ั้แ่ที่มาอยู่ยุคโบราณ เยว่เฟิงเกอยังไม่เคยเดินเล่นชมทิวทัศน์บนถนนยามค่ำคืนมาก่อนเลย
ม่อหลิงหานเห็นว่าเยว่เฟิงเกอดีใจเพียงนี้ ก็รู้ว่าตนตัดสินใจถูกต้องแล้ว
แมวป่าน้อยของเขาชอบออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก
ม่อหลิงหานจูงมือเยว่เฟิงเกอ หลังเดินออกไปจากจวนอ๋องแล้ว คนทั้งสองก็ไม่ได้นั่งรถม้า
นี่เป็คำขอร้องของนางด้วยเหตุผลที่ว่า หากต้องออกไปด้วยการนั่งบนรถม้า ความตื่นตาในการเดินเที่ยวชมทิวทัศน์ที่แท้จริงก็คงจะหมดไป
ม่อหลิงหานตามใจนางทุกอย่าง ขอแค่นางมีความสุขก็พอ
คนทั้งสองจับมือกันไปตลอดทาง เดินเที่ยวชมบนถนนใหญ่
สำหรับคนที่ออกมาเดินเล่นกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้มีไม่มากนัก เมื่อพวกเขาเห็นม่อหลิงหานและเยว่เฟิงเกอ แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้ถึงสถานะของทั้งสอง หลังจากคารวะแล้ว ถึงได้แยกย้ายไปเที่ยวชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนกันต่อ
ถึงแม้จะอยู่ไกลๆ แต่เยว่เฟิงเกอก็เริ่มมองเห็นพ่อค้าแม่ค้าออกมาตั้งแผงขายของกินกัน นางจูงมือม่อหลิงหาน ลากเขาไปยังแผงขายของกินเล่นเ่าั้
เมื่อได้เห็นของอร่อยมากมาย เยว่เฟิงเกอก็เริ่มเสียใจภายหลังแล้วที่ตอนเย็นกินไปมากเพียงนั้น
ตอนนี้นางกินอะไรไม่ลงอีกแล้ว จึงทำได้แค่มองไปดมกลิ่นหอมไปเช่นนี้
ม่อหลิงหานเห็นท่าทางอยากกินจนน้ำลายแทบไหลของเยว่เฟิงเกอ ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ชายารักอยากกินหรือไม่? ” ม่อหลิงหานชี้ไปที่ปลาหมึกย่างบนแผงขายอาหารตรงหน้า เอ่ยถามเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอกลืนน้ำลายที่เอ่อท้นจนเกือบไหลย้อย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ปลาหมึกย่างที่กำลังส่งเสียง “ฉี่ฉ่า” อยู่บนเตา กลิ่นหอมยั่วยวนชวนกินพัดลอยเข้าจมูกระลอกแล้วระลอกเล่า
นางอยากกินจริงๆ แต่ตอนนี้กลับกินอะไรไม่ลงอีกแล้ว
ม่อหลิงหานซื้อปลาหมึกย่างมาไม้หนึ่ง เขาไม่มีท่าทีจะให้เยว่เฟิงเกอกิน เมื่อรับมาแล้วก็อ้าปากกัดไปคำหนึ่ง
“อืม ปลาหมึกนี่ย่างได้หอมดีจริงๆ อร่อยกว่าทุกสิ่งที่เปิ่นหวางเคยกินมา” ม่อหลิงหานกล่าวออกมาด้วยสีหน้าของคนกำลังเสพสุข สายตาเหล่มองไปยังเยว่เฟิงเกอที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เยว่เฟิงเกอมองม่อหลิงหานกินปลาหมึกย่างตาปริบๆ ถึงแม้้าจะไม่ได้โรยเครื่องปรุงรสไว้มากมายนัก แต่กลิ่นหอมที่ลอยมาก็แสนพิเศษไม่ธรรมดา
เยว่เฟิงเกอกลืนน้ำลายอีกครั้ง มองท่าทางกินอย่างเอร็ดอร่อยของม่อหลิงหาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “ท่านอ๋องให้หม่อมฉันชิมสักคำจะได้หรือไม่เพคะ? ”
ม่อหลิงหานหัวเราะเบาๆ ออกมา ส่งปลาหมึกย่างชิ้นใหญ่ที่ยังเหลืออยู่ไปข้างปากเยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกออ้าปากกินเข้าไปคำใหญ่ เมื่อปลาหมึกเข้าไปในปาก กลิ่นหอมชวนหิว รสชาติกลมกล่อม และความหนึบหนับของเนื้อปลาหมึกก็อบอวลอยู่ในปากเป็นาน
เยว่เฟิงเกอกลืนหมึกที่เคี้ยวดีแล้วลงคอไป ลิ้มรสไม่รู้ลืม
นางอยากกินปลาหมึกอีกคำ แต่หนังท้องได้หยุดการกระทำของนางไว้ มันไม่ให้นางกินอะไรลงไปอีก มิเช่นนั้นคงได้พองจนแตกแน่
นางทำได้แค่มองม่อหลิงหานกินของอร่อย กะพริบตาปริบๆ
ั์ตาของเยว่เฟิงเกอมีสายน้ำตาหนาเท่าเส้นก๋วยเตี๋ยวรินไหล นางตัดสินใจแล้วว่าคืนพรุ่งนี้จะไม่กินอะไร และจะมาเที่ยวกินอาหารทุกอย่างที่ตั้งวางอยู่บนถนนสายนี้ให้หมด
ม่อหลิงหานชอบมองท่าทีอยากกินจนน้ำลายแทบไหลของเยว่เฟิงเกอนัก เขาแอบหัวเราะในใจ ขณะที่ฉากหน้ายังคงแสดงสีหน้าเหมือนกำลังเสพสุขอยู่ กระทั่งกินปลาหมึกไม้นั้นหมด ถึงได้พาเยว่เฟิงเกอมุ่งหน้าไปยังแผงขายอาหารอีกร้านหนึ่ง
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอทำได้แค่ดู กินอะไรไม่ได้อีก
สำหรับคนตะกละรักกินเช่นนาง การเที่ยวชมในเวลานี้ถือเป็สิ่งที่ทรมานและโหดร้ายต่อจิตใจอย่างที่สุด
“หม่อมฉันไม่อยากเดินที่นี่แล้ว หม่อมฉันจะไปที่อื่น” ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็หยุดฝีเท้า ะโเสียงดังใส่ม่อหลิงหาน
ตอนนี้นางน้ำตาไหลนองหน้าแล้ว หากต้องฝืนทนเช่นนี้ต่อไป นางคงได้ตายเพราะความอยากเป็แน่
ม่อหลิงหานก้มหน้าลง หัวเราะออกมาเบาๆ เขาตั้งใจพาเยว่เฟิงเกอมาที่ถนนสายนี้ เพราะอยากเห็นสภาพอยากกินแต่ไม่ได้กินจนต้องร้องไห้ออกมาของเยว่เฟิงเกอ
ตอนนี้ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงจูงมือนางเดินไปยังถนนเส้นอื่น
เดิมเยว่เฟิงเกอเข้าใจว่า ยามวิกาลเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็แห่งหนใดในเมืองหลวงอวิ๋นจิงก็ล้วนเงียบเหงา และคงมีเพียงหอชมบุปผาเท่านั้นที่มีผู้คนไปมาพลุกพล่าน
ทว่า ม่อหลิงหานกลับพานางมาเปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่ในสถานที่อื่น
ที่แท้ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของอวิ๋นจิงก็สว่างไสวเช่นนี้ หน้าร้านค้าทุกร้านล้วนแขวนโคมส่องสว่างไว้ ทำให้หน้าประตูที่ควรมืดมิดกลับสุกสกาวอย่างที่สุด
ถนนสายนี้เต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ทั้งร้านขายผ้า ร้ายขายสมุนไพร และร้านขายเครื่องเคลือบ
ศีรษะของเยว่เฟิงเกอหันไปมาซ้ายขวาราวกับกลองป๋องแป๋ง นางมองฝั่งนี้สักพักก็หันไปมองฝั่งนู้น
ผู้คนที่เดินไปมาบนถนนเส้นนี้มีมากกว่าตอนกลางวันเสียอีก
เยว่เฟิงเกอได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทิวทัศน์ของโลกยุคโบราณจะงดงามได้ถึงเพียงนี้
ม่อหลิงหานเห็นท่าทางเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงของเยว่เฟิงเกอ ก็อดเอ่ยปากถามไม่ได้ว่า “ชายารัก เ้าเป็คนแคว้นเสวี่ยอวี้ ที่แคว้นของเ้า ทิวทัศน์ในยามกลางคืนงดงามเทียบที่เป่ยชวนนี้ได้หรือไม่? ”
เยว่เฟิงเกอถูกคำถามนี้ของม่อหลิงหานทำเอาอึ้งไป นางคิดอยู่นานก็ไม่พบภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนของแคว้นเสวี่ยอวี้ในความทรงจำเลย จึงส่ายหน้าตอบกลับไปด้วยความสัตย์จริง “หม่อมฉันอยู่แต่ในวัง สำหรับเื่ราวนอกวัง หม่อมฉันไม่รู้เลยเพคะ เพียงแต่ที่แคว้นเสวี่ยอวี้มีหิมะตกอยู่ตลอด อากาศก็หนาวเย็นมาก คิดว่าเมื่อถึงตอนกลางคืน บนถนนคงจะไม่มีคนออกมาเดินเล่นมากนักกระมัง”
ม่อหลิงหานพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเยว่เฟิงเกอ
ที่จริงตอนเขาทำาอยู่ชายแดน ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าอุณหภูมิที่แคว้นเสวี่ยอวี้นั้นต่ำเพียงใด
เพราะได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวเย็นของแคว้นเสวี่ยอวี้ ทำให้ชายแดนเป่ยชวนเองหนาวเหน็บไปด้วย ที่นั่นมีลมหนาวพัดหวีดหวิวเข้ามาตลอด
จู่ๆ เยว่เฟิงเกอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ นางเงยหน้าถามม่อหลิงหาน “ท่านอ๋องทรงสงสัยว่าหม่อมฉันไม่ใช่องค์หญิงแคว้นเสวี่ยอวี้? ”
ั้แ่ที่มาอยู่ที่นี่เยว่เฟิงเกอก็ระมัดระวังตัวอย่างยิ่งมาตลอด นางกลัวว่าจะถูกผู้อื่นจับได้ว่านางไม่ใช่องค์หญิงแคว้นเสวี่ยอวี้
ตอนนี้มาได้ยินม่อหลิงหานถามเช่นนี้ ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่ามีความเป็ไปได้ที่อีกฝ่ายจะยังสงสัยนางอยู่
แน่นอนม่อหลิงหานไม่มีทางยอมรับว่าตนยังสงสัยในตัวนาง เขากระแอมเบาๆ หนึ่งเสียง “ชายารักพูดอะไร เปิ่นหวางเพียงถามขึ้นเพราะสงสัยในความงามยามค่ำคืนของที่นั่นก็เท่านั้น จะไปสงสัยฐานะของชายารักได้อย่างไร”
เยว่เฟิงเกอหรี่ตามองม่อหลิงหานที่แสร้งตีหน้าสงบนิ่ง ในใจพอจะเดาได้คร่าวๆ แล้ว
เ้าหนุ่มนี่กำลังสงสัยนางอยู่จริงๆ เขาสงสัยนางมาั้แ่แรกจนถึงตอนนี้ก็ยังครุ่นคิดไม่หาย
ในเมื่อเป็เช่นนี้ นางตัดสินใจแล้วว่าจะเผยไพ่ให้เขาเห็นไปเลย
นางจะบอกเขาว่านางไม่ใช่คนของโลกนี้ แท้จริงแล้วนางย้อนเวลามาจากยุคปัจจุบัน
ทว่า ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังจะบอกสถานะที่แท้จริงของตนอยู่นั้น จู่ๆ เงาร่างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในคลองสายตาของนาง
นั่นคือเถ้าแก่โรงพนันว่านจินซูมู่เจ๋อ คนกำลังเดินเข้าไปในร้านยา
เมื่อม่อหลิงหานเห็นว่าสายตาเยว่เฟิงเกอจดจ่ออยู่ที่อื่น ก็ถามขึ้น “มองอะไรอยู่? ”
เยว่เฟิงเกอตอบออกมาทันทีโดยไม่ทันคิดอะไร “นั่น เถ้าแก่โรงพนันว่านจิน เขาไปทำอะไรที่ร้านขายยา? ”
เมื่อม่อหลิงหานได้ยินว่าซูมู่เจ๋ออยู่ที่นี่ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลากเยว่เฟิงเกอหมุนกายเดินกลับอย่างรวดเร็ว
เยว่เฟิงเกอรู้สึกงุนงง เหตุใดเพียงได้ยินชื่อซูมู่เจ๋อ ม่อหลิงหานถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงเช่นนี้
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันยังอยากเดินชมถนนสายนี้ต่ออีกสักหน่อยเพคะ” มือข้างหนึ่งของเยว่เฟิงเกอจับแขนม่อหลิงหานไว้ อยากให้เขาหยุดฝีเท้า อย่าลากนางกลับอีก
ม่อหลิงหานสีหน้าเ็า ไม่กล่าวอะไร เขาทำเพียงจูงมือเยว่เฟิงเกอไว้แล้วเดินออกไปจากถนนที่คนพลุกพล่านนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้