เมื่อเหยียนโจวเฟิ่งพ่ายแพ้ให้กับซูอันอย่างไม่เต็มใจ มิหนำซ้ำยังถูกนางใช้ผ้าผูกผมบนศีรษะ มัดรวบที่ข้อมือของตนที่ไขว้หลังอยู่อย่างแ่า พอจะเรียกหาลูกน้องให้มาช่วยเหลือ กลับกลายเป็ว่าลูกน้องที่ติดตามมา ล้วนถูกสังหารนอนตายเกลื่อนกราด มีเพียงฉู่เฟยที่าเ็จากการต่อสู้กับเว่ยโฉว ถูกดาบปลายแหลมชี้หน้าในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
ซูอันถอนหายใจลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว เงยหน้าขึ้นไปบนชั้นสองที่มีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่สองคน ที่คราแรกก็เพียงยืนใกล้กันปกติ แต่กลายเป็ว่าพวกเขากอดกันกลม ซ้ำยังทำสีหน้าเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ทำเอาซูอันรู้สึกแปลกใจกับท่าทางนั้นยิ่งนัก
“เฮ้อ จบเื่เสียที หึ ปึก นี่ลุงคิดจะปล้นของมีค่าไปจากตระกูลจิน ผลตอบแทนที่ได้รับก็เป็เช่นนี้ ฐานะครอบครัวท่านก็คงร่ำรวยไม่น้อย แต่กลับริอาจทำตัวเป็โจรปล้นทรัพย์สินผู้อื่น ครั้งนี้เ้ากับครอบครัวไม่มีทางรอดแน่”
เหยียนโจวเฟิ่งพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกมัด แต่ผ้าที่ซูอันใช้มัดข้อมือก็แ่าเสียเหลือเกิน ดิ้นจนหมดแรงก็ไม่อาจหลุด ทำให้เขาอารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม “โธ่เว้ย!! นางเด็กบ้านี่เ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ หากยังอยากให้ครอบครัวของเ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ในแคว้นนี้ อย่าให้ข้าหลุดไปได้ก็แล้วกัน ถึงยามนั้นข้าจะสับครอบครัวเ้าเป็ชิ้น ๆ”
ซูอันไม่คิดว่าเหยียนโจวเฟิ่งจะยังกล้าอวดดีกับนางอีก หนำซ้ำยังกล้าข่มขู่ฆ่าล้างครอบครัวของนาง “ฉาด! เจ็บตัวถึงเพียงนี้ยังอ้าปากขู่เอาชีวิตผู้อื่นอีกงั้นหรือ ประเดี๋ยวแม่ก็ควักตับไตไส้พุงออกมาเสียนี่ ฮึ่ม แล้วพวกท่านสองคนจะกอดกันอีกนานหรือไม่ ยังอยากได้ตัวผู้บงการกลับเมืองหลวงอยู่ไหม หา!”
สองสหายได้ยินเสียงซูอันเรียก ต่างฝ่ายต่างมองไปที่แขนของตน ก็ต้องรีบเก็บแขนกลับอย่างรวดเร็ว “หือ เฮ้ย!!”
เยี่ยนหลิงยืนอยู่ไม่ไกลยกมือปิดปาก เพื่อกลั้นขำแทบไม่ไหว “คิ คิ อะ ฮึ่ม คุณชายทั้งสองข้าคิดว่ารีบลงไปหาอันเอ๋อร์ดีกว่านะเ้าคะ ถ้าปล่อยให้นางโมโหไปมากกว่านี้ คนที่พวกท่าน้าตัว คงไม่มีลมหายใจรอพวกท่านแล้วล่ะ”
ฟงเฉิงฮ่าวหันมาเร่งสหายด้วยท่าทางเคอะเขิน “นะ นะ นั่นสินะ อาิรีบลงไปด้านล่างกันเถิด พวกเราต้องพาเหยียนโจวเฟิ่ง รวมถึงคนที่ให้ความร่วมมือกลับเมืองหลวงนะ”
“อืม”
เพียงแค่บุรุษจากเมืองหลวงลงมาถึงด้านล่าง ก็ปรากฏคนอีกกลุ่มหนึ่งมาถึงร้านอย่างรีบร้อน และยังร้องะโถามมาตลอดทาง
“หลีกทาง ๆ ๆ เกิดเื่อันใดขึ้นที่นี่ คนร้ายอยู่ไหนพวกเ้าแยกย้ายไปค้นหาให้ทั่ว”
“ขอรับใต้เท้า”
พอได้ยินคำขานรับทุกคนที่ยืนอยู่หน้าร้านผ้า ก็เข้าใจได้ทันทีและคิดว่าคงเป็ชาวบ้านที่มาดูการประมูล ไปแจ้งต่อท่านเ้าเมืองว่าที่ร้านผ้าตระกูลจินเกิดเื่
หยางไท่ิปลีกตัวเดินออกมารับหน้าเ้าเมืองไว้ “ใต้เท้าท่านนี้คงเป็ท่านเ้าเมืองผู่เถียนกระมัง”
“หือ แล้วไม่ทราบว่าเ้าคือใคร หลีกทางให้ข้าก่อนอย่าได้ขวางทางยามนี้ต้องรีบจับตัวคนร้าย และสอบถามเ้าของร้านผ้าเป็อันดับแรกนะ” เ้าเมืองปิงชุนหยุดมองผู้ยืนขวางหน้าตนเอง และพูดออกไปด้วยความเร่งรีบ
“ข้าคือ...” หยางไท่ิพูดเพียงสองคำ ก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาจากหน้าอกเสื้อ และยื่นมันให้กับเ้าเมืองปิงชุน
คราแรกเ้าเมืองปิงชุนคิดว่าบุรุษตรงหน้า จะแอบอ้างการใช้เส้นสายขัดขวางการทำงาน แต่พอได้เห็นป้ายประจำตัวตรงหน้า ถึงกับเข่าอ่อนอย่างเฉียบพลัน พร้อมกับยื่นป้ายที่รับมาคืนให้เ้าของ
ตุบ! “อึก ขะ ขะ ขออภัยใต้เท้าข้าน้อยมีตาหามีแววไม่”
“ลุกขึ้นเถิดเป็ข้ากับสหายที่มาโดยมิได้บอกท่านเอง แต่ตอนนี้เมื่อได้พบกันแล้วข้าจำเป็ต้องรบกวนท่านสักหน่อย” หยางไท่ิรับป้ายประจำตัวคืนมาก็รีบเก็บเข้าไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว
แม้คนที่อยู่รายรอบจะรู้สึกสงสัย ว่าเหตุใดท่านเ้าเมืองต้องคุกเข่าให้กับบุรุษที่อ่อนวัยกว่า แต่ไม่นานก็มีความคิดคล้าย ๆ กัน บางทีบุรุษผู้นี้อาจมีตำแหน่งที่สูงกว่าก็เป็ได้
เมื่อได้ยินผู้มีตำแหน่งขุนนางใหญ่ เอ่ยคำว่ารบกวนเ้าเมืองปิงชุน จะไม่รีบรับปากได้หรือ “ใต้เท้า้าให้ข้าทำสิ่งใดหรือขอรับ”
“ข้ารบกวนท่านเ้าเมืองนำตัวคนร้ายสองคนนี้ กลับไปขังไว้ในคุกที่ศาลาว่าการ และช่วยเตรียมกำลังทหารให้ข้าสักสองร้อยคน เนื่องจากยังมีภารกิจที่ต้องไปจัดการยังเมืองผู่กัง และข้ากับสหายต้องรีบออกเดินทางภายในวันนี้” หยางไท่ิบอกความ้าของตน เพื่อให้เ้าเมืองปิงชุนเตรียมคนให้เป็การด่วน
“ได้ขอรับ ข้าจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้ ใต้เท้าโปรดรอสักสองเค่อกำลังทหารของเมืองผู่เถียน จะรอใต้เท้าอยู่ที่ประตูเมืองขอรับ” มีขุนนางใหญ่จากเมืองหลวงมาทำงานอย่างเงียบ ๆ ในเมืองที่ตนเป็เ้าเมืองทั้งที ต้องความร่วมมืออย่างจริงใจ
“ขอบคุณท่านเ้าเมืองมาก”
“ฟานฉือให้คนนำตัวคนร้ายสองคนนี้กลับไป รอนำตัวส่งกลับเมืองหลวง รวมถึงศพที่นอนตายเ่าั้ด้วย ใต้เท้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” หลังจากสั่งงานกับลูกน้องจบ เ้าเมืองปิงชุนจึงขอตัวกลับไปทำงานต่อทันที
หยางไท่ิเดินกลับไปหาซูอัน เพื่อบอกกับนางเื่ที่ต้องไปจัดการภารกิจที่เมืองผู่กัง “คุณหนูรอง ข้ากับอาฮ่าวคงต้องขอตัวไปทำภารกิจต่อแล้ว ส่วนของตอบแทนที่ท่านกับพี่สาวตั้งใจจะมอบให้ รบกวนท่านเตรียมไว้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่เมืองผู่กัง และแวะมารับตัวเหยียนโจวเฟิ่งที่นี่ ข้าค่อยมารับของจากท่าน”
“เื่นี้พวกข้าสองคนจะชักช้าไม่ได้ ไว้พบกันอีกครั้งหลังจากทำภารกิจนะคุณหนูรอง เอ่อ ข้ารบกวนฝากท่านบอกกับคุณหนูใหญ่จินด้วยก็แล้วกันนะ” ฟงเฉิงฮ่าวพอจะรู้มารยาท เพราะยังมิได้ทำความรู้จักกันเท่าใดนัก จึงไม่กล้าขอพูดคุยตามลำพังกับเยี่ยนหลิง
ซูอันรู้สึกพอใจกับท่าทีที่ให้เกียรติพี่สาวของนาง ที่ฟงเฉิงฮ่าวได้แสดงออกมาจากดวงตาและท่าทางนั่น “เ้าค่ะข้าจะบอกพี่หญิงให้ ส่วนเื่ของตอบแทนรับรองว่า จะเตรียมไว้ให้พวกท่านพร้อมออกเดินทาง โดยไม่เสียเวลาอย่างแน่นอนเ้าค่ะ”
ก่อนจะเดินจากไปหยางไท่ิมิวายพูดกับซูอันด้วยความเป็ห่วง “ดูแลตัวเองด้วยคุณหนูรอง ข้ารู้ว่าเ้ามีวิชาต่อสู้ที่เก่งกาจ แต่การสู้ซึ่งหน้ากับการต่อสู้จากคนในที่ลับมันต่างกันอยู่มากนะ”
“ข้าเข้าใจแล้วเ้าค่ะ ขอให้พวกท่านปลอดภัยและทำภารกิจได้สำเร็จ” ซูอันรู้ว่าคำพูดของหยางไท่ินอกจากจะเป็ห่วงแล้ว ยังเตือนนางเกี่ยวกับศัตรูที่อาจจะหลบซ่อนอยู่ในที่มืด และยังมิได้คิดลงมือกับนาง
หลังจากท่านเ้าเมืองจากไป ไม่นานก็เป็หยางไท่ิกับฟงเฉิงฮ่าว ที่พูดคุยกับซูอันอีกเล็กน้อยและรีบจากไปเช่นกัน เยี่ยนหลิงเห็นเช่นนั้นจึงเดินลงมาหาน้องสาวพร้อมบิดามารดา
จือเหมยที่ปิดตาอยู่ตลอดเวลา เมื่อเกิดเสียงการต่อสู้ขึ้นด้านหน้าของร้าน รีบจับตัวซูอันหมุนไปมาและถามไถ่นางอย่างห่วงใย “อันเอ๋อร์! เ้าาเ็ที่ใดหรือไม่ลูกแม่ ไหนมาให้แม่ดูหน่อยเถิด”
“ท่านแม่ ๆ เ้าคะ หยุดหมุนตัวข้าก่อนเถิดเ้าค่ะ”
“หืม ว่าอย่างไรลูกแม่เ้าเจ็บที่ใดเช่นนั้นหรือ?” จือเหมยคิดว่าที่บุตรสาวบอกให้นางหยุดมือ คือนางกำลังทำให้บุตรสาวเจ็บแผล
ซูอันอมยิ้มและเป็ฝ่ายจับมือของมารดา พร้อมตอบคำถามอย่างอารมณ์ดี “ท่านแม่ข้ามิได้าเ็ที่ใดเลยเ้าค่ะ ขอโทษท่านแม่ที่ทำให้ท่านต้องเป็ห่วงนะเ้าคะ”
มู่ถงเห็นบุตรสาวคนเล็กพูดโดยไร้ความกังวล เขาก็แน่ใจว่าที่ซูอันพูดมาเป็ความจริง “เฮ้อ เ้าไม่าเ็ก็ดีแล้วล่ะอันเอ๋อร์ พ่อกับแม่ใแทบแย่ตอนที่เห็นเ้าะโลงมา เกรงว่าเ้าจะแข้งขาหักเสียก่อนน่ะสิ”
“ท่านพ่อท่านแม่เ้าคะ ใช่ว่าพวกท่านจะไม่เคยเห็นอันเอ๋อร์ะโลงจากต้นไม้เสียเมื่อใดกัน นิสัยของนางก็เป็เช่นนี้มาั้แ่เด็ก จะให้เปลี่ยนไปเรียบร้อยคงไม่ทันแล้วเ้าค่ะ” เยี่ยนหลิงพูดถึงนิสัยของน้องสาว
“ว่าแต่แขกทั้งสองคนของลูกเป็ใครกันแน่?” มู่ถงถามซูอัน
“คราแรกที่ได้พบคุณชายทั้งสองบอกเพียงว่า เป็คนในราชสำนักรับคำสั่งมาทำภารกิจ เื่การลักพาตัวช่างทอผ้าเท่านั้น แต่มิได้บอกว่ามีตำแหน่งหน้าที่อันใดเ้าค่ะ จากที่ข้าเห็นเมื่อครู่นี้ที่ท่านเ้าเมืองคุกเข่าให้ ดูท่าจะตำแหน่งใหญ่มิใช่เล่นนะเ้าคะท่านพ่อ” ถึงซูอันจะมีข้อสงสัยเื่นี้อยู่ในใจ แต่นางมิได้คิดมากอันใดนัก ขอแค่อย่าทำให้นางกับครอบครัวเดือดร้อนก็พอ
เยี่ยนหลิงมีความคิดคล้ายกับน้องสาว ว่าฟงเฉิงฮ่าวย่อมมีตำแหน่งขุนนางระดับสูง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหยางไท่ิเป็แน่แท้ “ในเมื่อคุณชายทั้งสองไม่้าให้พวกเรารู้เื่ส่วนตัว ก็ปล่อยเื่นี้ไปไม่ดีกว่าหรือเ้าคะท่านพ่อ อีกไม่นานพวกเขาก็กลับเมืองหลวงแล้ว อย่างน้อยก็ถือว่ามีขุนนางที่ดี มาช่วยจัดการคนชั่วทำให้การค้าของเราปลอดภัยเ้าค่ะ”
“ที่ลูก ๆ ของเราพูดมาก็มีเหตุผลนะเ้าคะท่านพี่ รู้จักขุนนางตำแหน่งใหญ่โตไว้บ้าง คนนิสัยอิจฉาจะได้ไม่กล้าทำอันใดพวกเรา”
“อืม การให้ความร่วมมือกับทางการย่อมเป็เื่ดี ตอนนี้การค้าผ้าไหมคงกลับมาคึกคักอีกครั้ง เอาล่ะประเดี๋ยวพ่อกับแม่จะช่วยเก็บกวาดร้าน แล้วพวกเราค่อยกลับจวนพร้อมกันนะลูก” มู่ถงเพียงแค่เป็ห่วงบุตรสาว และไม่อยากให้พวกนางเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขุนนางมากนัก
“เ้าค่ะท่านพ่อ/เ้าค่ะท่านพ่อ”
เมื่อพูดคุยเข้าใจกันจบเ้าของร้านทั้งสี่คน จึงช่วยลูกจ้างเก็บกวาดทำความสะอาดร้าน พวกโต๊ะ เก้าอี้และคราบเืบนพื้น ทุกคนช่วยกันขัดล้างจนพื้นกลับมาสะอาดเช่นเดิม ซูอันและเยี่ยนหลิงพับเก็บผ้าไหมทองคำลงหีบไม้อย่างดี ทำให้คหบดีรวมถึงเศรษฐีผู้ร่ำรวยหลายคน อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ที่งานประมูลล่มเสียกลางคัน
แต่เหตุการณ์ในวันนี้ของร้านผ้าหงส์ทอเมฆา กลับมีผู้คนกล่าวถึงเป็วงกว้าง เกี่ยวกับการมีผ้าทอที่เป็เอกลักษณ์ ทั้งความงดงามเสมือนจริงในฝีมือการปักผ้า เมื่อถึงเช้าวันใหม่ร้านผ้าของตระกูลจิน จึงต้องรับมือกับจำนวนลูกค้าที่ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้นด้วยความพึงพอใจ
