หนานกงเยวี่ยรู้ดี หากท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ยยังก่อเื่วุ่นวายเช่นนี้ต่อไป บุตรชายนางก็มีแต่จะเสียเปรียบ เพราะฉะนั้นคงจะเป็การดีกว่าที่จะเอ่ยปากขอเจรจาสงบศึก แต่ถึงแม้จะเป็การขอเจรจา ทว่าก็ยังไม่ยอมปล่อยวางท่าทางเย่อหยิ่งนั้น
แต่จ้าวอิ้งเสวี่ยเองก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของนาง
ช่างมันเช่นนั้นหรือ? จะช่างมันได้อย่างไร? หนานกงเยวี่ยคงคิดมาดีแล้วสินะ
หากว่าช่างมันจริง เช่นนั้นนางควรเรียกผู้ใดมาเย็บใบหน้าที่พังยับเยินนี้? ชะตากรรมอันสิ้นหวังของนาง นางควรจะหาผู้ใดมาร่วมหลงหลุมด้วยเช่นนั้นหรือ?
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจ้าวอิ้งเสวี่ยก็หัวเราะออกมา ฟังดูแปลกประหลาดยิ่ง นางเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ใช่เ้าค่ะ พวกเราแต่งงานกันและกลายเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว ดังนั้นข้าจึงให้คนมารื้อกำแพงระหว่างเรือนหรูอี้และหอสูงอี๋ชุนทิ้ง เช่นนี้ก็จะดูเหมือนครอบครัวเดียวกันและเหมือนเป็สามีภรรยากันแล้วใช่หรือไม่เ้าคะ?
หนานกงเยวี่ยฟังดูสีหน้าก็ซีดลงทันที
นอกประตู อนุสามสี่คนตรงนั้นตระหนักได้ในทันใดว่า ที่แท้เสียงดังเอะอะเมื่อเช้านี้เป็เสียงที่ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยสั่งรื้อห้องอย่างที่คิดไว้จริงเสียด้วย
เหนียนยวี่เหลือบมองสีหน้าของหนานกงเยวี่ย ในใจอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้จ้าวอิ้งเสวี่ย
ความบ้าคลั่งของจ้าวอิ้งเสวี่ยในชาติก่อน นางเคยได้รับบทเรียนมาก่อนแล้ว ในยามนี้ใจที่อยากจะแก้แค้นของนางเกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าชาติที่แล้วเป็แน่
“ไม่ ทำเช่นนี้ได้อย่างไร? รื้อมิได้นะ พังกำแพงนั่นไม่ได้ ท่านแม่ รีบสั่งให้คนมาสร้างกำแพงกลับเร็วเข้า” เหนียนเฉิงรู้สึกตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นทันที หากไม่มีกำแพงนี้ป้องกันไว้ จ้าวอิ้งเสวี่ยจะไม่โผล่มาต่อหน้าเขาทุกเมื่อเชื่อวันหรือ?
เมื่อนึกถึงใบหน้านั้น นึกถึงเื่ที่จ้าวอิ้งเสวี่ยเพิ่งลงมือทำไปทั้งหมดเมื่อกี้ เหนียนเฉิงมิอาจทนยับยั้งความหวาดกลัวในใจได้ สตรีผู้นี้จะทำให้ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน
หนานกงเยวี่ยขมวดคิ้ว กำแพงนั่นต้องสร้างกลับมาให้ได้ หนานกงเยวี่ยอยู่ในจวนทั้งวัน ช่วยไม่ได้ที่จ้าวอิ้งเสวี่ยนางจะเหิมเกริมเช่นนี้
ทว่าหนานกงเยวี่ยยังไม่ทันเอ่ยปาก เสียงของจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับดังขึ้นก่อนก้าวหนึ่ง
“สร้างกลับมาหรือ? เปิ่นจวิ้นจู่ [1] จะดูสิว่าผู้ใดจะกล้าสร้างมันกลับ ผู้ใดสร้างครั้งหนึ่ง เปิ่นจวิ้นจู่ก็จะรื้อครั้งหนึ่ง หากเปิ่นจวิ้นจู่รื้อจนเหนื่อยแล้วก็จะให้ฝ่าาส่งคนมารื้อให้แทน เช่นนั้นก็จะช่วยลดแรงของเปิ่นจวิ้นจู่ไปได้บ้าง”
จ้าวอิ้งเสวี่ยย้ำเปิ่นจวิ้นจู่ทุกคำ เห็นได้ชัดว่าใช้ฐานะของตนกดดันผู้อื่น
และตัวตนนี้ แม้นจะเป็หนานกงเยว่ก็ยังต้องหวาดกลัว
ราชวงศ์อย่างไรก็คือราชวงศ์ แม้ว่าตระกูลหนานกงจะมีอำนาจมากเพียงใดก็ยังแตกต่างอยู่ดี
สีหน้าของหนานกงเยวี่ยยิ่งดูไม่น่ามอง นางเชื่อว่าหากเื่นี้ไปถึงหูของฮ่องเต้ เกรงว่าฝ่าาต้องเข้าข้างจ้าวอิ้งเสวี่ยเป็แน่ เพราะอย่างไรเสีย เหตุผลที่จ้าวอิ้งเสวี่ยทุบกำแพงนั้นมีน้ำหนักเพียงพอ
หนานกงเยวี่ยถอนหายใจ จ้าวอิ้งเสวี่ยผู้นี้รับมือยากกว่าที่นางคิด!
จ้าวอิ้งเสวี่ยจ้องมองใบหน้าของหนานกงเยวี่ย มุมปากนางยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจในใจของนางมีความสุขมาก นางเบนสายตาไปมองเหนียนเฉิง กล่าวเอ่ยอย่างตรงประเด็นว่า “ท่านแม่ สามีไม่สบายนัก ข้าในฐานะภรรยาควรจะดูแลอยู่เคียงข้าง ธรรมเนียมที่เ้าสาวต้องยกน้ำชาให้วันนี้ก็เลี่อนไปก่อนเถิด สามี... เ้าพักผ่อนไปพลางๆ ก่อน ไว้อีกสักพักอิ้งเสวี่ยจะกลับมาหานะเ้าคะ”
ความหมายของคำพูดนี้ก็คือนางจะคอยอยู่ข้างกายเหนียนเฉิงได้ตามใจประหนึ่งิญญาตามติดก็ไม่ปาน
เหนียนเฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้าน
จ้าวอิ้งเสวี่ยทิ้งประโยคนี้ไว้เื้ัและเดินออกจากห้องไป นางไม่ได้ออกทางประตูจวน แต่กลับเดินตรงไปที่กำแพงระหว่างสองลานที่เกือบจะถูกทุบออกไปจนหมดแล้ว...
หลังจากที่จ้าวอิ้งเสวี่ยจากไป บรรยากาศก็เปลี่ยนไปมาก
ชั่ววินาทีถัดไป กล่าวได้ไม่ชัดนักว่าเหมือนมีบางอย่างจะะเิออกมา
เป็อย่างที่คิด เพียงชั่วครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงดัง ปัง ปัง ปัง ปัง ทะลุออกมาจากในห้อง ในที่สุดหนานกงเยวี่ยก็มิอาจระงับความโกรธได้อีกต่อไป เขากวาดถ้วยชาบนโต๊ะล้มระเนระนาด
"จ้าวอิ้งเสวี่ย...นางเป็ตัวอะไร? นางคิดว่าจวนเหนียนแห่งนี้อยู่ใต้อาณัตินางจริงหรือ?"หนานกงเยวี่ยตวาดอย่างโกรธแค้น ั้แ่จ้าวอิ้งเสวี่ยก้าวเข้ามาในจวน แต่ละเื่ที่นางทำ ไม่เห็นแก่นางและเฉิงเอ๋อร์ ไม่มองนาง... หนานกงเยวี่ยคนนี้อยู่ในสายตาเลยแม้สักนิด
"อา... หนานกงเยวี่ย นางเองก็มีวันเลวร้ายแบบนี้ด้วยเช่นกันสินะ!" อนุสองลู่ซิวหรงพึมพำ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า
ไม่ใช่แค่นาง อนุสามเซวียอวี่โหรวและอนุสี่สวีหว่านเอ๋อร์เองก็มิอาจกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้
ก่อนหน้านี้จวนเหนียนเคยเป็โลกของหนานกงเยวี่ย ทว่าต่อจากนี้ไปจะกลายเป็โลกของใครนั้น ผู้ใดจะบอกได้?
เหนียนยวี่เห็นท่าทีอาการที่แสดงออกของอนุสองสามคนตรงนั้นในสายตาก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว จึงถอยห่างจากฝูงชนเงียบๆ
กำแพงระหว่างเรือนหรูอี้และหอสูงอี๋ชุนถูกรื้อทิ้งแล้ว ถึงที่สุดแล้วหนานกงเยวี่ยก็ไม่กล้าสั่งให้ผู้ใดสร้างมันขึ้นมาใหม่อีก
จวนเหนียนทั้งหมด ยกเว้นลานของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเหนียนที่เหนียนเย่าสร้างแยกตัดขาดจากโลกภายนอก ล้วนแผ่บรรยากาศแปลกประหลาดไปทั่ว
งานแต่งงานครั้งใหญ่ในวันนั้นเรียกได้ว่าโกลาหลวุ่นวาย ครั้งหนึ่งเคยกลายเป็หัวข้อสนทนาในวงน้ำชาสังสรรค์หลังมื้ออาหารตามตรอกซอกซอยถนนหนแห่งในรัฐชุ่นเทียน ผู้คนมากมายต่างล้วนรอดูการเคลื่อนไหวของจวนเหนียน
พวกคนเ่าั้รอดูงิ้วสนุกๆ รวมถึงมีคนผู้หนึ่งที่ให้ความสนใจจวนเหนียนอยู่เช่นกัน ทว่าเขากลับมีเป้าหมายที่แตกต่างออกไป...
ลานเซียนหล่าน
ข้ารับใช้จวนเหนียนเข้ามาในลาน ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ เหนียนอีหลานกำลังดื่มชาอยู่ ครั้นเห็นกล่องผ้าใบเล็กในมือของข้ารับใช้ สีหน้านางพลันดำดิ่งลงเล็กน้อย ทว่าเพียงครู่เดียวก็กลับมายิ้มแย้มใสซื่อบริสุทธิ์
"เอากล่องนั่นมานี่" เหนียนอีหลานเอ่ยปากสั่ง
ข้ารับใช้ใเล็กน้อย ก้าวไปข้างหน้าอย่างนอบน้อม "คุณหนู มีคนส่งสิ่งนี้มาที่หน้าประตูจวนมอบให้บ่าวไปส่งให้คุณหนูรองเ้าค่ะ"
คุณหนูรองหรือ?
เหนียนอีหลานรู้ดีว่าใน่สองสามวันมานี้ มีผู้คนส่งของมาที่จวนเหนียนทุกวัน และทั้งหมดก็ระบุว่าส่งให้แก่เหนียนยวี่
เหนียนอีหลานมองดูกล่องด้วยความสงสัย นางอยากเห็นของในกล่องมานานแล้วว่าเป็สิ่งใด
“ข้ารู้ ข้าจะนำไปให้ยวี่เอ๋อร์น้องสาวของข้าด้วยตัวเองแล้วมันจะต่างกันหรืออย่างไร? เ้าไม่เชื่อใจข้าถึงกระนั้นเชียวหรือ กลัวว่าข้าจะเก็บของในกล่องไว้เองงั้นหรือ?"เหนียนอีหลานกล่าวล้อเล่นอย่างใสซื่อไร้เดียงสา
"จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรเ้าคะ? บ่าวมิกล้า" บ่าวรับใช้เอ่ยอย่างเร่งรีบ ในจวนแห่งนี้ไม่ว่าผู้ใดล้วนรู้กันว่า จิตใจของคุณหนูใหญ่นั้นใจดีมีเมตตายิ่งกว่าพระอรหันต์เสียอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่คุณหนูรองยังแต่งกายเป็บุรุษก่อนหน้านี้ คุณหนูใหญ่ก็ใจดีกับคุณหนูรองมาก ยามนี้คุณหนูรองคืนฐานะบุตรีแล้ว คุณหนูใหญ่ก็ยิ่งรู้สึกสงสารเื่ที่พักที่อยู่ของคุณหนูรองมากขึ้นไปอีก ยังรับนางมายังลานเซียนหลานด้วยตัวเอง
เหล่าข้ารับใช้ต่างพูดเป็เสียงเดียวกันว่าคุณหนูรองโชคดีมากที่มีพี่สาวที่ดีเช่นนี้
"เช่นนั้นก็วางไว้ตรงนั้นเถิด" เหนียนอีหลานค่อยๆ จิบชา
บ่าวรับใช้ขานรับ วางกล่องลงบนโต๊ะแล้วก้าวถอยหลังจากไป
เหนียนอีหลานจ้องมองกล่องใกล้ๆ โดยไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำ ฟางเหอที่เฝ้าอยู่ข้างๆ พินิจมองดวงตาเหนียนอีหลาน นางลองเอ่ยหยั่งเชิง “คุณหนู บ่าวเปิดมันให้ดีหรือไม่เ้าคะ?”
“ไม่” เหนียนอีหลานเอ่ยปาก แววตาไม่แสดงออกถึงสิ่งใด "ไปเรียกคุณหนูรองมา"
ยามที่ฟางเหอเคาะประตูห้องของเหนียนยวี่ เหนียนยวี่ก็กำลังมองกล่องผ้าบนโต๊ะอย่างใจลอยเช่นกัน
เมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนส่งของมาให้นาง ในกล่องด้านซ้ายมีหยก จี้หยกห้อยอาภรณ์ จี้หยกประดับ แหวนหยก ส่วนในกล่องด้านขวามีกริช กริชแต่ละชนิดแต่ละรูปทรงล้วนมีขนาดเล็กกะทัดรัด ทว่าแหลมคมเป็อย่างยิ่ง
ไม่ต้องคิดให้มากความ เหนียนยวี่ก็รู้ว่าผู้ใดเป็คนส่งกล่องสองกล่องนี้มาให้
เหนียนยวี่ไม่แปลกใจกับการกระทำของจ้าวเยี่ยน จากนิสัยของเขา แค่นางมีสิ่งที่เขา้าแล้วละก็ เขาก็จะทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อ่ชิงมันมาจากนางแน่
แต่ฉู่ชิง...
ภาพเงาร่างของฉู่ชิงผุดขึ้นมาในหัวนาง ในวันนั้นด้านนอกศาลาฉางยวี่ นางลืมสายตาที่เขาจ้องมองมาที่นางไม่ลง
วันที่สองที่จ้าวเยี่ยนส่งหยกมาให้นางที่นี่ ช่างประจวบเหมาะกับกริชที่ฉู่ชิงส่งมาถึง
ฉู่ชิงเขา...นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ความเข้าใจเกี่ยวกับท่านแม่ทัพหลวงผู้นี้ในชาติก่อนก็เป็แค่เื่ที่เคยได้ยินมาเพียงเบาบาง ทว่าดูจากครานี้แล้ว ยังลึกลึบกว่าที่นางเคยได้ยินมาอีกทั้งยังคาดเดาไม่ได้
"คุณหนูรอง คุณหนูใหญ่เชิญคุณหนูไปพบเ้าค่ะ" เสียงของฟางเหอด้านนอกขัดจังหวะความคิดของเหนียนยวี่
เหนียนอีหลานเชิญนางไปพบหรือ?
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว ตอบรับเสียงด้านนอก เก็บของบนโต๊ะเรียบร้อยก็ลุกไปเปิดประตู
ในลานบ้าน กลิ่นหอมของดอกไม้ส่งกลิ่นชวนดอมดมผสมผสานกับกลิ่นสดชื่นของชา เหนียนอีหลานสวมชุดคลุมสีฟ้าอ่อนนั่งอยู่ตรงนั้น มองจากระยะไกล นางดูสง่างามผ่าเผย สงบนิ่งราวกับเทพธิดา
น่าเสียดายที่ความงามเช่นนี้เป็เพียงของปลอม
ไม่รู้ว่าพี่สาวแสนดีคนนี้จะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้านางเมื่อไหร่!
ตอนที่เหนียนยวี่กำลังคิด เหนียนอีหลานก็ผุดลุกขึ้นต้อนรับนางแล้ว "ยวี่เอ๋อร์ เก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวันทำอะไรงั้นหรือ? เร็วเข้า มานี่ ให้เ้าดูอะไรนี่ดีกว่า"
เหนียนอีหลานดึงมือเหนียนยวี่อย่างสนิทสนม หลังงานสมรสของเหนียนเฉิง เหนียนอีหลานก็ยิ่งทำตัวสนิทสนมกับนางมากขึ้น มากจนกระทั่งให้นางไปพักอยู่ที่ลานเซียนหลาน และดูแลนางเป็อย่างดี
"ท่านพี่ จะให้ยวี่เอ๋อร์ดูอะไรหรือ?"เหนียนยวี่ยิ้มราบเรียบ ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นั่น...” เหนียนอีหลานชำเลืองมองกล่องผ้าบนโต๊ะ แล้วย้ายสายตามองเหนียนยวี่ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย “เ้ากล่าวมาตรงๆ เลยว่า รู้จักมักจี่คุณชายตระกูลไหนอยู่ใช่หรือไม่? ส่งของไปลานเซียนหลานทุกวันๆ ผ่านไปสองสามวัน พวกเราที่นี่กลัวว่ากล่องพวกนี้คงได้กองเป็ูเา”
เหนียนยวี่เลิกคิ้วขึ้น ที่แท้เหนียนอีหลาน้าจะพบนางเพื่อเื่นี้งั้นหรือ?