ผู้เฒ่าซานกุ่ยปากก็ไล่จวินหวงไป แต่พอถึงประตูก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา "ข้าไม่รู้ว่าเ้าจะไปทำอะไร แต่ข้าก็พอจะเดาออกว่าต้องเป็เื่ที่อันตรายมากแน่ๆ เ้าต้องระวังตัวให้ดี ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีชีวิตกลับมาให้ได้!"
"ข้าทราบแล้ว" ความห่วงใยใส่ใจอันยากที่จะได้รับจากผู้เฒ่าซานกุ่ย ทำให้จวินหวงอดคลี่ยิ้มบางเบาออกมาไม่ได้ "ขอบคุณเ้าค่ะ"
"ไปเถอะๆ จำเอาไว้ หนึ่งปีหลังจากนี้จะต้องกลับมาให้ได้!" ผู้เฒ่าซานกุ่ยทอดถอนใจออกมาเสียงหนึ่งแล้วโบกมือลา
จวินหวงเดินมาถึงประตู นึกถึงความทรงจำทุกหยดหยาดที่อยู่ร่วมกับผู้เฒ่าซานกุ่ยใน่หนึ่งเดือนที่ผ่านมา พอต้องจากลาความรู้สึกเปรี้ยวฝาดและความอาลัยอาวรณ์ก็ปรี่ล้นเต็มดวงใจ
หนึ่งเดือนมานี้แม้ว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยจะเข้มงวดกับนางมาก การอาบยาสมุนไพรแต่ละวันแม้ว่าจะเ็ป แต่กลับเป็ผลดีต่อตัวนางอย่างแท้จริง เวลาเพียงเดือนเดียว ไม่เพียงแต่าแทั่วทั้งร่างกายของนางจะหายดีทั้งหมด แม้แต่สมรรถภาพร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย
นอกเหนือจากนี้ ผู้เฒ่าซานกุ่ยยังสอนนางให้ท่องตำราแพทย์และคัมภีร์พิษจนขึ้นใจทุกวัน หากมีจุดไหนที่จวินหวงไม่เข้าใจ แม้ว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยจะดุด่า แต่ก็ยังคงอธิบายให้นางฟังอย่างอดทน
"อาจารย์!" จวินหวงมองไปที่ผู้เฒ่าซานกุ่ยที่ใช้สายตาส่งนางอยู่ที่หน้าประตู ในที่สุดก็อดใจไม่ไหวหันกลับไปคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะอย่างแรงสามครั้ง
ในหัวใจของนาง นางนับถือผู้เฒ่าซานกุ่ยเป็อาจารย์ของตนเองมานานแล้ว แม้ว่าปกติผู้เฒ่าซานกุ่ยจะไม่ค่อยพูดและชอบชักสีหน้าใส่นาง แต่นางรู้ดีว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยห่วงใยนาง
"ใครเป็อาจารย์ของเ้า!" แม้ว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยจะแผดเสียงดุด่า แต่ขอบตากลับแดงก่ำ "รีบไปเถอะ จำเอาไว้ หนึ่งปีจากนี้ต้องกลับมาให้ได้!"
จวินหวงพยักหน้า แล้วมองกระท่อมที่อยู่มาหนึ่งเดือนเป็ครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปไม่หันกลับมาอีก
บูรพา-ตงอู๋ ประจิม-ซีเชว่ อุดร-เป่ยฉี ทักษิณ-หนานมู่ ก่อตั้งเป็สี่แคว้น บัดนี้ซีเชว่ล่มสลาย หนานมู่กับซีเชว่ไร้สัมพันธไมตรี มีเพียงเป่ยฉีที่มีไมตรีที่ดีต่อกัน หาก้าแก้แค้น นางเพียงคนเดียวย่อมไม่อาจบรรลุเป้าหมาย นางจึงต้องไปเป่ยฉีเท่านั้น
หลังออกจากูเา จวินหวงก็เปลี่ยนไปแต่งกายแบบบุรุษ มองไปยังทิศทางของวังหลวงด้วยแววตาลึกซึ้ง แล้วหันหลังมุ่งเดินทางไปสู่แคว้นเป่ยฉี
นางอยากไปดูพระราชวังซีเชว่เป็ครั้งสุดท้าย แต่ซีเชว่สิ้นแล้ว ความแค้นยิ่งใหญ่ยังไม่ได้ชำระ นางจะมีหน้ากลับไปได้อย่างไร?
เสด็จพ่อ เสด็จแม่
นางสาบานเงียบๆ ในส่วนลึกของหัวใจ
จวินหวงจะเป็ขัตติยนารีแห่งซีเชว่ตลอดไป หากความแค้นยิ่งใหญ่ของซีเชว่ยังมิได้รับการชำระ จวินหวงจะไม่เหยียบเข้าซีเชว่แม้เพียงครึ่งก้าว!
นางเดินทางสู่แดนไกล ทีละก้าวๆ แสงตะวันลาขอบฟ้าดึงเงาร่างโดดเดี่ยวทอดยาวไปบนผืนพิภพ
จุดแวะพัก เมืองหม่าอาน
เมืองหม่าอานเป็ทางผ่านจากซีเชว่ไปเป่ยฉี ทิศตะวันตกเชื่อมกับซีเชว่ ทิศเหนือติดเป่ยฉี พ่อค้าที่ไปๆ มาๆ โดยมากก็จะมาแวะพักเติมเสบียงกันที่นี่
จวินหวงสั่งอาหารมาสองสามอย่าง ขณะเพิ่งเริ่มขยับตะเกียบก็ได้ยินเสียงพ่อค้าสองสามคนที่อยู่โต๊ะข้างๆ คุยกันเสียงดัง
"ชายแดนเป่ยฉีเปิดศึกกันอีกแล้ว เมื่อเช้าข้าผ่านไปทางนั้นพอดี เ้าทายซิว่าข้าเห็นอะไร?" พ่อค้าผู้หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยท่าทางดูลึกลับ
"การศึกาที่ชายแดนไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกสองสามวันก็รบกันสักที เ้าจำเป็ต้องแปลกใจขนาดนั้นเชียวหรือ?" พ่อค้าอีกคนหนึ่งหัวเราะเย้ยหยัน
"าเ่าั้ก็เป็แค่การต่อสู้สนามเล็กๆ แต่เ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งนี้ข้าเห็นอะไร?" พ่อค้ากล่าวด้วยความตื่นเต้น "กองทัพตระกูลหนาน ท่านอ๋องเทพาแห่งเป่ยฉีผู้นั้น"
มือที่คีบอาหารอยู่ของจวินหวงชะงักค้างไปชั่วขณะ หัวคิ้วค่อยๆ ผูกเข้าหากันทีละน้อย
หนานสวิน ได้รับบรรดาศักดิ์เป็หนานอ๋อง ได้ยินคำกล่าวขานกันมาว่าเขาอายุยังน้อย บัญชาการทหารสามกองทัพไม่เคยพ่ายา กรีธาทัพปราบศึกสี่ทะเลใหญ่ เหยียบย่างไปที่ใดเพียงได้ยินเสียงเสียงลมไพรีก็ครั่นคร้าม เขาคือเทพาแห่งเป่ยฉี
แต่เป็ไปได้อย่างไรที่วีรบุรุษผู้กล้าเช่นนี้ จะมาร่วมการศึกเล็กๆ ในแนวเขตชายแดน?
"เ้าอย่ามาคุยโว แม่ทัพใหญ่หนานสวินเป็ใคร จะมายังสถานที่เล็กๆ แบบนี้ได้อย่างไร"
"นี่เ้าคงไม่รู้ล่ะสิ" พ่อค้าคนแรกมีท่าทีกระหยิ่มใจ "เ้ารู้หรือไม่ว่าแคว้นซีเชว่ล่มสลาย เชื้อพระวงศ์ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต งานพิธีศพของจวินหงโม่ฮ่องเต้เมื่อครึ่งเดือนก่อนใครเป็ผู้จัด?"
พ่อค้าอีกคนหนึ่งเข้าใจความหมายในคำพูดของพ่อค้าผู้นี้ "เ้าจะบอกว่า พิธีศพนั่นหนานสวินเป็ผู้จัดหรือ?"
จวินหวงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ตะเกียบในมือตกลงพื้นดังแกร๊ก
"เ้าพูดว่าอะไรนะ?" นางยืนขึ้นทันที จ้องไปยังพ่อค้าที่เป็ผู้พูดเขม็ง "หนานสวินจัดพิธีศพให้ฮ่องเต้แห่งซีเชว่อย่างนั้นหรือ?"
พ่อค้าผู้นั้นไม่คิดว่าจวินหวงจะมีปฏิกิริยามากมายขนาดนั้น เขาอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวตอบ "ใช่น่ะสิ ได้ยินมาว่าพิธีศพนั้นจัดอย่างยิ่งใหญ่ ภายในอาณาจักรซีเชว่ ทุกหนแห่งล้วนแขวนผ้าสีขาวเป็เวลาครึ่งเดือนเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่องค์ฮ่องเต้ที่ต"
เขายังอดถอนใจออกมาไม่ได้ในตอนท้าย "ใครๆ ก็พูดว่าท่านอ๋องผู้นี้โหดร้ายเืเย็น ไม่คิดว่าหลังจากที่แคว้นซีเชว่ล่มสลาย กลับมีเพียงเขาผู้เดียวที่รีบเร่งมุ่งไปยังซีเชว่..."
จวินหวงเก็บคำพูดของพ่อค้าไว้ในหู แววตาซับซ้อนสายหนึ่งพาดผ่านไปยังก้นบึ้งของดวงตา
ใช่สิ ช่างน่าเศร้าและน่าขันอะไรเช่นนี้ ซีเชว่สถาปนาแคว้นมาเกือบร้อยปี เมื่อถึงคราเมืองล่มบ้านแตก นางนึกว่าเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของตนเองคงได้แต่หอบความแค้นลงสู่ยมโลกเสียแล้ว แต่ไม่คิดว่านอกจากนาง ยังมีคนจัดพิธีศพให้เสด็จพ่ออีก
"เมื่อครู่ที่เ้าบอกว่าเห็นกองทัพตระกูลหนาน คือเห็นที่ไหน?" จวินหวงสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง แล้วมองไปยังพ่อค้าที่บอกเล่าเื่ราว
หนานสวินปฏิบัติต่อซีเชว่เช่นนี้ ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์หรือเหตุผลแล้ว นางก็ควรกล่าวคำขอบคุณต่อหนานสวินด้วยตนเอง
ออกจากเมืองหม่าอานมุ่งสู่ทิศเหนือก็เป็อาณาเขตแคว้นเป่ยฉี จวินหวงเดินทางอย่างรีบเร่งมาตลอดทาง เบื้องหน้าไกลออกไป นางเห็นซากศพเกลื่อนกลาดอยู่ที่พื้น
จวินหวงรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด เร่งรุดวิ่งก้าวเข้าไป แล้วพลิกร่างหนึ่งกลับมาดู ฉับพลันสีหน้าที่แสดงออกของนางก็เปลี่ยนไป
ศพนั้นสวมชุดทหารเป่ยฉี ที่อกเสื้อมีอักษร ‘หนาน’ เขียนบ่งบอกให้รู้
เป็กองทัพตระกูลหนาน
จวินหวงพลิกศพอีกหลายศพ ไม่มีสักคนที่มิใช่คนของกองทัพตระกูลหนาน หรือว่าในาครั้งนี้กองทัพตระกูลหนานเป็ฝ่ายพ่ายแพ้? แล้วหนานสวินล่ะ?
จวินหวงฝืนกล้ำกลืนความวิตกกังวลเอาไว้ พยายามค้นหาในสนามรบอย่างถี่ถ้วน กลิ่นคาวโลหิตฉุนกึกลอยคละคลุ้งมากระทบจมูกมิได้หยุด ชวนให้นางคลื่นเหียนอาเจียนอยู่หลายครา
นางไม่เคยเจอกับหนานสวินมาก่อน แต่หนานสวินเป็ถึงขุนพลผู้บัญชาทัพตระกูลหนาน การแต่งกายย่อมจะแตกต่างจากพลทหารชั้นสามัญ นางร้อนใจประดุจไฟเผาออกค้นหาถ้วนทั่วทั้งสี่ทิศ และแล้วในที่สุด ณ มุมแห่งหนึ่งที่ออกค้นหา นางก็ได้พบกับบุรุษผู้สวมชุดเกราะขุนพลอยู่บนร่างกาย
นี่คือบุรุษหนุ่มรูปงามโดดเด่นผู้หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาทระนงเด็ดเดี่ยว คิ้วเรียวดุจกระบี่พาดเฉียงไปถึงจอนผม ทั่วสรรพางค์กายเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังแข็งแกร่งแห่งบุรุษผู้ห้าวหาญ ชุดเกราะหนาหนักอาบย้อมไปด้วยโลหิตแดงฉาน ทำให้เขาดูราวกับอสูรที่ปีนขึ้นมาจากนรก