หลังจากชุนหงกลับไป กู้เจิงก็นอนพัก
ท่ามกลางสติที่เลือนราง กู้เจิงเห็นตัวนางเองในความฝัน กู้เจิงในความฝันคนนั้นกำลังจัดงานแต่งงานให้ชุนหง คนที่แต่งงานกับชุนหงเป็นายพรานหนุ่มที่ซื่อตรงและใจดี ซึ่งนางลำบากหามาหนึ่งเดือนเต็มเพื่อให้ชุนหง
วันออกเรือน ชุนหงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด กู้เจิงเองก็เสียใจมาก
จ้าวหยวนเช่อยืนอยู่ด้านนอกอย่างเยือกเย็น เขามองดูท่าทางอาลัยอาวรณ์ของสองนายบ่าว เขาอยากจะเข้าไปปลอบใจหญิงสาวที่ร่ำไห้ใจแทบขาด แต่ถ้าถูกบ่าวคนอื่นเห็นเข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะสม
“แค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้นเอง จะร้องไห้ไปทำไม? ถูกคนรู้เข้าจวนตวนอ๋องจะเสื่อมเสียเกียรติได้” กู้อิ๋งเดินไปข้างกายตวนอ๋องภายใต้การห้อมล้อมของสาวใช้
กู้เจิงกำลังจะส่งชุนหงออกเรือน แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากห้อง นางก็ถูกชิวจื้อสาวใช้คนสนิทของกู้อิ๋งขวางไว้
“ข้าจะไปส่งชุนหง ส่งแค่หน้าประตูเท่านั้น” กู้เจิงพูดกับกู้อิ๋ง
ชิวจื้อแจ้งกู้เจิง “อนุกู้ ชุนหงเป็แค่บ่าวคนหนึ่ง เวลาออกเรือนต้องออกไปทางประตูหลังเท่านั้น แม้ว่าท่านจะเป็อนุของตวนอ๋อง แต่ก็ยังมีฐานะเป็พี่สาวของพระชายาด้วย ท่านอย่าทำผิดกฎจะดีกว่าเ้าค่ะ”
“ชุนหงเติบโตมากับข้าั้แ่เด็ก ไม่ได้เป็เพียงแค่สาวใช้ของข้า ในใจข้ามองว่านางเป็เหมือนน้องสาว นี่นางจะออกเรือน ข้าจะต้องส่งนางออกประตูไปให้ได้” กู้เจิงยืนกราน
“กฎก็คือกฎ จะมาทำลายกฎเพราะเหตุผลของเ้าได้ยังไงกัน?” กู้อิ๋งไม่ยอม “อีกอย่าง นางเป็แค่สาวใช้ เ้าบอกว่าเห็นนางเป็น้องสาว แล้วเ้าเคยคิดถึงหน้าข้าบ้างไหม?” กู้อิ๋งหันไปสั่งแม่เฒ่าซุนและสาวใช้คนอื่น “มัวแต่ยืนอึ้งอยู่ทำไม ลากนางกลับเรือน”
“พวกเ้าอย่าทำให้คุณหนูลำบากใจเลย” ชุนหงเห็นแม่เฒ่าซุนกำลังจะลากคุณหนูไป นางจึงรีบกางแขนออกปกป้องกู้เจิง “คุณหนูดีกับบ่าวจนชาตินี้ทั้งชาติบ่าวมิอาจตอบแทนได้หมด บ่าวแค่หวังเพียงว่าจะได้ปรนนิบัติข้างกายคุณหนูไปชั่วชีวิต” ชุนหงพูดพลางคุกเข่าลงตรงหน้ากู้เจิงแล้วคำนับโขกศีรษะกับพื้นสามครั้ง “คุณหนูส่งบ่าวถึงแค่ที่นี่เถอะเ้าค่ะ”
กู้เจิงสะอึกสะอื้นจับมือชุนหงขึ้นมา “ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องส่งเ้าออกเรือนไป” ว่าแล้วนางก็หันมองจ้าวหยวนเช่ออย่างวิงวอน “ท่านอ๋อง?”
สีหน้าของกู้อิ๋งบึ้งตึง
สองมือที่ไพล่หลังอยู่ของจ้าวหยวนเช่อกำแน่นขึ้นเล็กน้อย เขามองดูกู้เจิงที่ร้องไห้อย่างปวดใจยิ่ง แต่เขาจำต้องทำใจแข็งกล่าวออกไปว่า “ในเมื่อพระชายาพูดเช่นนี้แล้ว เ้าก็ทำตามที่พระชายาบอกเถิด แค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น หรือว่าต่อไปสาวใช้ทุกคนของเ้าเมื่อออกเรือน เ้าก็ต้องมาส่งให้ได้หรือ?”
“คุณหนูไม่ต้องไปส่งบ่าวหรอกเ้าค่ะ” ชุนหงกังวล นางไม่อยากให้คุณหนูได้รับความไม่เป็ธรรมเพราะนาง “บ่าวไปแล้ว คุณหนูต้องดูแลตัวเองด้วยนะเ้าคะ” นางเอ่ย ก่อนจะรีบเดินไปทางประตูเล็ก
กู้เจิงมองแผ่นหลังของชุนหงที่ค่อยๆ หายลับไป ปีนี้ชุนหงอายุแค่สิบสี่ปี หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์บีบบังคับ นางคงอยากให้ชุนหงอยู่กับนางจนถึงอายุสิบแปดแล้วค่อยแต่งงานออกเรือนไป
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเ้าคิดอะไรอยู่?” กู้อิ๋งมองกู้เจิงแล้วพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ต่อให้ชุนหงดูแลเ้ามาหลายปี อย่างมากก็ให้เงินนางเยอะหน่อย นี่สิถึงจะมีประโยชน์จริง ท่าทางของเ้าในตอนนี้ คงทำให้พวกบ่าวมันเห็นขันกัน” พูดจบนางก็สะบัดมือเดินจากไป
จ้าวหยวนเช่อเดินมาหากู้เจิง เขากอดนางเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “สิ่งที่พระชายาพูดนั้นมิได้ไร้เหตุผล เจิงเอ๋อร์ สิ่งที่ควรฟังเ้าก็ต้องฟังไว้หน่อย เ้าไม่อาจกระทำตามใจชอบเพราะความโปรดปรานของเปิ่นหวังได้เสมอไป เข้าใจหรือไม่?”
“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
กู้เจิงมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสับสน พอได้ยินตนเองเอ่ยคำว่า ‘หม่อมฉันทราบแล้ว’ นางก็พลันรู้สึกว่าเืลมทั่วทั้งร่างปั่นป่วน ความหดหู่ใจนั่นทำให้นางหายใจไม่ออก
“ข้าไม่้ารู้ ข้าไม่อยากรู้” กู้เจิงะโเสียงดัง นางสะดุ้งลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเสิ่นเยี่ยนถือชามยาผลักประตูเข้ามาพอดี
“เ้าฝันร้ายอีกแล้วหรือ?” เมื่อครู่เขาออกไปเอายาที่ต้มเสร็จแล้ว พอเดินไปถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงร้องของกู้เจิงจึงรีบเข้ามา
กู้เจิงมองเขาอย่างสับสน ชั่วขณะนั้นนางยังงุนงงอยู่บ้าง วินาทีถัดมาน้ำตาก็ไหลริน
“อาเจิง?” เสิ่นเยี่ยนใ เขารีบวางชามยาลงและรีบกอดนางไว้ “เ้าเป็อะไร?”
“ไม่รู้สิเ้าคะ ข้าก็แค่อยากร้องไห้” กู้เจิงเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็อะไร แต่ในใจของนางรู้สึกปวดร้าวเหลือเกิน
“ไม่เป็ไรแล้ว ไม่เป็ไรแล้ว” เสิ่นเยี่ยนตบหลังนางเบาๆ “เ้าเหงื่อออกเยอะมาก เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว ถ้าเป็แบบนี้ต่อไปจะจับไข้ เดี๋ยวข้าไปเอาเสื้อผ้าสะอาดมาให้เ้าเปลี่ยน”
กู้เจิงพยักหน้า ใบหน้าของนางก็มีน้ำตาเปรอะเปื้อน นางรีบเช็ดออก
เสิ่นเยี่ยนหยิบชุดใหม่เข้ามา ก็เห็นภรรยากำลังเหม่อลอย “อาเจิง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“เปล่าเ้าค่ะ” กู้เจิงพลิกตัวลุกขึ้น นางรับชุดจากเสิ่นเยี่ยนมา อีกฝ่ายมองนางด้วยความกังวลอยู่ตลอด “หั ข้าไม่เป็ไรแล้วเ้าค่ะ ตอนนี้หัวไม่ปวดแล้ว ข้าแค่ฝันร้ายอีกแล้วน่ะเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนจำได้ว่าตอนภรรยาปวดหัวครั้งก่อน นางก็ฝันร้ายเช่นกัน “ฝันเื่บนูเาคราวก่อนหรือ?”
กู้เจิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่น่าจะใช่เ้าค่ะ ข้านึกไม่ออกแล้ว” นางเข้าไปหลังฉากกั้นและเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสิ่นเยี่ยนจำได้ว่าทุกครั้งที่อาการปวดหัวของภรรยากำเริบนางจะต้องฝันร้าย แต่น่าแปลกที่ตื่นขึ้นมาแล้วกลับจำอะไรไม่ได้เลย
กู้เจิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ออกมาดื่มยา ยานี้น่าจะมีสรรพคุณในการช่วยให้นอนหลับสบาย เพราะเพียงไม่นานก็ทำให้นางหลับสนิท
เสิ่นเยี่ยนมองใบหน้างดงามทว่าขาวซีดของภรรยา เขานึกถึงคืนนั้นที่ทำให้ภรรยาได้รับอันตรายเเพราะความประมาทของตนเอง เมื่อคิดได้เช่นนี้ดวงตาดำขลับที่เดิมทีเ็าอยู่แล้วก็เยือกเย็นขึ้นอีกทวีคูณ
คืนนี้กู้เจิงนอนหลับสนิทจนถึงเช้า นางตื่นมาพร้อมความรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นกว่าเมื่อวาน
“ข้าไม่เป็ไรแล้วจริงๆ เ้าค่ะ” กู้เจิงบอกเสิ่นเยี่ยนที่ไม่ยอมไปทำงานเพราะเป็ห่วงนาง“ท่านไปเข้าวังเถอะ ไม่ต้องอยู่บ้านเป็เพื่อนข้าหรอกเ้าค่ะ”
“ไม่ปวดหัวไม่หนักหัวแล้วใช่ไหม?” เสิ่นเยี่ยนถามย้ำให้แน่ใจ
“ปกติเ้าค่ะ” กู้เจิงหัวเราะขัน
“ต้องกินยาให้ตรงเวลานะ เข้าใจไหม?”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงรับคำ
หลังจากมาส่งเสิ่นเยี่ยนที่หน้าประตูและมองดูเขาขึ้นเกี้ยวไปทำงานแล้ว กู้เจิงก็ไม่มีอะไรให้ต้องทำอีก นางเห็นซู่หลันกำลังฝึกมารยาทสาวใช้ทั้งห้าคนที่มาใหม่จึงมองดูอย่างสนใจ
กู้เจิงกำลังคิดว่าจะยกเก้าอี้สักตัวมานั่งดูพวกบ่าวรับใช้ที่มาใหม่ ก็ดันมีเสียงของรถม้าดังแว่วมาจากทางหน้าจวน นางหันมองออกไปก็เห็นรถม้าของจวนตวนอ๋องมาจอดอยู่ที่หน้าประตู ชิวจื้อสาวใช้คนสนิทกู้อิ๋งลงจากรถม้ามาย่อกายให้นาง “คุณหนูใหญ่”
“ชิวจื้อ?” กู้เจิงประหลาดใจ ม่านของรถม้าถูกเปิดออก แม่เฒ่าซุนประคองกู้อิ๋งเดินลงมา
กู้เจิงรีบเข้าไปทักทาย “คารวะพระชายาตวน”
“ข้าบอกพี่ใหญ่แล้วมิใช่หรือ ไม่จำเป็ต้องมากพิธีปานนี้” กู้อิ๋งพยุงนางขึ้นมา
กู้เจิงเห็นสีหน้าของนางไม่ค่อยดีนัก จึงดึงมือของนางมาแล้วถามอย่างเป็ห่วง “เป็อะไรหรือเปล่า?”
“คุณหนูใหญ่ เช้านี้พระสนมซูได้พระราชทานนางกำนัลคนหนึ่งเข้าจวนเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนถอนหายใจ
กู้เจิงชะงัก “เหตุใดจู่ๆ พระสนมซูถึงมอบนางกำนัลมาให้เล่า? เข้าไปข้างในก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
ภายในห้องโถง
หลังจากเหอเซียงรินชาให้ทุกคนแล้ว ก็ออกไปเตรียมผลไม้ต่อ
ต่อหน้าคนที่นางไว้ใจ กู้อิ๋งก็ไม่ได้ปิดบังอะไร นางมีสีหน้าเป็ทุกข์แววตาเจือด้วยความคับแค้นใจ “เพราะร่างกายข้าได้รับาเ็ ่นี้เลยไม่อาจปรนนิบัติท่านอ๋องได้ แต่เสด็จแม่ก็ไม่คิดสักหน่อย ว่าเหตุใดข้าถึงได้าเ็”
“ต้องโทษท่านอ๋องด้วยเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนเสริม “บ่าวไปสอบถามคนในวัง เขาบอกกันว่าท่านอ๋องได้เหลือบมองนางกำนัลผู้นั้นไปแวบหนึ่ง แต่ดันถูกพระสนมซูเห็นเข้าพอดี พระสนมจึงคิดว่าท่านอ๋องสนใจจึงประทานมาให้เ้าค่ะ”
เื่นี้กู้เจิงก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจกู้อิ๋งอย่างไร นางจึงเปลี่ยนเื่คุย“น้องสาม ร่างกายของเ้าดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
“ก็ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังอ่อนเพลียอยู่มากเ้าค่ะ” กู้อิ๋งพูดอย่างเศร้าสร้อย การแท้งบุตรของนางทำให้นางตั้งครรภ์ยาก หมอหลวงที่ช่วยปิดบังเื่นี้ก็กำชับไว้เด็ดขาดว่า ภายในสามเดือนห้ามร่วมรักกับสามี และให้กินยาให้ดีเพราะจะมีโอกาสกลับมาตั้งครรภ์ได้ นางไหนเลยจะกล้าไม่ฟัง