“วันนี้นายอำเภอฉางผิงออกเดินทางไปแล้ว ชาวบ้านในอำเภอออกมาตามส่งเขาถึงห้าลี้”
“นายอำเภอฉางผิงไม่ได้ถูกโยกย้ายตำแหน่ง แต่เกษียณกลับไปใช้ชีวิตยามแก่เฒ่าที่บ้านเกิด”
“ได้ยินว่า นายอำเภอฉางผิงคนใหม่คือ ใต้เท้าห่าว หัวหน้าศาลาพักม้า ที่ตำบลจินจี”
“ขุนนางใหม่ได้เลื่อนขั้นมักทำงานเอาหน้า ทุกคนบอกว่า ใต้เท้าห่าวจะให้เ้าหน้าที่มาไล่พวกพ่อค้าแม่ค้าต่างถิ่นในอำเภอ ต่อไปจะไม่มีตลาดนอกกำแพงแล้ว”
สี่พี่น้องรู้สึกหดหู่ บรรยากาศในห้องพลันหม่นหมอง
“พวกเราได้เงินสองร้อยกว่าทองแดงทุกวัน คราวนี้จะทำเช่นไร” ใบหน้าของจ้าวซื่อเต็มไปด้วยความกังวล กลัวนู่นกลัวนี่ไปหมด การค้าขายในอำเภอดีกว่าการค้าในตำบล แต่จะทำไม่ได้แล้ว
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างเนิบช้า “ไม่มีตลาดแล้วก็ช่างเถิด บ้านเราเข้าไปขายแป้งย่างในอำเภอก็ได้ ยอมเสียภาษีหนึ่งทองแดง” การเป็พ่อค้าเร่มิใช่แผนระยะยาว แต่ตอนนี้ไม่มีเงินทุนจึงเปิดร้านไม่ได้ ได้แต่รอไปก่อนค่อยว่ากันอีกครั้ง
หลี่อิงฮว๋าดวงตาสว่างวาบ รู้สึกตื่นเต้นและยินดียิ่ง “ใช่แล้ว พวกเราเข้าไปขายในอำเภอก็ได้”
หลี่ฝูคังกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล “ในอำเภอมีพวกโรงเตี๊ยม ร้านก๋วยเตี๋ยว หอสุรามากมาย แต่ละร้านก็ขายแป้งย่างกันทั้งนั้น หากบ้านเราเข้าไปที่ตัวอำเภอ จะขายแป้งย่างได้หรือ”
หลี่หรูอี้หัวเราะ “ท่านพี่ ลูกค้าที่มาซื้อแป้งย่างบ้านเราก็เป็ชาวเมืองในอำเภอ เพียงแต่พวกเขาเดินออกมาซื้อของนอกกำแพงเมืองเท่านั้น ตอนนี้พวกเราเข้าไปทำการค้าในตัวอำเภอแล้ว พวกเขาต้องมาซื้อแน่”
หลี่ฝูคังหัวเราะ “อ้อ... ใช่ น้องสาวกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
คิ้วที่ขมวดแน่นของหลี่เจี้ยนอันคลายออก เผยรอยยิ้มกว้างออกมา ใบหน้าเหลี่ยมก็แปรเปลี่ยนเป็กระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยเหตุนี้ “ข้าคิดนู่นคิดนี่มาตลอดทาง เสียเวลาเปล่าจริงๆ น้องสาวฉลาดที่สุดแล้ว”
หลี่อิงฮว๋ามองไปที่จ้าวซื่อแล้วยิ้มๆ พลางพูดว่า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องกังวล เื่การค้ามีพวกเราพี่น้องคอยดูแลอยู่”
“มีหลายหัวดีกว่ามีหัวเดียว พวกเราพี่น้องร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน เมื่อพบอุปสรรคใดก็จะคิดหาวิธีฝ่าฟันไปให้ได้” หลี่หรูอี้จูงมือจ้าวซื่อไปล้างหน้า
วันนี้่กลางวันจ้าวซื่อปักผ้าอยู่ที่บ้านสวี่ กลางคืนจึงกลับมานอน
หลี่หรูอี้และเหล่าพี่น้องอยู่เฝ้าบ้านมาตลอด
หลี่อิงฮว๋าเล่าเื่ที่เฟิงซื่อ หวังไห่ และหวังจื้อเกามาสอบถามเื่เตียงเตาตามลำดับ สุดท้ายจึงบอกว่า “พี่ใหญ่ พรุ่งนี้บ้านเราจะเริ่มก่ออิฐสร้างเตียงเตาแล้ว”
“อืม...” พรุ่งนี้ถึงคราวหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังอยู่บ้าน จะได้ดูเื่ก่ออิฐสร้างเตียงเตาพอดี
หลี่ิ่หานกระซิบด้วยความตื่นเต้น “พี่สาม วันนี้น้องสาวพูดกับลุงหวังแล้ว หากก่ออิฐสร้างเตียงเตาสำเร็จ พอถึงฤดูหนาวจะอนุญาตให้คนตระกูลหวังไปทำงานก่ออิฐสร้างเตียงเตาที่หมู่บ้านต่างๆ ได้ พอคนตระกูลหวังสร้างเตียงเตาเสร็จบ้านหนึ่ง จะแบ่งเงินให้บ้านเราหนึ่งส่วนสิบ”
หลี่เจี้ยนอันถามอย่างยินดี “ลุงหวังเห็นด้วยหรือ”
หลี่อิงฮว๋าเลิกคิ้ว “ย่อมเห็นด้วยแน่นอน มิเช่นนั้นครอบครัวพวกเราจะไม่สอนหลักการสำคัญให้พวกเขา” คำว่าหลักการสำคัญคือคำที่หลี่หรูอี้พูด
หลี่เจี้ยนอันมองท่าทีได้ใจของหลี่อิงฮว๋า รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่วันนี้ให้เขาไปพูดกับหวังไห่ เื่สำคัญเช่นนี้ควรให้บุตรชายคนโตออกหน้า จึงจะแสดงว่าบ้านหลี่ให้ความสำคัญ ช่างเถิด ผลลัพธ์ออกมาดี ไม่จำเป็ต้องคิดมาก
หลี่ิ่หานอธิบายเพิ่มเติม “พรุ่งนี้ลุงหวังจะมาก่ออิฐสร้างเตียงเตาด้วยตนเอง แล้วยังบอกด้วยว่า จะไม่คิดค่าแรงและไม่ต้องดูแลเื่อาหารการกินให้เขา”
หลี่เจี้ยนอันหัวเราะ “ลุงหวังยังไม่เชื่อเลยไม่วางใจ”
หลี่ฝูคังกล่าวอย่างไร้กังวล “ข้าเชื่อมั่นและไว้ใจเตียงเตาที่น้องสาวคิดออกมา”
เพียงพริบตาก็ถึงวันต่อมาแล้ว หวังไห่มาที่บ้านหลี่แต่เช้าพร้อมด้วยคนงานทุกคน
หลี่หรูอี้ที่เป็ดรุณีน้อยคนเดียวไม่สะดวกคุยกับชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ ดังนั้นครึ่งชั่วยามก่อนนางจึงอธิบายส่วนสำคัญเกี่ยวกับการก่ออิฐสร้างเตียงเตาให้ หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังไปแล้ว
หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังพาทุกคนไปดูดินแดงที่ลานด้านหลัง
“การก่ออิฐสร้างเตียงเตาจะต้องใช้ดินชนิดพิเศษ ซึ่งก็คือ ดินแดงที่มีความเหนียวและส่งความร้อนได้ดี ดินแดงมีอยู่บนูเาของหมู่บ้านเรา ดินพวกนี้พวกข้าพี่น้องไปขุดจากูเาและหาบกลับมาที่บ้าน”
“มีดินแดงแล้วยังไม่พอ ต้องนำไปผสมกับขี้เถ้าจากการเผาวัชพืชและตะกอนดินทรายด้วย”
“ทุกคนตามข้ามา”
“ส่วนที่จะช่วยส่งความร้อนไปยังเตียงเตาก็คือ ปล่องไฟ ปล่องไฟคือจุดสำคัญของการก่ออิฐสร้างเตียงเตา”
หลี่ฝูคังอธิบายด้วยน้ำเสียงกระจ่างใสชัดเจน เริ่มแรกยังมีความระมัดระวังอยู่บ้าง แต่ต่อมายิ่งพูดก็ยิ่งผ่อนคลาย
ทุกคนฟังหลี่เจี้ยนอันกล่าวอย่างมีหลักการ ทำให้รู้สึกว่าเตียงเตาจะมีผลลัพธ์ที่ดี
เมื่อหลี่เจี้ยนอันอธิบายจบ หวังไห่ก็แสดงท่าทีเคร่งขรึม มองไปยังทุกคนที่อยู่รอบๆ แล้วถามว่า “ก่อนหน้านี้พวกเ้าเคยได้ยินเื่เตียงเตาหรือไม่”
ทุกคนตอบพร้อมกัน “ไม่เคยขอรับ”
หวังไห่กล่าวอย่างจริงจัง “วันนี้บ้านหลี่บอกเ้าเื่เตียงเตาแล้วยังสอนพวกเ้าก่ออิฐสร้างเตียง เป็การถ่ายทอดทักษะเฉพาะให้พวกเ้า”
สายตาที่ทุกคนมองไปยังหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังพลันปรากฏความซาบซึ้งและเลื่อมใสขึ้นทันที
หวังไห่กล่าวอย่างเนิบช้า “ทักษะเฉพาะมักจะถ่ายทอดให้กับบุตรชายหรือลูกศิษย์เท่านั้น แต่พวกเ้าไม่ใช่คนบ้านหลี่และไม่เคยคารวะคนบ้านหลี่เป็อาจารย์”
ทุกคนพลันมีสีหน้ารู้สึกผิด ไม่รู้ว่าควรจะตอบเช่นไร
“บ้านหลี่มีคุณธรรมและมีน้ำใจ พวกเ้าไม่ควรเรียนทักษะเฉพาะอย่างการก่ออิฐสร้างเตียงเตาโดยไม่จ่ายสักทองแดงเดียว” หวังไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมแฝงความนัย
“ใช่แล้ว”
“บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะได้มาเปล่าๆ”
“ท่านลุงใหญ่ ท่านว่าพวกเราจะทำเช่นไรดี”
ทุกคนมองหน้าสบตากัน จากนั้นจึงมองไปยังหวังไห่ ขอความเห็นจากเขา
หวังไห่กล่าวชัดเจน “หลังจากก่ออิฐข้างเตียงเตาเสร็จ พอถึงฤดูหนาว หากพวกเ้าไปก่ออิฐสร้างเตียงเตาด้านนอก เงินที่ได้มาทั้งหมดก็แบ่งให้บ้านหลี่หนึ่งส่วนสิบ”
ผู้คนในยุคสมัยนี้ล้วนเรียบง่ายและบริสุทธิ์ คนตระกูลหวังเรียนการก่ออิฐสร้างเตียงเตาไปแล้ว หากไปทำงานด้านนอกแล้วเก็บเงินที่หามาได้ไว้เป็ของตนทั้งหมด ไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านหลี่ หากเื่นี้แพร่ออกไปชื่อเสียงทั้งตระกูลจะต้องป่นปี้ย่อยยับเป็แน่ จะถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยามไปอีกหลายปี
ทุกคนเคารพหวังไห่ คิดว่าเขาพูดจามีเหตุผล จึงพากันพยักหน้า “ขอรับ”
“พวกเราฟังท่านลุงใหญ่”
หวังไห่มองไปยังใบหน้าไร้เดียงสาและซื่อสัตย์ของคนในตระกูล ในใจรู้สึกชื่นชม รีบพูดต่อไปว่า “บ้านหลี่มาจากนอกหมู่บ้าน ตระกูลพวกเราจะเอาเปรียบ ตระกูลหลี่ไม่ได้ หากเื่นี้แพร่ออกไปคงขายหน้าทั้งตระกูลแล้ว”
“ท่านลุงใหญ่ ขอบคุณที่ท่านลุงเตือนพวกเรา”
“ท่านลุงใหญ่ หากพวกเราเชื่อฟังท่านจะต้องไม่พลาดแน่นอน”
ทุกคนพากันกล่าวขอบคุณหวังไห่
หวังไห่กล่าวเสียงดัง “คนจนมิใช่ว่าจะต้องขาดแคลนคุณธรรม ตระกูลของพวกเราในแต่ละยุคสมัยไม่เคยมีชื่อเสียงแย่ มีแต่ชื่อเสียงดีงาม มาถึงยุคพวกเราก็ห้ามทำลายชื่อเสียงเด็ดขาด”
“ใช่แล้ว คนนอกพูดถึงตระกูลพวกเราล้วนพูดแต่สิ่งดีๆ”
“พวกเราห้ามทำลายชื่อเสียงของตระกูลเป็อันขาด มิฉะนั้นจะผิดต่อตระกูล”
หลี่หรูอี้ที่นั่งอยู่ในห้องครัวฟังบทสนทนาของหวังไห่และคนในตระกูลจบ ในใจก็รู้สึกว่าการร่วมมือกับหวังไห่และคนตระกูลหวังเป็สิ่งที่ถูกต้องแล้ว
หวังไห่ หลี่เจี้ยนอัน และหลี่ฝูคัง ทำงานกับทุกคน ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันก็ก่ออิฐสร้างเตียงเตาให้บ้านหลี่สำเร็จ
หลี่เจี้ยนอันกล่าวเน้นย้ำคำที่หลี่หรูอี้กำชับ “อีกสามวันเตียงเตาจะแห้งแล้ว ถึงตอนนั้นก็ลองจุดไฟดู จะได้รู้ว่าร้อนหรือไม่”
ยามพลบค่ำ หวังไห่และคนในตระกูลเดินออกจากบ้านหลี่ไปกินข้าวเย็นที่บ้านสวี่ด้วยความคาดหวังว่าเตียงเตาจะร้อนหรือไม่
หวังไห่เห็นคนในตระกูลไม่กินไข่ต้ม จึงเก็บไข่ต้มกลับไปให้เฟิงซื่อกินบ้าง
.......................................