ดังนั้นนางจึงอุตสาหะตีสนิทเจวี๋ยเฉินแทน เริ่มจากใช้อำนาจและเงินทองหลอกล่อ ทว่ากลับไร้ผลเพราะเขาไม่ติดกับ เขาไม่สนใจข้อเสนอแต่งตั้งเป็ขุนนางแม้สักนิดเดียว หลังจากนั้นนางยังพยายามส่งสาวงามมาอีกด้วย แต่ก็ไม่เกิดผลเพราะเขามีจิตใจมั่นคงดั่งน้ำนิ่ง ละทิ้งกิเลสตัณหาของมนุษย์ไปนานแล้ว ท้ายที่สุดแล้วครั้งหนึ่งนางาเ็เกือบตาย ก็ได้พระสงฆ์ผู้ใจประเสริฐบริสุทธิ์รูปนี้ช่วยชีวิตตนไว้
หลังจากเหตุการณ์นั้น เจวี๋ยเฉินจึงช่วยนางคิดวางกลยุทธ์ และเป็่เวลาเดียวกันที่ได้รับความช่วยเหลือของเจวี๋ยคงต้าซือ ในชาติก่อนที่เหยียนอี้เลี่ยสามารถขึ้นครองราชบัลลังก์นั่นได้ ถอนรากถอนโคนเหล่าหน่อเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ไปมากมาย หรือกระทั่งกำจัดอ๋องต่างอาณาจักรและศัตรูตัวฉกาจที่สุดอย่าง ‘เฟิ่งเฉาเกอ’ สำเร็จ เขาไม่ได้พึ่งตนเพียงอย่างเดียว แต่คือการที่เจวี๋ยคงต้าซือเผยความลับสุดยอดแห่ง์รวมถึงการสละชีพในตอนท้ายของเจวี๋ยเฉิน
ในอดีตคนคนนี้และเจวี๋ยคงอาจารย์ของเขาต่างได้รับผลตอบแทนที่ไม่น่าพิสมัย ร่างไร้ิญญาตกตายในที่ทุรกันดาร น่าเวทนาเหลือคณานับ เดิมทีพวกเขามีความชอบธรรมที่จะบรรลุมรรคผล จะออกท่องโลกอย่างเสรีก็ย่อมได้ ทว่าเป็เพราะตัวนาง...
ไป๋เซียงจู๋ก้มหน้าและหลุบตาลง ความขมขื่นและอัดอั้นคลอที่เบ้าตาเหมือนจะทะลักออกมาเสียให้ได้ นิ้วมือทั้งห้าใต้แขนเสื้อกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ แต่นางกลับไม่รู้สึกเ็ปแม้แต่น้อย
เกิดใหม่หนนี้นางจะปกป้องครอบครัวที่รัก แก้แค้นลบล้างความพยาบาท พระเจวี๋ยเฉินผู้นี้เคยมีบุญคุณต่อนางในอดีต ชาตินี้นางจะปล่อยให้เขาเดินเส้นทางที่น่าสังเวชไม่ได้เด็ดขาด
หนทางที่ดีที่สุดในการปกป้องพวกเขาก็คืออยู่ให้ไกล มีแต่หลีกหนีให้ห่างเท่านั้นที่จะทำให้โศกนาฏกรรมไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง
“ตู้เจวียน ข้าเพลียแล้วล่ะ พวกเรากลับห้องฌานกันเถอะ”
สายตาของไป๋เซียงจู๋มองข้ามเจวี๋ยเฉินที่ยืนอยู่ตรงนั้น นางไม่รีรอ พูดกับตู้เจวียนที่กำลังยืนเหลอหลาทันที
พอตู้เจวียนถูกคุณหนูของตนเรียก นางก็หลุดจากภวังค์ พยักหน้ารับซื่อๆ ทว่าหางตายังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชายรูปโฉมเลิศล้ำผู้ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกล ทั้งที่เขาแต่งกายด้วยชุดคลุมสงฆ์สีขาวแสนธรรมดา ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้ากลับเปล่งรัศมีบริสุทธิ์เหนืุ์เดินดิน ช่างเป็บุรุษที่งดงามเหลือเกิน
ท่วงทีสูงสง่าเช่นนี้ให้ความรู้สึกเ็าราวกับไม่แยแสสิ่งใด บุรุษผู้นี้เป็ใครกันแน่หนอ เป็แขกชาวพุทธของวัดนี้หรือ คงไม่ใช่พระสงฆ์กระมัง แต่ลูกประคำในมือของเขาหมายความว่าอะไร...
“ตู้เจวียน?” ไป๋เซียงจู๋เดินหน้าไปสองก้าวแล้ว เมื่อพบว่าสาวใช้ของตนไม่ได้ตามมาจึงหันกลับไปดู ทว่าก็เห็นตู้เจวียนนิ่งอึ้งจ้องคนเขาด้วยความหลงใหลอยู่อย่างนั้น
นางถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ เด็กคนนี้นี่นะ ปกติก็ดูไม่เหมือนคนคลั่งชายงามเสียหน่อย ไยคราวนี้จึงมองตามบุรุษเสียจนเคลิบเคลิ้ม ลูกตาแทบจะหลุดออกมาแล้ว ไม่สงวนกิริยาท่าทีอันพึงมีของหญิงสาวเลย
ถึงกระนั้นไป๋เซียงจู๋ก็รู้อยู่แก่ใจดี ตัวนางในชาติก่อนได้พบเจวี๋ยเฉินครั้งแรกตอนเขาปลงผมบวชแล้ว ทว่าเป็เพราะใบหน้าหล่อเหลาไร้เทียมทานจนน่าหมั่นไส้นี้นี่เองที่ทำให้นางอุทานและตะลึงด้วยความชื่นชมเช่นกัน น่าเสียดายว่าตนในตอนนั้นแม้ตกตะลึงแล้วอย่างไรเล่า ทั้งหัวใจของนางคือเหยียนอี้เลี่ย ชายอื่นเป็เพียงอาหารตาสำหรับนางเท่านั้น
“คุณหนู” ตู้เจวียนกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเซียงจู๋
เจวี๋ยเฉินมองไป๋เซียงจู๋เดินลิ่วผ่านตนไป ตัวเขายืนข้างต้นซิ่งไม่ขยับเขยื้อน ทว่าเอ่ยปากไปทางทิศที่ไป๋เซียงจู๋อยู่แทน “อมิตาภพุทธ อาตมาเจวี๋ยเฉินเผอิญผ่านทางนี้ รบกวนสีกา อาตมาเสียมารยาทแล้ว” บุรุษในชุดขาวบริสุทธิ์กล่าวกับไป๋เซียงจู๋ในเชิงขอโทษ
ไป๋เซียงจู๋ที่เดิมทีจงใจแสร้งทำเป็เพิกเฉยต่อทุกสิ่งหยุดฝีเท้าอย่างงุนงง เดิมทีนางไม่้าพัวพันอะไรอีกแล้ว แต่เขาดันเริ่มทักด้วยตนเองก่อน หากนางยังเสแสร้งไม่รู้ไม่เห็นต่อไปจะดูไม่เหมาะสมนัก นางจึงหันหน้ากลับมาคารวะเจวี๋ยเฉินเล็กน้อย
“ต้าซือไม่จำเป็ต้องตำหนิตนเ้าค่ะ ข้าน้อยแซ่ไป๋ เป็ข้าน้อยเองต่างหากที่พาสาวใช้มายังที่แห่งนี้ ต้าซือจะรบกวนพวกเราได้อย่างไรเล่า ข้าจะพาสาวใช้ไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เชิญต้าซือตามสะดวกเ้าค่ะ” ไป๋เซียงจู๋พูดแล้วคารวะทำความเคารพเจวี๋ยเฉินอีกหน จากนั้นก็เดินนำตู้เจวียนกลับ
“ฮ้า! พระหรอกหรือ... น่าเสียดายจริง” ตู้เจวียนที่อยู่ข้างๆ พึมพำด้วยน้ำเสียงเจือความผิดหวัง ไป๋เซียงจู๋คลี่ยิ้มบาง ในชาตินี้ ขอเพียงนางหลีกห่างจากเขา นางจะไม่ทำให้เขาทุกข์ทรมานเหมือนชาติก่อนอีกอย่างแน่นอน
เจวี๋ยเฉินมองร่างในชุดสีชิงค่อยๆ ห่างไกลออกไป ั์ตาดุจน้ำใสสงบนิ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็ความเข้าใจผิดของตนหรือไม่ เขารู้สึกว่าโยมไป๋ผู้นี้มีความเฉยชาที่อธิบายไม่ได้ต่อตน เขากระทำกิริยาละลาบละล้วงเกินไปหรือเปล่า
ดวงตาฉายแววสำนึกผิดรางๆ และบอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใด ในตอนนั้นสีชิงท่ามกลางทะเลบุปผาขาวราวหิมะนั่นช่างสบายตา ทำให้ตนยืนมองอยู่นานสองนานเสียได้
ั้แ่บัดนั้น ไป๋เซียงจู๋ไม่เคยไปเยือนป่าดอกซิ่งบนเขาหลังวัดอีกเลย ทว่าตู้เจวียนที่ออกไปอีกจะบรรยายให้ฟังประหนึ่งได้เห็นกับตาทุกครั้งไป เช่นว่าสองสามวันนี้มีผู้แสวงบุญมามากมาย หลากหลายทั้งชายหญิง ไป๋เซียงจู๋ตอบรับด้วยรอยยิ้มละไม นางไม่เหลือใจใฝ่หาเื่รักๆ ใคร่ๆ ระหว่างชายหญิงพวกนี้แล้ว ตัวนางในอดีตชาติไร้เดียงสามาก มุ่งมาดปรารถนามาก จึงทำให้ชีวิตนางน่าเวทนาเหลือแสน ชาตินี้นางถูกลิขิตให้ใช้ชีวิตในเงามืด ความสุขความสมหวังเ่าั้ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับตน
สามวันให้หลัง รถม้าธรรมดาแต่งม่านสีชิงคันหนึ่งจอดอยู่หลังวัดต้าโฝแต่หัววัน
“คุณหนู ฮูหยินรองส่งรถม้ามารับแล้วเ้าค่ะ คุณหนูจะออกเดินทางทันทีเลยไหมเ้าคะ” ตู้เจวียนถามพลางมองไป๋เซียงจู๋ที่กำลังนั่งพิงหน้าต่างชมทิวทัศน์ด้านนอกอย่างสงบ