูเี่อัน
ลั่วเสี่ยวซีหัวเราะอย่างมีเลศนัย
“เดี๋ยวถึงเวลาเธอก็รู้เอง อย่าลืมดูนะ!”
ูเี่อันเริ่มอยากรู้ขึ้นมา เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดอยู่บ้าน นั่งกอดกระปุกไอศกรีมอยู่บนโซฟา พลางกดรีโมตเปลี่ยนไปที่ช่องหัวหนานซึ่งตอนนี้กำลังถ่ายทอดสด...
การประกวดซูเปอร์โมเดล!
ูเี่อันเกือบสำลักไอศกรีม เธอมองหน้าจออย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ไม่นานก็เห็นลั่วเสี่ยวซีเดินออกมาจากหลังเวที
เธอสวมบิกีนีอวดรูปร่างที่งดงามไปทุกสัดส่วน เธอก้าวเดินอย่างมั่นใจได้มาตรฐานทุกสเต็ป ใบหน้าแย้มยิ้มสดใสปนเย้ายวน ทำเอาคณะกรรมการผู้ชายด้านล่างมองตาค้าง
ูเี่อันหยิบโทรศัพท์โทรไปหาซูอี้เฉิง
“พี่คะ ช่องหัวหนาน เสี่ยวซี”
ซูอี้เฉิงยังอยู่ที่ออฟฟิศ ได้ยินดังนั้นจึงเปิดทีวี และภาพแรกที่เข้าสู่สายตาของเขาคือ ขาเรียวยาวของลั่วเสี่ยวซี ตามด้วยเรือนร่างที่เผยส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างงดงาม
ไม่รู้ว่าเป็ความตั้งใจของโปรดิวเซอร์หรืออย่างไร กล้องได้ตัดภาพไปยังใบหน้าของบรรดาผู้ชมด้านล่าง สายตาของผู้ชายแต่ละคนที่จ้องไปยังลั่วเสี่ยวซีดูตื่นตะลึงปนหื่นกระหาย ไม่ว่าลั่วเสี่ยวซีจะกวาดสายตามองไปทางไหน ทางนั้นก็มีเสียงฮือฮาในทันที ทำให้เธอยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
เธอกำลังเพลิดเพลินกับการอวดเรือนร่างตัวเองให้คนอื่นชื่นชมอย่างนั้นเหรอ?
กร๊อบ! รีโมตทีวีถูกซูอี้เฉิงบีบจนแหลกคามือ เขาดึงปลั๊กทีวีออกอย่างแรง
ขัดลูกตาเป็บ้า!
“พี่ช่วยปรามๆ เสี่ยวซีหน่อยได้ไหมคะ” ูเี่อันถอนหายใจ “เธอบอกว่าอยากทำตัวโดดเด่นให้พี่ดู ขอร้องล่ะค่ะ ตอนนี้เธอน่าจะโดดเด่นสมใจแล้ว พี่อย่าทำให้เธอต้องทำมากกว่านี้เลย”
ซูอี้เฉิงนั่งลงบนโซฟาพลางยกนิ้วนวดขมับ
“ไม่นานเธอก็คงเบื่อไปเอง ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ใช่ว่าหนูไม่ไว้ใจเธอ” ูเี่อันเตือนซูอี้เฉิง “แต่หนูไม่ไว้ใจวงการนี้ต่างหาก ภายนอกดูสวยหรูแค่ไหนภายในก็ยิ่งสกปรก ไม่รู้ว่าตอนนี้มีผู้ชายกระหายเืจ้องจัดการสาวสวยหน้าใหม่อย่างลั่วเสี่ยวซีมากแค่ไหน พี่ก็รู้ดีนี่คะ เอาเป็ว่า แล้วแต่พี่จะจัดการแล้วกัน”
ูเี่อันวางสาย ลั่วเสี่ยวซีเองก็เดินแบบเสร็จพอดี ต่อมาจึงเป็การเดินแบบของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น แต่ละคนรูปร่างหน้าตาดีไม่มีใครแพ้ใคร เพียงแต่ยังไม่มีคนไหนดึงดูดสายตาได้เท่าลั่วเสี่ยวซี
ลั่วเสี่ยวซีที่อยู่บนเวทีเหมือนมีออร่าเปล่งประกาย เธอสวยชวนตะลึงเสียจนดึงดูดทุกสายตาได้อย่างชะงัด
ูเี่อันตักไอศกรีมพลางคิด
หรือว่าลั่วเสี่ยวซีจะเหมาะกับเวทีแบบนี้กันนะ?
“คุณผู้หญิงครับ” ลุงสวีเดินเข้ามา “มีผู้ชายคนหนึ่งแซ่ซูมาขอพบครับ เขาบอกว่า เป็พ่อของคุณ”
ซูหงเยวี่ยน!
ูเี่อันวางไอศกรีมในมือ แล้วจึงมองออกไปนอกประตูด้วยสายตาระแวดระวัง หลังนิ่งไปชั่วอึดใจก็ตอบไปว่า
“ให้เขาเข้ามา”
เธอไม่รู้ว่าซูหงเยวี่ยนมาหาเธอในเวลานี้ทำไม แต่เธอมั่นใจว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอในบ้านหลังนี้แน่
ซูหงเยวี่ยนใส่ชุดเป็ทางการดูมีราคาเดินยิ้มเข้ามา
“เจี่ยนอัน สุภาษิตที่ว่า ลูกสาวออกเรือนไปกลายเป็คนอื่นนี่ท่าจะจริงนะ ตอนนี้ขนาดคนเป็พ่ออย่างฉันจะมาหาลูกสาวที ยังต้องกดออดรอคำอนุญาตถึงเข้ามาได้”
“คุณซูจำอะไรผิดหรือเปล่าคะ” ูเี่อันยิ้มเย็น “คืนนั้นในงานประมูลดิฉันบอกคุณไปแล้วว่า ตอนนี้พวกเราไม่ได้เป็อะไรกันอีก ตอนนี้คุณมาเรียกตัวเองว่าพ่อ ช่างน่าขัน”
“เธอยัดข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้ซูหยวนหยวน แถมยังจับน้าของเธอเข้าคุกฐานทำร้ายร่างกายเ้าพนักงาน” ซูหงเยวี่ยนสีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยน “ยังไม่พอใจอีกเหรอไง”
ูเี่อันเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง “คุณจะมาขอให้ฉันปล่อยพวกเธอไป? ถ้าเป็เื่นั้น ฉันคง...”
เธอคงไม่มีทางยอมเด็ดขาด!
“เปล่าเลย” ซูหงเยวี่ยนยิ้มพลางมองหน้าูเี่อัน “ฉันมาบอกเธอว่า เธอกับลู่เป๋าเหยียน ไม่จำเป็ต้องเล่นละครตบตาอีกต่อไป”
ูเี่อันแอบซ่อนความรู้สึกแปลกใจเอาไว้ และรักษาท่าทีสงบนิ่งด้วยสีหน้าเรียบพลางมองซูหงเยวี่ยนอย่างไม่เข้าใจ
“เจี่ยนอัน เธอช่างเหมือนแม่ของเธอ แถมยังเก่งกว่าอีกนะ” ซูหงเยวี่ยนกล่าว “นี่ถ้าฉันไม่รู้เื่มาก่อน คงโดนเธอหลอกจนเชื่อสนิทใจแน่ๆ”
ูเี่อันยังคงนิ่ง “คุณรู้อะไรมาล่ะ ไม่คิดจะบอกให้ฉันรู้หน่อยเหรอ”
“เธอกับลู่เป๋าเหยียนไม่ได้รักกัน ที่พวกเธอแต่งงานกันเพราะ้าข่มขู่ฉัน” ซูหงเยวี่ยนจ้องหน้าูเี่อันไม่วางตา “ที่ฉันพูดไปถูกต้องไหม”
“ฉันไม่เคยรู้เื่พวกนี้มาก่อน” ูเี่อันยิ้ม “ข่าวสารของคุณซูนี่รวดเร็วดีนะคะ”
“ฉันรู้ว่าเธอเรียนจิตวิทยามาสมัยอยู่เมืองนอก อย่าคิดมาลองใจฉันหน่อยเลย” ซูหงเยวี่ยนเริ่มหมดความอดทน เขาพูดด้วยสีหน้าเ็า “ถ้าไม่มีหลักฐาน ฉันคงไม่มาหาเธอ”
เขากุมข้อมูลอะไรอยู่ในมือแน่ๆ!
ูเี่อันรู้จักซูหงเยวี่ยนดี เขาไม่เคยทำเื่ที่เขาไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จ ตอนนี้เธออยากรู้แค่ว่า เขาไปได้ยินเื่ที่เธอกับลู่เป๋าเหยียนจะหย่ากันในสองปีข้างหน้ามาจากไหน
ซูหงเยวี่ยนหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดคลิปเสียง
“ลู่เป๋าเหยียนสัญญากับฉันเองว่า อีกสองปีเขาจะหย่ากับูเี่อัน”
“ฉันไม่อยากเห็นลู่เป๋าเหยียนต้องเหนื่อยกับการพยายามเล่นละครอีกต่อไปแล้ว”
…
น้ำเสียงของหานรั่วซีดูเยือกเย็น ทุกคำที่กลั่นออกมาราวกับกำลังเย้ยหยันูเี่อัน
ูเี่อันหลุบตาลงไปชั่วขณะ เหมือนกำลังเก็บงำความรู้สึกบางอย่างอย่างแเี
ศึกครั้งนี้เธอยอมรับว่าเธอแพ้แล้ว แพ้ให้กับคำพูดของหานรั่วซีที่ว่า
‘ลู่เป๋าเหยียนเหนื่อย’
ในที่สุดเธอก็เข้าใจ ว่าที่ลู่เป๋าเหยียนทำมาทั้งหมดไม่ใช่เพราะแคร์เธอ แต่เพราะเขากำลังพยายามเล่นละครให้สมจริง
พยายามอย่างเหน็ดเหนื่อย...
ซูหงเยวี่ยนเห็นูเี่อันก้มหน้าไม่พูดไม่จา เขาจุดซิการ์พลางคิดว่างานนี้เขากำลังได้เปรียบ
“ฉันเคยสงสัยเื่การแต่งงานของพวกเธอ แต่ไม่นึกเลยว่าลู่เป๋าเหยียนจะยอมแต่งงานกับเธอเพื่อนตบตาฉัน แถมยังแสดงละครได้เนียนขนาดนั้น แต่ดูท่าคนที่เขารักจริงๆ จะเป็หานรั่วซีนะ เขาเลยยอมอยู่กับเธอแค่สองปี ฉันเกือบโดนหลอกว่าเขาแคร์เธอจริงๆ ซะแล้วไหมล่ะ”
“เจี่ยนอัน เธอกับอี้เฉิงไม่มีทางสู้ฉันได้!” ในที่สุดสีหน้าอันโเี้ของซูหงเยวี่ยนก็เผยออกมา เขายืนขึ้น “อี้เฉิงไม่มีทางทำลายบริษัทฉันได้แน่! อีกอย่าง เมื่อเก้าปีที่แล้ว เป็ฉันเองที่สั่งให้น้าของเธอไปพบแม่เธอ”
ตอนนั้นสุขภาพของแม่กำลังทรุดหนัก หมอเคยเตือนไว้ว่าอย่าให้เธอได้รับกระทบกระเทือนไม่ว่าจากเื่ใดก็ตาม แต่ซูหงเยวี่ยนกลับจงใจให้เจี๋ยงเสวี่ยลี่ไปพบแม่?
ูเี่อันเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง ตาเธอเริ่มแดงก่ำพลางเดินไปใกล้เขาอย่างโกรธแค้น
“คุณจงใจ คุณจงใจฆ่าแม่!”
ซูหงเยวี่ยนยิ้มชั่วร้ายอย่างสะใจ แล้วจึงเดินกลับออกไป
ความโกรธเกลียดคับแค้นแผ่เข้ากระจายเต็มจิตใจของูเี่อัน ถ้าเธอมีมีดในตอนนี้ ดีไม่ดีเธออาจจะพุ่งเขาไปแทงเข้าเสียเดี๋ยวนี้เลยก็ได้
แต่สติของเธอยังคงมีอยู่ เธอโกรธจนหายใจไม่เป็จังหวะ
น้ำตาที่คั่งค้างอยู่เมื่อครู่เริ่มไหลออกมา
ไม่รู้ว่ามันไหลออกมาเพราะสาเหตุที่แม่เธอตาย หรือเพราะคำพูดที่ว่า
“ลู่เป๋าเหยียนเหนื่อยกับการเล่นละคร”
ลุงสวีเพิ่งเคยเห็นูเี่อันร้องไห้เป็ครั้งแรก เขาถือโทรศัพท์และรีบเดินมาหาเธอ
“คุณผู้หญิง คุณผู้ชายอยากคุยกับคุณครับ”
“บอกเขาทีว่าหนูกำลังยุ่งอยู่ค่ะ”
เธอยกมือเช็ดน้ำตา แล้ววิ่งกลับขึ้นห้องไป
ที่จริงคนที่กำลังยุ่งอยู่คือลู่เป๋าเหยียน การประชุมเพิ่งเริ่มต้นไปได้ไม่ถึงครึ่ง โทรศัพท์แจ้งข่าวจากลุงสวีก็ดังขึ้นมา ไม่รู้ว่าซูหงเยวี่ยนคุยอะไรกับเธอ แตู่เี่อันดูแปลกๆ เขาจึงให้ลุงสวีส่งโทรศัพท์ใหู้เี่อัน
“คุณชายครับ คุณผู้หญิงไม่ยอมรับสายครับ” ลุงสวีพูดอย่างลำบากใจ “ลองหาทางอื่นติดต่อเธอดูไหมครับ”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วยุ่ง หลังวางสายเขาก็ประกาศจบการประชุมทันที แล้วจึงหยิบโทรศัพท์เดินออกจากห้องประชุมไป
พนักงานแต่ละคนต่างส่งสายตา ถามคนที่รีบเดินทางจากเนปาลมาที่นี่อย่างเสิ่นเยว่ชวนอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอก!” เสิ่นเยว่ชวนพูดยิ้มๆ “ใครๆ ก็เคยมีเวลาที่คิดถึงภรรยาขึ้นมาใช่ไหมล่ะ แถมบอสของเราเพิ่งแต่งงานด้วยนี่เนอะ”
การแต่งงานของลู่เป๋าเหยียนแม้แต่ในต่างประเทศเองก็เป็ข่าวดัง ได้ยินดังนั้นทุกคนในที่ประชุมต่างทำหน้าเข้าใจกันอย่างพร้อมเพรียง
ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างนี้ ห่างกันไม่กี่วันเหมือนไม่เจอหน้ากันเป็ปี
สำหรับลู่เป๋าเหยียนแล้ว เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ูเี่อันไม่ยอมรับโทรศัพท์ แถมโทรเข้ามือถือก็ไม่รับ คิ้วที่ขมวดมุ่นของลู่เป๋าเหยียนยิ่งแน่นเป็ปม หัวใจเหมือนถูกบีบรัดไปด้วยความกังวลอันน่าหงุดหงิด
เขากดหน้าจอมือถือเพื่อโทรหาูเี่อันอีกครั้ง...