อันหนิงเดินออกมาจากฉากกั้นก็พบว่าสาวใช้คนหนึ่งยังอยู่ที่เดิม กระนั้นก็อดรู้สึกเคอะเขินเสียมิได้ ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยจูบรอยกัดนี้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายท่านให้บ่าวมาปรนนิบัติฮูหยินเ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยทำตัวไม่ถูกได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้อง กลัวฮูหยินตบตีก็กลัว ทว่านางกลัวถูกไล่ออกมากกว่าจึงกลั้นใจหยิบผ้าสำหรับซับผมเดินตามฮูหยินต้อย ๆ
“อืม... เ้าชื่ออะไร” อันหนิงนั่งหลังตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนจะเอ่ยถามนามเรียกขานบ่าวรับใช้คนใหม่ พยายามปรับสีหน้าให้ดูน่ากลัวน้อยลง ไม่เช่นนั้นสาวใช้ผู้นี้ก็คงเอาแต่ยืนตัวสั่นงันงกไม่เป็อันทำอะไรกันพอดี
“เสี่ยวชุ่ยเ้าค่ะ” สาวน้อยเสี่ยวชุ่ยเห็นว่าฮูหยินมิได้มีท่าทีดุด่าหรือไม่พอใจ เ้าตัวจึงกล้าที่จะขยับเข้าใกล้พร้อมกับใช้ผ้าซับผมเปียกชุ่มให้นายสาวอย่างเบามือ หลังจากซับผมให้แห้งเด็กสาวจึงได้เกล้าผมจัดทรงใหม่ ปรนนิบัติได้อย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่องแต่ประการใด
“เสี่ยวชุ่ยข้าไม่อยากให้เ้ามีปัญหากับคนอื่น ถ้าฝืนใจก็ไม่ต้องมาคอยรับใช้ข้า เอาเป็ว่าข้าเข้าใจและจะไม่บอกเื่ที่เกิดขึ้นให้นายท่านรู้ก็แล้วกัน” อย่างไรเสียนางก็จะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน หลังจากหย่ากับหวังเหล่ยแล้วนางก็จะเดินทางออกนอกเมือง ไปอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เสี่ยวชุ่ยยังต้องอยู่ทำงานที่นี่อีกนานไม่ควรจะแข็งข้อกับพวกคนเก่า อาจจะทำงานยากขึ้นในอนาคต
“บ่าวเข้าใจแล้วเ้าค่ะฮูหยิน” เสี่ยวชุ่ยลอบมองเ้านายสาว นางไม่เห็นว่าฮูหยินจะเป็เหมือนบ่าวรับใช้คนอื่นพูดกันสักนิด ฮูหยินก็ดูเป็คนธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น คิดถูกแล้วที่ตนไม่ได้ทำตามบ่าวรับใช้คนอื่น
อันหนิงปล่อยให้สาวรับใช้ช่วยแต่งตัวตามแต่ที่เสี่ยวชุ่ยจะจัดหาให้ โดยที่นางไม่ได้กำชับอะไรเป็พิเศษ แต่ก็เล็งเห็นถึงความเอาใจใส่ในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเสี่ยวชุ่ย จึงอยากมอบต่างหูให้เด็กคนนี้ให้เป็รางวัล
สำหรับอันหนิงแล้วมันมิได้มีค่าอะไร ทว่ากับเสี่ยวชุ่ยนั้นหากเอาไปขายต่างหูคู่นี้สามารถเก็บไว้ใช้จ่ายในบ้านได้หลายเดือน ดังนั้นความเข้าใจของเด็กสาวจึงคิดไปอีกอย่าง เ้าตัวละล่ำละลักรีบคุกเข่าโขกหัวกับพื้น เพราะทำงานได้ไม่ดีฮูหยินจึงไม่มอบของมีค่าให้เช่นนี้ อีกเดี๋ยวก็คงมีคำสั่งไล่ออกกระมัง
“ฮูหยินบ่าวทำอะไรไม่ถูกใจหรือเ้าคะ อย่าไล่บ่าวออกเลยบ่าวยังต้องเลี้ยงดูอีกหลายชีวิต ได้โปรดเถอะเ้าค่ะ ให้บ่าวทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะเ้าคะ ให้ทำอะไรบ่าวก็ยอม”
“เลิกโขกหัวได้แล้วใครมาเห็นได้คิดว่าข้ารังแกเ้ากันพอดี ที่ข้าให้ก็เพราะเห็นว่าเหมาะกับเ้า ต่างหูคู่นี้ข้าแค่เบื่อแล้วไม่ชอบ ถ้าเ้าไม่เอาก็ทิ้ง ๆ มันไปเสีย หรือจะเอาไปขายข้าก็ไม่ว่า” การจะกลับใจเป็คนดีมันช่างยากเย็นนัก แค่ให้สิ่งของก็ถูกคิดไปเป็อื่นเสียแล้ว
แม้จะพูดไปเช่นนั้นสาวใช้กลับไม่ยอมลุกขึ้นเอาแต่นั่งหมอบอยู่กับพื้น อันหนิงไม่รู้จะทำอย่างไรนางจึงโยนต่างหูเ้ากรรมคู่ลงตรงหน้าเสี่ยวชุ่ย ก่อนจะออกจากเรือนนอนไปปล่อยให้สาวใช้นั่งหมอบอยู่อย่างนั้น ทำถึงเพียงนี้แล้วถ้าไม่เข้าใจก็แล้วแต่เถิด
หลังจากฮูหยินก้าวพ้นประตูเรือน เสี่ยวชุ่ยจึงค่อย ๆ โผล่หน้าขึ้นมา เด็กสาวมองไปที่ต่างหูคู่นั้นก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
ที่แท้ฮูหยิน้ามอบมันให้เท่านั้นเอง แม้จะเป็ของเหลือเบื่อแล้วก็ทิ้ง ทว่ามันคือของมีค่าสำหรับตน ข้าวสารเดือนนี้ใกล้จะหมดแล้วด้วย หากเอาไปจำนำก็คงได้เกือบตำลึง เอาไว้เบี้ยรายเดือนออกเมื่อใดนางจะต้องไปไถ่คืนอย่างแน่นอน
อันหนิงเดินเอื่อยเฉื่อยมาจนถึงเรือนกลางเพื่อรับอาหารเช้า หญิงสาวผ่อนลมหายใจสายป่านนี้หวังเหล่ยคงออกจากจวนไปแล้วกระมัง นางยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ หากต้องปะทะคารมกันจริง ๆ เกรงว่าจะมีปากเสียงไปกันใหญ่ แทนที่จะได้แก้ไขความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นแต่กลับเลวร้ายลงไปอีก
“มัวแต่เดินอ้อยอิ่งอยู่ได้ ไม่เห็นหรือว่าเลยเวลากินข้าวมาเท่าไรแล้ว”
ทว่าเสียงที่ดังออกมากลับทำให้อันหนิงต้องหยุดเท้า นี่สินะยิ่งไม่อยากเจอก็ต้องได้เจอ ก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากัน หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตนเอง ได้แต่คิดอย่างปลดปลง อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แค่ทำทุกอย่างให้ดีก็พอ