หมู่บ้านที่ม่อหรานและเสวียนหนิงใช้เป็ที่เริ่มต้นชีวิตใหม่นั้น เรียกว่า หมู่บ้านชิงเหอ หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก แม้จะไม่เจริญรุ่งเรือง แต่ก็ยังพอมีผู้คนสัญจรไปมา ไม่ถึงกับตัดขาดจากโลกภายนอกในความเป็จริงแล้ว เสวียนหนิงเ้าของร่างเดิมเคยคิดอยากพาชายคนรักหลีกหนีไปให้ไกลกว่านี้ ไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีเงาของอดีตตามหลอกหลอนแต่ความยากจนกลับเป็โซ่ตรวนที่ผูกมัดพวกเขาไว้แ่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แสนห่างไกล จำเป็ต้องใช้เงินมากกว่าที่พวกเขาจะมีได้นางเป็เพียงหญิงสาวร่างบางต้องดิ้นรนรับจ้างสารพัดอย่างเพื่อประคองชีวิตทั้งของตนและสามีสุดท้ายกลับสิ้นลมลงเพราะความเหนื่อยล้าและความอ่อนแรงที่สั่งสมมานานแต่วันนี้…ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้วั้แ่ิญญาจากโลกเดิมของเธอเข้ามาสู่ร่างนี้งานหนักที่เคยเกินกำลังของหญิงสาวบอบบาง กลับกลายเป็เพียงงานเบาสำหรับนางในชั่วพริบตาเสวียนหนิงยังคงรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ภายในหมู่บ้านไม่ว่าจะเป็การเพาะปลูกเลี้ยงสัตว์ตัดฟืนหรือช่วยงานชาวบ้านเรือนใกล้เคียงทุกหยาดเหงื่อที่หลั่งออกมาในวันนี้ไม่ใช่เพื่อเอาชีวิตของใครแต่เพื่อประคองชีวิตของคนที่นางรัก “หากเป็ไปได้…ข้าเองก็ไม่อยากให้มือต้องเปื้อนเือีกแล้ว”นางเอ่ยเสียงแ่กับตัวเองในยามพลบค่ำในชีวิตก่อน การสังหารคือหนทางลัดสู่เงินทองเพียงรับคำสั่ง เพียงปลิดลมหายใจของผู้อื่นทรัพย์สินก็ไหลมาอย่างไม่ขาดสายแต่ชีวิตในยามนี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
นางในฐานะอดีตนักฆ่าไร้หัวใจกลับปรารถนาเพียงสิ่งเดียวคือการเป็ สตรีธรรมดาที่คู่ควรกับท่านพี่ไม่ใช่มือสังหารในเงามืดนางอยากให้มือคู่นี้ประคองชีวิตของสามีเท่านั้นไม่ใช่มือที่พรากชีวิตผู้ใดอีกแล้ว
เมื่อกาลเวลาผ่านไป เสวียนหนิงเริ่มคุ้นชินกับร่างกายใหม่นี้มากขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหว การหายใจ การเต้นของหัวใจทุกอย่างเริ่มกลมกลืนราวกับเป็ร่างของนางมาแต่กำเนิดกระทั่งวันหนึ่ง…นางกลับััได้ถึงบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้มันคล้ายกับกระแสพลังงานอุ่นร้อนที่หมุนเวียนอยู่ภายในร่างไหลตามเส้นชีพจรเวียนผ่านแขนขาและรวมศูนย์อยู่ภายในท้องน้อยอย่างแ่เบาแต่ชัดเจนเป็ความรู้สึกที่นางไม่เคยพบมาก่อนแม้ในชีวิตที่เคยเป็มือสังหารแม้ยามยืนอยู่ท่ามกลางความตาย
“ท่านพี่…”เสวียนหนิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแ่เบา แฝงความงุนงง“น้องรู้สึกว่าร่างกายของน้อง…มันแปลกๆ”
ม่อหรานที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักถึงกับชะงัก ั์ตาเบิกกว้างวาบขึ้นในทันที ความห่วงใยฉายชัดบนใบหน้า“เกิดอะไรขึ้นกับเ้า?”
เสวียนหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับไม่แน่ใจว่าควรอธิบายอย่างไร นางจึงยื่นมือที่ขาวเนียนของตนออกไปให้สามีแทนม่อหรานรีบดึงแขนนางเข้ามา วางสองนิ้วลงบนข้อมือเพื่อตรวจชีพจรสีหน้าของเขาเคร่งเครียดเงียบงันไปเนิ่นนานชีพจรของนาง…มั่นคง แข็งแรง สม่ำเสมอไม่มีอาการผิดปกติของผู้เจ็บป่วยแม้แต่น้อย
ทว่า…เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาสั่นไหวอย่างไม่อาจซ่อน “ที่แท้…เ้าก็เป็ผู้มีพร์ทางด้านพลังปราณ…”
คำพูดนั้นหลุดออกมาราวกับเป็สิ่งที่เขาเองก็ไม่อยากเชื่อ
“มันจะเป็ไปได้อย่างไรกัน…” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างสับสน“ในเมื่อก่อนหน้านี้…เ้าเป็เพียงหญิงสาวธรรมดา ไม่มีปราณ ไม่มีวรยุทธ์ ไม่มีพร์ใดๆ”
ในฐานะสามีในฐานะอดีตแม่ทัพในฐานะผู้ที่เคยผ่านทั้งสนามรบและยุทธภพ ม่อหรานรู้จักสภาพร่างกายของเสวียนหนิงดียิ่งกว่าใครนางไม่เคยมีพลังไม่เคยมีลมปราณไม่เคยเป็ผู้ฝึกยุทธ์
แต่บัดนี้…ภายในร่างบางนั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยกระแสพลังที่หมุนเวียนอย่างเป็ระบบแม้ยังอ่อนจางแต่กลับบริสุทธิ์และมั่นคงอย่างน่าประหลาดเสวียนหนิงเองก็เงียบงันไปในใจนางพลันสั่นะเื
หรือว่านี่…จะเป็สิ่งที่ติดตามมาพร้อมกับการข้ามภพ? หรือเป็ของเดิมของร่างนี้…ที่เพิ่งถูกปลุกขึ้นมา?
เมื่อมั่นใจแล้วว่าร่างกายของตนมีพลังปราณหมุนเวียนอยู่จริง เสวียนหนิงก็เงยหน้าขึ้นมองสามีของตนด้วยแววตาจริงจังเป็ครั้งแรก “ท่านพี่…” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแ่
“ท่านช่วยชี้แนะน้องเื่การฝึกลมปราณได้หรือไม่เ้าคะ น้องยังไม่เข้าใจสิ่งนี้เลย”
ม่อหรานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองนางอย่างลึกซึ้ง แม้ร่างกายของเขาในยามนี้จะอ่อนแอ ราวกับคนพิการ สูญสิ้นทั้งพลัง วรยุทธ์ และศักดิ์ศรีในฐานะแม่ทัพผู้เกรียงไกรแต่สิ่งที่ไม่มีผู้ใดสามารถพรากไปจากเขาได้…ก็คือ ภูมิความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกประสบการณ์การฝึกลมปราณั้แ่วัยเยาว์ทุกอย่างยังคงอยู่ครบถ้วนในความทรงจำของเขา ม่อหรานสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพยักหน้าเบาๆ“เื่การไหลเวียนของลมปราณ ข้ายังพอชี้แนะเ้าได้”
คำตอบนั้นทำให้เสวียนหนิงรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกแม้ชีวิตก่อนนางจะใช้แต่ทักษะสังหาร ไม่มีพลังปราณ ไม่มีวิชายุทธ์แต่หากชีวิตนี้จะต้องก้าวเข้าสู่เส้นทางใหม่ นางต้องเรียนรู้มันให้ได้ม่อหรานจึงเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงช้าๆ สงบ และมั่นคง“ลมปราณคือพลังที่หล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตใจ” เขายกมือขึ้นชี้ตำแหน่งสำคัญบริเวณท้องน้อยของนาง“จุดนี้เรียกว่า ตันเถียน เป็แหล่งกักเก็บพลังเ้าเพิ่งเริ่มตื่นพลังปราณ กระแสที่ไหลอยู่นั้นยังบางเบาห้ามรีบร้อนหากผิดพลาด อาจย้อนปราณทำลายร่างตนเองได้”
เสวียนหนิงพยักหน้ารับทุกถ้อยคำด้วยความตั้งใจนางนั่งขัดสมาธิตามที่เขาชี้แนะหลับตาลงปล่อยให้จิตใจสงบลงทีละน้อย
ใน่แรก ทุกอย่างยังเงียบงันแต่ไม่นานนัก…นางก็เริ่มรับรู้ได้ถึงไออุ่นบางเบาที่ค่อยๆ ไหลรวมกันที่ตันเถียนอ่อนโยน…แต่มั่นคงยิ่งกว่าที่คิดม่อหรานที่นั่งมองอยู่ข้างๆ ถึงกับเงียบงันในใจ
นางเข้าใจได้เร็วเกินไป…นี่ไม่ใช่ความเร็วของผู้ฝึกธรรมดาแต่เป็พร์ที่แท้จริง
เขากุมมือแน่นอย่างไม่รู้ตัวในอกทั้งดีใจ…และกังวลดีใจที่นางมีโอกาสปกป้องตนเองกังวลเพราะผู้มีพร์เช่นนี้ ย่อมนำพาคลื่นลมอันตรายตามมาเสมอ
