"วันเดียวก็เข้าใจแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าซานกุ่ยมองจวินหวง ดวงตาเบิกโตเครากระดิก "ดี งั้นข้าจะทดสอบเ้า เส้นลมปราณวิสามัญ[1] ทั้งแปดแบ่งประเภทเป็อะไรบ้าง?"
"เส้นลมปราณ เยิ่น, ตู, ชง, ไต้, อินเซียว, หยางเซียว, อินเหวย, หยางเหวย"
"อื้อ ไม่เลวนี่ แล้วเส้นลมปราณมือหยินสามเส้นมีอะไรบ้าง" ผู้เฒ่าซานกุ่ยกล่าวชื่นชม
"เส้นลมปราณมือไท่หยินปอด, เจว๋หยินเยื่อหุ้มหัวใจ, ส้าวหยินหัวใจ" จวินหวงตอบ
"คุณลักษณะของอวัยวะตันทั้งห้าล่ะ?
"หัวใจเป็ธาตุไฟ ทำหน้าที่ควบคุมชีพจรและความรู้สึกนึกคิด ตับเป็ธาตุไม้ ควบคุมระบบการย่อยและระบบไหลเวียนโลหิต ปอดเป็ธาตุทอง ควบคุมลมปราณ ควบคุมการหายใจ ควบคุมการแผ่กระจายของลมปราณและกำจัดของเสียออก ม้ามเป็ธาตุดิน ควบคุมการย่อย การดูดซึมอาหาร และระบบไหลเวียนโลหิต ไตเป็ธาตุน้ำ เก็บสารจำเป็ ควบคุมน้ำ และควบคุมการปราณภายใน”
"เ้าอ่านรู้เื่จริงๆ ด้วย!" ผู้เฒ่าซานกุ่ยดีดตัวจากพื้นขึ้นมาทันที มองจวินหวงอย่างไม่อยากเชื่อ "ใช้เวลาแค่วันเดียว ไม่น่าเชื่อว่าเ้าจะเข้าใจจริงๆ"
จวินหวงตรองดูอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งก็พยักหน้า แล้วกล่าวอย่างตรงไปตรงมา "เป็เพราะตำราแพทย์ที่ท่านให้ข้ามาเขียนไว้ชัดเจนยิ่งนัก ความคิดเชิงตรรกะแจ่มชัดมาก อ่านแค่รอบเดียว ข้าก็จำได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว"
"พูดจาไร้สาระ ตำราแพทย์นั้นข้าเป็คนเขียนเองแหละ!" ผู้เฒ่าซานกุ่ยเดินวนรอบจวินหวงรอบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ แล้วอุทานออกมาอย่างรู้สึกทึ่ง "เ้าเป็ดั่งกล้าไม้ที่คู่ควรแก่การศึกษาวิชาแพทย์ น่าเสียดาย น่าเสียดาย..."
เขาพูดมาได้เพียงครึ่งเดียว ก็ตบศีรษะตัวเองทีหนึ่งอย่างฉับพลัน "ตายๆๆ เกือบลืมไป เร็วเข้า รีบไปต้มน้ำมาเร็ว!"
เขาพูดจบก็รีบย้ายถังไม้ใบใหญ่มาตั้งไว้กลางห้อง แล้วก็โยนสมุนไพรกองใหญ่ลงไปเป็ชุด
แม้ว่าจวินหวงจะรู้สึกสงสัย แต่กลับเชื่อฟังไปต้มน้ำมาสองสามถังแต่โดยดี
"เอาล่ะ ถอดเสื้อผ้าออก" ผู้เฒ่าผีซานกุ่ยทดสอบอุณหภูมิของน้ำ แล้วก็กล่าวขึ้นด้วยด้วยท่าทางมีความสุข รอชมความทุกข์ตรมของผู้อื่นอยู่ "สมุนไพรของวันนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและกระดูก เ้าลงไปแช่ตัวสองชั่วยาม[2] มีแต่ประโยชน์ต่อเ้าไม่มีโทษใดๆ"
"ถอดเสื้อผ้า?" จวินหวงมองผู้เฒ่าซานกุ่ยแวบหนึ่งอย่างคลางแคลงใจ
"หรือเ้าคิดจะลงไปอาบสมุนไพรทั้งที่สวมเสื้อผ้า?" ผู้เฒ่าซานกุ่ยโมโหจนขนคิ้วตั้ง
จวินหวงเห็นผู้เฒ่าซานกุ่ยไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยงสักนิด ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ชายหญิงนั้นแตกต่าง ท่านจะ..."
"เ้าถึงกับไล่ข้าออกไปเลยเชียวหรือ!" จวินหวงยังกล่าวไม่ทันจบ ผู้เฒ่าซานกุ่ยก็โกรธจนเนื้อเต้น "ได้ ข้าจะออกไป ข้าจะออกไป"
เขากระฟัดกระเฟียดร้องโวยวาย แล้วคว้าสมุนไพรกำใหญ่ โยนลงถังไม้ไปทั้งหมด
"ให้เ้าแช่นานสองชั่วยาม หากไม่ถึงสองชั่วยามก็ไม่อนุญาตให้ออกมา มิเช่นนั้นก็เลิกคิดว่าข้าจะถอนพิษให้เ้าได้เลย!" เขาชี้ไปที่ถังไม้กล่าวยื่นคำขาด แล้วกระแทกประตูออกไปด้วยความโมโห ปากก็ยังบ่นพึมพำไม่หยุด "ถึงกับให้ข้าออกไปเชียวหรือ ถึงกับกล้าไล่ข้าไป..."
จวินหวงมองตามเงาหลังของผู้เฒ่าซานกุ่ยไป แล้วถอนใจออกมาอย่างละเหี่ยใจ
นิสัยโดยธรรมชาติของผู้เฒ่าซานกุ่ยก็ไม่ได้เลวร้าย แต่เป็คนอารมณ์แปรปรวนง่าย...
จวินหวงส่ายหน้า ปิดประตูห้องลงเบาๆ มองไปที่น้ำสีดำข้นคลั่กในถังไม้แล้ว หัวคิ้วก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากันจนยับย่น
นางมิได้คลางแคลงใจกับคำพูดของผู้เฒ่าซานกุ่ยที่ว่า ยานี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อและกระดูก แต่พอนางคิดถึงท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องขณะที่ท่านผู้เฒ่าซานกุ่ยพูดคล้ายกับกำลังรอชมความทุกข์ของผู้อื่นอยู่ ก็รู้สึกว่าตนเองละเลยสิ่งใดไปหรือไม่
แต่ตอนนี้นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วมิใช่หรือ?
นางถอดเสื้อผ้าออก แล้วก้าวลงไปในถังยา
อุณหภูมิของน้ำกำลังพอเหมาะ ทันทีที่ร่างกายของนางโอบล้อมด้วยกระแสน้ำอุ่น นางรู้สึกได้ว่าเส้นลมปราณของตนเองค่อยๆ ขยายออกภายใต้ผลลัพธ์ของน้ำยาสมุนไพร
ทั่วสรรพางค์กายมีความอบอุ่นไหลวน ความอ่อนเปลี้ยทั่วเรือนร่างราวกับถูกชำระล้างจนหมดสิ้น นางรู้สึกผ่อนคลายจนอดร้องครางออกมาไม่ได้
แต่ในวินาทีถัดมา จู่ๆ ในเส้นลมปราณก็เกิดปวดแปลบแสบร้อนขึ้นมาระลอกหนึ่ง ราวกับถูกมดนับหมื่นกร่อนกระดูก ชั่วพริบตาความเ็ปที่เสียดแทงถึงหัวใจก็ครอบคลุมไปทั่วร่างกาย นางอดทนกัดฟันแน่น เม็ดเหงื่อเย็นผุดพรายออกทีละหยดๆ
เจ็บ… เจ็บจนแม้กระทั่งจะหายใจยังลำบาก ในที่สุดจวินหวงก็รู้ซึ้งถึงความทุกข์ทรมานแสนหรรษาที่อยู่ในคำพูดของผู้เฒ่าซานกุ่ยว่าแท้จริงแล้วหมายถึงอะไร
นางหลับตาลง กำมือแน่นจนเล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อจนหลั่งโลหิตออกมาเป็สาย
แต่เมื่อเทียบกับความเคียดแค้นชิงชังที่เมืองล่มบ้านแตกแล้ว ความเ็ปนี้จะนับว่าเป็อะไรได้?
นอกกระท่อม ผู้เฒ่าซานกุ่ยยุ่งอยู่กับงานในมือมิได้หยุด แต่ยังคงปรายหางตาสังเกตความเคลื่อนไหวภายในห้องอยู่ตลอด
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ในบ้านไม่มีความผิดปกติ หนึ่งชั่วยามผ่านไป เขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงโอดครวญเ็ป หนึ่งชั่วยามครึ่งผ่านไป ในบ้านยังคงเงียบเชียบ
"ตุบ!" จู่ๆ เขาก็โยนสมุนไพรในมือลงพื้น แล้วมองไปทางจวินหวงอย่างเดือดดาล
ยาที่เขาเพิ่มให้มีประสิทธิภาพรุนแรงมาก แช่แล้วจะเ็ปมากแค่ไหนเขาย่อมกระจ่างใจที่สุด แต่แม่ตุ๊กตานั่นกลับทนได้ นางทนได้ขนาดนี้เชียวหรือ!
สองชั่วยามผ่านไปแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไรสักนิด ในที่สุดเขาก็นั่งต่อไปไม่ไหว ยกเท้าเตะประตูห้องให้เปิดออกดัง "ปัง"
นอนหลับ!
ในเมื่อแม่ตุ๊กตาหน้าตายทนทายาดขนาดนี้ พรุ่งนี้เขาจะต้องเพิ่มปริมาณยาให้อีกแน่นอน ให้มันรู้ไปว่าถึงเวลานั้นนางจะยังไม่ร้องขอให้ละเว้น!
...
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปในพริบตา ครึ่งเดือนแรก ทุกๆ วันตอนเช้าตรู่ผู้เฒ่าซานกุ่ยจะทิ้งตำราแพทย์หรือไม่ก็คัมภีร์พิษให้จวินหวงอ่านสองสามเล่ม แล้วก็ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรเพียงลำพัง ตกเย็นก็กลับมาทำยาสมุนไพรสำหรับอาบให้จวินหวง
ครึ่งเดือนหลัง จวินหวงอ่านตำราแพทย์และคัมภีร์พิษที่ผู้เฒ่าซานกุ่ยมอบให้จบทั้งหมดแล้ว ่กลางวันนางก็ตามผู้เฒ่าซานกุ่ยขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรด้วยกัน ตอนเย็นก็กลับมาอาบน้ำยาสมุนไพรเ็ปเข้ากระดูกเหมือนเช่นเคย
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน
และแล้วก็มาถึงวันจากลาที่ตกลงกันไว้ ผู้เฒ่าซานกุ่ยจัดยาสมุนไพรสำหรับรักษาอาการาเ็อัดมาเต็มห่อใหญ่ให้กับจวินหวง ปากก็พูดจู้จี้ไม่หยุด "อันนี้เป็ยาใส่แผล อันนี้เป็ยาสลบ อันนี้เป็ยาถ่าย ถ้าใครล่วงเกินเ้า เ้าก็วางยาถ่ายใส่เขานิดหน่อย รับรองว่าได้ถ่ายท้องแบบไม่ต้องผุดต้องเกิดกันเลย อันนี้ก็..."
จวินหวงรับห่อสัมภาระมา เมื่อมองเห็นความใส่ใจและห่วงใยที่ซ่อนไว้ไม่มิดในก้นบึ้งดวงตาของผู้เฒ่าซานกุ่ย หัวใจก็ปวดแปลบขึ้นมากะทันหัน
แม้ว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยจะดูเป็คนเรื่อยเปื่อย ในยามปกติก็ชอบแสดงอากัปกิริยาร้ายกาจกับนาง แต่ในใจของนางย่อมรู้ดีว่า หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ผู้เฒ่าซานกุ่ยสอนนางทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีปิดบังซ่อนเร้นสักนิด แม้กระทั่งยาอาบที่ทรมานนางจนเ็ปถึงหัวใจอยู่ทุกวี่ทุกวัน ก็ล้วนเพื่อให้นางดีขึ้น
เดิมทีนางนึกว่าหลังจากเมืองล่มบ้านแตกไปแล้ว นางก็เหลือเพียงตัวคนเดียว นางโชคดีแค่ไหนที่ได้รับความรักความจริงใจจากผู้เฒ่าซานกุ่ย
"สายตาเ้ามองข้าแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?" ผู้เฒ่าซานกุ่ยบังเอิญเห็นสายตาของจวินหวงก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที แต่ยิ่งกล่าวกลบเกลื่อนก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจน "ข้าจะเตือนเ้าไว้ ที่ข้าให้ยาพวกนี้แก่เ้าเพราะกลัวว่าถ้าเ้าตายแล้ว จะไม่มีใครมาเป็หนูลองยาให้ข้า เ้าอย่าได้คิดเป็อื่นทีเดียว!"
จวินหวงรู้ว่าผู้เฒ่าซานกุ่ยปากแข็งใจอ่อน นางจึงมิได้ใส่ใจ แล้วกล่าวด้วยความจริงใจ "ขอบคุณเ้าค่ะ!"
"มาขอบคุณอะไรกัน จะไปก็รีบๆ ไป!" ผู้เฒ่าซานกุ่ยข่มความรู้สึกอาลัยไว้ในดวงตา เอาแต่ผลักจวินหวงออกไปนอกประตู
จวินหวงมองกระท่อมที่อยู่มาตลอดหนึ่งเดือนหลังนี้ กระท่อมมุงหญ้าโกโรโกโส เทียบไม่ได้เลยกับวังหลวง แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็ที่กำบังคลื่นลมเพียงหนึ่งเดียวของนางในยามที่ขื่นขมและทุกข์ตรมที่สุด
......................................................................................................
[1] เส้นลมปราณวิสามัญ หมายถึงเส้นลมปราณที่ไม่ได้กำเนิดจากอวัยวะภายใน และขึ้นกับอวัยวะภายใน แต่มีจุดกำเนิดมาจากอวัยวะแต่ละส่วน มีแนววิถีการไหลเวียนและหน้าที่ต่างกัน
[2] หนึ่งชั่วยาม เท่ากับระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง