เช้าปลายฤดูใบไม้ผลิ กลิ่นน้ำค้างและแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามา ทำให้แสงสว่างสีทองอ่อนฉาบไปทั่วทั้งห้อง เช้าวันใหม่ได้มาเยือนแล้ว หากแต่สองสาวบนเตียงยังคงไม่รับรู้แม้แต่น้อย
จนกระทั่งมือถือของูเี่อันดังขึ้น
เธอควานหามันอยู่นานกว่าจะพบ แล้วจึงยกแนบหู
“ฮัลโหล”
เสียงแหบน้อยๆ ปนความงัวเงียดูน่ารัก ทำให้คนปลายเสียงผ่อนเสียงลงโดยอัตโนมัติ เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนการนอนของเธอเข้า
“ยังไม่ตื่นเหรอ”
ูเี่อันที่ยังงัวเงียอยู่เหมือนจะรู้ว่าปลายสายคือใคร แต่ก็ไม่แน่ใจ จึงได้แต่ตอบกลับไปอย่างมึนๆ
“อืม ยัง...”
เขาเตือนอย่างหวังดี “เจ็ดโมงกว่าแล้ว ถ้ายังไม่ตื่น เธอจะไปทำงานสายนะ”
อย่างกับมีคนเอาน้ำมาสาดอย่างไรอย่างนั้น ูเี่อันลืมตาขึ้นมาในทันที ปฏิกิริยาแรกคือมองดูเวลาในมือถือ
“ละ ลู่เป๋าเหยียน...” เธอรีบลุกขึ้นนั่ง น้ำเสียงดูจะตื่นเต็มตาแล้ว “นายลงจากเครื่องแล้วเหรอ”
เขาถึงที่หมายตั้งนานแล้ว แต่เมื่อคิดถึงความแตกต่างของเวลา ลู่เป๋าเหยียนจึงรอจนถึงเมื่อครู่แล้วค่อยโทรมา
“เมื่อวานเกิดเื่อะไรกัน” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าโกรธหรือไม่
ูเี่อันรีบอธิบายอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปผับนะ แต่เสี่ยวซีกินเหล้าอยู่ที่นั่น ฉันกลัวเธอจะเกิดเื่ เลยให้ลุงสวีพาไปหาเธอเท่านั้นเอง...”
“อย่าไปที่แบบนั้นคนเดียวอีก” ลู่เป๋าเหยียนพูด “ถ้าคนของซูหงเยวี่ยนอยู่นั่น ไม่แน่เขาอาจจะลงมือทำอะไรเธอก็ได้”
ต้นประโยคเขาพูดด้วยน้ำเสียงเชิงออกคำสั่ง แต่ท้ายประโยคเธอจะเข้าใจว่าเขากำลังเป็ห่วงก็แล้วกัน...
ูเี่อันยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เข้าใจแล้ว เอ่อ...ลู่เป๋าเหยียน มีเื่หนึ่งไม่รู้ว่านายจะช่วยฉันได้หรือเปล่า”
หายากที่เธอจะเอ่ยปากขอร้องเขา ลู่เป๋าเหยียนถามอย่างสนใจ
“เื่อะไร”
“ถ้าลั่วเสี่ยวซียังดื่มหนักแบบนี้อีกคงได้ตายแน่ๆ” ูเี่อันพูด “นายช่วยสั่งให้ผับทุกแห่งแบนไม่ให้เธอเข้าได้ไหม นายทำได้ใช่หรือเปล่า?”
อย่าเรียกว่าทำได้หรือเปล่าเลย
สำหรับเขาเรียกว่าง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยจะดีกว่า!
“ได้” เขารับปาก “ว่าแต่ เธอจะตอบแทนฉันยังไง”
ูเี่อันได้ยินดังนั้นก็อดกลอกตาไม่ได้ “มีใครที่ไหนทวงของตอบแทนกันแบบนี้บ้าง นายนี่หน้าหนาชะมัดเลย!”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม “ฉันชอบตกลงเงื่อนไขให้เรียบร้อยก่อนจะลงมือทำอะไรน่ะ”
นักธุรกิจตัวพ่อ!
ูเี่อันคิด “จะตอบแทนนายยังไงน่ะเหรอ...ไว้นายกลับมาก่อนค่อยว่ากัน! ฉันจะไปเตรียมตัวทำงานแล้ว”
เธอวางโทรศัพท์ปุ๊บ ลั่วเสี่ยวซีก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะพลางลุกขึ้นนั่ง
“ูเี่อัน เธอควรไปส่องกระจกดูนะตอนนี้ จะได้เห็นว่าตัวเองยิ้มหวานขนาดไหน”
ูเี่อันยกมือจับหน้าตัวเอง ยิ้มหวาน?
ไม่มั้ง?
ลั่วเสี่ยวซีเดินวนสำรวจไปรอบห้อง แล้วถามอย่างสงสัย
“เจี่ยนอัน เรามานอนด้วยกันได้ยังไง แล้วแบบนี้บอสใหญ่บ้านเธอทำไงอ่ะ”
“ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ ว่าเราแยกห้องนอนกัน”
ลั่วเสี่ยวซีทำหน้าไม่อยากเชื่อ “นานขนาดนี้แล้วพวกเธอยังจุดกันไม่ติดอีกเหรอ เฮ้อ บอสใหญ่ไม่ค่อยกลับบ้านหรือเปล่า ”
ูเี่อันเริ่มคิดตามลั่วเสี่ยวซีไม่ทัน “ทำไมเขาต้องไม่กลับบ้านด้วย?”
“ผู้ชายก็ต้องมีความ้ากันบ้าง เธอคงเข้าใจ” ลั่วเสี่ยวซีขมวดคิ้วพลางคิด “หรือว่าข้างนอกมีคนช่วยจัดการปัญหานี้ให้เขา?”
“เขาไม่ใช่คนแบบนั้น” ูเี่อันยืนยัน
“หืม?” ลั่วเสี่ยวซียิ้มตาหยี “ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่รู้ชอบมาบ่นกับฉันว่า ลู่เป๋าเหยียนเป็จอมเผด็จการ ไร้เหตุผล แต่ตอนนี้ดันปกป้องเขาซะงั้น นี่มันเื่อะไรกันคะเนี่ย”
ูเี่อันปาหมอนใส่คนช่างพูด “อย่านึกว่าชวนคุยเื่ฉันกับลู่เป๋าเหยียน แล้วฉันจะลืมเื่เธอนะ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ลั่วเสี่ยวซีถอนหายใจเศร้า “ฉินเว่ยนอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดันถูกตามตื๊อไม่เลิก เลยมาขอให้ฉันช่วยแกล้งทำเป็ไปเปิดห้องกับเขาที่โรงแรม เพื่อให้เธอคนนั้นตัดใจ ฉันไม่นึกเลยว่า ลูกพี่ลูกน้องของผู้หญิงคนนั้นจะเป็แฟนของพี่ชายเธอ ทุกคำที่ฉันพูดเพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นออกห่างฉินเว่ย พี่เธอได้ยินเต็มๆ เดิมทีเขาก็เกลียดฉันอยู่แล้ว คราวนี้คงคิดว่าฉันทั้งต่ำทั้งไร้ยางอายเลยล่ะ”
“พอๆ” ูเี่อันไม่อาจทนฟังต่อไปได้ “ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ”
“แหะๆ” ลั่วเสี่ยวซีกลับมายิ้มตาหยีอีกครั้ง “งั้นเรามาคุยเื่เธอกับบอสใหญ่กันต่อเถอะ!”
เธอปั้นหน้าเหมือนคุณครูที่กำลังถ่ายทอดวิชา “ถ้าเขาไม่มีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็แล้วไป แต่เวลาเขาไปดูงานที่อื่นเธอต้องคอยจับตาดูนะ! เวลาแบบนั้นแหละคือโอกาสงามของพวกผู้หญิงมารยาที่จ้องจะจับเขา!...เอ๋? ว่าแต่เมื่อกี้ทำไมพวกเธอต้องคุยโทรศัพท์กันด้วยล่ะ บอสใหญ่ไม่อยู่บ้านเหรอ?”
“เขาไปดูงาน...” ูเี่อันตอบ
“...” สีหน้าลั่วเสี่ยวซีดูซับซ้อน ว่าแล้วเธอก็เดินไปล้างหน้าแปรงฟัน
หลังมื้อเช้า ลั่วเสี่ยวซีก็เริ่มร้องอยากกลับบ้าน แตู่เี่อันจับเธอลากขึ้นรถ
“ไปกับฉันที่หนึ่ง”
ลั่วเสี่ยวซีรู้ดีว่า ูเี่อันคงจับเธอคุยเื่ที่เธอสูบบุหรี่ ดูท่าคงพาเธอไปนั่งจิบกาแฟสักที่ปรับทัศนคติกันยาวๆ ล่ะมั้ง?
แต่พอรู้ตัวอีกที รถกลับจอดลงตรงหน้าสถานีตำรวจ ลั่วเสี่ยวซีโวย
“ไม่เอานะ! แค่สูบบุหรี่เอง ในบุหรี่ผสมอะไรไว้ฉันไม่รู้เื่สักหน่อย ฉันไม่มอบตัวหรอกนะ ฮือๆๆ...”
ูเี่อันไม่สนว่าลั่วเสี่ยวซีจะร้องไห้โวยวาย เธอลากเพื่อนลงมาจากรถแล้วพาไปที่ห้องแล็บ
ห้องแล็บแห่งนี้ดูไม่ใช่สถานที่ที่คนทั่วไปจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ เครื่องไม้เครื่องมือหน้าตาประหลาด ไหนจะอวัยวะต่างๆ ที่ถูกแช่ไว้ในขวดแก้ว กลิ่นเหม็นแปลกๆ ที่ลอยอบอวลทั่วห้อง แถมยังโครงกระดูกมนุษย์ตรงนั้นที่ลั่วเสี่ยวซีรู้สึกเหมือนมันสามารถขยับตัวมาจับเธอได้ทุกเมื่อ...
“ฉันยอมไปมอบตัวก็ได้...” ลั่วเสี่ยวซีพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นพลางแอบอยู่ข้างหลังูเี่อัน
ูเี่อันลากลั่วเสี่ยวซีเดินเข้าไปตรงชั้นวางที่อยู่มุมสุดของห้อง แล้วชี้ไปยังโหลแก้วที่ตั้งเรียงกันเป็แถวอยู่้า
“เธอดูในนั้นดีๆ”
โหลแก้วเจ็ดโหลบรรจุปอดของมนุษย์เอาไว้ ูเี่อันชี้ไปที่อันแรก
“ถ้าสูบบุหรี่สามเดือน ปอดจะกลายเป็แบบนี้ อันที่สองนั่นสูบมาหนึ่งปี อันที่สามสามปี อันสุดท้ายสูบต่อเนื่องเป็เวลาสิบปี”
อันสุดท้ายนั่น สภาพแย่เสียจนลั่วเสี่ยวซีไม่รู้จะเอาคำไหนมาอธิบาย มันดูไม่เหมือนปอดอีกแล้ว แต่เหมือนก้อนหินที่ถูกราขึ้นอยู่เต็มไปหมด จุดสีดำเล็กใหญ่ไม่เท่ากันกระจัดกระจายอยู่เต็มปอด จนยากที่จะเชื่อว่านี่คืออวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายคน
ลั่วเสี่ยวซีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ฉันยอมรับว่าปกติตัวเองเป็จิตแข็งพอควรนะ ถึงคบกับเพื่อนที่เป็แพทย์นิติเวชอย่างเธอได้นานหลายปี แต่ว่าตอนนี้ ฉันรู้สึกอยากจะอ้วก...”
ูเี่อันเห็นลั่วเสี่ยวซีเริ่มไม่ไหว จึงพาเธอกลับเข้าไปที่ออฟฟิศ
“เป็ไง ยังอยากจะสูบบุหรี่อีกไหม?”
ลั่วเสี่ยวซีส่ายหัว “วางใจได้ ให้ตายก็ไม่กล้าสูบอีกแล้วจ้า เอ๋ หรือว่าเมื่อหลายปีก่อน เธอใช้วิธีนี้บังคับให้พี่เธอเลิกบุหรี่?”
“เขาเหรอ” ูเี่อันส่ายหน้า “ตอนนั้นเขาติดมันหนักมาก วิธีนี้ไม่ได้ผลหรอก”
ลั่วเสี่ยวซีนึกไม่ออกว่ายังมีวิธีไหนน่ากลัวกว่านี้อีก จึงเอียงคอถามอย่างสงสัย
“แล้วทำยังไง”
“พอดีตอนนั้นฉันต้องผ่าศพคนที่ติดบุหรี่พอดี เลยให้เขาไปเห็นภาพที่ดูสมจริงขึ้นมาอีกหน่อย...” ูเี่อันพูดเสียงเรียบ
“ยัยโรคจิต!”
ลั่วเสี่ยวซีวิ่งหนีไปอย่างหวาดผวา ถ้าูเี่อันทำกับเธออย่างที่ทำกับพี่ชาย อย่าว่าแต่เลิกสูบบุหรี่ แม้แต่ข้าวก็คงกินไม่ลงอีกต่อไป!
ูเี่อันยิ้ม แล้วจึงนั่งลงเตรียมทำงานของตนต่อ
หลังเปิดคอมพิวเตอร์หน้าต่างป๊อปอัพแจ้งข่าวสารมักเด้งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เธอกำลังจะกดปิด แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นพาดหัวข่าวบันเทิงที่เกี่ยวกับหานรั่วซี...
“อกหักช้ำรักไม่ใช่อุปสรรค เข้าสู่วงการฮอลลีวูดอย่างเป็ทางการ”
เนื้อความด้านล่างเขียนไว้ว่า ออกเดินทางสู่อเมริกาเมื่อวาน
ลู่เป๋าเหยียนก็ไปอเมริกาเมื่อวานเหมือนกัน นี่คือเื่บังเอิญ?
และเมื่อเธอกดเปิดอ่านรายละเอียดข่าว สมองเธอเหมือนขาวโพลนไปชั่วขณะ
ตั๋วเครื่องบินของลู่เป๋าเหยียนที่เธอเห็นเมื่อวานกับของหานรั่วซีที่พวกนักข่าวขุดออกมาได้นั้น ทั้งสองคนบินไฟล์ทเดียวกัน และที่นั่ง...ติดกัน
ในพจนานุกรมของลั่วเสี่ยวซีมีคำที่ว่า ความบังเอิญที่มากเกินไป คือแผนการที่ถูกวางไว้
การที่ลู่เป๋าเหยียนกับหานรั่วซีไปอเมริกาพร้อมกันเป็เื่บังเอิญ หรือว่า...
ูเี่อันไม่อยากคิดต่อ สมองของเธอหยุดคิดถึงภาพที่เขาจูงมือเธอ จูบเธอ หรือยิ้มให้เธอในบางทีไม่ได้...
ใช่แล้ว พวกเธอยังไม่ได้หย่ากัน ลู่เป๋าเหยียนไม่ใช่คนที่จะแอบนัดพบกับหานรั่วซีลับหลัง
ไม่ว่าอย่างไร เธอยังคงเชื่อใจลู่เป๋าเหยียน เชื่อว่าเื่ที่ดูเหมือนถูกวางแผนไว้แล้วในครั้งนี้เป็เพียงแค่เื่บังเอิญ
ูเี่อันปิดเว็บเบราว์เซอร์ลง ตอนนั้นเองมือเธอดันไปปัดโดนแก้วน้ำ
รู้ตัวอีกทีก็รับมันไว้ไม่ทันแล้ว เพล้ง! แก้วที่ทำจากเครื่องเคลือบดินเผาสวยงามแตกกระจายเป็เสี่ยงๆ อยู่ที่พื้น จนไม่อาจประกอบกลับคืนได้ดังเดิม
อยู่ๆ เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา...
นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
นครที่ไม่มีวันหลับใหลและเต็มไปด้วยกิเลสแห่งนี้เพิ่งเข้าสู่ยามค่ำคืน แต่หานรั่วซีเชื่อว่าต่อให้ฟ้ามืด บรรดาผู้คนที่นี่ก็ยังคงไล่ตามกิเลสที่ตนวาดฝันไว้อย่างไม่หยุดพัก
และธุรกิจบางอย่างเหมาะกว่าที่จะจัดการในยามนี้
เธอหยิบมือถือเพื่อโทรหาซูหงเยวี่ยน
หลังได้ยินข่าวเืู่เี่อันจับซูหยวนหยวนส่งตำรวจ เธอก็พอเดาได้ถึงความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวของูเี่อัน พอสืบต่ออีกหน่อย เธอจึงรู้ว่า ูเี่อันกับพ่อไม่ถูกกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม่เลี้ยงและน้องสาวอย่างซูหยวนหยวน แถมตอนนี้ซูอี้เฉิงเองก็กำลังมีปัญหากับบริษัทเครือตระกูลซู
เธอคิดถึงคำพูดของลู่เป๋าเหยียนที่ว่า อีกสองปีเขาจะหย่ากับูเี่อัน
เมื่อลองคิดดูดีๆ สองเื่นี้น่าจะเกี่ยวข้องกันแน่ เธออยากรู้เสียจริงว่าเื้ัการแต่งงานระหว่างลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันความจริงนั้นเป็อย่างไร
“นั่นใคร” เสียงซูหงเยวี่ยนดังขึ้น
“ประธานซู สวัสดีค่ะ”
เสียงอ่อนหวานปนเซ็กซี่ที่ได้ยิน ซูหงเยวี่ยนไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร
“หานรั่วซี?” พอนึกขึ้นได้ว่าเธอคือแฟนสาวในข่าวของลู่เป๋าเหยียนจึงรีบถามขึ้นว่า “เธออยากคุยอะไรกับฉันล่ะ”
“ฉันแค่อยากจะบอกคุณว่า ลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันไม่ได้รักกันจริงๆ” หานรั่วซีพูด “ลู่เป๋าเหยียนสัญญากับฉันเองว่า อีกสองปีเขาจะหย่ากับูเี่อัน ฉันเองไม่ทราบหรอกค่ะว่าการแต่งงานของพวกเขาในครั้งนี้มีความหมายยังไง แต่พอได้ข่าวว่าคุณกับลูกสาวไม่ค่อยถูกกัน เลยอยากจะบอกเื่นี้กับคุณให้ทราบไว้”
จิ้งจอกเฒ่าอย่างซูหงเยวี่ยนไม่หลงกลใครง่ายๆ “ทำไมเธอถึงมาบอกฉัน”
“เพราะฉันรักลู่เป๋าเหยียนไงล่ะ” หานรั่วซีพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันนึกว่าเวลาแค่สองปีฉันจะรอเขาได้ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มทนไม่ไหว ฉันทนไม่ได้ที่จะให้เขาไปเป็สามีคนอื่นถึงสองปี”
“แต่พวกเขาไม่เหมือนกำลังเล่นละครเลยสักนิด” ซูหงเยวี่ยนตอบ
“นั่นเพราะพวกเขา้าหลอกคุณไงล่ะ ฝีมือการแสดงของลูกสาวคุณกับลู่เป๋าเหยียนไม่เลวเลยทีเดียว” หานรั่วซีอธิบาย “แต่ฉันไม่อยากเห็นลู่เป๋าเหยียนต้องเหนื่อยกับการพยายามเล่นละครอีกต่อไปแล้ว!”
อีกอย่าง เธอเองก็เริ่มกลัว
ตอนนี้ทุกคนต่างพูดว่าสองคนนั้นเหมาะสมกันแค่ไหน ลู่เป๋าเหยียนเองก็ดูแลูเี่อันอย่างดี เธอกลัวว่าละครฉากนี้จะกลายเป็จริงขึ้นมา กลัวว่าลู่เป๋าเหยียนจะรักูเี่อันเข้าให้จริงๆ
“ประธานซู” หานรั่วซีเน้นย้ำทุกคำพูด “คุณอย่าทำให้ฉันผิดหวังที่ฉันนำเื่นี้มาบอกคุณนะคะ”
ซูหงเยวี่ยนหัวเราะร่าอยู่อีกฟากของโทรศัพท์ “แน่นอน ฉันรู้ว่าจะต้องทำยังไง ขอบคุณมากคุณหาน”
เรียวปากงามของหานรั่วซีแย้มยิ้ม “ไม่เป็ไรค่ะ”
เธอวางสายพลางมองออกไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืนตรงหน้า สายตาแห่งความโเี้เริ่มเด่นชัด
หลังเธอตัดสินใจว่าชีวิตนี้ต้องดังเป็พลุแตกให้ได้ ในตอนนี้เธอก็ได้เข้าสู่วงการฮอลลีวูดเป็ที่เรียบร้อย
เธอให้สาบานกับตัวเองไว้ว่าจะต้องได้ลู่เป๋าเหยียน เพราะฉะนั้น คราวนี้ลู่เป๋าเหยียนก็ต้องเป็ของเธอ!