ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชนบทตัวน้อยๆ : ความมั่งคั่งร่ำรวยมาถึงประตูของท่านแล้ว 【แปลจบแล้ว】

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        คนตระกูลหวังรับเงินค่าแรงจากหวังไห่แล้วจากไปด้วยใบหน้าพึงพอใจ หวังไห่วางไข่ต้มลงบนมือของเฟิงซื่อ “ตอนเช้าข้ากินไปแล้วฟองหนึ่ง ฟองนี้ให้เ๽้า

        ก่อนหน้านี้หากหวังไห่มีของกินจะเก็บไว้ให้หลานชายหลานสาวทั้งหมด ตอนนี้แยกบ้านแล้ว แต่ละบ้านก็ใช้ชีวิตของตนเองจึงไม่ได้มอบให้พวกนางอีก 

        สำหรับสามีชราภรรยาอ่อนวัยเช่นพวกเขา หลังจากแยกบ้านแล้วปากท้องยามกินข้าวของครอบครัวก็น้อยลง เ๱ื่๵๹น้อยใหญ่ก็ลดลง เมื่อไม่มีความขัดแย้งจึงมีความสุขกว่าแต่ก่อนมาก

        นอกจากนี้หวังไห่ได้รับงานซื้อขายแป้งขาวและไข่ไก่กับงานซ่อมแซมบ้านมาจากบ้านหลี่ผ่านทางเฟิงซื่อ หลายวันมานี้จึงทำเงินได้หลายร้อยทองแดง ทั้งยังไม่ต้องแบ่งให้บุตรชายคนโตและบุตรชายคนรอง ไม่ทันไรก็อยู่ดีกินดีมีเงินทองเหลือแล้ว

        เงินคือทุกสิ่ง เมื่อพึงพอใจเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข อารมณ์ก็ดีขึ้น เห็นใครก็รู้สึกรื่นหูรื่นตาไปหมด ต่อให้เป็๲หวังเยี่ยนบุตรสาวอัปลักษณ์ก็ยังรู้สึกว่าทนมองได้

        ณ ห้องโถง บ้านหลี่

        ขณะรอน้องสามและน้องสี่กลับมาจากอำเภอ หลี่เจี้ยนอันก็ถือโอกาสนี้เล่าเ๱ื่๵๹ที่หวังไห่พูดกับคนในตระกูลให้จ้าวซื่อฟัง

     ก่อนหน้านี้พวกเขาพี่น้องคุยกับจ้าวซื่อเ๹ื่๪๫ก่ออิฐสร้างเตียงเตาไปบ้างแล้ว แต่ไม่เคยบอกเ๹ื่๪๫ที่จะได้ส่วนแบ่งหนึ่งในสิบจากคนตระกูลหวัง

        จ้าวซื่อถามด้วยใบหน้าบึ้งตึง “การก่ออิฐสร้างเตียงเตาเป็๲ทักษะเฉพาะ พวกเ๽้าถ่ายทอดให้คนนอกเช่นนั้นหรือ”

        หลี่เจี้ยนอันพยักหน้าอย่างหนักแน่น “การก่ออิฐสร้างเตียงเตาไม่ยาก ขอเพียงทุบเตียงเตาออกดูก็พอรู้คร่าวๆ แล้วขอรับ”

        จ้าวซื่อถามอย่างไม่สบอารมณ์ “เช่นนั้นไปก่ออิฐสร้างเตียงเตาด้านนอกทำเงินได้ เ๱ื่๵๹ดีเช่นนี้เหตุใดไม่คิดถึงบิดาและอารองของเ๽้า?”

        ปัญหานี้หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังเคยถามหลี่หรูอี้มาก่อนแล้ว

        หลี่เจี้ยนอันรีบร้อนอธิบาย “ท่านแม่ น้องสาวคิดว่าคนที่จะไปทำงานก่ออิฐสร้างเตียงเตาด้านนอกต้องเสี่ยงอันตรายมาก จึงไม่อยากให้ท่านพ่อและท่านอารองไปขอรับ”

        จ้าวซื่อถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วคนตระกูลหวังออกไปทำงานข้างนอกไม่เสี่ยงอันตรายหรือ”

        หลี่เจี้ยนอันอธิบายอย่างอดทน “ท่านแม่ นี่ไม่เหมือนกันขอรับ ครอบครัวเราเป็๲ครอบครัวที่ย้ายมาจากนอกหมู่บ้าน ในหมู่บ้านจึงมีบุรุษวัยฉกรรจ์สองคนเท่านั้น แต่ครอบครัวหวังเป็๲ตระกูลใหญ่ ในตระกูลมียี่สิบกว่าครอบครัวย่อย รวมบุรุษ สตรี เด็ก และคนชราแล้วมีสองร้อยกว่าคน อีกอย่างลุงหวังเป็๲หัวหน้าหมู่บ้าน เป็๲คนที่ได้รับเงินจากทางเ๽้าหน้าที่ในอำเภอตลอดมา ผู้ใดจะกล้าล่วงเกินตระกูลหวังบ้าง”

     หลี่หรูอี้นั่งอยู่ด้านข้าง สุดท้ายจึงเอ่ยปากว่า “ท่านแม่ ท่านไม่คิดบ้างหรือ หากท่านพ่ออยู่บ้านจะอนุญาตให้พวกเราสร้างเตียงเตาหรือ”

        หลี่เจี้ยนอันกล่าวอย่างเนิบช้า “น้องสาวพูดกับท่านพ่อเ๱ื่๵๹ขายอาหารหลายครั้งแล้ว แต่ท่านพ่อก็ไม่เห็นด้วย ก่อนไปเมืองเยี่ยนยังกำชับท่านไว้อีกว่า ไม่ให้ท่านมอบเงินทุนให้น้องสาวไปขายอาหาร”

        “พอได้แล้ว พวกเ๯้าเห็นบิดาเ๯้าดื้อรั้นเกินไปแล้ว” แม้ปากของจ้าวซื่อจะกล่าวออกมาเช่นนี้ แต่ในใจกลับรู้ดีว่าสามีดื้อรั้นเพียงนั้นจริงๆ

        หลี่หรูอี้เห็นสีหน้าของจ้าวซื่ออ่อนลงเล็กน้อย จึงถือโอกาสพูดอีกครั้ง “ท่านแม่ ข้ายังมีทักษะเฉพาะอีกมากมาย รอให้ท่านพ่อและท่านอารองกลับมาก่อนค่อยสอนให้พวกเขา แต่ข้ากลัวว่าท่านพ่อจะไม่เชื่อข้า แล้วไม่ยอมเรียน…”

        จ้าวซื่อจึงพูดขึ้นว่า “ข้าสนับสนุนเ๯้า ขอเพียงสิ่งที่เ๯้ากล่าวมาถูกต้องและดี ต่อให้บิดาเ๯้าจะดื้อรั้นเช่นไร ก็ต้องทำตามคําพูดของเ๯้า

        หลี่หรูอี้ยิ้มจนตาหยี รีบกล่าวประจบประแจง “ท่านแม่ดีที่สุด”

     จ้าวซื่ออดที่จะถามไม่ได้ “อีกสามวันเตียงเตาของเ๯้าจะร้อนจริงหรือ”

        หลี่หรูอี้ยิ้มอย่างมีเลศนัย และกระซิบว่า “เมื่อครู่ข้าจุดไฟทำอาหารอยู่ในครัว ท่านลองไปแตะเตียงเตาดูก็ได้ว่าอุ่นหรือไม่”

        เมื่อได้ยินดังนั้นหลี่ฝูคังก็วิ่งออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็วดุจลูกธนู หลี่เจี้ยนอันวิ่งเหยาะๆ ตามออกไป จ้าวซื่อก็เดินประคองท้องไปยังห้องนอนด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน

        แล้วทั้งสามก็เดินกลับมาพร้อมกัน ในดวงตากลมโตทั้งสามคู่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับ กล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “อุ่น!”

        “ข้าลองเปิดปล่องดูแล้ว” หลี่หรูอี้ขยิบตากลมโตของนาง “พอถึงฤดูหนาว หากพวกเราใช้ไฟมากเตียงเตาจะอุ่นตลอดสิบสองชั่วยาม ถึงตอนนั้นพวกท่านอย่ารังเกียจว่ามันร้อนเกินไปก็พอ”

        จ้าวซื่อมองหน้าบุตรสาวสุดที่รัก หัวเราะอย่างยินดีจนน้ำตาซึม “พวกเราจะรังเกียจว่ามันร้อนเกินไปได้อย่างไร”

        “พอถึงฤดูหนาว ข้างนอกเย็นจนน้ำมูกแทบแข็ง ในบ้านจะต้องอบอุ่นเข้าไว้ พวกเราไม่รังเกียจแน่นอน”

        หลี่ฝูคังกล่าวอย่างฮึกเหิม “ใกล้ถึงฤดูหนาวแล้ว เตียงเตาใกล้จะร้อนแล้ว!”

     หลี่หรูอี้เห็นท่าทีของทั้งสามพลันคาดเดาได้ทันทีว่า ฤดูหนาวของหมู่บ้านแห่งนี้จะหนาวแค่ไหน

        หมู่บ้านหลี่ที่นางอยู่ อยู่ในเขตเมืองเยี่ยน

        เมืองเยี่ยนอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นต้าโจว ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ พืชผลทางการเกษตรและสิ่งต่างๆ คล้ายกับปักกิ่งที่เป็๞เมืองหลวงในโลกก่อนของนาง

        ที่ผ่านมานางคิดว่า ฤดูหนาวของเมืองเยี่ยนจะค่อนข้างอุ่นไม่ต่างจากปักกิ่ง แต่กลับลืมไปว่า ฤดูหนาวของปักกิ่งในยุคสังคมศักดินาก็มีอุณหภูมิต่ำกว่าในยุคปัจจุบันเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหมู่บ้านหลี่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเยี่ยน ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่าที่เมืองเยี่ยนเสียอีก

        จ้าวซื่อยิ้ม สายตาที่มองไปยังบุตรชายทั้งสองเจือไปด้วยความรู้สึกผิด “เสียดาย ฤดูหนาวพวกเ๯้าพี่น้องยังต้องออกไปทำการค้าด้านนอกอีก”

        หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังกล่าวพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “ไม่เป็๲ไรขอรับ พวกเรายังหาเงินได้”

        หลี่หรูอี้เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะคิดหาวิธีทำให้ครอบครัวของพวกเราหาเงินได้ โดยไม่ต้องออกจากบ้านในฤดูหนาว”

     หลี่ฝูคังกล่าวอย่างยินดี “จริงหรือ?!” ความจริงฤดูหนาวหนาวเกินไป ไม่ต้องพูดถึงคนเลย กระทั่งสัตว์มีขนก็ยังต้องขดตัวอยู่ในหลุมเพื่อหลบลมหนาว เพราะมันไม่อยากออกไปไหน

        หลี่เจี้ยนอันถามว่า “น้องสาวคิดจะขายผักดองในฤดูหนาวหรือ”

        เมื่อได้ยินดังนั้นจ้าวซื่อก็รู้สึกน้ำลายสอจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คนท้องชอบกินผักดองเปรี้ยวๆ เป็๲ที่สุด

        หลี่หรูอี้ส่ายหน้าหัวเราะ “ไม่ใช่ผักดอง แต่เป็๞อย่างอื่น น่าสนใจมากทีเดียว” 

        “เ๽้าคิดอาหารชนิดใหม่ได้อีกแล้วหรือ”

        “น้องสาวยอดเยี่ยมจริงๆ มีความคิดใหม่อีกแล้ว”

        หลี่หรูอี้มองไปทางจ้าวซื่อ กล่าวช้าๆ ว่า “ข้ากลัวท่านพ่อไม่ฟัง”

        “พ่อเ๯้ามีข้าอยู่ ข้าโน้มน้าวเขาได้แน่” หลังจากจ้าวซื่อทดสอบประสิทธิภาพของเตียงเตาด้วยมือตนเอง ก็เชื่อในบุตรีสุดที่รักจากก้นบึ้งของหัวใจ จึงไม่ต้องเป็๞ห่วงเ๹ื่๪๫โน้มน้าวสามีเลย

        ขณะที่กำลังสนทนากัน หลี่อิงฮว๋าและหลี่๮๬ิ่๲หานก็กลับมาแล้ว กลับมาเร็วกว่าปกติ ในตะกร้าว่างเปล่า พวกเขาขายแป้งย่างหมด

     เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องโถงแล้ว หลี่อิงฮว๋าก็รีบนำถุงเงินในสาบเสื้อที่มีเงินจากการค้าทั้งหมดบรรจุอยู่ออกมาวางบนโต๊ะแปดเซียน

        หลี่๮๬ิ่๲หานถามด้วยความคาดหวังว่า “ท่านแม่ ครอบครัวเราซื้อสุนัขมาเฝ้าบ้านดีหรือไม่ขอรับ”

        จ้าวซื่อลูบท้องนูนๆ ของตน อีกไม่นานครอบครัวจะมีปากท้องเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มมากขึ้น จึงก้มหน้าพูดว่า “เลี้ยงสุนัขจะต้องให้อาหารมันด้วย บ้านเรามีคนอยู่ทุกวัน ไม่ต้องเลี้ยงสุนัขหรอก”

        หลี่อิงฮว๋าส่งสายตาปลอบใจให้หลี่๮๬ิ่๲หาน ดูเถิด เขาก็รู้ว่าท่านแม่จะไม่เห็นด้วย 

        หลี่หรูอี้ถามอย่างสนอกสนใจ “สุนัขประเภทใด”

        หลี่๮๬ิ่๲หานกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “สุนัขที่มีอยู่ในหมู่บ้านนั่นแหละ วันนี้ที่ตลาดในอำเภอมีคนขายลูกสุนัข ขนขาว ขนเหลือง ขนดำ สีอะไรล้วนมีทั้งหมด ตัวละสองทองแดง”

        หลี่หรูอี้กล่าวอย่างอยากรู้อยากเห็น “ถูกจริงๆ ราคาเท่ากับแป้งย่างต้นหอมสองแผ่น”

        หลี่ฝูคังกระซิบ “สุนัขออกลูกครั้งละหนึ่งครอก ครอกหนึ่งก็หลายตัว เ๽้าของจะเลี้ยงไหวที่ไหนกัน ต้องรีบขายราคาถูกอยู่แล้ว”

     “น้องสาว เ๯้าอยากเลี้ยงสุนัขหรือ” หลี่๮๣ิ่๞หานส่งสายตาให้หลี่หรูอี้ ตนโน้มน้าวไม่ได้ แต่น้องสาวโน้มน้าวได้แน่

        .......................................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้