บ้านที่หูหย่งไฉหาให้นั้นห่างจากบ้านของเขาไม่ไกลนัก
เพียงแต่บ้านหูหย่งไฉเป็อาคารของหน่วยงาน แต่บ้านหลังนี้คือบ้านชั้นเดียว
“บ้านของย่าอวี๋เหลือเธอคนเดียวแล้วลูกหลานในบ้านหนีไปต่างประเทศเมื่อไม่กี่ปีก่อน สามีเธอไม่รอดจากความยากลำบาก [1]มานานหลายปี บ้านของเธอมีขนาดไม่เล็กนักแต่คนแก่แกอารมณ์ร้อนทีเดียว ถ้าเธอรู้สึกว่าไม่สะดวก ฉันจะค่อยหาที่อื่นให้”
นายหญิงอวี๋ไม่เพียงแต่อารมณ์ร้อนทั้งยังมีความอดทนสูง สามีของเธอทนต่อการวิพากษ์ [2] ไม่ไหว แต่เธอผ่านมันมาได้แล้ว
เดิมนายหญิงอวี๋มีมรดกอยู่มากมาย ต่อมากลับเหลือเพียงบ้านหลังนี้เท่านั้นสำหรับย่าอวี๋แล้วบ้านหลังนี้เป็สมบัติล้ำค่าของเธอ เธอยังคาดหวังว่าบรรดาลูกหลานที่ระหกระเหินอยู่ข้างนอกจะสามารถหวนคืนสู่บ้านได้ดังนั้นเธอย่อมต้องเฝ้าคอยอยู่บ้านหลังน้อยหลังนี้เสมอมา ตอนนี้ครอบครัวไหนๆล้วนลำบาก แม้การงานของหูหย่งไฉพอจะได้ผลประโยชน์อยู่บ้าง แต่บ้านของหูหย่งไฉก็เป็เพียงบ้านสองห้องนอนขนาดเล็กเท่านั้นสมาชิกในครอบครัวเบียดเสียดกันในบ้านขนาดไม่ถึง 60 ตารางเมตร เวลานี้ถือว่าเป็ที่อยู่อาศัยที่ดีมากแล้ว
บ้านหลังนี้ของย่าอวี๋ใหญ่ขนาดเท่าไรกัน?
ห้องทั้งหมดมีจำนวนห้าห้องเต็มๆ รวมกับสวนขนาดย่อมบ้านหลังนี้มีพื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตร
หญิงชราผู้โดดเดี่ยวคนหนึ่งอาศัยใน ‘คฤหาสน์’ 300 ตารางเมตร สำหรับเพื่อนบ้านระแวงใกล้เคียงที่บ้านไม่พออาศัยแล้วนั้นช่างทำให้เกิดความอิจฉามากมายเพียงใดกัน? คน้าบ้านหลังนี้ไม่ใช่น้อยๆ ทว่าราวกับมีคนใหญ่คนโตสักคนกำลังดูแลย่าอวี๋อยู่ในมุมมืดถ้าไม่ได้รับการอนุญาตของย่าอวี๋ ใครก็ไม่สามารถแย่งชิงบ้านหลังนี้ไปได้
สุขภาพของย่าอวี๋ถือว่าไม่ย่ำแย่ มีงานกวาดถนนเลี้ยงชีพและประคองชีวิตประจำวันให้ผ่านไปได้
ทว่าหญิงชราอาศัยในบ้านโล่งด้วยตัวคนเดียวก็รู้สึกหงอยเหงาอยู่ไม่น้อยเป็เพราะความล้มเหลวในการวางแผน่ชิงบ้าน เพื่อนบ้านโดยรอบล้วนกีดกันเธอ แต่บ้านของหูหย่งไฉยังพอฝืนอาศัยอยู่ได้และหูหย่งไฉ้ารักษาหน้าตาของตน ดังนั้นบ้านหูและย่าอวี๋จึงไร้ซึ่งความขัดแย้งต่อกันภรรยาของหูหย่งไฉรับเสื้อไหมพรมที่เซี่ยเสี่ยวหลานให้แล้วก็ใจกล้าวิ่งไปถามย่าอวี๋ว่าสามารถให้เช่าบ้านได้หรือไม่
ย่าอวี๋ใช้ดวงตาเรียวชี้คู่นั้นของเธอมองภรรยาหูหย่งไฉอยู่นาน จนอีกฝ่ายเกิดความหวาดกลัวแทบอยากบอกว่าไม่เช่าแล้ว แต่ย่าอวี๋กลับยอมตอบรับ
“เด็กสาวชนบทหรือ? พาคนมาดูก่อนค่อยว่ากัน!”
ดังนั้นวันนี้หูหย่งไฉจึงพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาดูบ้านไม่ใช่แค่ดูว่าเซี่ยเสี่ยวหลานพึงพอใจหรือไม่ ย่าอวี๋เ้าของบ้านยังมีเกณฑ์การพิจารณาของตนด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานพอใจในตัวบ้านมาก
เธอคิดจะทำธุรกิจ ที่จริงแล้วการเช่าบ้านแบบอาคารไม่ค่อยสะดวกนักห้องของบ้านหลังนี้ล้วนเป็ระเบียบ ทั้งยังมีสวนที่ร่มรื่น ดูกันแค่ประตูนั่นอย่าว่าแต่จักรยานเลย ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานหารถสามล้อมาขนสินค้าก็สามารถขี่เข้าไปได้กำแพงสูงมากเป็พิเศษ ประตูแข็งแรงทนทาน ด้านซ้ายขวาก็เป็บ้านชั้นเดียวเหมือนกันแต่ไม่โอ่อ่าเท่าบ้านตระกูลอวี๋ กำแพงสูงสามารถปกป้องความเป็ส่วนตัวได้ระดับหนึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ย่อมความรู้สึกปลอดภัย เธอถูกใจบ้านหลังนี้ั้แ่แวบแรกที่เห็นพยักหน้าตกลงกับหูหย่งไฉเบาๆ
นายหญิงอวี๋เองก็สำรวจเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเปิดเผยั้แ่เข้าบ้านมา
สำหรับสตรีสูงอายุคนอื่น เซี่ยเสี่ยวหลานดูเ้าชู้ไม่อยู่กับเหย้ากับเรือนเกรงว่าความประทับใจแรกจะไม่ค่อยดีนัก แต่ย่าอวี๋เป็หญิงชราตัวคนเดียวในบ้านไม่ต้องพูดถึงผู้ชาย แม้แต่สุนัขตัวผู้ยังไม่มีด้วยซ้ำ ย่าอวี๋จึงไม่กังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะยั่วยวนใครเมื่อไร้ซึ่งความระแวงประเภทนี้ หลังจากเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวย ย่าอวี๋ก็รู้สึกเจริญตาเจริญใจขึ้นอีกด้วย
เมื่อครั้งในอดีต ตระกูลอวี๋เป็ตระกูลมั่งคั่งประจำซางตูย่าอวี๋ก็เคยมีชีวิตแสนสุข ในบ้านมีทั้งอนุภรรยาของบิดาและหญิงรับใช้ แต่ไม่เคยพบเจอคนที่งดงามเท่าเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆหน้าตาสะสวยแล้วมีประโยชน์อะไรกัน ถ้าตัวเองไร้ซึ่งความสามารถ รูปลักษณ์อาจกลับกลายมาเป็ภาระได้
“คุณป้าครับ เื่นี้บังเอิญจริงๆ น้องสาวผมคนนี้ถูกใจบ้านของคุณเสียแล้วหากคุณป้ายินดีให้เช่าเื่ราคา คุณป้าวางตัวเลขแล้วพวกเราหารือกันสักหน่อยดีหรือไม่ครับ?”
หูหย่งไฉเป็คนกลาง คำพูดนี้จึงต้องให้เขาเป็คนเอ่ยปาก
ย่าอวี๋เลิกคิ้วขึ้น “หูหย่งไฉเด็กคนนี้คงไม่ใช่ญาติของคุณสินะ คุณอย่ามาโกหกต่อหน้าคนแก่อย่างฉันเธอมีที่มาที่ไปอย่างไร ให้เธอพูดเอง!”
ญาติอะไรกัน ต้องไปรับผลประโยชน์จากคนเขามาแน่นอนสองสามีภรรยาถึงได้ยินยอมพร้อมใจช่วยเหลือคอยเป็ธุระให้
หูหย่งไฉยิ้มแย้มด้วยความกระอักกระอ่วน แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นย่าอวี๋มิใช่คนที่จะหลอกลวงโดยง่าย เธอจึงเล่าที่มาของตนเองอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งจดหมายแนะนำเธอยังไม่ทิ้งไป เธอเป็คนจากหมู่บ้านชีจิ่งเขตอันชิ่ง และเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายใดๆ
“ฉันแค่อยากหาสถานที่พักพิงสักแห่งในเมืองซางตูบ้านหลังนี้ของคุณย่าสะดวกให้ฉันเก็บสินค้าเล็กน้อย พอดีฉันอยากเช่าสองห้องบางครั้งอาจขอใช้สวนของคุณสักหน่อยน่ะค่ะ”
บ้านอวี๋มีห้าห้อง ห้องตรงกลางคือห้องโถงใหญ่ ทั้งสองด้านเป็ห้องสำหรับคนอาศัยนอกจากห้าห้องนี้ ยังมีครัวขนาดครึ่งห้องเตี้ยๆ ซึ่งใช้อิฐแดงก่อขึ้นมาวนรอบบ้านก็เจอกับห้องสุขาหนึ่งห้อง ปูด้วยกระเบื้องสีขาว เป็ส้วมนั่งยองแบบส้วมซึมรุ่นเก่าเพราะสิ่งนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงอยากเช่าบ้านหลังนี้ไว้เธอกลายเป็สาวชนบทผู้ใช้ชีวิตในยุค 80 สิ่งใดล้วนทนได้ทั้งนั้นแต่ที่ทนไม่ได้คือสุขาแบบหลุมที่มีแมลงวันบินว่อนของชนบท
ตอกเสาไม้ไม่กี่ต้นตามสะดวกซื้อเสื่อน้ำมันหรือเสื่อฟางล้อมไว้โดยรอบเป็สุขา บนส้วมหลุมที่วางเท้าก็คือไม้เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าทุกครั้งที่จัดการข้อเรียกร้องในการเวียนว่ายตายเกิดของพืชพันธ์ธัญญาหาร [3] ล้วนคือการทำา เธอไม่สามารถอดกลั้นต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย และความกังวลที่ว่าตนเองจะร่วงตกลงไปในหลุม!
ทว่าเธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
เธอสับเปลี่ยนิญญาอย่างกะทันหัน หากพูดออกไป ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ คนก่อนยังทนได้ ทำไมเธอคิดว่าจะรับไม่ไหวกัน?
เธอพึงพอใจบ้านของย่าอวี๋จริงๆ ย่าอวี๋จ้องเธออยู่นานสองนาน
“เธอ้าสองห้องก็ย่อมได้ แต่บอกไว้ก่อนนะ หนึ่งเดือนเธอต้องจ่ายค่าเช่าให้ฉัน 20 หยวน สวนกับครัวเธอใช้งานได้ตามสบาย อาหารการกินของเธอรับผิดชอบเอง และต้องวางมัดจำก่อนครึ่งปีเต็มที่สำคัญที่สุด เธอพาผู้ชายเข้ามาอยู่ด้วยกันไม่ได้!”
แพงเกินไปแล้ว!
สองห้องต่อหนึ่งเดือนต้องจ่าย 20 หยวนทั้งยังต้องวางมัดจำก่อนครึ่งปีเต็ม?
หูหย่งไฉอยากพาเซี่ยเสี่ยวหลานหันหลังกลับทันทีอย่างไรเสียเซี่ยเสี่ยวหลานก็อยู่คนเดียว หนึ่งเดือนจ่าย 10 หยวน ยังสามารถเลือกห้องเดี่ยวของบ้านอาคารที่เหมาะสมได้
เซี่ยเสี่ยวหลานคำนวณเร็วกว่าหูหย่งไฉ เงินค่าเช่าต่อเดือน 20 หยวนนั้นแพงหรือ?
สำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานเมื่อครั้งที่กลับมาเกิดใหม่ถือว่าเยอะมากเหลือเกินแต่สำหรับเธอในตอนนี้ ก็เป็แค่กำไรของเสื้อผ้าตัวหนึ่งเท่านั้นต่อให้ไม่ขายเสื้อผ้า หลิวเฟินขายกากน้ำมันหนึ่งวันก็มีรายได้เช่นนี้
เธอชื่นชอบบ้านหลังนี้จริงๆ และก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ไหว
“ฉันไม่พาผู้ชายมา แต่ฉันอาจจะพาแม่ฉันมาอยู่ด้วยกัน คุณย่าว่าได้หรือไม่?”
หูหย่งไฉคิดว่าไม่คุ้มค่า ทว่าช่วยไม่ได้เพราะเ้าของบ้านและผู้เช่าต่างมีความพึงพอใจร่วมกันหูหย่งไฉรับหน้าที่เป็พยาน เซี่ยเสี่ยวหลานและย่าอวี๋ลงลายมือในสัญญา จ่ายเงินมัดจำจำนวน 120 หยวน ในทีสุดเธอก็ได้สถานที่พักพิงในซางตูแล้ว
ย่าอวี๋รับเงินไป จากนั้นมอบกุญแจห้องให้เซี่ยเสี่ยวหลานทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานเช่าสองห้องด้านขวา เมื่อเปิดประตูห้อง มีเพียงห้องเดียวที่มีโครงเตียงนอนอีกห้องหนึ่งกลับว่างเปล่า โชคดีว่าในห้องสะอาดเป็อย่างมาก ไร้ฝุ่นและหยากไย่บนผนังแปะกระดาษหนังสือพิมพ์ไว้ ถ้าความ้าไม่สูงมากนักเซี่ยเสี่ยวหลานจำเป็ต้องซื้อแค่เครื่องนอนก็สามารถย้ายเข้ามาได้เลย
“คุณย่าอวี๋ อีกหน่อยพวกเราต้องดูแลซึ่งกันและกันมากๆ นะคะ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานอารมณ์เบิกบานเหลือเกิน คุณย่าอวี๋พ่นลมจากจมูกหนักๆส่งเสียงฮึ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้รีบร้อนกลับไป สาเหตุที่เธอไม่หาที่พักในเขตอันชิ่งก็เพราะพบว่าเซี่ยฉางเจิงจางชุ่ย และเซี่ยจื่ออวี่รวมไปถึงคนอื่นอาศัยอยู่ในตัวเมือง เซี่ยเสี่ยวหลานไม่้าไปมาหาสู่กับคนพวกนี้จึงเช่าบ้านในเมืองซางตูไปเสียเลย
การได้มาอาศัยอยู่ห่างไกลจากคนและเื่ที่น่าหงุดหงิด ย่อมส่งผลดีต่อชีวิตของเธอและหลิวเฟินอย่างแน่นอน
เธอตัดสินใจเช่าบ้านให้เรียบร้อยก่อนแล้วถึงกลับไปรายงานเื่นี้
หลิวเฟินถูกแผนการของเซี่ยเสี่ยวหลานทำให้งุนงง สองแม่ลูกใช้ชีวิตอย่างลำบากยากเย็นกว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขในหมู่บ้านชีจิ่งก่อนหน้านี้เฉินวั่งต๋าก็สัญญาแล้วว่าจะแบ่งที่ดินสำหรับปลูกบ้านและที่นาแก่พวกเธอทำไมถึงจะย้ายไปอยู่เมืองมณฑลกะทันหันอีกล่ะ?
“เสี่ยวหลาน ลูกคิดอย่างไรกันนี่?”
เชิงอรรถ
[1] ่เวลายากลำบาก หมายถึง ่การปฏิวัติวัฒนธรรมผู้คนมากมายที่ต้องสงสัยว่าเป็ปรปักษ์ต่อการปฏิวัติ จะถูกนำตัวมาวิพากย์วิจารณ์ต่อสาธารณะชนซึ่งมีั้แ่การด่าทอ ประจาน ไปจนถึงทำร้ายร่างกายและจิตใจ บางส่วนจะถูกส่งไปทำงานในชนบทจากเหตุการณ์นี้ ทำให้คนจำนวนมากเสียชีวิตจากความอดอยาก ความลำบาก และฆ่าตัวตายจากความอับอาย
[2]批斗 วิพากษ์ มาจาก 斗私批修 ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ธรรมดาแต่เป็การวิจารณ์คนหรือเื่บางอย่างต่อหน้าธารกำนัลโดยได้รับการอนุญาตจากคนส่วนใหญ่แล้วจากนั้นนำผู้ที่จะถูกวิจารณ์มาแสดงต่อสาธารณชนร่วมกันชี้จุดที่ไม่พอใจหรือคิดว่าไม่ถูกต้อง ถึงขั้นทำร้ายร่างกายและจิตใจสิ่งนี้เกิดขึ้นใน่การปฏิวัติทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ของชนชั้นกรรมาชีพกลุ่มเป้าหมายของการวิพากษ์นั้นไม่แน่ชัด เพราะมีั้แ่ปัญญาชน พระแม่ชีในศาสนาคริสต์ เ้าของที่ดิน พ่อค้า คนชราและเด็กรวมไปถึงใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านการปฏิวัติ
[3] 五谷轮回 การเวียนว่ายตายเกิดของพืชพันธุ์ธัญญาหาร หมายถึง มนุษย์รับประทานพืชพันธุ์ธัญญาหารเข้าไปผ่านการย่อย แล้วขับถ่ายออกมา ว่าอย่างง่ายคือการอุจจาระ