ในวันรุ่งขึ้น นภายามเช้าเพิ่งส่องแสงทอประกายเจิ่ดจ้า
แทบทุกคนในจวนเหนียนต่างรู้กันว่า ค่ำคืนที่ผ่านมา จวนเหนียนได้มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม
ณ เรือนคนรับใช้ เหนียนยวี่ตื่นขึ้นมานานแล้ว เมื่อค่ำคืนก่อนนางเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหนียนเฉิงอยู่ตลอด ทว่ากลับสงบเกินความคาดหมายเป็อย่างมาก
งานสมรสยิ่งใหญ่เมื่อคืนนี้ ตามธรรมเนียมวันนี้คู่บ่าวสาวจะต้องยกน้ำชา[1] ให้แม่สามี เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจเหนียนยวี่ตั้งตารอดูเป็พิเศษ ดูจากเื่ที่จ้าวอิ้งเสวี่ยทำในงานสมรสเมื่อวานแล้ว วันนี้พิธียกน้ำชาจะต้องไม่สงบอย่างแน่นอน
เหนียนยวี่เก็บของกำลังจะออกไป ทว่านางกลับได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงเอะอะนั่นราวกับถูกทำให้เงียบลงอย่างมีเจตนา นางไม่กล้าทำเสียงดัง เหนียนยวี่ตั้งใจฟังทิศทางของเสียง มันมาจากเรือนหรูอี้และหอสูงอี๋ชุนตรงฝั่งนั้น
นั่นมิใช่เสียงจากที่พักของเ้าบ่าวเ้าสาว จ้าวอิ้งเสวี่ยและเหนียนเฉิงหรอกหรือ?
เหนียนยวี่เริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ตอนที่นางเกือบจะเข้าใกล้บริเวณนั้นก็พบว่าอนุสองลู่ซิวหรงและอนุสามเซวียอวี่โหรว ทั้งคู่ต่างยืนอยู่ที่นั่นกำลังมองไปทิศทางของลานสองลานนั่นอยู่ก่อนแล้ว
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ดูแล้วมิใช่แค่นางผู้เดียวที่สนใจเื่สามีภริยาข้าวใหม่ปลามันคู่นี้
"เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดเสียงดังั้แ่เช้าตรู่เช่นนี้? ช่างทำผู้คนไม่สบายใจยิ่งนัก!” อนุสี่สวีหว่านเอ๋อร์เป็คนสุดท้ายที่มาถึง นางเดินเหินอย่างเร่งรีบ ดวงตาเต็มไปด้วยความสนใจเื่ซุบซิบนินทา
อนุสองลู่ซิวหรงเหลือบตามองสวีหว่านเอ๋อร์ ก่อนจะหยิบใบพัดในมือขึ้นมาพัด เบ้ปากแล้วกล่าวว่า “ผู้ใดจะไปรู้? เสียงยามเช้าตรู่นี้ฟังดูคล้ายคลึงราวกับ้าจะรื้อห้อง”
"รื้อห้องหรือ? ผู้ใด้ารื้อห้องกัน? ท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ยหรือ?" สวีหว่านเอ๋อร์ยิ่งสนใจใคร่รู้ เื่เมื่อวานทำให้หนานกงเยวี่ยโมโหเป็อย่างมาก ได้ยินว่าแขนของคุณชายใหญ่เกือบจะถูกตัดขาดแล้ว!
หนานกงเยวี่ยปกป้องเหนียนเฉิงขนาดนั้น จะไม่เ็ปเจียนตายแล้วหรือ?
"พวกเราจวนเหนียน ผู้ใดจะกล้ารื้อห้องกัน? แน่นอนว่านอกจากพวกเราแล้ว..." ลู่ซิวหรงยกยิ้มมุมปากแฝงนัยยะ ไม่ปิดบังความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย
มีหนานกงเยวี่ยกดอยู่ ไม่มีผู้ใดกล้า ทว่ายามนี้มีจ้าวอิ้งเสวี่ยเพิ่มมาอีกคน...
เหอะ เช่นนั้นก็เป็ดั่งที่นางคาดหวังไว้อย่างแท้จริง ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยแต่งเข้าจวนเหนียนจะต้องปะทะกับหนานกงเยวี่ยอย่างแน่นอน จวนเหนียนนี่ช่างคึกคักเสียจริง!
ลู่ซิวหรงและสวีหว่านเอ๋อร์พูดคุยกัน อนุสามเซวียอวี่โหรวยืนอย่างเงียบๆ ไม่เอ่ยอะไรสักคำ นางเหลือบมองเหนียนยวี่ ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน สองสายตาประสานจ้องมองกัน เหนียนยวี่พยักหน้าให้เล็กน้อย เพียงชั่วครู่ก็หลบสายตาราวกับรู้กัน
เหนียนยวี่รู้ว่าทุกคนในนี้ รวมถึงอนุสามล้วนกำลังรอดูงิ้วของคู่บ่าวสาวคู่นี้
แล้วหนานกงเยวี่ยเล่า?
ภาพใบหน้าของหนานกงเยวี่ยปรากฏขึ้นในหัวของเหนียนยวี่นางงดงามเป็เอก สง่างามผ่าเผย วาจาเจ็บแสบ โเี้อำมหิต...
แม้กระทั่งความทรงจำที่ถูกทุบตีมาตลอดสิบห้าปีนี้ ก็ยังวนเวียนเข้ามาในหัวทีละฉากๆ
หนานกงเยวี่ยในชาติก่อนอาศัยตระกูลหนานกงหนุนหลัง นางอยู่ในจวนเหนียนอย่างราบรื่น ไร้อุปสรรคขัดขวาง คุมท้องฟ้าด้วยมือเดียว ทว่าชาตินี้...
คนที่จะขัดขวางนางปรากฎตัวออกมาแล้ว หึ ไม่รู้ว่านางจะทนไหวหรือไม่!
หนานกงเยวี่ยยามนี้เองก็เพิ่งตื่นเช่นกัน
เมื่อวานคอยดูแลเหนียนเฉิงที่หอสูงอี๋ชุน เป็เวลาดึกมากแล้วนางถึงค่อยกลับไปพักที่ลานของตน ทว่าเื่ที่เกิดขึ้นในจวนเหนียนเมื่อวาน ทำให้นางนอนหลับได้ไม่สนิทนัก ฝันบ้างตื่นบ้าง อีกทั้งฝันก็เป็ฝันร้ายเกือบทั้งคืน
จ้าวอิ้งเสวี่ยผู้นั้น...
“ฮูหยินเ้าคะ...”
เพิ่งนึกถึงจ้าวอิ้งเสวี่ยไป สาวใช้ก็เข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ เห็นสีหน้าสาวใช้ที่แลดูไม่น่ามอง หนานกงเยวี่ยตื่นตัวอย่างไม่รู้ตัวทันที “ทำไม? จ้าวอิ้งเสวี่ยนั่นก่อเื่อะไรขึ้นอีกแล้วใช่หรือไม่?”
“ท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ย...ท่านหญิงจ้าวอิ้งเสวี่ยนางมุ่งหน้าไปหอสูงอี๋ชุนเ้าค่ะ”
จ้าวอิ้งเสวี่ยเยือนหอสูงอี๋ชุน เช่นนั้นเฉิงเอ๋อร์ของนางคงไม่...
เมื่อคิดถึงว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยอาจทำอะไรกับเหนียนเฉิงได้ หนานกงเยวี่ยก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็ว
ณ หอสูงอี๋ชุน
เหนียนเฉิงที่ยังคงหลับอยู่ ทว่ากลับขมวดคิ้วแน่น บางครั้งก็ทำเสียงคลุมเครือในลำคอ ราวกับว่าเขากำลังพบเจอเื่น่าหวาดกลัวในความฝัน
“จ้าวอิ้งเสวี่ยที่สมควรตาย รอเหล่าจึ [1]หายดีก่อน จะหาบุรุษสักแปดคนสิบคนไปทรมานนางอย่างแน่นอน ให้นางรู้ว่าเหล่าจึใช่จะมารังแกได้ง่ายๆ !” เหนียนเฉิงเอะอะเอ็ดตะโร ความขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มจิตใจ ในใจหมายมั่นปั้นมือตัดสินใจจะไม่ปล่อยให้ชีวิตของจ้าวอิ้งเสวี่ยดีขึ้นแน่นอน
เพราะถูกรบกวนจากเสียงภายนอกจนรู้สึกกระวนกระวาย เหนียนเฉิงที่นอนอยู่บนเตียงจ้องมองหัวเตียงนิ่ง “ใครก็ได้ ตายกันหมดแล้วหรือ? รีบไปทำให้ข้างนอกเงียบให้ข้าเดี๋ยวนี้”
เหนียนเฉิงกล่าวจบ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นในห้อง ฝีเท้านั้นเดินเข้ามาใกล้เหนียนเฉิงมากขึ้นเรื่อยๆ
"น้ำ เปิ่นเช่าเย๋ [2] ้าน้ำ เทน้ำให้เปิ่นเช่าเย๋เร็วเข้า" เหนียนเฉิงหงุดหงิดเหลือจะทน
เสียงฝีเท้าในห้องชะงัก หันหลังกลับไปอีกทาง ชั่ววินาทีเสียงฝีเท้านั้นก็เปลี่ยนทิศกลับมาเข้าใกล้เหนียนเฉิงและหยุดอยู่หน้าเตียง
เหนียนเฉิงที่กำลังนอนหงายหน้า เดิมคิดว่าคนที่คอยรับใช้อยู่ในห้องจะช่วยประคองเขาลุกและป้อนน้ำให้ ทว่าเขาเห็นเพียงกาน้ำชาที่ถืออยู่ในมือข้างหนึ่ง และหยุดอยู่เหนือใบหน้าของเขา
เหนียนเฉิงขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้ตอบโต้ กาน้ำชานั้นก็เอียงลง น้ำในกาหลั่งไหลออกมากระทบใบหน้าของเขาทันที
“โอ้ย...ร้อน...ร้อน...!!”เหนียนเฉิงร้องด้วยความเ็ป หลบน้ำตามสัญชาติญาณ น้ำชาร้อนๆ ไอเดือดปุดๆ นั่นเป็ชาที่เพิ่งต้มมาไม่นาน น้ำชาไหลลงบนหน้าของเหนียนเฉิง เพียงชั่ววินาทีใบหน้าก็แดงเป็ปื้นใหญ่
“ผู้ใด? ผู้ใดกัน? ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? เหนียนเฉิงที่ปิดตาอยู่ กล่าวอย่างมีน้ำโห ใบหน้าโดนลวกปวดแสบปวดร้อนยิ่งนัก
ไร้เสียงขานรับในห้อง
เหนียนเฉิงรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องไม่ถูกต้องนัก จวนเหนียนแห่งนี้ยังจะมีผู้ใดจะกล้ามาทำเช่นนี้กับเขาอีก?
ทันใดนั้น เหนียนเฉิงก็นึกถึงจ้าวอิ้งเสวี่ยขึ้นมา เขาลืมตาด้วยความใทันที ทว่ายังไม่ทันลืมตาดีนัก ภาพที่เห็นหลังลืมตาดีแล้ว กลับยิ่งทำให้จิตใจเขาอึดอัดคับแน่นในทันที
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าเตียงก็คือ ‘จ้าวอิ้งเสวี่ย’ จริงๆ !
นางแต่งกายด้วยชุดขาวเหมือนเมื่อวาน มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือเมื่อวานนางสวมหมวกซาเม่าปกปิดใบหน้า ทว่ายามนี้นาทีนี้ ใบหน้านั้นที่ัักับอากาศมิมีสิ่งใดปกปิดอยู่เลย
รอยแผลเป็บนใบหน้าทั้งลึกและตื้นมองเห็นได้ชัดเจนและน่ากลัวอย่างยิ่ง
นั่น...ยังเรียกว่าเป็ใบหน้าคนได้อีกหรือ?
“ผี...” เพียงเหลือบมองครั้งเดียว เหนียนเฉิงใกลัวจนแทบจะสูญสิ้นิญญา โดยไม่สนใจความเ็ปที่เกิดจากาแบนร่างกาย เขาะโขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมเตียงทันที
ดวงตาจ้าวอิ้งเสวี่ยเคร่งเครียดกดดัน แต่กลับมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ทว่าภายใต้รอยแผลเป็นั่น รอยยิ้มนี้ไม่เพียงแต่ไร้สุนทรียภาพ ยังทำให้ใจคนหวาดกลัวยิ่งนัก
“ผี? ผีอะไรหรือ? สามี ข้าคือภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาของเ้านะ!” จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยกล่าว น้ำเสียงแหบแห้งของนางทำให้จิตใจคนเหน็บหนาวขึ้นมาทันที
“ไม่... ไม่ใช่!” เหนียนเฉิงกล่าวออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขา เหนียนเฉิงผู้นี้จะแต่งงานกับคนอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
หน้าตานั่น...
เหนียนเฉิงไม่กล้ามองหน้าจ้าวอิ้งเสวี่ยอีก
“สามีรังเกียจใบหน้าน่ากลัวของข้าหรือ?” ความเยือกเย็นในดวงตาถูกกลบแทนที่ด้วยความเคียดแค้นอันรุนแรง ฉับพลันนั้นเสียงของนางก็ดังขึ้น “ทว่าเ้าอย่าลืม เื่ทั้งหมดนี้คงต้องขอบคุณเ้าเหนียนเฉิง!"
"ไม่ ไม่ใช่ข้า..." ดวงตาของเหนียนเฉิงกะพริบราวกับทนรับไม่ไหว และะโใส่จ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างบ้าคลั่ง "เ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไปจากห้องของข้าเดี๋ยวนี้!"
ทันทีที่กล่าวจบ เสียง‘ปั้ง’ของประตูที่ถูกผลักออก แสงแดดจ้าสาดส่องเข้ามา จ้าวอิ้งเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย นางได้ยินเสียงร้องเรียกราวกับได้เป็อิสระของเหนียนเฉิงตามมาติดๆ "ท่านแม่ ช่วยข้าด้วย...เร็วเข้า รีบมาไล่สตรีผู้นี้ออกจากห้อง นาง้าจะฆ่าข้าแล้ว...นาง้าจะฆ่าข้า!"
จ้าวอิ้งเสวี่ยได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลัง เหนียนเฉิงะโลงจากเตียงและรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหนานกงเยวี่ย เพื่อหาที่หลบภัย
หนานกงเยวี่ย!
จ้าวอิ้งเสวี่ยหรี่ตามอง สวมผ้าคลุมปกปิด หันไปเผชิญหน้าแม่ลูกคู่นี้ รวมทั้ง... หลังฉากกั้น จ้าวอิ้งเสวี่ยมองเห็นกลุ่มคนที่ยืนอยู่นอกประตูอย่างเลือนราง
มาดูอะไรสนุกๆ กันหรือ?
จ้าวอิ้งเสวี่ยหัวเราะขำขัน
นอกประตู เหนียนยวี่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนมองดูสถานการณ์ในห้อง แน่นอนว่านางมิอาจพลาดงิ้วสนุกๆ เื่นี้ได้
ภายในห้อง หนานกงเยวี่ยมองใบหน้าอันแดงก่ำของเหนียนเฉิง นางรู้สึกสงสารเป็ยิ่งนัก จากนั้นสีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธเคือง "จ้าวอิ้งเสวี่ยอย่าให้เกินไปมากนัก!"
"ท่านแม่" จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยเรียกเสียงเบา ‘แม่’ คำนี้ ทำให้หนานกงเยวี่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ "นี่ไม่มากเกินไปหรือ?!"
นางอยากให้เหนียนเฉิงมีชีวิตอยู่ยิ่งกว่าความตาย เพียงแค่ชาร้อนกานี้จะถือว่ามากเกินไปได้อย่างไร?
"ท่านแม่ ท่านฟังนะ นางจะฆ่าข้าจริงๆ ท่านแม่..." ความกลัวของเหนียนเฉิงรุนแรงขึ้น จับมือของหนานกงเยวี่ย ทั้งใบหน้าของจ้าวอิ้งเสวี่ย เขาไม่มีทางอยากมองอีกเด็ดขาด
หนานกงเยวี่ยปลอบประโลมเหนียนเฉิง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เชิดคางขึ้นเล็กน้อยและมองตรงไปยังจ้าวอิ้งเสวี่ย "ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย เ้ากับเฉิงเอ๋อร์อย่างไรก็สมรสกันแล้ว ในเมื่อเ้าเรียกข้าว่าแม่ หลังจากนี้พวกเราก็เป็ดั่งครอบครัวเดียวกันแล้ว เื่ที่ผ่านมาทั้งหมด ลืมไปเสียไม่ดีกว่าหรือ? ”
เชิงอรรถ
[1] ยกน้ำชา คือ การแสดงความเคารพต่อญาติผู้ใหญ่
[2] เปิ่นเช่าเย๋ หมายถึง ตัวข้าผู้เป็คุณชาย เปิ่น... เป็คำที่เหล่าเชื้อพระวงศ์ หรือชนชั้นสูง มักใช้เรียกเป็คำแทนตัว โดยจะวางคำว่า “เปิ่น” ไว้ด้านหน้า แล้วตามด้วยคำบอกตำแหน่งหรือคำบอกฐานะด้านหลัง