สมุนไพรวิเศษที่ดีที่สุด หม้อยาระดับสอง ทำ “ยารวมพลัง” ระดับหนึ่งขั้นสูงออกมา สามารถทำได้ทั้งหมดร้อยเม็ดสุดท้ายหลินลั่วหรานสามารถทำออกมาได้สามสิบห้าเม็ด
ดูเหมือนว่าจะมีอัตราการสำเร็จเพียงแค่สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นแต่มันก็มากพอที่จะทำให้หลินลั่วหรานพึงพอใจแล้ว
นี่คือการทำยาครั้งแรกของเธอยารวมพลังทำให้สามารถรวมพลังไว้ในกายได้โดยไม่หายไปไหนและมันก็เหมาะกับพ่อและเป่าเจียที่ยังมีระดับฝึกลมปราณขั้นแรกไม่เต็มสมบูรณ์และมักจะดูดซึมพลังอยู่บ่อยๆ แต่กลับกักเก็บพลังเอาไว้ไม่ได้ แน่นอนว่าสำหรับการฝึกศาสตร์ในสภาพแวดล้อมที่พลังกระจัดกระจายแบบนี้ตัวยาที่มีพลังที่บริสุทธิ์และสงบนั้น ถึงจะเป็ส่วนที่มีค่าที่สุด
ยาหนึ่งเม็ด ย่อมมีพลังที่จำกัด แต่ว่าร้อยเม็ดล่ะ?
การทำยาแบบนี้ หลินลั่วหรานต้องใช้เวลาถึงสองวัน เมื่อมานับดูแล้วตอนที่จะแลกเปลี่ยน จะต้องมีจำนวนการแลกเปลี่ยนเท่าไร? เพราะว่าเธอใช้ห่อสิ่วโอวพันปีฤทธิ์ยาจึงดีกว่าที่หลินลั่วหรานคิดเอาไว้มาก แม้ว่าเธอจะไม่เคยพบ “ยารวมพลัง” มาก่อน แต่ว่าเธอก็คิดว่ามันน่าจะมีฤทธิ์มากกว่าเป็สองเท่าได้
ดังนั้นแม้ว่าอัตราความสำเร็จจะไม่ได้สูง แต่หลินลั่วหรานก็ยังคงพึงพอใจอย่างไรนี่ก็เป็ยาที่เธอทำขึ้นมาเป็ครั้งแรกเส้นทางหลังจากนี้ยังอีกยาวไกลไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่า มีเพียงยารวมพลังแบบเดียว ก็คงจะมีชนิดน้อยเกินไปหน่อย...หลินลั่วหรานจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ยาอีกอย่างมันคือ “ยาฟื้นฟู” ที่อยู่ในระดับสองขั้นสูงไม่เหมือนกับยารวมพลัง ความสามารถของมันก็คือ การรักษาอาการาเ็
หากจะนำมารักษาอาการของกัวเ่าั้ เป็เื่ที่ไม่อาจจะทำได้ แต่หากว่าใช้กับนักปราชญ์ที่ยังไม่ถึงระดับพื้นฐานนั้นแม้ว่าจะใกล้ตายแล้วก็ยังมีโอกาสที่จะรักษาได้อยู่คนที่จะสามารถใช้ยารวมพลังในระยะยาวนั้นไม่ได้มีอยู่มากนัก ดังนั้น “ยาฟื้นฟู” นี้ก็น่าจะขายได้ดีทีเดียว
แต่ว่าในสูตรยาของมันนั้น มียาชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่สมุนไพรวิเศษแต่ว่าก็ไม่ใช่สมุนไพรทั่วไปแต่ว่ามันกลับเป็สิ่งที่หลินลั่วหรานต้องไปหาด้วยตัวเอง อย่างพิษคางคก
ในสูตรยานั้นบันทึกเอาไว้ว่า “ของเหลวจากขู่หลง” หลินลั่วหรานไปหาข้อมูลมาถึงได้รู้ว่ามันคือพิษคางคกนั่นเอง ความจริงแล้วขู่หลงก็คืออีกชื่อหนึ่งของคางคก ตอนนี้เป็่หน้าร้อนสิ่งที่เขาชิงเฉิงมีไม่ขาดก็น่าจะเป็พวกบรรดากบทั้งหลายไม่ใช่เหรอ?
ตกกลางคืน หลินลั่วหรานก็แอบสะพายตะกร้าขึ้นบนหลังพร้อมทั้งเตรียมเอาขวดแก้วไปด้วย เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็เสื้อผ้าแขนยาวและขายาวเรียบร้อยก่อนจะเห็นว่าผู้เป็พ่อแต่งตัวเหมือนกันกับเธอ ยืนรออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว
“เดาว่าสาวน้อยจะแอบออกไปคนเดียวสินะ ทำไมล่ะ จะทิ้งคนแก่อย่างพ่อแล้วเหรอ?” คำพูดขอเขาทำให้หลินลั่วหรานละอายขึ้นมา แม้ว่าจะดูเด็กลงเท่าไรในความทรงจำของหลินลั่วหรานสุดท้ายเขาก็คือพ่อกับแม่ที่ต้องทำงานจนเส้นผมกลายเป็สีขาวโพลนเพื่อส่งเธอเรียนอยู่ดีในตอนนั้นเธอยังไม่สามารถจะทำอะไร วันนี้จึงอยากให้พวกเขาได้พักผ่อนสบายๆ...แต่ว่าดูจากสายตาดุๆ ของพ่อแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะทำมากเกินไป
เมื่อก่อนพ่อของเธอนั้นก็เก็บสมุนไพรเลี้ยงชีวิตดังนั้นสำหรับเขาแล้วคางคกก็ไม่ใช่ของแปลกอะไร อย่างไรก็ไปกับพ่อน่าจะดีกว่าอาจจะช้าลงหน่อย แต่ว่าการทำให้พ่อได้รู้สึกว่า “ตัวเองก็มีประโยชน์”ทำไมถึงจะไม่ดีล่ะ?
สองพ่อลูกแบกตะกร้าขึ้นหลังเดินผ่านแสงจันทร์เข้าไปยังด้านหลังป่า
แสงจันทร์ในวันนี้สวยงามทีเดียวความจริงแล้วหลินลั่วหรานสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ในเส้นทางเล็กๆ เส้นนี้แต่ว่าพ่อของเธอก็ยังคงเอาไฟฉายมาด้วยเมื่อเห็นว่าผู้เป็พ่อคอยใช้มีดตัดหญ้าเปิดทางให้เธอ ราวกับว่าจะลืมไปแล้วว่าลูกสาวของเขาในตอนนี้คือนักปราชญ์ที่มีความสามารถมากมายแต่เป็เพียงเด็กน้อยที่ต้องได้รับการปกป้อง ตอนเด็กๆ เวลาที่ปิดเทอมฤดูร้อนเธอเองก็มักจะติดตามพ่อเข้าไปในป่าแบบนี้ดังนั้นหลินลั่วหรานจึงไม่ได้ใช้พลังเวทอะไรและไม่ได้แสดงความสามารถของตัวเองออกมา แต่กลับเดินตามอยู่ที่ด้านหลังของผู้เป็พ่อและกลับไปเป็เด็กสาวที่ต้องให้พ่อมาปกป้องอีกครั้งหนึ่ง
“สาวน้อย ดูนั่น!” อยู่ๆผู้เป็พ่อก็หยุดฝีเท้าลง ก่อนที่จะชี้ไปยังใต้ต้นสนก่อนจะพูดขึ้น
สิ่งที่ไฟฉายส่องไปนั้น คือดอกเห็ดที่กระจายไปทั่วพื้นดินใต้ต้นสนมันมีสีน้ำตาลแซมแดง และอยู่ใน่เริ่มบานออก “นั่นมันเห็ดสน!”
แม้ว่าจะเป็หลินลั่วหรานในตอนนี้ ก็อดที่จะหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้เห็ดสนเป็เห็ดชนิดหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าสนรสชาติของมันนั้นดีเหลือเชื่อ หมู่บ้านหลี่นั้นอยู่ติดกับเขาลูกใหญ่หลินลั่วหรานจึงรู้จักเห็ดป่าเหล่านี้ แต่ว่าเห็ดสนแบบนี้ ั้แ่ที่เธอจำความได้ที่บ้านก็เคยเก็บมาได้เพียงสองสามครั้งเท่านั้น เพราะว่าหายากจึงทำให้รสชาติยิ่งดีขึ้น หลินลั่วหรานประทับใจต่อมันมาก หลังจากเรียนมหาลัยแล้วเธอก็เคยไปหาข้อมูลมา ถึงได้รู้ว่ามันมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “เห็ดหมุดแดง” และเป็สินค้าขึ้นชื่อของเขาเพ็กตูดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะหาได้ยากในเขาชู่ชาน
“พ่อนี่ตาดีไม่เปลี่ยนเลยนะ!” หลินลั่วหรานเก็บเห็ดด้วยความดีใจไปพร้อมกับพูดจาประจบขึ้นมาด้วย ทำเอาผู้เป็พ่อต้องส่ายหน้าไปมาจนมึนหัวแต่ว่าในแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความภาคภูมิไม่ใช่เหรอ!
มีเพียงกองเล็กๆ กองหนึ่งเท่านั้นเมื่อถูกใส่ลงไปยังตะกร้าบนหลังของหลินลั่วหรานมันก็กินพื้นที่ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลินลั่วหรานยังคงไม่พอใจจึงลงมือหาเห็ดสนอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียแล้ว และในขณะเดียวกันเธอก็ได้พบกับหินชนิดเดียวกับเห็ดหูหนูอย่าง “เห็ดหูม้า” ยังไงก็สามารถทานได้เช่นกันเธอจึงเก็บมันมาจนเกลี้ยง
ผู้เป็พ่อมองไปยังลูกสาวที่แววตาเปล่งประกายขึ้นมาก่อนจะต้องส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ หลินลั่วหรานชอบเข้าป่ามาั้แ่เด็ก เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าลูกสาวของเขาคนนี้ ปกติแล้วจะไม่ชอบพูดจาอะไร แต่เมื่อเข้ามาในป่าทีไร ทุกๆอย่างก็ดูน่าสนุก น่าตื่นเต้นไปเสียหมด สำหรับเื่การหาของกิน หรือสมุนไพรแล้วเธอก็มีพร์ด้านนี้จริงๆ...หาของกินก็เป็พร์อย่างหนึ่งเหรอ? ผู้เป็พ่อลังเลขึ้นมา ก่อนที่จะเพิ่ม “ข้อดี” นี้ให้กับลูกสาวของตัวเอง
ทั้งสองพ่อลูกเดินๆ หยุดๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกลางดึกพวกเขาถึงได้พบกับแอ่งน้ำแอ่งหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงร้องของกบที่ดังขึ้นไม่หยุดหลินลั่วหรานและพ่อของเธอก็เผยรอยยิ้มออกมา ที่นี่ล่ะ!
การจับคางคกนั้นก็จำเป็ที่จะต้องใช้เทคนิคเล็กน้อยหากจะให้ะโลงน้ำไปจับก็คงจะไม่ดีตอนกลางคืนนั้นเป็เวลาหาอาหารของพวกคางคกและกบพวกมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าข้างแอ่งน้ำเพื่อจับแมลงกินในตอนนี้ขอเพียงแค่เดินตามแอ่งน้ำไป เมื่อพบสถานที่ที่มีเสียงกบ ก็ใช้ไฟฉายส่องเข้าไป
พวกกบนั้นต่างก็จะมึนงงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะฟุบลงที่พงหญ้าและไม่ขยับไปไหนจากนั้นก็รีบจับใส่ถุงก็พอแล้ว เสียงร้องของกบและคางคกนั้นแตกต่างกันคนที่ไม่ได้รู้อะไรมากอย่างหลินลั่วหรานนั้นไม่สามารถแยกได้แต่คนที่เป็มืออาชีพอย่างพ่อของเธอสามารถใช้เสียงที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการแยกแยะได้ ทุกๆครั้งที่เขาฉายไฟไปนั้น ก็มักจะได้พบกับคางคกอยู่เสมอ
พ่อของเธอรับหน้าที่ในการจับคางคกหลินลั่วหรานถูกผู้เป็พ่อแบ่งให้ทำการรีดของเหลวจากตัวคางคกส่วนเื่ของพิษคางคกน่ะเหรอ? มันคือของเหลวที่ได้จากคางคกหลังจากทำการเพิ่มเติมจนมีฤทธิ์ยาแล้วเท่านั้น
หลินลั่วหรานเคยทำอะไรแบบนี้มาั้แ่เด็กมาก่อนแต่ว่าเมื่อเทียบกันกับตอนเด็กๆ แล้วตอนนี้เธอก็เป็นักปราชญ์ระดับพื้นฐานแล้วไม่ใช่หรือไง? เื่การที่จะล้างคางคกแบบนี้ เธอก็ไม่จำเป็จะต้องลงมือจับคางคกเหนียวๆลื่นๆ น่ารังเกียจแบบนั้นเองแล้วเธอใช้เวทธาตุน้ำเวทหนึ่งทำให้คางคกในตะกร้าสะอาดขึ้นมา
นิ้วหัวแม่มือของเธอกดลงบริเวณคอของมัน ส่วนนิ้วที่เหลือก็จับตัวของมันไว้ก่อนที่จะใช้แท่งทองแดงกดลงที่ต่อมบริเวณหลังหูของมัน ไม่นานนักของเหลวสีขาวก็ไหลออกมาหลินลั่วหรานนำเอาขวดแก้วที่เตรียมเอาไว้ออกมารอง
การเก็บของเหลวจากพวกมันนั้นไม่ได้จำเป็ที่จะต้องฆ่าพวกมันเมื่อเก็บของเหลวมาแล้ว เธอก็เอาตัวของพวกมันไว้ที่ตะกร้าข้างหลังก่อนที่จะเตรียมเอาไปปล่อยพร้อมกันทีเดียว จากนั้นพ่อของเธอก็จับตัวเธอเองก็รีดน้ำ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงขวดแก้วที่เธอนำมาก็มีของเหลวจากคางคกอยู่ไม่น้อยแล้วแต่มันกลับเป็จำนวนที่ทำให้พ่อของเธอต้องจับคางคกมากว่าร้อยตัว
“พ่อ พอแล้ว!”
คางคกจากที่แอ่งน้ำใกล้ๆ ถูกจับมาจนเกือบจะหมดแล้วเมื่อเห็นว่าร่างของพ่อเริ่มไกลห่างออกไป หลินลั่วหรานก็รีบเรียกเขาเอาไว้
พ่อของเธอใช้ไฟฉายส่ายไปมา หลินลั่วหรานควักมือเรียกไม่หยุด “พอแล้วจริงๆ พวกเรากลับกันเถอะ!” เมื่อได้ยินดังนั้นผู้เป็พ่อถึงได้เดินกลับมา หลินลั่วหรานเห็นว่ากางเกงของเขาเปียก ก่อนจะบ่นขึ้น “ถ้ารู้ว่าเป็แบบนี้หนูน่าจะไปจับเอง ทำไมถึงลงน้ำไปได้ล่ะ”
ผู้เป็พ่อโบกมือปัด “นี่มันจะอะไรกันวันนี้ร่างกายพ่อสุดยอดไปเลยนะ จับคางคกสักตัวสองตัวจะเป็อะไรไป!” คำพูดของเขาทำให้หลินลั่วหรานต้องเม้มปากกลั้นยิ้มเอาไว้เธอทำการปล่อยเหล่าคางคกที่ถูกรีดของเหลวออกมาแล้วไปอีกทั้งเธอยังแอบทำให้กางเกงของผู้เป็พ่อแห้งก่อนที่จะเดินไปด้วย
เมื่อทั้งสองเดินกลับมาถึงที่บ้าน ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมาแล้ว
คนอื่นจะไม่พูดถึง แต่ว่าแม่ของเธอนั้นตื่นขึ้นมาแล้วเมื่อเปิดประตูออกก็เห็นสองพ่อลูกที่เปียกปอนไปหมดยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าเธอก็ขยี้ดวงตาของตัวเอง “เช้าขนาดนี้ไปไหนกันมา?”
ผู้เป็พ่อยกมือข้างขวาขึ้นมาแกว่งหน้าผู้เป็แม่ มันคือกระต่ายป่าอ้วนสองตัวที่พวกเขาจับมาได้ระหว่างทางกลับ ใครบ้างจะไม่ชอบรสอาหารป่า? แต่ผู้เป็แม่กลับเลิกคิ้วขึ้น “โอเคสองพ่อลูกแอบเข้าไปในป่าใช่ไหม?”
พ่อของเธอส่ายหน้า หลินลั่วหรานแอบเข้าไปก่อนแล้วก่อนที่จะทิ้งให้ผู้เป็พ่อรับมือกับแม่ที่กำลังออกปากบ่นไป หลายปีที่ผ่านมาคนที่นิสัยต่างกันสองคนนั้น ก็จะต้องมีวิธีการพูดคุยสำหรับตัวเองอยู่เธอที่เป็ลูกสาวคนนี้ จะไปอยู่เป็ก้างขวางคอพวกเขาทำไมล่ะ?
ไม่ต้องพูดไปถึงอาหารกลางวันที่มีเนื้อกระต่ายและเห็ดป่ารสชาติดีแม้แต่คู่สามีภรรยาก็ยังต้องมาทานข้าวด้วย เพราะว่าหลินลั่วหรานนั้นเป็นักฝึกศาสตร์การใช้ของเหลวจากคางคกให้เป็พิษคางคกนั้นจึงทำได้ว่องไว
เมื่อถึงคืนวันถัดมา วัตถุดิบในการทำ “ยาฟื้นฟู” ของเธอก็เตรียมพร้อมแล้ว
แม่ของหลินลั่วหรานนั้นมีความสามารถพิเศษในการเลี้ยงให้ลูกของเธออิ่มหนำก่อนที่จะปล่อยให้เธอเข้าไปในห้องใต้ดินที่ถูกใช้เป็ห้องยาชั่วคราว
การทำยาในครั้งนี้ ก็ยังคงใช้เวลาสองวันสองคืนเช่นเดิม
หลินลั่วหรานมองไปยัง “ยาฟื้นฟู” ยี่สิบเม็ดที่ถูกวางเอาไว้บนกล่องหยกเธอเหนื่อยเสียจนอยากจะโยนทิ้งแล้วเลิกทำไปซะ สุดท้ายอารมณ์เด็กๆ ก็เกิดขึ้นมาจนได้เธอจึงคิดขึ้นมาอย่างโหดร้ายว่า จะต้องตั้งราคายาพวกนี้ให้สูงเสียหน่อยถึงจะคุ้มค่าแก่ความลำบากของเธอ!