บทที่ 187 จุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย
“ผู้นำฉู่ ตอนนี้ข้าคงแต่งงานกับแม่นางฉู่ได้แล้วกระมัง?”
ฉู่อวิ๋นหยัดตัวตรงอยู่กลางเวที น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย แตกต่างจากตัวตนที่แท้จริงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้น ตื่นตระหนก และคาดหวัง
เขาผ่านความยากลำบากมาไม่รู้จบ ผ่านอุปสรรคมากมายจนรอดมาได้ และในที่สุดก็มาถึงตอนนี้
โอกาสในการช่วยฉู่ซินเหยา ใกล้เข้ามาแล้ว
“เด็กหนุ่มคนนี้มีความมานะอย่างยิ่ง โชคดีที่์เมตตา จนเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดได้ น่าชื่นชมจริงๆ” เมื่อมองดูฉู่อวิ๋นที่ร่าเริงอยู่บนเวที หลิงจื้อก็เลิกคิ้วและถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในขณะเดียวกัน ชายชราก็รู้สึกว่าลูกปัดสีดำบนร่างของเขาสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังตื่นเต้นมาก
นั่นคือไข่มุกะเิไทวะ โยวกู่จืออาศัยอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าคนนั้นยินดีกับฉู่อวิ๋นอย่างที่สุด เป็ความสุขจากใจจริง
แต่ฉู่เจิ้นหนานกลับดูเคร่งเครียดและไม่ตอบอะไร คล้ายกำลังขบคิด ดวงตาของเขาเป็ประกาย
เขาและฉู่อวิ๋นมองหน้า ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม เมื่อสบสายตากัน ประกายไฟก็ปลิวว่อน
นี่คือาเย็น
ในจัตุรัสศาลเ้า หลายคนต่างมองหน้ากัน พูดคุยและกระซิบกระซาบ ด้วยไม่คาดคิดว่าเื่จะเปลี่ยนไปเช่นนี้
“คราวนี้ตระกูลเสวี่ยเสียหน้าหนักมากจริงๆ พวกเขาเชิญกองกำลังที่ทรงพลังมามากมาย ้าใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้จัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ต้องมาเจอคนหนุ่มแย่งคนงามกันเสียก่อน”
“ใครจะไปคิดว่าเด็กหน้าผีจะมีิญญาศักดิ์สิทธิ์เล่า แต่ถ้าอัจฉริยะเช่นนั้นจะได้แต่งงานกับคนงามที่ไม่มีใครเทียบได้ ก็ถือว่าเหมาะสมอย่างที่สุด”
“มันจะง่ายขนาดนั้นเลย? ผู้นำตระกูลเสวี่ยและตระกูลฉู่จะยอมหรือ? พวกเขาจะยอมรับเงื่อนไขก่อนการประลองที่ไร้สาระนั่นหรือ?”
ผู้ชมต่างพูดคุยกัน เพราะรู้ดีว่าเสวี่ยหานเฟยเคยเสนอว่าใครก็ตามที่ชนะการประลองจะสามารถพาคนงามกลับบ้านได้ สิ่งนี้ได้รับการยอมรับจากตระกูลฉู่และเสวี่ย และยังมีผู้แข็งแกร่งอีกหลายคนที่เห็นด้วย
ในฐานะผู้ชม ทุกคนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเื่นี้ แต่พวกเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าฉู่เจิ้นหนานหลอกลวงอีกสองตระกูลแล้ว จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ย่อมมีใจต่อตระกูลเสวี่ยเป็แน่
เขาจะยอมลงอย่างง่ายดายและหมั้นหมายฉู่ซินเหยากับตระกูลหลิงแทนหรือ?
หลายคนมีคำถามและพูดคุยเสียงดัง พลางมองดูที่นั่งแถวหน้าของจัตุรัสเพื่อรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ผู้าุโ เ้าสำนัก ผู้นำตระกูล จากเงื่อนไข่สัญญาของคุณชายชุยเสวี่ย ข้าเชื่อว่าพวกท่านทุกคนล้วนได้ยินชัดเจน ผู้นำฉู่และผู้นำเสวี่ยเองต่างก็เห็นด้วยั้แ่ต้น มีข้อโต้แย้งอันใดหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าฉู่เจิ้นหนานไม่ตอบสนอง ใบหน้าดูไม่มีความสุข ฉู่อวิ๋นจึงหันไปถามคนที่เหลือซึ่งเป็กลุ่มพยาน
แต่ในขณะนี้ ภายใต้การสอบสวน กลุ่มเ้าสำนักที่มีชื่อเสียง ผู้นำตระกูล และผู้มีอำนาจบางคน รวมถึงผู้แข็งแกร่งที่เคยช่วยเหลือเสวี่ยหานเฟยก่อนหน้านี้ยังคงเงียบ เอาแต่มองหน้ากันไปมา
ในบรรดาคนเหล่านี้ ยังมีพันธมิตรของตระกูลเสวี่ย เช่น เหยียนโจว เ้าสำนักเขาหลงหยา
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของเสวี่ยจิงหง เขาก็ขมวดคิ้วทันที ้ายื่นมือเข้าช่วย แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“ผู้นำฉู่ ไม่ต้องสนใจเขา เพราะสิ่งที่เรียกว่าเงื่อนไขสัญญาเด็กๆ นั่น ท่านถึงกับจะเปลี่ยนคู่แต่งงานหรือ? ไร้สาระสิ้นดี” เป็จินหลิง หญิงวัยกลางคนจากชางอวี่ซวนที่พูดขึ้นมา คำพูดของนางคมกริบและตรงประเด็น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็สะดุ้ง แต่ยังคงนิ่งเงียบและมองหน้ากัน
ส่วนฉู่อวิ๋นก็ขมวดคิ้วทันทีและพูดขึ้น “ท่านป้าผู้นี้ คำสัญญานี้มีพวกท่านเป็พยานนะ ตอนแรกก็ตกลงกันได้แล้วนี่”
“หรือว่าต่อหน้าคนมากมายจากกองกำลังทางเหนือ ท่านคิดจะผิดคำพูดหรือ? เช่นนั้นฐานะเ้าสำนักชางอวี่ซวนก็เป็ง่ายเกินไปแล้ว ต่อไปท่านจะปกครองคนอย่างไร? ชื่อเสียงของชางอวี่ซวนก็มีดีเพียงแค่นี้!”
“เ้า เด็กปากร้าย อย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่นะ!” จินหลิงกัดฟัน เริ่มชักสีหน้า
แม้ว่านางจะอยู่ในวัยกลางคน แต่ร่างกายก็ยังแข็งแรง ได้รับการดูแลอย่างดี ผิวพรรณเรียบเนียนเทียบได้กับดรุณีวัยแรกรุ่น แต่กลับเรียกนางว่าท่านป้าหรือ?
ทันใดนั้น เ้าสำนักหญิงแห่งชางอวี่ซวนก็โกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ้าด่าทอฉู่อวิ๋นระบายความโกรธ
แต่ในเวลานี้ นางพบว่ารอบตัวมีลูกศิษย์ในสำนักอยู่มากมาย ทุกคนมองนางด้วยความเคลือบแคลงและถึงกับแสดงท่าทีดูถูก
“ไม่คิดว่าเ้าสำนักที่มักจะเข้มงวด สอนให้เราปฏิบัติตามมรรคาที่ถูกที่ควรจะกลับคำพูดขึ้นมาจริงๆ” ศิษย์หนุ่มของชางอวี่ซวนพึมพำ แต่มีคนปิดปากของเขาทันที
“ฮึ่ม! ชางอวี่ซวนก็มีดีเพียงเท่านี้ เขาหลงหยาของเราเที่ยงธรรมกว่ามาก!” ศิษย์สายตรงของเขาหลงหยาะโ ทำให้ลูกศิษย์ของชางอวี่ซวนมองหน้าอย่างเ็า เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์ในทันที
จากนั้น ชายคนนั้นก็ไม่สนใจสิ่งใด มองไปยังเหยียนโจว และพูดอย่างภาคภูมิใจ “อาจารย์ ท่านเป็คนที่สอนพวกเรา! ความหมายของหมัดคือความดุร้ายและป่าเถื่อน คือความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ท่านต้องรักษาคำพูดอยู่แล้วมิใช่หรือ?”
เสียงของชายคนนี้ดังก้องไปทั่วทั้งผู้ชม และหลายคนก็ได้ยินมัน
ทว่าคำพูดนี้ไม่พูดจะดีมาก แต่เมื่อพูดไปแล้ว เ้าสำนักเขาหลงหยาก็โกรธจนหน้าเขียวทันที
เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเสวี่ยจิงหง พวกเขาอยู่ฝ่ายเดียวกัน กำลังคิดจะออกปากช่วยพูดอยู่เลย
แต่เมื่อลูกศิษย์คนนั้นพูดขึ้นมาอย่างเป็ธรรมและเร่าร้อนจนผู้ชมจำนวนมากต่างก็พยักหน้า ยิ่งทำให้เสวี่ยจิงหงมืดมน ส่วนเหยียนโจวก็สับสนมากขึ้น
ลูกศิษย์สำนักเขาโง่อะไรเช่นนี้!
“หุบปาก!” เหยียนโจวทำได้เพียงจ้องมองและตำหนิด้วยเสียงทุ้ม ทำให้ลูกศิษย์รู้สึกขุ่นเคืองด้วยความไม่เข้าใจ
ในความเป็จริง สถานการณ์แบบนี้ยังเกิดขึ้นในสำนักและตระกูลใหญ่บ้างประปราย โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งบางคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาและมีชื่อเสียงระบือไกล จะมีแนวโน้มได้คะแนนไปมากกว่า
ทันใดนั้น จัตุรัสของศาลเ้าจึงเต็มไปด้วยเสียงะโและเกิดความวุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ
“เื่นี้ไม่ควรด่วนตัดสินใจ ควรค่อยพูดค่อยจากัน การประลองนี้ไม่ได้สลักสำคัญขนาดนั้น” อวี่เหวินจือ ผู้นำเผ่าาเืพูดขึ้น ้าซื้อเวลาให้กับตระกูลเสวี่ย นี่เป็หนึ่งในไม่กี่ข้อที่โต้แย้งได้
“ชายหนุ่มผู้นี้มีพลังพิเศษ ศักยภาพไร้ขีดจำกัด เขาเอาชนะคุณชายชุยเสวี่ยได้อย่างทรงพลัง ตระกูลฉู่ควรทำตามคำสัญญาและหมั้นหมายเขาให้กับคนงาม” เ้าสำนักวังเทียนซู[1]กล่าวด้วยท่าทีที่สง่างาม
“ชายชาตรีอกผายไหล่ผึ่ง หนึ่งสัญญาคือทองคำพันจิน ในเมื่อคุณชายชุยเสวี่ยเป็คนทำสัญญาและสองตระกูลฉู่และเสวี่ยก็ยอมรับแล้ว นั่นจึงเป็สาเหตุที่ไม่ควรผิดสัญญา” ผู้นำสำนักเก่าแก่ที่เป็ที่เคารพพูดอย่างตรงไปตรงมา
ในจัตุรัส กองกำลังจำนวนไม่มากพยักหน้าเห็นด้วย โดยต่างเห็นชอบเื่ของฉู่อวิ๋นและคนงาม ด้วยอยากรักษาภาพลักษณ์ของสำนัก
“พวกเราปราการเจ็ดดารา ไม่มีข้อโต้แย้ง”
“ทุกอย่างให้ผู้นำตระกูลฉู่ตัดสินใจเถอะ พวกเราเป็เพียงผู้เฝ้ามอง ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”
และกองกำลังส่วนใหญ่ แม้ว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่หรือตระกูลเสวี่ย แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันใด ราวกับหญ้าบนกำแพง[2] อย่างไรเสียเื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา
อันที่จริง การประลองครั้งนี้มีผู้เห็นเหตุการณ์ั้แ่ต้นแล้ว ถ้าคัดค้านตอนนี้จะเหมือนกับการตบหน้าตนเองไม่ใช่หรือ?
ต้องรู้ว่า พวกเขาล้วนเป็คนมีหน้ามีตา ในยุทธภพมีชื่อเสียงลือเลื่องว่าหนึ่งคำสัญญาพันทองคำ
หากกลับคำในที่สาธารณะ ย่อมถูกคนในยุทธภพเยาะเย้ย แม้แต่อำนาจที่มีก็อาจสั่นคลอน ชื่อเสียงจะเสื่อมเสีย กลายเป็ตัวตลกให้คนหัวร่อ
กองกำลังที่เป็พันธมิตรของตระกูลเสวี่ย้าโต้กลับ แต่เมื่อเห็นว่าทั้งฉู่เจียงและฉู่เจิ้นหนานต่างไม่พูดอะไร พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอดูสถานการณ์
หลังจากนั้นไม่นาน คนเหล่านี้ต่างก็มองไปที่ฉู่เจิ้นหนาน เพราะทุกคนรู้ว่าเขาคนนี้คือผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
“ประเสริฐ ประเสริฐ! ช่างเป็เด็กหน้าผีที่ประเสริฐนัก!”
ฉู่เจิ้นหนานใช้เวลานานกว่าจะกัดฟันพูดออกมาได้ แต่น้ำเสียงของเขาดูน่ากลัวซ้ำยังเหน็บแนม
ความจริงแล้ว จิ้งจอกเฒ่ากำลังตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเสวี่ยจิงหงมานานแล้ว หากเขาเปลี่ยนข้างและเปลี่ยนการตัดสินใจ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
เมื่อคู่แต่งงานเปลี่ยนไปย่อมก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่จะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ยากที่จะรักษาเขาที่เป็หัวหน้าตระกูลย่อยเล็กๆ ไว้ได้
เพราะฉู่เจิ้นหนานรู้ดีว่าผู้คนในเชื้อสายหลักใส่ใจเพียงอำนาจที่แข็งแกร่ง และมักจะดูิ่เชื้อสายย่อยอยู่เสมอ โดยคิดว่าสายเืของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ เป็ลูกผสม
วันนี้ตระกูลเสวี่ยเสียหน้า หากการแต่งงานล้มเหลวด้วยอีก สถานะปัจจุบันของพวกเขาก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่าในอนาคตจะทำเื่เลวร้ายอะไรออกมาอีก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็เหงื่อตก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและขอคำแนะนำจากฉู่เจียงก่อน “ใต้เท้าฉู่ ท่านว่าเื่นี้ควรทำอย่างไรหรือ?”
โดยไม่คาดคิด ฉู่เจียงกลับดูสบายใจมาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้รับคำสั่งให้มาช่วยเื่งานแต่งงาน คนที่ตัดสินใจคือเ้า หัวหน้าตระกูลไป๋หยาง ควรทำอย่างไรก็ทำไปเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็สาปแช่งอยู่ในใจ ทูตเชื้อสายหลักคนนี้คิดปัดความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพราะหากงานแต่งเกิดเื่ผิดพลาดขึ้น คนรับเคราะห์ย่อมเป็เขา หาใช่ฉู่เจียงจากเชื้อสายหลักไม่
จากนั้น จิ้งจอกเฒ่าก็เหลือบมองเสวี่ยจิงหงอีกครั้ง เห็นว่าอีกฝ่ายก็จ้องเขาอยู่เช่นกัน สายตาสื่อนัยยะเต็มที่
“อย่าทำให้ข้าผิดหวัง!” เสวี่ยจิงหงชักสีหน้า มุมปากของเขาขยับเล็กน้อย แต่ไม่ส่งเสียงใดๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้น หัวใจของฉู่เจิ้นหนานก็ชาวาบ รีบพูดตอบไปว่า “ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็หน้าที่ข้า”
ยามนี้ ผู้คนจากทั่วสารทิศกำลังรอให้ฉู่เจิ้นหนานตัดสินใจ เสียงพูดคุยและแสดงความคิดเห็นต่างๆ ดังอยู่เนืองๆ
ในตอนแรก ทั่วทั้งจัตุรัสของศาลเ้ามีเสียงดังเพียงเล็กน้อย แต่พอจิ้งจอกเฒ่าลุกขึ้นยืนและกำลังจะพูด ในไม่ช้าทุกคนก็เงียบลงราวกับเป็อันรู้กัน
“เป็อย่างไร? ผู้นำฉู่ จะยกแม่นางฉู่ให้แต่งกับข้าได้หรือยัง?” ฉู่อวิ๋นเปลี่ยนเสียง ยืดอก และมองดูผู้คนนับหมื่นอย่างสบายใจ ไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อได้ยิน ฉู่เจิ้นหนานก็เลิกคิ้วขึ้น เผยให้เห็นท่าทีเ็า
แต่หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็วาววาบ รอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฏขึ้น และพูดอย่างเคร่งขรึม “แน่นอน ในเมื่อข้ารับปากเื่การประลองั้แ่แรก สามีและลูกเขยย่อมต้องเปลี่ยนแปลง”
“พรึ่บ!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นไปทั่วลาน เกิดความโกลาหลอลหม่านขึ้นในทันที
ทุกคนพูดไม่ออก ฉู่เจิ้นหนานผู้นี้จะรักษาสัญญาของเขาจริงๆ หรือ?
“ฮึ่ม!!!” ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเสวี่ยจิงหงก็เปลี่ยนเป็สีแดง และเมื่อรวมกับผู้าุโของตระกูลเสวี่ย พวกเขาทั้งหมดก็ส่งเสียงเ็าด้วยสีหน้าดุดัน ไอสังหารพวยพุ่ง
พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้เสวี่ยหานเฟยได้คนงามมาครอง แต่สุดท้ายกลับได้ตัดชุดแต่งงานให้คนอื่น[3]? นี่มันทนไม่ได้จริงๆ
เดิมที ตระกูลเสวี่ย้าใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ผูกมิตรกับเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่ จากนั้นก็จะเริ่มคิดเข้าพื้นที่ทางตอนเหนือของราชวงศ์เซี่ยตะวันออก
แต่ทั้งหมดนี้กลับโดนฉู่อวิ๋นทำลายสิ้น
“หานเฟย…” เสวี่ยจิงหงโกรธจนหายใจหอบ เหลือบมองเสวี่ยหานเฟยที่อยู่ข้างๆ
คุณชายชุยเสวี่ยได้รับการรักษาแล้ว แม้ว่าอาการาเ็จะดีขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว แต่ใบหน้าของเขายังคงซีดเซียว ลมหายใจยังคงอ่อนแอ
“ท่านพ่อ! ลูกไม่ยอม... ลูกไม่ยอม!!” ในขณะนี้ เสวี่ยหานเฟยโกรธมากจนคว้าแขนเสื้อของเสวี่ยจิงหงไว้แน่น ภาพลักษณ์ของเขาหายไปสิ้น จ้องมอง “ซิวหลัวหน้าผี” ที่อยู่บนเวทีอย่างโกรธเคือง
ตอนนี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำและมีแต่ความเกลียดชังเท่านั้น
นี่คือความเกลียดชังต่อฉู่อวิ๋น
เมื่อเห็นท่าทางของเสวี่ยหานเฟย เสวี่ยจิงหงก็เจ็บใจอย่างยิ่ง ก่อนจะพูดออกมา “ไม่ต้องกังวล ถ้าฉู่เจิ้นหนานจัดการเื่นี้ไม่ได้ แม้ว่าเขาจะมีเชื้อสายหลักของตระกูลฉู่คุ้มกะลาหัว พ่อก็จะทวงความยุติธรรมให้กับเ้า!”
เมื่อกล่าวจบ เ้าเมืองชุยเสวี่ยก็จ้องมองไปที่ฉู่เจิ้นหนานที่กำลังเดินขึ้นเวที สีหน้าบึ้งตึงสุดๆ
เห็นเช่นนั้น ฉู่เจิ้นหนานก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา เดินไปยังด้านข้างของฉู่อวิ๋นทีละก้าว เผชิญหน้ากับผู้ชมด้านล่าง
เขาประกาศเสียงดังด้วยใบหน้าที่เฉยชา “ลูกผู้ชายรับปากแล้วต้องทำให้ได้ และตอนนี้ผู้แซ่ฉู่อยู่ที่นี่ เพื่อประกาศว่าสาวน้อยซินเหยาของข้า จะหมั้นหมายกับนักพรตผู้มีความสามารถจากตระกูลผู้ฝึกฝนอันศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้”
“ยามนี้ ผู้แซ่ฉู่จะพาตัวฉู่ซินเหยาออกมา พิธีทุกอย่างจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้คู่บ่าวสาวทั้งสองจะได้แต่งงานกัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ใ!
----------
[1] จรดคคนางค์ หมายถึงท้องฟ้า
[2] คนไม่มีความคิดเป็ของตัวเอง ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองได้
[3] หมายความว่า ลำบากมาตั้งมากมาย แต่ผลสุดท้ายกลับเป็คนอื่นที่ได้ผลประโยชน์ไป