“ถือว่าเ้ายังรู้ตัวเองอยู่บ้าง!” เจียงหงหย่วนอัดอั้นอยู่นานแต่กลับพูดออกมาได้แค่นี้
หลินหวั่นชิวหัวเราะอยู่ด้านหลังเขา จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าบางครั้งบุรุษขี้เก๊กผู้นี้ก็น่ารักมาก
เพียงแต่…
อย่างไรเสียงานของนางก็ไม่ยุ่งมาก ไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดของความลำบากกันเถิด!
“หย่วนเกอ พรุ่งนี้พวกเราไปดูเครื่องเรือนเก่าและดูบ้านพักกันดีหรือไม่ ถ้าไม่เจอที่ถูกใจก็เช่าหลังเล็กๆ ไปก่อน เช่นนี้แล้วหากวันใดท่านเลิกงานดึกเกินไปจะได้นอนในอำเภอเสีย อีกอย่าง เช่าบ้านแล้วหงหนิงย่อมมาอยู่ได้ด้วย หงป๋อหายดีแล้วจะเรียนแพทย์คงต้องมาในอำเภอเช่นกัน แน่นอนว่าข้าเองก็สามารถมาพักบ้างเป็ครั้งคราว”
ยังไม่ถึงที่หมาย หลินหวั่นชิวเล่าความคิดของตัวเองให้เจียงหงหย่วนฟัง
“เื่บ้านฝากให้คนกลางช่วยหาให้แล้ว เหลียงต้าเกอช่วยเหลือ อีกวันสองวันคงมีข่าว ถึงตอนนั้นก็ลองเลือกดู หากดีก็เช่า”
เขาไปดูบ้านแถวบ่อนมาแล้ว ที่นั่นมีคนทุกประเภทปะปนกันเยอะเกินไป มีซ่องนางโลมหลายแห่ง คนที่มีภรรยาแล้วเช่นเขาจะเช่าที่เช่นนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากภรรยาตัวน้อยถูกพวกสกปรกไม่มีตาลวนลามขึ้นมาคงไม่ดี
เหลียงหู่เห็นเขาไม่พอใจกับบ้านตรงนี้ก็เสนอตัวช่วยเหลือ เขาเป็อันธพาลประจำอำเภอ ใช้ให้ผู้ใดทำสิ่งใดย่อมง่าย และยังไม่มีใครผู้ใดกล้ารังควานเจียงหงหย่วนอีกด้วย
“เช่นนั้นเช่าบ้านได้แล้วต้องเชิญเหลียงต้าเกอมาเลี้ยงข้าวขอบคุณให้ดี ท่านยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่และผู้คนในอำเภอ ยังมีจุดที่ต้องให้คนช่วยเหลืออีกมาก”
นี่สินะรสชาติของการถูกภรรยาควบคุมอย่างที่ผู้อื่นพูดกัน…
เจียงหงหย่วนคุยกับหลินหวั่นชิว แต่ใจเขาคิดไปไกลเสียแล้ว
ทว่าเขากลับชอบความรู้สึกเช่นนี้
ในที่สุดก็มีคนห่วงใยเขาแล้ว มีคนดูแลเขาแล้ว
“เื่บ้านพวกเราค่อนข้างยุ่งยาก ไม่รู้ว่าลุงทงเป่าจะจัดการได้เรียบร้อยหรือไม่” มีคนในหมู่บ้านใช้อุบายปองร้าย เื่นี้ทำให้หลินหวั่นชิวไม่สบายใจเป็อย่างมาก
ความจริงนางไม่ได้สนใจชาวบ้านกับบ้านเหล่าหลิน สนใจแค่บ้านตระกูลสวี ต่อให้เื่นี้ตระกูลสวีจะไม่ได้อยู่เื้ั แต่หัวหน้าหมู่บ้านสวีฝูย่อมมีเจตนาร้ายต่อบ้านตระกูลเจียงและหลินหวั่นชิวเป็แน่
มีคำกล่าวว่าอย่างไรนะ?
อย่าเห็นว่าเป็แค่หัวหน้าหมู่บ้านแล้วจะมีอำนาจน้อย
หัวหน้าหมู่บ้านเป็แค่ตำแหน่งเล็กๆ ก็จริง แต่เขาคุมทั้งหมู่บ้าน จะกลั่นแกล้งชาวบ้านธรรมดาย่อมง่ายนิดเดียว
“วางใจเถิด ถ้าลุงทงเป่าจัดการไม่ได้ก็ให้ผู้อื่นจัดการ อย่างมากก็แค่จ่ายเงินเยอะหน่อย สวีฝูเป็หัวหน้าหมู่บ้านแต่ไม่ถือว่าเป็กระไรทั้งนั้น”
หากสวีฝูอยู่เื้ัจริง…เช่นนั้นเขาจะจัดการให้อีกฝ่ายขาเป๋ ให้เป็หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้อีก!
“เ้าไม่ต้องสนใจเื่อื่น สามีของเ้ายังไม่ตายนะ” เจียงหงหย่วนพูดอู้อี้ เสียงเขาทุ้มต่ำมาก เหมือนเสียงลำโพงที่ดังล้อมรอบ น่าฟังมาก
“ได้ ท่านมีหน้าที่หาเงินเลี้ยงครอบครัว ข้ามีหน้าที่ทำตัวให้งดงามดั่งบุปผา!” หลินหวั่นชิวพูดหยอกล้อเจียงหงหย่วน
ไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดประโยคนี้ของนางจะเข้าไปถึงใจบุรุษซื่อๆ ผู้นี้
“รู้ก็ดี” เสียงเจียงหงหย่วนยังคงทุ้มต่ำ แต่หลินหวั่นชิวฟังออกว่าในเสียงนั้นกลั้นความสุขไว้
บุรุษขี้เก๊ก
ทั้งคู่คุยกันไม่หยุดตลอดทางจนมาถึงจุดหมาย
เจียงหงหย่วนจอดรถล่อไว้ด้านข้าง หลินหวั่นชิวเข้าร้านหนังสือเพียงลำพัง
พนักงานเห็นนางมาก็รีบเชิญไปที่ห้องโถงด้านหลัง ยกชากับขนมมาให้แล้วไปตามเถ้าแก่
“ไอ๊หยา สะใภ้น้อยตระกูลเจียง ในที่สุดท่านก็มาเสียที!” เถ้าแก่หลิวรู้ว่าหลินหวั่นชิวมาก็ตื่นเต้น เสียงส่งมาถึงั้แ่ตอนที่ตัวยังไม่เข้าห้อง
“เถ้าแก่หลิว วันนี้วันที่สองเองนะ!” นางเอ่ยเตือน นัดไว้ว่าจะมา่ต้นเดือน นางมาวันที่สองก็กระตือรือร้นเสียแล้ว
“ข้าแค่ใจร้อนน่ะ จริงสิ ครั้งนี้ท่านช่วยทิ้งที่อยู่ไว้หน่อยเถิด วันหน้าหากมีอันใดกระไรจะได้ส่งคนไปหาท่านที่บ้านหรือไม่ก็ส่งข่าว ไม่ทราบว่าท่านสะดวกหรือไม่?”
“เราทำการค้าร่วมกันสำเร็จ นี่เป็สิ่งที่สมควรอยู่แล้ว” ในทางกลับกัน หากยังไม่ทำการค้าก็ไม่จำเป็ต้องให้ที่อยู่
“ข้าก็ว่าเช่นนั้น การค้าของเราต้องสำเร็จอยู่แล้ว! ข้อตกลงยังเป็เช่นเดิมเหมือนที่เคยคุยกัน พวกข้าเป็คนออกค่าหมึกกับกระดาษ แต่ทุกเดือนต้องคัดตำราให้ร้านเราเดือนละสิบเล่มเป็อย่างน้อย!”
“เถ้าแก่หลิว ท่านจะให้ข้าเหนื่อยตายหรือ?”
เถ้าแก่หลิวหัวเราะ “ไอ๊หยา แม่นาง ท่านช่วยเห็นใจข้าด้วย หากพวกข้าขายหนังสือแต่กลับมีขายแค่บางวันจะไม่ผิดต่อลูกค้าหรือ? เถ้าแก่ใหญ่บอกว่าถ้าท่านส่งให้ได้เดือนละสิบเล่มจะให้ราคาเล่มละเจ็ดตำลึง”
หลินหวั่นชิวยิ้มในใจ เสียนอวี๋มีฟังก์ชันทำซ้ำ ไม่ใช่เพียงสิบเล่ม ต่อให้้าเป็ร้อยเป็พันเล่มนางย่อมทำให้ได้
แต่การทำเช่นนั้นจะเผยพิรุธ
หลินหวั่นชิวไตร่ตรองสักพักก่อนจะตอบว่า “เอาเช่นนี้แล้วกัน ตำราตรีร้อยพันรวมกับสี่ตำราห้าคัมภีร์ทั้งหมดราคาแปดสิบตำลึง ข้าจะลองส่งให้พวกท่านเดือนละสองชุดก่อน หากมีเวลาเหลือจะคัดเพิ่มให้ ถ้า้าให้ข้าคัดตำราอื่นๆ จะคิดราคาแยกต่างหาก”
เถ้าแก่หลิวดีใจมาก หลินหวั่นชิวไม่เพียงแต่กำหนดรายชื่อหนังสือ แต่ยังเป็ฝ่ายเพิ่มปริมาณขึ้นเองโดยลดราคาลง แน่นอนว่าจำนวนคำให้ตำราตรีร้อยพันเทียบสี่ตำราห้าคัมภีร์ไม่ได้ แต่นี่ถือว่าหลินหวั่นชิวลดราคาลงให้
“ได้ ตกลงตามนี้! แม่นางเป็คนตรงไปตรงมา! พวกเราลงนามในสัญญากันเถิด”
หลินหวั่นชิวส่ายหน้า “ไม่จำเป็ ข้าจะนำของมาส่งให้ท่านทุกวันที่หนึ่งของเดือน นำของมาก็จ่ายเงินไป นี่ไม่ใช่ธุรกิจใหญ่กระไร อีกอย่าง ที่บ้านยังมีงานต้องทำอีกมาก หากมีสิ่งใดทำให้ล่าช้าและผิดสัญญาคงไม่ดีเป็แน่”
เถ้าแก่หลิวผิดหวังมากที่หลินหวั่นชิวไม่ยินดีทำสัญญา แต่เขาก็เข้าใจ เพราะไม่มีใครที่คัดหนังสือขายให้ร้านเขาทำสัญญาเช่นกัน นำของมาก็จ่ายเงินไปกันหมด
“ได้ จริงสิ เถ้าแก่ใหญ่ฝากให้ข้านำสิ่งนี้มาให้ท่าน ท่านแค่นำป้ายนี้ออกมาแสดงตอนซื้อของที่ร้านจี๋ฮุ่ยของพวกเราที่อยู่ในอำเภอ ทุกอย่างที่ไม่ถือว่าขาดทุนจะได้รับส่วนลดหนึ่งส่วน”
ร้านหนังสือต่างจากร้านค้าประเภทอื่น สินค้าทุกอย่างมีการกำหนดราคา ต่อรองไม่ได้
ลูกค้ามีแต่คนเรียนหนังสือ ไม่มีคนเรียนหนังสือคนใดซื้อของแล้วจะลดศักดิ์ศรีลงมาต่อรองราคาแค่น้อยนิด ทว่าพวกเขาจะเปรียบเทียบราคาของแบบเดียวกัน หากร้านไหนถูกกว่าก็ซื้อร้านนั้น
พ่อค้าในวงการนี้ต่างรู้กันว่าสิ่งใดราคาเท่าไร ทุกคนตั้งราคาเดียวกันหมด
ไม่มีใครบ้าไปทำาราคา ไม่ได้มีความแค้นฆ่าพ่อล้างโคตรต่อกันเสียหน่อย มีแต่คนเขลาเท่านั้นที่จะทำเื่ทำลายศัตรูหนึ่งพัน แต่ตัวเองสูญเสียแปดร้อย
