“ฉันไม่ชอบใจที่เธอกับรามสูรมีความสัมพันธ์กันเกินเพื่อน ฉันไม่ชอบ เรียกได้ว่าขยะแขยงและรังเกียจ ถ้าเธอจะช่วยกรุณาเลิกกับลูกชายฉันนั่นจะเป็ประโยชน์อย่างยิ่ง แต่ถ้าเธอยืนยันและยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าเธอจะอยู่ ก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ชีวิตรักของพวกเธอมันจะไม่ง่าย ฉันจะทำให้พวกเธอถอดใจจนเลิกกันไปเอง จำคำของฉันเอาไว้!!!”
คำพูดเ่าั้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของม่านหยี่ มันผุดขึ้นมาทุกครั้งไม่ว่าจะเป็่เวลาก่อนนอนที่หัวสมองกำลังว่าง ในยามที่กำลังเดินเสิร์ฟอาหารช่วยงานในโรงแรมของรามสูร หรือแม้กระทั่งยามที่เห็นหน้าของเ้าของประโยคคำพูดเ่าั้นั่งแสยะยิ้มอยู่บนโต๊ะอาหารรอให้เขาและรามสูรไปร่วมโต๊ะด้วย คุณนายรุ่งฤดีชนะขาดลอยแล้วในเื่นี้ เหลือก็เพียงแต่ทำให้เห็นเป็รูปธรรมว่าเขากับรามไม่อาจไปต่อกันได้แค่นั้นเอง นี่เป็ครั้งแรกที่ม่านหยี่รู้สึกพ่ายแพ้กับคนที่ไม่ใช่พ่อ ถึงอย่างไรก็ตามความรู้สึกว่าตนเองกำลังสูญเสียและแพ้ราบคาบนี้เป็อะไรที่เขาไม่ชอบที่สุด ดังนั้นเมื่อคืนที่รามสูรแอบมาหาม่านหยี่เลยขอให้รามทำรอยเล็ก ๆ เอาไว้ เขาไม่บอกจุดประสงค์จริง ๆ ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่นี่เป็การสู้กลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาพอจะทำได้ในครั้งนี้ รามสูรอาจไม่ทันคิดว่าตนเองกำลังโดนใช้เป็เครื่องมือจากทั้งคนรักและมารดา าประสาทครั้งนี้หากเขาจะแพ้ ก็ขอให้พ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรีเสียหน่อยเถอะ
พายุฝนพัดผ่านไปแล้ว ่นี้ทางโรงแรมเริ่มกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ ผืนทะเลสีครามสดใสจนม่านหยี่อดไม่ได้ที่จะไปนั่งมองมันทุกวัน เขาขอตามรามลงมายังโรงแรมข้างล่างเผื่อว่ามีอะไรให้ช่วยอีก หน้าที่เด็กเสิร์ฟจำเป็จบลงั้แ่แขกเริ่มทยอยเช็คเอาท์ออกจากห้องพัก และแขกอีกส่วนหนึ่งเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มสดใส ทางโรงแรมสามารถจัดโปรแกรมทัวร์ท่องเที่ยวว่ายน้ำดูปะการังแต่ละเกาะได้แล้วนั้นก็พากันดีใจ และต่างแห่จองโปรแกรมท่องเที่ยวกันใหญ่ ไลน์อาหารเช้า เที่ยง บ่าย ก็หมดเกลี้ยงไม่เหลือค้างอย่างเช่นหลายวันที่ผ่านมา รามบอกว่านี่ถือเป็สัญญาณที่ดี ปกติแล้วมันจะเป็แบบนี้ใน่ที่พายุไม่เข้า แต่ถึงอย่างนั้นนายหัวรามสูรก็ยุ่งจนหัวฟูอยู่เหมือนเดิม ่หลายวันมานี้นาย หัวรามสูรมีหน้าที่เป็คนขับเรือพานักท่องเที่ยวไปว่ายน้ำตามเกาะต่าง ๆ ด้วยเพราะคนที่เคยขับประจำนั้นลาไปเฝ้าเมียคลอดลูก รามเลยอาสาเป็คนขับเรือไปเอง ทุกวันหลังจากที่นายหัวรามสูรนำเรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่มาจอดเทียบท่าแล้วนั้น ม่านมักจะเห็นหญิงสาวน้อยใหญ่เดินเข้ามาคุยกับนายหัวอย่างเป็มิตร เป็มิตรมากชนิดที่ว่าคุยจิ๊จ๊ะกันอยู่นานหลายนาที จากนั้นรามก็จะชี้นิ้วมายังเขาที่นั่งหน้างออยู่ เขาก็ไม่รู้พูดคุยอะไรกัน แต่หญิงสาวเ่าั้นิ่งเงียบไปและพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็เดินจากไป...วันนี้ก็เหมือนกัน
“โถ่คุณม่านครับ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“ทำหน้ายังไง”
“ก็หน้าบูด หน้างอคอหักเป็ปลาทูเลย”
“ก็รามชอบทำให้เราโกรธ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” รามสูรรู้ดีว่าตนเองทำอะไรลงไป แต่เขาน่ะชอบแสนชอบเวลาที่โดนม่านหยี่หึง มีไม่บ่อยหรอกนะที่ม่านหยี่จะหึงเขา อย่างนั้นก็ขอแกล้งหน่อยแล้วกัน
“ไม่เอาไม่โกรธราม”
“ไม่ต้องมากอดเลย!” ม่านหยี่ขืนตัวออกจากอ้อมกอดของคนรัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็ผล
“ดูนะดูใส่เสื้อ แหวกอกไปถึงไหน ทั้งทรงผมทั้งแว่นตา หล่อให้มันน้อย ๆ หน่อยรามสูร”
“อ้าว! หล่อมากก็ผิดอีก”
“ใช่ หล่อมากก็ผิด มันเป็บาป!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่รู้ต้องทำยังไงแล้ว” นายหัวรามว่าพร้อมกับโอบกอดคนรักเอาไว้แน่นกว่าเคย ริมฝีปากได้รูปพรมจูบลงไปยังกลางหัวของม่านหยี่ได้กลิ่นแชมพูจาง ๆ มันเป็กลิ่นเดียวกับที่เขาใช้ ไม่คิดว่าพออยู่บนตัวของม่านแล้วกลิ่นมันจะหอมยิ่งกว่าอยู่บนตัวเขาซะอีก
“หอมไปหมดเลยม่าน”
“นี่นะ แล้วเื่คุณมาก็ทีนึง”
“อ้าว...ยังไม่จบ” รามสูรหัวเราะน้อย ๆ ม่านหยี่เวลาโกรธนี่ก็เอาลงยากเหมือนกันนะเนี่ย
“ดีนะที่คุณมาเธอไม่คิดอะไร” หลังจากวันนั้นที่เขาถูกเรียกเข้าห้องดำไป ก็เป็อีหรอบเดิมละครไทย ม่านหยี่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยความอิหลักอิเหลื่อเต็มทน แม่ของรามสูรทั้งซักไซ้ไล่เลียงเื่การเรียนของคุณมา ทั้งเอาคุณมามาเปรียบเทียบกับเขา ทั้งถามเื่สารทุกข์สุกดิบของพ่อแม่คุณมา ทำราวกับเขาเป็เพียงเด็กร่วมโต๊ะคนหนึ่งที่คุณนายรุ่งฤดีไม่ให้ความสนใจ วันนั้นข้าวบนจานของม่านหยี่ไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลางดึกวันนั้นหลังจากที่คุณมากลับไปรามสูรก็ได้รับสายโทรศัพท์ เป็คุณมานั่นเองที่โทรมาขอโทษเขากับม่านหยี่ที่ทำให้รู้สึกไม่ดี วันนั้นเขากับคุณมาคุยกันอยู่พักใหญ่จนให้แน่ใจแล้วว่าต่างฝ่ายต่างไม่ติดใจอะไรกัน
“โอ๋เอ๋ ไม่โกรธรามนะ รามไม่ทำอีกแล้วครับ”
“...”
“แต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่ความผิดของรามซักหน่อย”
“จิ๊!!!” นั่นไงละ แมวน้อยของนายหัวรามสูรขู่ฟ่อเลย แค่เพียงตากลมตวัดมองอย่างเชือดเฉือนเท่านั้น รามสูรก็ไม่กล้าทำผิดใจคุณม่านหยี่อีกแล้ว
“ครับ ๆ ขอโทษครับ คุณม่าน ผมขอโทษครับ ไม่ทำอีกแล้วครับ” นายหัวรามสูรกลายเป็หมาตัวโตทั้งกอดทั้งหอมแมวน้อยอย่างม่านหยี่ ทั้งนักท่องเที่ยว คนงาน และชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นต่างพากันมองไม่วางตา ไม่รู้ว่าต่างมีความคิดเห็นอย่างไรกับคู่รักเพศเดียวกัน การที่ผู้ชายตัวใหญ่สองคนโอบกอดกันมันดูน่ารักเฉกเช่นเดียวกันกับคู่ชายหญิงทั่วไปหรืออาจให้ความรู้สึกไม่น่ามอง อุจาดตา อย่างที่คุณนายรุ่งฤดีบอกอย่างนั้นกันนะ
ติ๊งงง!!!
วันนี้เป็เพียงวันธรรมดา ๆ แต่เขากลับมีแต่ความกังวลอยู่เต็มหัวใจ เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อม ๆ กับม่านหยี่ที่ลุกลี้ลุกลนรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ด้วยเพราะเป็คนที่ไม่ได้มีกิจธุระจำเป็ต้องติดต่อกับใคร เพื่อนที่มีก็น้อยนิดและไม่ค่อยจะติดต่อกันบ่อยสักเท่าไหร่ แอปพลิเคชันต่าง ๆ หรือแอคเคาท์โซเชียลมีเดียก็ไม่ค่อยอัปเดตอยู่แล้ว ม่านหยี่เป็คนที่เรียกได้ว่าล่องหนอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นการแจ้งเตือนนี้เ้าตัวจึงรู้ดีว่ามันไม่ใช่การแจ้งเตือนของเพื่อนหรือของใครอื่น หากแต่เป็...
“!!!” เบอร์แปลกไร้ที่มาที่ไปส่งรูปถ่ายสามรูปเข้ามาทางข้อความของเขา มันเป็รูปผู้ป่วยหญิงที่นอนสวมท่อช่วยหายใจอยู่ภายในห้องผู้ป่วย อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ล้อมอยู่รอบตัว สายน้ำเกลือทั้งสายยางและสายไฟต่างระโยงระยางเต็มไปทั่วร่างกาย ผู้ป่วยคนนั้นคือแม่ของเขา...
หลายวันก่อนหน้านี้ผู้เป็พ่อบอกว่าต้องพาแม่เขาเข้าไปรับการทำคีโมที่โรงพยาบาล ทว่าตอนนี้อาการของแม่ดูหนักยิ่งกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็น แม่ดูไม่เหมือนผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาโดยการทำคีโมเลยด้วยซ้ำ!!!
ม่านกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่นเขาเค้นแรงลงไปจนปรากฏเห็นเป็กระดูกปูดโปนขึ้นมาจากข้อนิ้วทั้งห้า มันทั้งคับแค้นและเสียใจ ในทุกครั้งที่เขาคิดว่าบิดาโหดร้ายทารุณมากแล้ว บิดายังเลวร้ายได้ยิ่งกว่านั้นอีกร้อยเท่าพันเท่า ร่างบางรีบเดินหลบออกมาจากภายในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีใครอยู่บ้าง เขากลัวว่าเมื่อครู่จะมีคนสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติไป ดังนั้นม่านเลยรีบสาวเท้าเดินออกไปให้พ้นจากชายคา
“้าอะไร!!!” น้ำเสียงเข้มกรอกลงไปตามสายทันทีที่คนปลายสายรับโทรศัพท์
“กูก็แค่เช็กความเรียบร้อยว่ามึงทำงานให้กูเสร็จรึยัง”
“ทำไมแม่เป็แบบนั้น ทำไมอาการแม่หนัก ทำไม”
“มึงเอาแต่ถามกูว่าทำไม ๆ ก็เป็เพราะมึงไงม่าน เพราะกูยังไม่ได้ยินข่าวดีจากมึง แม่มึงเลยอาการหนัก”
“พ่อไม่ทำหรอก”
“ทำอะไร...”
“...” เขาไม่กล้าพูดคำนั้นออกไป
“มึงคิดว่ากูไม่กล้าฆ่าแม่มึงเหรอ”
“ใช่...พ่อไม่ทำหรอก” ร่างบางตัวสั่นเทา แค่คิดว่าเื่ที่เขากำลังคิดอยู่นี้มันผิดนั่นก็ทำให้ม่านกลัวจับใจ เขาคิดน้อยไปไหมนะหากเชื่อใจว่าผู้เป็พ่อจะไม่ฆ่าแม่
“อืมใช่ กูไม่ทำหรอก”
“...”
“แต่กูจะปล่อยให้มะเร็งฆ่ามันเอง คอยดูละกัน”
“พ่อ!!!”
“ไม่ต้องมาเรียกกูว่าพ่อ มึงทำงานของมึงให้เสร็จซักที อย่าให้กูรอนาน กูอาจรอได้แต่แม่มึงรอไม่ได้แน่ม่าน อย่าคิดจะเล่นตุกติกกับกู”
เสียงสัญญาณสั้น ๆ ดังติดต่อกัน เป็อันหมายความว่าบทสนทนาครั้งนี้ได้จบลงแล้ว จบลงโดยที่เขาเป็ฝ่ายถูกบีบอีกครั้ง ทั้งม่านหยี่และแม่เองกลายเป็ลูกไก่ในกำมือ หากบิดาจะบีบก็ตายจะคลายก็รอดมีโอกาสได้ต่อลมหายใจไปอีกวัน ลำพังตัวเขาไม่ห่วงตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ถ้าแม่ตายมันคือความผิดของเขา...
ม่านเดินกลับเข้าไปในห้องนอนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ขวดสารเคมีวางซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เก็บของที่ซึ่งรามไม่เคยเปิดมันออกมาดูเลยั้แ่ที่เขามาอยู่ที่นี่ ม่านเลยซ่อนมันเอาไว้ในนั้น
“ราม ม่านขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ” ครั้งนี้เขาต้องทำไปเพื่อรักษาชีวิตของแม่เอาไว้ หากแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าเขาคือคนเลวร้ายคนหนึ่งที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง ม่านหยี่พร่ำขอโทษกับรามสูรอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่เช่นเดียวกันนั้นก็เป็ม่านหยี่เองที่ทำร้ายรามสูร ถึงจะบอกว่าเขาทำไปเพราะความจำเป็ แต่นั่นมันก็ดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย หากคนเราเลือกที่จะทำร้ายคนอื่นเพราะเหตุผลนั้น รามสูรไม่สมควรถูกทำร้ายเพราะเขาเอาความจำเป็มาอ้าง และม่านหยี่เองก็ไม่สมควรได้รับความรักจากรามสูรเช่นกัน
“นาย! นายหัวราม! นายหัวครับ! นายหัวรามสูร!!!” เสียงเรียกชื่อเ้าของบ้านดังขึ้นใน่เช้าตรู่ของวัน ร่างแกร่งเดินตามต้นเสียงนั้นออกมาก็พบว่าเป็พี่ชัยชาวบ้านที่เฝ้าฟาร์มไข่มุกของเขาอยู่นั่นเอง
“ครับพี่ชัย”
“นายหัวเกิดเื่ใหญ่แล้วครับ มุกครับนาย หอยมุกตายหมดบ่อเลยครับ!!!”
เมื่อได้ยินดังนั้นรามสูรก็คว้าเอากุญแจรถ ATV และะโควบ จากนั้นก็บึ่งรถไปยังฟาร์มไข่มุกของตนทันที ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะสวมเสื้อเพื่อป้องกันตนเองจากอากาศหนาวยามเช้ามืด ความแรงของรถยังน้อยกว่าความกังวลที่มันมุ่งหน้าไปจนถึงฟาร์มไข่มุกของเขาแล้ว
ทันทีที่รถจอดนิ่งสนิท สิ่งแรกที่เห็นคือน้ำทะเลกลายเป็สีเขียวเข้มซ้ำยังขุ่นมัวกว่าที่เคยเป็ เปลือกหอยมุกกองเป็พะเนินอยู่บริเวณด้านซ้ายมือของเขา บ่งบอกว่าพี่ชัยได้พยายามเก็บมุกขึ้นมาดูจนแน่ใจแล้วว่ามุกในบ่อตายเกือบทั้งหมดจึงค่อยไปบอกเขา เศษซากเปลือกหอยมุกสีช้ำวางเกลื่อนไปทั่วทั้งแพ บนเปลือกเป็สีดำเนื่องจากถูกแช่อยู่ภายใต้น้ำทะเลมานาน ด้านในเปลือกและตัวของหอยมุกที่ตายนั้นเป็สีขุ่นไม่ใสอย่างที่ควรจะเป็ ตัวหอยบ้างก็มีสีช้ำบ้างก็เป็สีขาวขุ่น ตัวที่ตายมานานแล้วเนื้อแหว่งหลุดหายเปื่อยไปกับน้ำทะเลเสียด้วยซ้ำ มือแกร่งจับชายกางเกงทั้งสองข้างถลกขึ้นแล้วนั่งยองลงใกล้ ๆ กับกองขยะเ่าั้ มือหนาคว้าเอาเปลือกหอยมุกตัวหนึ่งขึ้นมาพิจารณาดู จากนั้นก็จับไปที่เชือกป่านเส้นใหญ่ที่ซึ่งใช้ผูกมุกเอาไว้กับแพ รามสูรส่ายหน้าด้วยเพราะ ครั้งนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ เขาหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมมุกถึงตายทั้ง ๆ ที่เขาก็พยายามเลี้ยงดูอย่างสุดความสามารถ
“วัดความเค็มน้ำทุกวันใช่มั้ย”
“ครับ ผมจดไว้ทุกวัน”
“่นี้อากาศก็ไม่เปลี่ยน ไม่เกี่ยวกับพายุเพราะมันพึ่งเข้าไปไม่กี่วันนี้เอง” ชายหนุ่มพยายามคิดหาสาเหตุต่าง ๆ นานาที่จะมารองรับการตายหมู่ของหอยมุกในฟาร์มของเขาได้ แต่กลับพบว่าไม่มีเลยสักอย่างเดียว เขาก็ทำได้เพียงแค่สันนิษฐานไปสะระตะ รามสูรไม่มีข้อมูลเพียงพอ ที่รู้อย่างเดียวในตอนนี้คือเขาทำอะไรไม่ได้เลย และฟาร์มหอยมุกมูลค่าหลายสิบล้านก็ต้องสูญเปล่าไป
“ตรงแพโน้นเป็ไงบ้างครับ”
“ตรงนู้นก็เป็ครับ แต่ไม่เป็หนักเท่าแพนี้ ส่วนมากจะตาย่แพที่สองที่สาม นอกนั้นก็ยังอยู่ครับ”
“แปลก” นั่นคือความรู้สึกแรกที่เขาคิดได้ หากมันเป็ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือสาเหตุมาจากพายุที่พึ่งเข้าเมื่อหลายวันก่อน ไข่มุกที่ฟาร์มกลางทะเลของเขาก็ต้องตายด้วยเหมือนกัน หรือถ้าหากมันเป็เพราะความเค็มของน้ำทะเลตรงนั้นก็ไม่ควรจะรอด แต่นี่ไข่มุกของเขากลับตายแค่ที่เดียวเท่านั้น
นายหัวรามสูรเดินสำรวจความเสียหายไปทั่วทุกที่ ครั้งนี้เขาเจ็บหนักไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาท มูลค่านี้ยังไม่รวมความเสียหายอื่น ๆ ทั้งค่าเสื่อม ค่าเสียเวลา ค่าจ้างคนงาน ค่าทรัพยากรที่เขาเสียไปเพื่อที่จะเพาะพันธุ์ไข่มุกขึ้นมาตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้ มิหนำซ้ำเงินตรงนี้เขาคิดว่าหากขายไข่มุกได้ทั้งหมดจะนำมาเป็ค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานของเขากับม่านหยี่ ไม่คิดว่ามันจะเกิดเื่นี้ขึ้นเสียก่อน
“ราม เกิดอะไรขึ้น” ม่านหยี่กระวนกระวายอยู่ไม่สุขเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาไม่เห็นคนรักนอนอยู่ข้างกาย และแม่บ้านก็ต่างพากันสนทนาเื่ฟาร์มไข่มุกที่ท้ายเกาะ หัวใจดวงน้อยเต้นส่ำไม่เป็จังหวะเมื่อได้ยินพี่แสนบอกว่าไข่มุกของนายหัวรามสูรตายยกบ่อ
“ฟาร์มไข่มุกของเรา...ตายทั้งบ่อเลยม่าน” ร่างสูงทรุดกายนั่งลงเคียงข้างกับม่านหยี่ มือทั้งสองข้างของรามสูรยกขึ้นมาปิดหน้าด้วยเพราะไม่อยากให้คนรักเห็นว่าตอนนี้เขาอ่อนแอเพียงใด มันไม่ใช่ความรู้สึกอ่อนแอจนอยากร้องไห้ แต่เป็ความรู้สึกเสียดายที่ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้เขาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจดูแลประคบประหงมพวกมันมา ไม่คิดว่าทุกอย่างจะพังลงตรงหน้าได้ง่าย ๆ แบบนี้
“เราตันไปหมดเลยว่ะม่าน”
“ราม...” ไม่มีคำพูดใด ๆ เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากม่านหยี่ได้อีกแล้ว ที่เป็เช่นนั้นเพราะเขารู้สึกผิดเกินกว่าจะมีคำพูดปลอบใจให้คนรัก เป็ม่านหยี่เองที่วางยาฟาร์มไข่มุกของรามสูรตามคำสั่งของพ่อ เป็ม่านหยี่เองที่เปิดขวดสารเคมีนั่นแล้วเทมันลงไปในน้ำทะเล ปริมาณสารเคมีไม่ได้มากมายอะไรแต่สามารถทำให้รามสูรหมดสิ้นทุกอย่างที่ทำมาได้ในพริบตาเดียว อย่างนั้นคนอย่างม่านหยี่ยังจะมีหน้ากล้าเอ่ยคำพูดปลอบใจรามสูรได้อยู่อีกหรือไง ในเมื่อเป็สองมือของเขานี่ไงที่ทำลายรามสูร
“โคตรเหนื่อย” เสียงทุ้มสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ร่างหนาเอนพิงไปกับพนักของโซฟาพร้อมกับใช้มือแกร่งของตนบีบนวดที่ขมับทั้งสองข้าง ม่านหยี่ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานว่าเขาจะดึงมือที่ว่างเปล่าอีกข้างของรามสูรมาจับไว้ดีไหม ถ้าหากเขาทำมันจะดูเหมือนเขาเป็คนชั่วร้ายเล่นละครตบตาได้อย่างแยบยลหรือเปล่า แต่ถ้าหากเขาไม่ทำอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทนเห็นคนที่เคยแข็งแกร่งอย่างรามสูรสู้สุดใจกับเื่ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น เขาไม่อยากให้รามรู้สึกเหมือนกำลังสู้อยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่ในขณะเดียวกันนั้นคนที่พยายามทำลายรามสูรอยู่คือตัวเขาเอง
“ราม...”
“ครับ”
“แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ” ถึงแม้ว่าต่อให้ปลายทางมันจะไม่มีม่านหยี่อยู่ตรงนั้น เขาก็จะพยายามผ่านมันไปด้วยกันกับรามสูรให้ได้
“ครับ”
สองคนนั่งจับมือกันแน่น ม่านคอยบีบมือเป็สัญญาณให้คนรักรับรู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ ต่อให้โลกมันพังลงตรงหน้ารามสูรก็ยังมีม่านหยี่ จวบจนกระทั่งล่วงเลยเข้า่เที่ยงของวัน รามสูรจึงโทรไปหาศูนย์วิจัยและเพาะพันธุ์ไข่มุกที่ซึ่งเขาเป็ผู้สนับสนุนทุนวิจัยอยู่ จากนั้นใน่บ่ายเรือของชัยพิพัฒน์กรุ๊ปก็เทียบท่ายังฝั่งตะวันตกของเกาะ นักวิจัยและนักศึกษานับสิบชีวิตทยอยกันขนอุปกรณ์เดินลงมา
“อาจารย์เทพ สวัสดีครับ”
“สวัสดีราม เป็ยังไงบ้าง สบายดีมั้ย”
“สบายดีครับ”
“แม่สบายดีนะ”
“ครับ” บทสนทนาระหว่างชายหนุ่มรุ่นลูกและอาจารย์มหาวิทยาลัยร่างท้วมเป็ไปด้วยความตึงเครียด อาจารย์เทพเป็เพื่อนรุ่นเดียวกันกับมารดาของเขา รามกับท่านรู้จักกันั้แ่เขายังเป็เด็กเพราะมารดาของเขาให้ทุนสนับสนุนอาจารย์เพื่อวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์หอยมุกมาเรื่อย ๆ อาจารย์เทพเป็คนแนะนำให้เขาเรียนวิทยาศาสตร์หรือไม่ก็เรียนพันธุวิศวกรรม แต่เขาก็ปฏิเสธไป วันนี้ในยามเดือดร้อนเลยต้องพึ่งพาอาจารย์
“ตายหมดเลยเหรอ”
“ครับ หมดเลย ยกบ่อ แต่บ่อตรงโน้นไม่ตบชายเยอะเท่านี้”
“อืม...แปลก”
“ครับผมก็คิดอย่างงั้น”
“เดี๋ยวขอเก็บตัวอย่างน้ำก่อนแล้วกัน”
“ครับ”
“เอ้อ! ปริมมาด้วยนะ เผื่อจะอยากคุยกัน”
“ปริมเหรอครับ” ไม่เพียงแต่รามสูรที่ชะงักงัน ม่านหยี่ที่สังเกตเห็นอาการประหม่าของคนรักก็รู้สึกว่ารามแปลกไป ชื่อปริม ดูเหมือนจะมีอิทธิพลเป็อย่างมากกับคนรักของเขา
ม่านหยี่เลือกที่จะยืนอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้เ้าของฟาร์มและนักวิชาการเดินสำรวจไปให้ถ้วนทั่ว นั่นเป็เพราะใจหนึ่งเขาก็กลัวว่าจะมีคนจับพิรุธหรือสังเกตเห็นหากว่าเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวาย อีกใจหนึ่งก็ลอบสังเกตการณ์คนรักอยู่ห่าง ๆ รามสูรเดินเข้าไปทักทายหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเขาเห็นว่าเธอกำลังตั้งใจเก็บตัวอย่างน้ำในกระชัง แรกเริ่มทั้งคู่คุยกันราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จากนั้นก็เหมือนว่าความสนิทสนมเริ่มกลับมาเป็ดังเดิม รามสูรดูเหมือนจะชอบคุยเื่ไข่มุกกับคนที่มีความรู้มากกว่าคุยกับเขา
การไร้ตัวตนเป็ความรู้สึกที่ดี ม่านคิดอย่างนั้นมาตลอด เขาไม่จำเป็ต้องรู้จักคนมากมายในชีวิตแค่เท่าที่มีก็ดีมากแล้ว ม่านไม่ชอบความวุ่นวายดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะไม่ทำความรู้จักกับคนอื่นก่อน ชีวิตม่านหยี่มีแค่รามสูร แม่ และเพื่อนอีกไม่กี่คนเท่านั้น ทว่าดูเหมือนว่ารามไม่ได้คิดอย่างนั้น รามสูรมีคนรู้จักมากมาย ั้แ่วันแรกที่เหยียบสนามบินภูเก็ต รามสูรก็รู้จักคนเกือบทั่วทั้งสนามบิน นายหัวรามสูร นายน้อย นายหัว นั่นคือคำที่ทุก ๆ เรียกคนรักของเขา เป็รามสูรของม่านหยี่หากแต่เป็นายหัวของคนงาน ไม่ว่าจะบนฝั่งหรือบนเกาะรามก็มีคนรักและรู้จักไปเสียหมด รามสูรเติบโตท่ามกลางการเป็ที่รู้จักของผู้คนมากมายแตกต่างกับเขาที่เติบโตท่ามกลางความเหงาและว้าเหว่ บางครั้งมันทำให้ม่านรู้สึกสับสนเอาได้ง่าย ๆ เหมือนกันว่าการเป็ที่รักนั้นมันรู้สึกอย่างไร...
ม่านหยี่ได้แต่ยืนมองสองคนนั้นอยู่ไกล ๆ น่าแปลกที่เขาไม่มีความรู้สึกแบบนี้กับคุณมาเลย หากแต่กับผู้หญิงที่ชื่อปริมนี้ม่านกลับเกิดความรู้สึกแปลก ๆ มันเป็เหมือนความรู้สึกที่ว่าสองคนนี้เคยมีความหลังกันมาก่อน เพราะรามสูรคนของเขาน่ะเสียอาการไปเมื่อตอนที่อาจารย์เทพพูดชื่อปริม รามสูรไม่แม้แต่จะแนะนำเขาให้กับอาจารย์รู้จัก รามเดินไปหาปริมเสมือนว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นข้าง ๆ กัน...
ร่างบางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ บางทีเขาอาจคิดมากไป บางทีมันอาจไม่ได้มีอะไร ตลอดระยะเวลาที่คบกันมามันเนิ่นนานพอที่จะให้เราทั้งสองกล้าถามไถ่เื่ที่ค้างคาใจกับอีกฝ่าย อย่างนั้นเขาและรามเลยไม่ค่อยมีปัญหากับความสัมพันธ์สักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ม่านยอมรับกับตัวเองเลยว่า...ไม่กล้า เขาไม่กล้าถามว่ารามกับปริมนั้นเคยเป็อะไรกันมาก่อน ไม่กล้าถามว่าสองคนเคยคบกันหรือมีความรู้สึกดี ๆ ให้กันมาก่อนใช่ไหม นั่นก็เพราะครั้งนี้เขาทำผิดกับรามมากเกินไป...
มันเป็ความรู้สึกผิดบาปอยู่ในอก ม่านมองดูผลงานที่ตนเองทำลงไป ผู้คนมากมายทั้งนักวิจัย อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย รวมทั้งพี่ชัยที่ตอนนี้นั่งหลบมุมอยู่ในที่พักคนงาน
ดูสิม่านหยี่ ดูผลงานว่าตนเองทำอะไรลงไป...
นี่ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจของรามสูร แต่มันคือความตั้งใจและความพยายามทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง เขารู้ว่ารามตั้งใจกับฟาร์มไข่มุกมาก ความภาคภูมิใจและความรักมันฉายชัดออกมาจากแววตาสีสนิม ทุกครั้งที่รามเล่าถึงฟาร์มไข่มุกแววตาของรามจะเป็ประกาย ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะเห็นรามเป็แบบนั้น รามสูรมักจะขี้เล่นกับทุกสิ่งอย่างแต่เมื่อตั้งใจรามก็ทำมันออกมาได้ดีตลอด
แต่ตอนนี้ความตั้งใจของรามกลับถูกทำลายด้วยน้ำมือของม่านเสียหมด เปลือกหอยกองพะเนินเป็ขยะไร้ราคาและมูลค่า ไข่มุกไม่สามารถผลิตและเติบโตได้อีก น้ำทะเลถูกสารเคมีปนเปื้อน เขาไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่กว่าที่น้ำเหล่านี้จะกลับคืนมาสะอาดดังเดิม บางทีอาจใช้เวลาทั้งชีวิตของเขา รามสูรจะผิดหวังมากไหมหากรู้ว่าสุดท้ายแล้วม่านหยี่คือคนคนนั้นคนที่ทำลายชีวิตของราม รามจะให้อภัยเขาได้ไหมหากรู้ว่าคนที่วางยาฟาร์มไข่มุกครั้งนี้เป็เขา
การที่ได้เห็นรามอยู่กับคนอื่น คนที่หวังดีและไม่เคยทำร้ายให้รามต้องเสียใจ มันอาจรู้สึกเ็ปก็จริง แต่ในใจลึก ๆ เขาก็ต้องยอมรับความเ็ปนั้นไว้ หากว่าวันใดวันหนึ่งเื่ราวทั้งหมดถูกเปิดเผย เขาก็อยากให้คุณปริมเป็คนนั้น คนที่อยู่เคียงข้างรามสูร ในวันที่เขาไม่อาจเคียงข้างรามสูรได้อีกต่อไป...