ูเี่อันนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง มือถือข้างตัวยังคงส่งเสียงดังไม่ยอมหยุด
“ลู่เป๋าเหยียน” คำนี้ที่แต่ก่อนหากเห็นเมื่อไร ก็มักจะทำให้ใจเธอเต้นไม่เป็จังหวะจนเกือบลืมหยุดหายใจ แต่ในตอนนี้กลับมีแต่ความสงสัยขับข้องใจอยู่เต็มอก
ลุงสวีคงโทรไปหาเขาทันทีที่ซูหงเยวี่ยนเข้ามา ที่เขาโทรหาเธอตอนนี้เพราะเป็ห่วง?
ไหนว่าแสดงละครเหนื่อยมากไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เขาอยู่เมืองนอก สามารถแกล้งทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นเื่ที่นี่ได้แท้ๆ แล้วทำไมยังจะโทรหาเธออีก?
สุดท้าย ูเี่อันก็ตัดสินรับโทรศัพท์
“ซูหงเยวี่ยนพูดอะไรกับเธอ?” ลู่เป๋าเหยียนถาม
“ไม่มีอะไร” ูเี่อันพยายามรักษาน้ำเสียงของตัวเองให้เป็ปกติ เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอร้องไห้
“เขาพูดเื่ที่บ้านฉัน”
เสียงสูดจมูกเบาๆ ดังลอดมาตามสาย ลู่เป๋าเหยียนพอเดาออก
“เขาพูดถึงแม่เธอ?”
ลู่เป๋าเหยียนรู้จักูเี่อันดี มีแต่เพียงเื่แม่เท่านั้นที่จะทำให้เธอร้องไห้ได้
“…”
ูเี่อันหลับตาลง แต่น้ำตาก็ยังคงไหลออกมา เธอพยายามอดทนแล้ว แต่ก็ห้ามเสียงสะอื้นไว้ไม่ได้
“เจี่ยนอัน” นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนม โดยไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนอื่น “เื่มันผ่านไปเก้าปีแล้ว”
น้ำตาของูเี่อันไหลเป็สาย
“เขาจงใจ เขารู้ว่าแม่ไม่สามารถทนฟังเื่พวกนั้นได้ แต่เขาก็ยังให้ซูหยวนหยวนกับเจี๋ยงเสวี่ยลี่มาปรากฏตัวต่อหน้าแม่ในเวลานั้น เขาจงใจฆ่าแม่ ฉัน...”
น้ำเสียงของูเี่อันเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่อ่านเก็บซ่อนไว้อีกต่อไป เธอเกลียดซูหงเยวี่ยน แต่เธอเกลียดตัวเองยิ่งกว่าที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เธอไม่แม้แต่จะไปปะทะหน้ากับเขาตรงๆ แถมเธอยังกลัวเขาลักพาตัวเธอ กลัวจะเป็ภาระให้กับลู่เป๋าเหยียนอีก
“เจี่ยนอัน ฟังฉันนะ เธอมีพี่ชายและยังมีฉัน ซูหงเยวี่ยนไม่มีวันทำอะไรเธอได้”
เมื่อเสียงของเขาคนที่อยู่อีกฟากของโลกเข้าสู่โสตประสาท น้ำตาของเธอก็ค่อยๆ หยุดไหล
ไม่ว่าอย่างไร นอกจากซูอี้เฉิงแล้วมีเพียงลู่เป๋าเหยียนคนเดียวที่ทำให้เธอสบายใจได้
ต่อให้เป็แค่การแสดง เธอก็ยอมที่จะเชื่อใจเขาต่อไป เพราะไม่ว่าอย่างไร...ละครเื่นี้ก็มีอายุเพียงแค่สองปีเท่านั้น
“เสร็จยังเนี่ย ทุกคนกำลังรอนายอยู่นะ” เสียงเสิ่นเยว่ชวนดังลอดเข้ามา “ก่อนที่หลุยส์จะมาเราคงต้องประชุมกันก่อน”
ูเี่อันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่นั่นยังเป็ตอนกลางวัน ซึ่งเป็เวลาทำงาน เธอทำให้เขาต้องเสียเวลามามากแล้ว
“นายไปทำงานต่อเถอะ ฉันไม่เป็ไรแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวก่อน” ลู่เป๋าเหยียนเรียกก่อนที่เธอจะวางสาย “รอฉันกลับไป ฉันมีของบางอย่างจะให้เธอ”
ูเี่อันนิ่งไป “ของอะไร”
ลู่เป๋าเหยียนหัวเราะเบาๆ อย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงวางสายไป ูเี่อันเดาไม่ถูกว่าคืออะไร แต่คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ว่าแล้วจึงเดินไปล้างหน้าล้างตา
เกือบห้าทุ่ม อยู่ๆ ก็มีคนมาเคาะประตูห้องเธอพร้อมเสียงเรียกแ่เบา
“เจี่ยนอัน นอนหรือยัง”
“ลั่วเสี่ยวซี?” ูเี่อันเดินไปเปิดประตู พลางมองคนที่เพิ่งอยู่ในจอทีวีเมื่อครู่อย่างประหลาดใจ
“ดึกขนาดนี้เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
“มาตามคำสั่งของบอสใหญ่บ้านเธอน่ะสิ!”
ูเี่อันจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ลู่เป๋าเหยียน?”
“อือฮึ” ลั่วเสี่ยวซีมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม “บอสใหญ่ของเธอโทรหาฉัน ถามว่าฉันว่างหรือเปล่า ถ้าว่างช่วยมาอยู่เป็เพื่อนเธอที” ว่าแล้วน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็โมโหสุดขีด “ตาเฒ่าซูหงเยวี่ยนนี่มันสารเลวชะมัด!”
ูเี่อันนึกไม่ถึงว่าลู่เป๋าเหยียนจะขอให้ลั่วเสี่ยวซีมาอยู่เป็เพื่อนเธอ
หัวใจของเธอพองโตขึ้นอย่างอ่อนหวาน ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอค่อยๆ เสพติดมันทีละนิด
“ที่จริงฉันไม่ว่างหรอก” ลั่วเสี่ยวซีกล่าว “แต่เสียงบอสใหญ่บ้านเธอนี่เหมือนมีเวทมนตร์เลย ทั้งหนักแน่นฟังดูเป็สุภาพบุรุษ ฉันฟังแล้วเพลิดเพลิน จนปฏิเสธไม่ออกเลยล่ะ”
ูเี่อันยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเพื่อนเธอจะสื่ออะไร
“แล้วยังไง”
“แล้วไงเหรอ...” ลั่วเสี่ยวซีลุกขึ้นมา “เธออยู่ใต้หลังคาเดียวกับเขามาตั้งนาน อดใจไม่รวบหัวรวบหางเขาได้ยังไงเนี่ย!”
ูเี่อันปิดไฟทันที
“ราตรีสวัสดิ์”
ในขณะทีู่เี่อันกำลังหลับสบาย ทางด้านลู่เป๋าเหยียนกลับกำลังยุ่งหัวหมุนอยู่กับงานที่นิวยอร์ก
ลู่เป๋าเหยียนจัดการเร่งทุกอย่างให้เร็วขึ้น จนตัวเขาเองไม่มีเวลาหยุดพักแม้แต่นาทีเดียว ลูกน้องแต่ละคนต่างแปลกใจ แต่เขาบอกเพียงว่าอยากร่นเวลาให้สั้นลง เพื่อจะกลับประเทศก่อนกำหนด
คงมีแต่เสิ่นเยว่ชวนที่รู้ดีว่า ต้นเหตุก็เพราะเขากำลังเป็ห่วงใครบางคนที่บ้านนั่นเอง
เสิ่นเยว่ชวนยิ้มขำ “ผอ.ลู่ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ดูท่านายจะอินกับละครที่แสดงมากไปหน่อยแล้วมั้ง แบบนี้ดีแล้วเหรอ? เธอไม่สงสัยอะไรบ้างเลย?”
ลู่เป๋าเหยียนก้มหน้าก้มตาจัดการเอกสารตรงหน้าต่ออย่างไม่ใส่ใจ
เสิ่นเยว่ชวนเองก็ไม่ได้ว่าอะไร และยังคงพูดต่อไป
“อ้อ ฉันลืมไป เล่นละครที่ไหนกัน หลอกลวงทั้งน้าน”
ลู่เป๋าเหยียนเงยหน้าขึ้นมา “คุณผู้ช่วยเสิ่น ถ้าหมดธุระทางนี้แล้ว ช่วยไปจัดการเื่ที่เวียดนามด้วย”
เสิ่นเยว่ชวนสีหน้าเปลี่ยนในทันที เอาอีกแล้ว เขาเพิ่งกลับมายังเมืองใหญ่ไม่เท่าไรก็จะโดนส่งไปที่ที่ไม่น่าไปอีกแล้ว คิดแล้วจึงก็หอบเอกสารหนีไปด้วยความเร็วแสง
กว่าลู่เป๋าเหยียนจะทำงานเสร็จก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า ส่วนเื่ที่เขาสั่งให้ลูกน้องไปสืบก็เรียบร้อยพอดี
“เมื่อไม่กี่วันก่อน หานรั่วซีได้ติดต่อกับซูหงเยวี่ยนครับ เดิมทีสองคนนี้ไม่ได้รู้จักเป็การส่วนตัว พวกเราสงสัยว่า หานรั่วซีอาจจะบอกอะไรกับซูหงเยวี่ยนก็เป็ได้ครับ”
เขาไม่คิดว่าซูหงเยวี่ยนอยู่ๆ จะไปหาูเี่อันอย่างไร้เหตุผล แต่ไม่นึกเลยว่าสาเหตุจะเกิดจากหานรั่วซี
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วสีหน้าเครียด และในตอนนั้นเอง มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น ชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอคือ หานรั่วซี
“คุณทำงานเสร็จหรือยังคะ” หานรั่วซีถาม “ว่างมาทานข้าวด้วยกันหรือเปล่า จะทานในโรงแรมที่พวกเราพักก็ได้นะ อ้อ คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าพวกเราพักที่เดียวกัน ฉันพักอยู่ชั้นล่างน่ะค่ะ”
“ผมจะไปถึงที่นั่นในอีกสิบห้านาที”
ลู่เป๋าเหยียนวางสาย เขาสวมเสื้อคลุมแล้วจึงออกจากบริษัท
ไม่ว่าหานรั่วซีพูดอะไรกับซูหงเยวี่ยน มีบางอย่างที่เขาต้องเคลียร์ให้ชัดกับหานรั่วซี
โรงแรมแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก
หานรั่วซีรู้ดีว่าลู่เป๋าเหยียนต้องมาแน่ ตอนที่เธอโทรหาเขาตัวเธอก็อยู่ที่ภัตตาคารแล้ว เธอสั่งไวน์แดงมาจิบพลางรอลู่เป๋าเหยียน ไม่นานมันก็เหลือเพียงก้นขวด
ของเหลวสีแดงที่อยู่ในแก้วราคาแพงเคลื่อนไหวไปตามการขยับมืออย่างช้าๆ เธอกำลังเพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมของมันที่ค่อยๆ ลอยมาแตะจมูก สีหน้าของเธอในตอนนี้ช่างดูน่าหลงใหล
เธอปฏิเสธผู้ชายไป N คนได้ ก่อนที่ลู่เป๋าเหยียนจะมาถึงตามเวลาที่เขาบอก
หานรั่วซีเรียกพนักงาน เธอกะจะช่วยสั่งอาหารแทนลู่เป๋าเหยียน
แต่ลู่เป๋าเหยียนสั่งแค่เอสเพรสโซ่หนึ่งแก้วเท่านั้น
“ดึกขนาดนี้แล้วยังจะดื่มกาแฟอีกเหรอคะ” หานรั่วซียิ้มหวานปนเซ็กซี่ “คืนนี้กะไม่นอนหรือยังไง”
“ผมต้องเคลียร์งาน”
“ยุ่งขนาดนั้นเลย?” หานรั่วซีเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ พลางขยับแก้วไวน์ในมือ “เท่าที่ฉันรู้ตารางคุณก็ไม่ได้แน่นขนาดนั้นนี่คะ จะรีบกลับประเทศไป...หรือว่าเป็ห่วงภรรยาสุดที่รักที่บ้าน?”
น้ำเสียงที่ราบเรียบมาโดยตลอดของลู่เป๋าเหยียนเริ่มปรากฏความกังวล
“เธออยู่บ้านคนเดียว ฉันไม่ค่อยวางใจ”
หานรั่วซีสีหน้าตึงในทันที “คุณชอบเธอจริงๆ งั้นเหรอ”
“รั่วซี เื่นี้ไม่เกี่ยวกับคุณ” ลู่เป๋าเหยียนเตือนเธอเสียงเรียบ
“คุณหาว่าฉันยุ่มย่ามเื่คุณงั้นเหรอ” หานรั่วซียกแก้วไวน์ดื่มจนหมด “ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน? เฮอะ คุณก็รู้ว่าฉันรักคุณ รักคุณมานานหลายปี คุณเคยให้สัญญากับฉันว่าอีกสองปีจะหย่ากับเธอ คุณให้ความหวังฉัน แต่กลับมาพูดว่าเื่นี้ฉันไม่เกี่ยว?”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมพูดเื่การหย่า มันไม่ใช่คำสัญญา แต่เป็เพียงการตัดสินใจ”
หานรั่วซีถึงกับชะงัก ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าที่แท้เธอคิดเข้าข้างตัวเองมาโดยตลอด
ั้แ่ที่เธอเริ่มชอบเขา เธอก็คิดเข้าข้างตัวเองสินะ
นั่นสินะ เขาคือลู่เป๋าเหยียน คนที่เก่งทุกอย่าง คนอย่างเขาไม่จำเป็ต้องให้คำสัญญากับใคร เพราะไม่ว่าเขาจะอยากได้อะไรเขาก็ต้องได้มันมา
“หลายปีมานี้ คุณไม่เคยชอบฉันสักนิดเลยเหรอคะ?” หานรั่วซีอย่างคนหมดหวังที่กำลังยื้อฟางเส้นสุดท้าย ก่อนที่จะหลุดลอยไป “ตอบฉันสิคะ”
“ไม่เคย” ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ถ้าผมทำให้คุณเข้าใจผิด ก็ต้องขอโทษด้วย”
“งั้นที่พวกเราตกเป็ข่าวมากมายขนาดนั้น ทำไมคุณไม่แก้ข่าว ดาราสาวคนอื่นที่พยายามเข้าใกล้คุณ คุณกลับไม่ปล่อยให้เป็ข่าวเลยสักครั้ง แล้วทำไมกับฉันคุณถึงไม่ทำ?”
สายตาของลู่เป๋าเหยียนเย็นเยียบ
“ตอนแรกก็เพื่อโปรโมตคุณ หรือว่าตอนนั้นคุณไม่เข้าใจ?”
หานรั่วซีรู้สึกสมเพชตัวเอง
ใช่ ข่าวฉาวของเธอกับเขาตอนแรกก็เพียงเพื่อโปรโมตเธอ ตอนนั้นผู้จัดการของเธอบอกว่า ลู่เป๋าเหยียนไม่เคยยอมตกเป็ข่าวกับใครคนไหน บางทีครั้งนี้อาจเป็เพราะเขาชอบเธอก็ได้
เธอจึงค่อยๆ พยายามสร้างข่าวของตัวเองกับเขามาโดยตลอด ความสามารถของเธอและข่าวพวกนั้น ทำให้เธอกลายมาเป็พรีเซนเตอร์แถวหน้าของเครือบริษัทลู่ใน่เวลาสั้นๆ
หลังจากนั้นขอแค่เธอออกงานที่ไหนพร้อมเขา ก็จะกลายเป็ข่าวซุบซิบพาดหัวหน้าหนึ่งทันที คนที่ไม่รู้อะไรคงคิดว่า พวกเธอสองคนเริ่มคบกันมาตั้งนานแล้ว
ลู่เป๋าเหยียนเองก็ไม่เคยปฏิเสธ เธอนึกว่าเขาคงชื่นชมเธอ ชอบในตัวเธอ เธอคิดมาโดยตลอดว่าขอแค่เธออดทนรอ สุดท้ายแล้วเธอกับเขาคงจะได้คบกันจริงๆ จังๆ
แต่อยู่ๆ เขากลับบอกว่าจะแต่งงาน แถมอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คุณหนูตระกูลเศรษฐีที่ไหน แต่เป็แค่แพทย์นิติเวช
ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไรมาก เธอนึกว่าเวลาแค่สองปีเธอรอได้
แต่หลังจากที่เจอูเี่อัน หลังจากเห็นพวกเขาสองคนตอนอยู่ด้วยกัน เธอเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา เธอรู้สึกว่านับวันลู่เป๋าเหยียนยิ่งอยู่ไกลจากเธอไปเรื่อยๆ
และแล้วในวันนี้ เขาก็พูดออกมาชัดเจน
“รั่วซี ฉันขอเตือนเธอ อย่าได้ติดต่อกับซูหงเยวี่ยนอีก” ลู่เป๋าเหยียนมองเธอพลางพูด “ตอนนี้เธอได้เข้าวงการฮอลลีวูดแล้ว ยังมีอนาคตอีกไกล อย่าปล่อยให้เขาทำลายเธอ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเรียกพนักงานให้เช็กบิล จากนั้นจึงเดินออกไป
หานรั่วซีนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของเขา ความรู้สึกโกรธแค้นเข้าเกาะกุมจิตใจอย่างห้ามไม่อยู่
ลู่เป๋าเหยียนกำลังขู่เธอ
เพื่อูเี่อัน เขากำลังเอาอนาคตของเธอมาขู่เธอ ขู่ให้เธอออกห่างจากซูหงเยวี่ยน
ถ้าเขาจะปกป้องูเี่อันขนาดนี้ งั้นเธอ...ช่วยทำให้เื่มันใหญ่กว่านี้สักนิดดีไหม
เพราะถึงอย่างไรใน่นี้ลู่เป๋าเหยียนก็ไม่ใช่ของเธอ เธอจะทำใหู้เี่อันรู้ซึ้งเสียบ้างว่า ตอนนี้เธอเ็ปมากแค่ไหน
คิดแล้วเธอจึงสวมแว่นดำพลางลุกขึ้น ก่อนที่จะโทรสั่งทางโรงแรมให้ส่งเหล้าอีกหลายขวดมาให้ที่ห้อง