ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 67 ผมขอกอดหน่อยนะ

        จ้าวเจี้ยนเซ่อรู้สึกอัดอั้นตันใจแทบตาย

        การไม่มีลูกสืบสกุลก็ทำให้เขาแทบไม่กล้าเงยหน้าในตระกูลจ้าว หรือแม้แต่ในหมู่บ้านตระกูลจ้าวอยู่แล้ว ตอนนี้กลับถูกลู่ซือหยวนผู้หญิงหน้าเหม็นนั่นขอหย่าอีก

        แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ ยังไงก็ต้องเป็๞เขาจ้าวเจี้ยนเซ่อที่เป็๞ฝ่ายเอ่ยปากขอหย่าก่อนสิ!

        อัดอั้นตันใจมาก!

        ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าว ตอนนี้คนทั้งหมู่บ้านรู้เ๹ื่๪๫การหย่าของเขาหมดแล้ว มีสารพัดคำพูด

        นี่คือต่อหน้า ลับหลังเอาเ๱ื่๵๹น่าอับอายของเขาไปพูดจาเสียๆ หายๆ อีกเท่าไหร่

        “นังผู้หญิงน่าตาย นังแพศยาไร้ยางอาย!” จ้าวเจี้ยนเซ่อหันหน้าเข้าไร่ข้าวโพด มือก็ทำนู่นนี่ ปากก็ด่ากราด “ฉันจะเอาแกให้ตาย!”

        เวลานี้ในไร่ไม่มีใคร เขาสามารถปลดปล่อยความอัดอั้นในใจออกมาได้อย่างเต็มที่ ปากก็ด่าทอด้วยคำหยาบคายที่ไม่อาจทนฟัง มือก็ไม่ได้ว่าง สั่นระริกด้วยความตื่นเต้น

        กำลังด่าอย่างเมามัน พลันรู้สึกเหมือนของในมือใกล้จะปลดปล่อยออกมาแล้วก็รู้สึกเจ็บที่ก้น ร่างทั้งร่างก็เซถลาไปข้างหน้า

        เมื่อกี้จ้าวเจี้ยนเซ่อหันหน้าเข้าคันนาอยู่ แถมเขากำลังก่นด่าอย่างเมามัน เลยไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังเลย แต่คิดดูแล้วในยามค่ำคืนป่านนี้ ใครจะมาเดินเล่นแถวคันนากัน

        เมื่อก่อนการรดน้ำตอนกลางคืนเป็๞หน้าที่ของลู่ซือหยวน เขานานๆ จะมาสักที แต่พอมาไม่ทันไร ลู่ซือหยวนก็เอาข้าวเอาน้ำมาให้แล้วก็สงสารสามีแล้วให้เขากลับไปพักผ่อน ส่วนแม่ของเขายิ่งเป็๞ไปไม่ได้ที่จะมาส่งของให้เขาถึงในไร่ในยามค่ำคืน ดังนั้นจ้าวเจี้ยนเซ่อจึงด่าทอได้อย่างเต็มที่

        แถมในทุ่งโล่งๆ แบบนี้ การพ่นคำหยาบคายออกมาเหมือนจะยิ่งกระตุ้นความรู้สึก แล้วก็ถูกใครบางคนเตะเข้าที่ด้านหลังอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว

        ตอนล้มลงใบหน้าก็กระแทกเข้ากับคันนาพอดี ร่วงลงไปในคูน้ำส่งน้ำ กางเกงหลุดลุ่ยอยู่ที่เอว ร่างทั้งร่างอยู่ในท่าทางที่บิดเบี้ยวอย่างประหลาด นอนคว่ำอยู่ในคูน้ำ

        น้ำเย็นๆ ที่ใช้รดน้ำในยามค่ำคืนทำให้เขาสั่นเทิ้ม คว้าจับสิ่งที่อยู่ในมือ ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน แต่แล้วเขาก็ถูกใครบางคนกดหัวกระแทกเข้ากับขอบคูน้ำซ้ำๆ ขอบคูน้ำที่เสียดสีอย่างใกล้ชิด

        “อื้อ...อย่าตี...อย่าตี...” จ้าวเจี้ยนเซ่อร้อง

        แต่ยิ่งเขาขอร้อง ลู่จิ่งซานก็ยิ่งโกรธ

        ขี้ขลาดเป็๞บ้า

        พอนึกถึงคำพูดที่อีกฝ่ายด่าเมื่อกี้ก็ยิ่งลงมือหนักขึ้น

        “ช่วย...ช่วยด้วย...” จ้าวเจี้ยนเซ่อร้องอย่างอ่อนแรง

        แต่คนที่อยู่ข้างหลังเหมือนจะไม่สนใจเขาเลย เพียงแต่กดหัวเขาลง ให้หน้าของเขาเสียดสีกับคันนาไม่หยุดหย่อน เขาคิดว่าในที่สุดอีกฝ่ายก็จะปล่อยมือ แต่กลับดึงคอเสื้อของเขาแล้วเหวี่ยงลงไปในคูน้ำ กดเขาลงในน้ำ

        ความรู้สึกของการขาดอากาศหายใจทำให้จ้าวเจี้ยนเซ่อกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

        ค่ำคืนมืดมิดลมพัดแรง เป็๲เวลาเหมาะแก่การฆ่าคนชิงทรัพย์ โดยเฉพาะตอนนี้รอบข้างไม่มีใครสักคน ถึงเขาจะถูกฆ่าตายก็ไม่รู้ว่าใครเป็๲คนฆ่าเขา

        ตกลงเป็๞ยมบาลตนไหนมาปรากฏกายที่นี่แล้วเล่นงานเขากัน? หรือว่าจะเป็๞ลู่จิ่งซาน?

        แต่พอนึกดูแล้วไม่น่าใช่ ถ้าลู่จิ่งซานได้ยินคำที่เขาด่าเมื่อกี้ คงจะพุ่งเข้ามาชกเขาให้ตายไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะดึงกางเกงขึ้น ได้แต่หมอบอยู่บนพื้นร้องขอความเมตตา “ไม่กล้าแล้วครับ ผมไม่กล้าอีกแล้ว ท่านจอมยุทธ์ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วยเถิด...”

        ไอ้คนพรรค์นี้ถึงกับได้แต่งงานกับลู่ซือหยวน

        ลู่จิ่งซานคิดแล้วก็รู้สึกว่าพี่สาวของเขาเสียเปรียบ อยากจะจับไอ้เวรนี่ไปตอนทิ้ง

        สวี่จือจือยืนรออยู่ริมไร่ ได้ยินเสียงร้องครวญครางขอความเมตตาของจ้าวเจี้ยนเซ่อที่อยู่ตรงนั้น ตอนแรกก็รู้สึกสงสัย แต่พอนึกถึงสีหน้าของลู่จิ่งซานเมื่อกี้ ในที่สุดก็เอาชนะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้ อีกทั้งยังกลัวว่าเขาจะซ้อมจนปางตายแล้วจะถูกตระกูลจ้าวตามรังควานอีก ก็อดเป็๞ห่วงไม่ได้

        เธอกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ก็เห็นลู่จิ่งซานเดินหน้าถมึงทึงมา

        เขาสะบัดน้ำออกจากมืออย่างรังเกียจไปด้วย ถึงจะล้างมือแล้ว ตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่ามันสกปรกอยู่ดี เขารู้สึกขยะแขยงจ้าวเจี้ยนเซ่ออย่างมาก

        “คุณไม่เป็๲ไรนะ?” สวี่จือจือเดินเข้าไปข้างหน้า อยากจะจับมือเขา

        เขากลับหลบ “สกปรก” ชายหนุ่มพูดเสียงอู้อี้

        หลังจากสั่งสอนผู้ชายเฮงซวยแล้ว ไม่ใช่ว่าน่าจะรู้สึกดีขึ้นหรอกเหรอ? ทำไมดูแย่กว่าเมื่อกี้อีก?

        “เขาคงไม่ได้ดูออกใช่ไหม?” สวี่จือจือถามด้วยความเป็๞ห่วง

        วินาทีต่อมา เธอก็ถูกดึงเข้าไปกอด

        นี่มันอะไรกัน?

        “ผมขอกอดหน่อยนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

        “ลู่จิ่งซาน?” สวี่จือจือตอนแรกก็แข็งทื่อ ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน เหมือนจะรับรู้ได้ถึงความอัดอั้นของเขา จึงลองเอามือไปวางไว้บนหลังของเขา แล้วลูบเบาๆ “ไม่เป็๞ไรนะ พวกเราไม่จำเป็๞ต้องเอาเ๹ื่๪๫ของคนเฮงซวยแบบนั้นมาทำให้เสียอารมณ์หรอก”

        ๼๥๱๱๦์ ยกโทษให้ฉันด้วย ฉันไม่ค่อยถนัดเ๱ื่๵๹ปลอบใจคนเท่าไหร่

        “อืม คุณพูดถูก” ลู่จิ่งซานพูด พร้อมกันนั้นก็ปล่อยเธอ

        แต่แค่ปล่อยตัว ไม่ได้ปล่อยมือเธอ

        สวี่จือจือก้มหน้าเม้มปาก ในใจกลับหวานชื่น ปล่อยให้เขาจับมือเธอไว้อย่างนั้น

        ใต้แสงจันทร์ เงาของคนทั้งสองแนบชิดกัน ผู้หญิงน่ารัก ผู้ชายหล่อเหลา

        เขาจับมือเธอไว้ เธอถูกเขาจูงไว้ ข้างหูมีแต่เสียงกบเขียดหรือเสียงจิ้งหรีด

        “หิ่งห้อย!” ทันใดนั้นสวี่จือจือก็ร้องออกมาเบาๆ

        เห็นหิ่งห้อยหลายตัวถือโคมไฟเต้นระบำอยู่ในพุ่มไม้ที่ไม่ไกลออกไป

        สวี่จือจือปล่อยมือจากลู่จิ่งซาน เดินเข้าไปอย่างอยากรู้อยากเห็น เธอค่อยๆ ย่อตัวลงไม่ไกล มองหิ่งห้อยที่สัญจรไปมาในพุ่มไม้

        ลู่จิ่งซานมองมือของตัวเอง แล้วมองเด็กสาวด้วยความเอ็นดู

        “ให้ผมจับให้สักตัวไหม?” เขาเข้าไปกระซิบ

        “ไม่ต้องหรอก” สวี่จือจือยิ้ม “ดูพวกมันเล่นกันอย่างมีความสุขสิ พวกเราอย่าไปรบกวนพวกมันเลย”

        มีความสุข? ดูออกด้วยเหรอ?

        เขาส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมาอย่างเงียบๆ

        อารมณ์ก็ไม่ได้หม่นหมองเหมือนเมื่อกี้ เหมือนว่าอยู่กับเธอ ไม่ว่าเจอเ๱ื่๵๹เศร้าแค่ไหนก็ไม่ใช่เ๱ื่๵๹ใหญ่อะไร

        ลู่จิ่งซานอดคิดไม่ได้ว่าเธอเคยผ่านอะไรมาบ้างถึงได้มีนิสัยแบบนี้ อย่างน้อยหวังซิ่วหลิงก็ไม่มีทางอบรมสั่งสอนออกมาได้

        ไม่รู้ว่าพระจันทร์หายเข้าไปในเมฆ๻ั้๹แ๻่เมื่อไหร่ ถนนหนทางมืดมิด สวี่จือจือกลับไม่กลัวเลยสักนิด นั่งอยู่บนเบาะหลัง เอามือโอบเอวของลู่จิ่งซานไว้

        “สวี่จือจือ” ลู่จิ่งซานพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ร้องเพลงให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

        “ได้สิ” สวี่จือจือพูดเสียงใสจากด้านหลัง

        ...ท้องฟ้ามืดมิดคลี่ม่านลง ดวงดาราเจิดจ้าส่องประกายอยู่เคียงข้าง หิ่งห้อยโผบิน หิ่งห้อยโผบิน เธอคิดถึงใครอยู่...

        เพลงนี้เป็๲เพลงที่ไม่มีในยุคนี้ แต่ตอนนี้สวี่จือจืออยากจะร้อง มันช่างเข้ากับบรรยากาศตอนนี้เหลือเกิน

        “...หิ่งห้อยโผบิน ดอกไม้หลับใหล อยู่เคียงคู่กันจึงงดงาม ไม่กลัวฟ้ามืด กลัวแค่หัวใจแตกสลาย ไม่สนว่าจะเหน็ดเหนื่อยหรือไม่ และไม่สนว่าจะเป็๞ทิศใด...”

        ถ้าจะบอกว่าในเวลานี้มีเสียงหนึ่งที่สามารถเยียวยาทุกสิ่งได้ก็คงจะเป็๲ตอนนี้

        เสียงนี้เหมือนดาวสว่างในความมืดมิด ส่องนำทางไปข้างหน้า

        ทุกครั้งที่เขาแทบจะทนไม่ไหวก็จะนึกถึงเพลงนี้ แล้วก็จะกลับมากระตือรือร้นอีกครั้ง!

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้