อวิ๋นอี้เป็เ้าของของโรงเตี๊ยมเกาเซิ่ง ทุกคราที่จะทำสิ่งกระไร นางจะเข้ามาทางข้างร้านเพื่อความสะดวก
จ่างกุ้ยร้านต้อนรับอย่างเป็มิตร ประจบประแจงอยู่ตลอด ชมว่าพวกนางสวย รูปร่างเพรียวบาง ทำให้กู่ซือฝานมีความสุขมาก ยิ้มตาหยีตลอดทาง
พวกนางตรงขึ้นไปที่ห้องชั้นบน
ทันทีที่ประตูปิดลง กู่ซือฝานอดมิได้ที่จะพูดว่า “ท่านพี่เพคะ ท่านสบายจริงๆ เพคะ!”
อวิ๋นอี้ยักคิ้ว ต้องเป็เช่นนั้นสิ หาเงินเพื่อให้ตัวเองสุขสบายขึ้น
ห้องนี้มีไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ ทุกอย่างในห้องล้วนเป็ของที่หรงซิวจัดหาให้ อย่างเบาะนั่งนุ่มๆ ไปถึงของเล็กๆ อย่างธูปหอม เขาเป็คนประณีตและพิถีพิถัน สิ่งที่เตรียมให้ล้วนเป็ของที่ดีที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่ทำเลก็ดีที่สุดด้วย
นั่งอยู่ริมหน้าต่างสามารถมองเห็นวิวมุมกว้างของห้องโถงใหญ่ชั้นล่างได้
กู่ซือฝานยังคงชมห้องหรูอยู่ อวิ๋นอี้นั่งลงอย่างไม่รีบร้อนเรียบร้อยแล้ว
ที่ชั้นล่าง มีการจัดชุมนุมกวีอยู่
นางเหลือบตามองคร่าวๆ ไม่เห็นหรงซิว ในใจรู้ว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องด้วย บางทีเขาอาจจะมองเห็นนางั้แ่ตอนที่นางขึ้นมาแล้วก็เป็ได้
มีขนมและชาจัดเตรียมไว้บนโต๊ะ ถ้วยน้ำชามีความพิเศษตรงความโปร่งใส หรงซิวเคยแนะนำชื่อถ้วยชาให้นาง แต่นางเป็คนเลินเล่อ จำมิได้เสียแล้ว
อวิ๋นอี้ใช้น้ำร้อนลวกถ้วยชา แล้วเทเป็สองถ้วย
กู่ซือฝานได้ยินความเคลื่อนไหว จึงค่อยๆ ย้ายตัวมานั่งด้านหน้า
น้ำชาเดือดปุดมีไอร้อน ควันสีขาวบางๆ ลอยอยู่ต่อหน้า ราวกับมองสิ่งใดก็ถูกคลุมไปด้วยผ้าขาวบาง
สตรีทั้งสองเอนหลังลงและพิงเก้าอี้ได้พอดี ชำเลืองมองกันและกัน พลันยิ้มอย่างเ้าเล่ห์
จะไม่อยู่ด้วยกันได้อย่างไร ี้เีกันเสียเช่นนี้ เป็คนประเภทเดียวกันชัดๆ
เก้าอี้หันหน้าไปทางชั้นล่าง กู่ซือฝานมองผ่านๆ พลันเห็นนักเรียนที่ดูบอบบางคนหนึ่ง นางไม่ชอบบุรุษประเภทนี้นัก นางกำลังจะละสายตา จากนั้นก็ต้องหยุด
ในฝูงชน มีบุรุษคนหนึ่งที่เปล่งประกายเป็พิเศษ
จะอธิบายอย่างไรดีนะ?
เห็นได้ชัดว่าเขาแต่งตัวเฉกเช่นนักเรียน สวมชุดยาวถึงข้อเท้า นั่งเงียบๆ อยู่ท่ามกลางฝูงชน ทว่ามีความร้าย...ที่โดดเด่นเป็พิเศษ
ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นหล่อเหลามาก เป็ความหล่อเหลาที่สง่างาม ดูโดดเด่นออกมาจากผู้คน เขาแตกต่างจากผู้อื่นตรงที่คิ้วและตาของเขาดูชั่วร้ายและเสเพล
กู่ซือฝานนึกว่าตนเองมองผิดไป จึงขยี้ตาอีกครา
ท่าทางของนักเรียนในต้าอวี่ นางเห็นมาเยอะนัก ดังนั้นความคิดที่มีต่อพวกเขาจึงชัดเจน
ในความรู้ความเข้าใจของนาง นักวิชาการทุกคนล้วนอวดรู้และดูดื้อรั้น มีบางคนที่ไม่สามารถยับยั้งตนเองได้ รับมือมิได้ในท้ายที่สุด บ้างก็บ้าไปเลย บ้างก็เร่ร่อน
ทว่าบุรุษผู้นี้กลับดูมีทุกอย่างอย่างพอดี
ตาคิ้วของเขาบางเบา มองแวบแรกั์ตาสีดำของเขามิมีกระไรเลย ทว่าเมื่อมองอีกคราดูเหมือนว่าจะมีพลังอยู่อนันต์
น่าจะเป็เพราะว่ากู่ซือฝานมองเขานานเกินไป จึงดึงดูดความสนใจของบุรุษผู้นั้น
เขามองไปทางด้านนี้ บังเอิญสบตากับนาง แล้วอีกฝ่ายก็ยิ้ม
รอยยิ้มนี้...ทำเอาตายได้เชียวนะ!
กู่ซือฝานกุมหัวใจดวงน้อยของนางไว้ ััได้ถึงจังหวะที่มันเต้นแรง
นางรีบเขย่าอวิ๋นอี้ที่อยู่ด้านข้าง “ท่านพี่เพคะ! ท่านพี่เพคะ! ม่านนี้ของท่าน คนทางด้านนอกจะมองเห็นได้หรือไม่เพคะ?”
“มิได้น่ะสิ”
กู่ซือฝานถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เช่นนั้นก็ดีไป!” “เป็กระไรไป?”
กู่ซือฝานไม่ตอบ ทว่าแก้มทั้งสองข้างแดงราวกับถูกไฟเผา
อวิ๋นอี้ขมวดคิ้ว มองไปทางที่นางเพิ่งมอง พลันมองเห็นหลี่ซูซวน!
เขายังกล้าจะมาอีกนะ!
คอยดูเถิด!
วันนี้นางต้องแก้แค้นเื่ปากเสียคราก่อน!
พอเห็นหลี่ซูซวน อวิ๋นอี้ก็อารมณ์ไม่ดี
นางกำลังจะพูดกับกู่ซือฝาน เื่พฤติกรรมแย่ๆ ของบุรุษผู้นั้น ทว่ากลับถูกนางพูดก่อน "ท่านพี่เพคะ! ท่านเห็นบุรุษผู้นั้นแล้วใช่หรือไม่เพคะ?"
“......”
กู่ซือฝานชี้นิ้วตรงไปที่หลี่ซูซวน
คำพูดของอวิ๋นอี้ติดอยู่ที่ปาก พยักหน้าอย่างบูดบึ้ง "เห็นแล้ว"
"เขาหล่อมากเลยใช่หรือไม่เพคะ!" กู่ซือฝานเขย่าแขนของนางและพูดด้วยน้ำเสียงที่แ่เบาอย่างตื่นเต้น
อวิ๋นอี้เงียบ ที่แท้ ที่พวกนางอยู่ได้กันได้ ไม่เพียงแค่ี้เีอย่างเดียว ยังเพราะบ้าผู้ชายอีกด้วย
“ใช่หรือไม่เพคะ!” มิได้คำตอบจากนาง กู่ซือฝานถามย้ำอีก
อวิ๋นอี้พึมพำ "หล่อดี แต่บุรุษน่ะเนื้อหนังมิสำคัญหรอก บางทีเขาอาจจะแค่หล่อเหลา แต่นิสัยชั่วร้ายได้!"
"จะเป็ไปได้อย่างไรเพคะ?" แน่นอนว่ากู่ซือฝานไม่เชื่อ พูดอย่างมั่นใจว่า "ข้ามองคนขาดเพคะ คนอย่างเขาถึงแม้จะดูใจร้ายไปหน่อยทว่าจริงๆ แล้วเป็ผู้ที่อ่อนโยนที่สุด"
อ่า ถุ้ย!
ตาของเ้าต้องบอดเป็แน่
หลี่ซูซวนอ่อนโยนหรือ?
เหอะเหอะ!
พูดล้อเล่นไปใหญ่แล้ว!
อย่างไรอวิ๋นอี้ก็ไม่ยอมปล่อยปาก พยายามจะเมินเื่นี้ไป หันหน้าลงไปดู "ดูเหมือนจะมีชุมนุมกวีอยู่ เราดูกันก่อนเถิด"
"ท่านพี่ ท่านคิดว่าพ่อหนุ่มผู้นั้นจะลงแข่งด้วยหรือไม่เพคะ?” กู่ซือฝานเอามือชันแก้มทั้งสองข้าง ตาเป็ประกาย “เขาเป็คนหน้าตาดีเช่นนี้ ทั้งยังมีพร์ จะมีคนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ได้อย่างไร? ”
เวลาสตรีหลงบุรุษขึ้นมา น่ากลัวจริงๆ พูดไร้สาระออกมาได้มิรู้จบ
อวิ๋นอี้พึมพำ "เขาเพียงยืนเฉยๆ มิได้ทำกระไรเลย เ้ารู้แล้วหรือว่าเขาเก่ง?"
"ดูท่าทีของเขาสิเพคะ!" กู่ซือฝานอธิบาย "ดูผู้คนรอบตัวเขาสิเพคะแตงเบี้ยวพุทธาแตก[1] มีผู้ใดสง่างามอย่างเขาบ้าง"
"เ้ามองคนเพียงผิวเผิน!"
"ไม่นะเพคะ! ข้าเห็นจิติญญาของเขาผ่านทางสีหน้าิั!"
"...น่ารังเกียจหรือไม่" อวิ๋นอี้ทนไม่ไหว หดหัว ขนลุกไปทั่วตัว ไปหยิบชาบนโต๊ะจิบ จู่ๆ พลันอยากจะหัวเราะ “ระวังข้าจะฟ้องหรงหลิน”
กู่ซือฝานพูดไอหยา แล้วออดอ้อนเรียกท่านพี่ จากนั้นนางจึงได้ละสายตาออก
อาจเป็เพราะว่าพูดลับหลังมิได้ ประตูถูกเคาะทันทีที่ทั้งสองคนดื่มชาและของว่าง
เสียงหรงซิวดังขึ้นจากข้างนอก อวิ๋นอี้รีบลุกขึ้นเปิดประตู เมื่อเปิดประตูก็พลันเห็นหรงหลิน
นางทักทายหรงหลินอย่างมิได้คิดกระไร "องค์ชายเก้าอยู่ด้วยหรือเพคะ?"
หรงซิวดึงมือนางมา แล้วเดินเข้าไปในห้อง เดินเข้าไปพลางบีบมือ
ทั้งสองนั่งลงข้างๆ ประตูเปิดออกกว้าง มีคนนำอาหารและขนมมาวางบนโต๊ะ
กู่ซือฝานพูดด้วยความประหลาดใจ “นี่มัน...”
“ให้พวกเ้า" หรงซิวยิ้ม บีบแก้มอวิ๋นอี้ "ข้าคุยงานอยู่ที่ชั้นสาม เห็นพวกเ้ามา อยู่กันเองก่อนนะ ตอนจะกลับรอข้าด้วย เข้าใจหรือไม่?"
อวิ๋นอี้ฮัมเสียงอย่างไม่เต็มใจ “ไม่เพคะ”
หรงซิวแสยะยิ้ม "เป็กระไรไปอีก?"
เขายังกล้าพูดอีกนะ!
จูบคอนางจนเป็เช่นนั้น ทำให้นางต้องใช้ผ้าคลุม ผ้าผืนโตเช่นนี้ ไม่เห็นน่ะสิแปลก
หรงซิวแย่ที่สุด
อวิ๋นอี้เอื้อมมือไปตบหน้าอกเขาด้วยมือเล็กๆ สำหรับบุรุษมันราวกับการเกา หลังจากที่เขายืนขึ้นเอนตัวลงเล็กน้อยแล้วกระซิบที่หูของนางว่า "ยังโกรธอยู่หรือ? อย่าโกรธเลยนะ หากมิเช่นนั้นข้าจะให้เ้าจูบกลับคืนนี้”
เขาพูดอย่างใจกว้าง แต่ผู้ใดเล่าที่อยากจะจูบเขา!
อวิ๋นอี้ทำหน้าเคร่งเครียด ลากเขาออกจากประตูห้องหันหลังพิงประตูเอามือลูบแก้มทั้งสองข้าง ร้อนมาก!
แม้ว่าจะรู้ว่าเขาหยอกล้อนาง ทว่าก็ยังถูกล้อจนขาอ่อนแรงคราแล้วคราเล่า!
นางถูกวางยาพิษ ช่วยมิได้แล้ว!
เชิงอรรถ
[1] แตงเบี้ยวพุทธาแตก 歪瓜裂枣 หมายถึง รูปลักษณ์อัปลักษณ์ไม่น่าดู
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้