ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

บทที่ 106 ล่อดื้อตัวหนึ่ง

        ตลาดนัดครั้งนี้จัดที่หมู่บ้านข้างๆ หมู่บ้านผานสือซึ่งอยู่ไม่ไกล แถมสองวันนี้อากาศดีไม่มีหิมะตก การเข็นรถเข็นของลู่จิ่งซานก็ไม่ลำบากนัก

        แต่คนที่อัดอั้นสุดๆ คือหลิวเหมียว เดิมทีเธอเตรียมเ๱ื่๵๹ซุบซิบมาเต็มกระเป๋าจะเม้าท์กับสวี่จือจือ แต่ดันมีลู่จิ่งซานโผล่มา ถึงเขาจะนั่งรถเข็น แต่ออร่าของเขากลับไม่ธรรมดาเลยสักนิด หลิวเหมียวเลยกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร

        จะคุยเ๹ื่๪๫ซุบซิบในหมู่บ้าน? เมียบ้านใครคลอดลูก? หรือเมื่อวานโจวเป่าเฉิงพาอันฉินไปศูนย์พักแล้วถูกฟางย่วนย่วนด่าจนเสียหน้า?

        ช่างเถอะ เ๱ื่๵๹พวกนี้เธอจะกล้าพูดต่อหน้าลู่จิ่งซานได้ยังไง? แถมตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้ เธอที่เป็๲เหมือนหลอดไฟดวงใหญ่ยืนเกะกะอยู่ตรงนี้มันเสียของเปล่าๆ

        “ใช่แล้ว” ยังไม่ทันถึงประตูหมู่บ้าน หลิวเหมียวก็ตบหน้าผากตัวเอง “ฉันลืมเอาเงินมา ดูความจำฉันสิ จือจือ เธอไปก่อนเลยนะ ฉันต้องกลับไปเอาก่อน” พูดจบไม่รอให้สวี่จือจือตอบ เธอก็หันหลังวิ่งไปทันที

        สวี่จือจือ “…”

        ตอนนั้นเองเธอได้ยินน้ำเสียงรู้สึกผิดของลู่จิ่งซาน “หรือว่าผมไม่ควรมาด้วย?”

        “เปล่าหรอก” สวี่จือจือได้สติแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “หลิวเหมียวเป็๲แบบนี้แหละ ขี้หลงขี้ลืม”

        “งั้นก็ดี” ลู่จิ่งซานพูด

        “แต่…” สวี่จือจือถามเขาด้วยความสงสัย “คุณไม่ได้บอกว่าไม่มีอะไรต้องซื้อเหรอ?”

        “สหายสวี่” ยังไม่ทันที่คำพูดของเธอจะจบก็มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูหมู่บ้าน พอเห็นสวี่จือจือเขาจับกางเกงตัวเองด้วยความตื่นเต้น “เธอ…มาจ่ายตลาดด้วยเหรอ?”

        “ปัญญาชนเมิ่ง” สวี่จือจือยิ้มทักทาย “มีอะไรเหรอ?”

        “ไม่…มี” เมิ่งไห่หยางส่ายหัวก่อนแล้วค่อยพยัก “ฉัน…อยากถามเธอหน่อย หนังสือมัธยมปลายของเธอ ฉันยืมไปใช้ได้ไหม?”

        โควต้าสองที่ของโรงเรียนประถมของประชาคม อันฉินได้ไปหนึ่งที่ อีกที่ตกเป็๲ของเยาวชนปัญญาชนจากหมู่บ้านเป่ยสุ่ย

        แต่เมิ่งไห่หยางกลับมีชื่อเสียงโด่งดังจากการช่วยซ่อมเครื่องปั๊มน้ำของหลายหมู่บ้าน แถมตอนนวดข้าวมีรถแทรกเตอร์เสีย เขาก็ช่วยซ่อมจนสำเร็จ สุดท้ายโชคดีได้เข้าไปเป็๞ช่างเทคนิคที่ประชาคม แต่การมาขอยืมหนังสือจากเธอ ทำให้สวี่จือจือสงสัย

        “ฉัน…อยากดูหนังสือฟิสิกส์มัธยมปลาย” เขาเกาหลังคอ “มีบางความรู้ที่ฉันไม่อยากลืม”

        ถ้าไม่รู้ว่าเขาเป็๞คนรักการเรียนขนาดนี้ สวี่จือจือคงสงสัยว่าเขารู้ข้อมูลวงในอะไรรึเปล่า เช่น การสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กำลังจะกลับมาอีกครั้ง?

        “ได้สิ” สวี่จือจือพูดยิ้มๆ “ต่อไปถ้าอยากยืมหนังสืออะไรก็ไปที่บ้านได้เลย” ไม่ต้องมายืนรอแบบนี้ อากาศหนาวๆ ไม่กลัวหนาวเหรอ?

        “จริงเหรอ?” เมิ่งไห่หยางทั้งตื่นเต้นทั้งละอาย “สหายสวี่ ฉัน…ขอโทษนะ ที่เคยพูดกับเธอแบบนั้น!”

        เขานึกถึงอดีต เขาเคยเชื่อคำพูดไม่กี่คำของอันฉินแล้วไปร้องเรียนสวี่จือจือที่ประชาคมด้วยกัน โชคดีที่หลังจากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

        “มีอะไรอีกไหม?”

        ลู่จิ่งซานที่เงียบอยู่นาน จู่ๆ ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ถ้าไม่ไปตอนนี้ เดี๋ยวจะพลาดตลาด”

        “อ้อ?” เมิ่งไห่หยางรีบพูด “ฉัน…ไม่รู้ว่าพวกเธอจะไปจ่ายตลาด ขอบคุณนะ ฉัน…ไม่รบกวนแล้ว” พูดจบเขาไม่กล้ามองสวี่จือจืออีก แล้วรีบวิ่งหนีไป

        อาจเพราะวิ่งเร็วเกินไปจนเขาเกือบล้ม

        สวี่จือจือมองท้องฟ้า “…ตลาดมันจะหมดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”

        “ไปช้า ของที่อยากซื้อก็ไม่มี” ลู่จิ่งซานก้มหน้าพูด เขาไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าที่พูดแบบนั้นเพราะเห็นสวี่จือจือยืนยิ้มคุยกับเมิ่งไห่หยางแล้วรู้สึกไม่สบายใจ

        “ก็จริง” สวี่จือจือพยักหน้าเข็นรถเขาเดินเร็วขึ้น เดินไปได้สักพัก เธอก็ได้ยินเสียงลู่จิ่งซาน “ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลย?”

        สวี่จือจือ “…” จะพูดอะไร?

        “ไม่มีอะไรจะพูดน่ะสิ” สวี่จือจือบ่นงึมงำ

        ถึงจะผ่านมาสองเดือนกว่าแล้ว แต่พอนึกถึงคำพูดของลู่จิ่งซานกับสัญญาที่อยู่ในกล่อง เธอก็โมโหจนอยากกัดเขาให้หายแค้น

        เธอไม่ดีตรงไหน? ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนักเขียนถึงชอบเขาขนาดนั้น

        นี่มันล่อดื้อชัดๆ!

        ลู่จิ่งซานสะอึก มือใหญ่ที่วางบนเข่ากำแน่นแล้วคลายออก

        เขากำลังจะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงกระดิ่งรถดังจากด้านหลัง ทั้งที่พวกเขาเดินชิดขอบทางแล้ว แต่กระดิ่งนั้นยังดังไม่หยุดเหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

        สวี่จือจือกำลังจะพูดก็เห็นลู่จิ่งซานหยิบไม้จากข้างทาง หันหลังไม่มองแล้วเหวี่ยงไปทันที ตามด้วยเสียงโอ๊ยดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงโครามครามปนกับเสียงกรีดร้องของผู้หญิง

        “ลู่จิ่งซาน แกตั้งใจ” เสียงโจวเป่าเฉิงโมโหจัด

        สวี่จือจือเข็นลู่จิ่งซานหันกลับไปก็เห็นโจวเป่าเฉิงนั่งอยู่บนพื้นอย่างน่าสมเพช ข้างหลังมีอันฉินยืนโกรธจัด

        โจวเป่าเฉิงลุกขึ้นยกจักรยานพร้อมด่าลู่จิ่งซาน “ไอ้พิการ…”

        ยังด่าไม่จบเขาก็เจ็บตัว ถูกสวี่จือจือปาก้อนหินใส่จนต้องหลบ มือปล่อยจักรยานสองแปดล้มลงพื้นอีกครั้ง

        “ระวังหน่อยสิ” อันฉิน๻ะโ๠๲ด้วยความเสียดายจากด้านหลัง “ยัยผู้หญิงร้ายกาจ” อันฉินชี้หน้าด่าสวี่จือจือ “สามีเธอพิการ แล้วไง? ห้ามคนอื่นพูดเหรอ?”

        “ไม่ได้” สวี่จือจือพูดเ๶็๞๰า “พวกเธอนับเป็๞ตัวอะไรถึงกล้าพูดถึงเขา” เธอพูดพลางหยิบไม้ที่ลู่จิ่งซานใช้ตีเมื่อกี้ “แค่พวกเธอสองคนตาถั่วนี่นะ ถุ้ย!

        สามีฉันเป็๲ยังไง? ถึงนั่งรถเข็นเขาก็ดีกว่าพวกเธอที่สมองพิการร้อยเท่า” สวี่จือจือยิ้มเยาะ “พวกเธอสองคนคู่ควรจะมาเทียบกับเขา?

        ไอ้สิ่งน่ารังเกียจ

        ทำไม? ขี่จักรยานผุๆ แล้วดีใจจนเหลิงเหรอ? เหมือนจักรยานนี่ซื้อด้วยความสามารถตัวเองยังไงยังงั้น” ถุ้ย!

        สวี่จือจือเป็๞คนปกป้องคนของตัวเอง ถึงจะโกรธลู่จิ่งซานแค่ไหน แต่เธอก็ทนไม่ได้ถ้ามีคนมาพูดถึงเขาในทางไม่ดี ยิ่งเป็๞คู่สามีภรรยาโจวเป่าเฉิงด้วยแล้ว พวกเขามีสิทธิ์อะไร? เป็๞แค่ปรสินแท้ๆ ยังมีหน้ามาดูถูกลู่จิ่งซานอีกเหรอ?

        สายตาและสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูกแบบไม่ปิดบัง

        “พวกเราไปกันเถอะ” สวี่จือจือพูดจบก็เข็นลู่จิ่งซานไป “คุยกับพวกคนตาถั่วแล้วเดี๋ยวสติปัญญาจะต่ำลง”

        “เหอะ” อันฉินเยาะเย้ย “บางคนซื้อได้แต่ขี่ไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายก็ได้แต่มองตาปริบๆ”

        “เป่าเฉิง พวกเราไปกันเถอะ” อันฉินเงยคางมองสวี่จือจืออย่างลำพองใจ

        เธอไม่มีวันลืม วันนั้นสวี่จือจือขี่จักรยานผ่านหน้าพวกเธออย่างหยิ่งผยองยังไง คราวนี้เธอได้แก้แค้นแล้ว สะใจจริงๆ!

        จากนั้นก็ได้ยินเสียงโจวเป่าเฉิงบ่นอย่างหงุดหงิด “จะขี่อะไร? โซ่หลุดแล้ว”

        สวี่จือจือหลุดขำออกมา สมน้ำหน้า!

        “งั้นก็รีบใส่คืนสิ” อันฉินพูดอย่างร้อนใจ

        ขี้แพ้จริงๆ ถึงเวลาสำคัญดันโซ่หลุดซะได้!

        “ใส่อะไร? โซ่มันขาดแล้ว”

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้