“องค์าาบอกว่าข้าก่อกวนงานพิธีหมั้น เช่นนั้นข้าขอบังอาจถาม พิธีหมั้นนี้เคยได้รับความยินยอมจากองค์หญิงหรือไม่?” เย่เฟิงกล่าวพร้อมดวงตาเผยประกายคมกริบ
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็เผยสีหน้าตื่นใ คิดว่าเย่เฟิงใจกล้ามากเกินไป ไม่คิดว่าจะกล้าถามแม้กระทั่งองค์าา เขาคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งเป็ไปตามคาด องค์าาได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็เผยสีหน้าอึมครึมไปชั่วขณะ “นี่เ้ากำลังซักถามข้าอย่างนั้นหรือ?”
“มิบังอาจ” เย่เฟิงยังคงยืนหลังตรง แม้ถ้อยคำจะนอบน้อม แต่กลับมีความเกรงใจเพียงสองสามส่วน
“ซินอี๋คือบุตรสาวข้า เื่ทุกอย่างของนางย่อมเป็ข้าที่ตัดสินใจ!” องค์าากล่าวเสียงเย็น มิหนำซ้ำยังแฝงไปด้วยความเกรงขาม
“เป็เื่ปกติที่องค์าาทรงเลือกพระสวามีให้บุตรสาว แต่กระนั้นต้องคำนึงถึงความรู้สึกขององค์หญิงด้วย หากทำลายความสุขของบุตรสาวด้วยเหตุผลบางประการ บิดาเช่นนี้ก็ไม่มีสิทธิ์บงการชีวิตของบุตรสาว!” เย่เฟิงกล่าวต่อ ถ้อยคำของเขาใจกล้าขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินต่างก็ใ เย่เฟิงผู้นี้ช่างใจกล้ามากจริง ๆ ล่วงเกินองค์าาเช่นนี้ เขามีจุดจบไม่ดีเป็แน่ แม้แต่แววตาของจ้าวซินอี๋ยังเกิดความผันผวนเล็กน้อยคล้ายนึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะกล้าพูดจาเช่นนี้
“กำเริบเสิบสาน กล้าดียังไงไม่เคารพเสด็จพ่อ โทษของเ้าคือตายสถานเดียว!” จ้าวหยางกล่าวเสียงเย็น จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนลุกพรวดจากที่นั่ง พร้อมปลดปล่อยไอสังหาร หมายฆ่าเย่เฟิงที่ล่วงเกินองค์าา
“ช้าก่อน” แต่คนเ่าั้ยังไม่ทันลงมือก็ได้ยินเสียงขององค์าาดังขึ้น ทำให้ทุกคนกะพริบตาปริบ ๆ เนื่องจากไม่เข้าใจความหมายขององค์าา
“ข้าอยากฟังว่าเขามีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์ข้าเช่นนี้?” องค์าาตาเผยประกายแหลมคม จากนั้นเลื่อนสายตาไปมองเย่เฟิง พร้อมกล่าวต่อว่า “ข้าจะให้โอกาสเ้าพูดต่อ!”
“หมอนี่ อย่าพูดจาล่วงเกินเสด็จพ่อเชียวนะ” จ้าวซินอี๋คิดในใจพร้อมเผยสีหน้าเป็กังวล กลัวว่าถ้อยคำของเย่เฟิงจะทำให้องค์าาทรงกริ้ว แล้วจะเจอกับเพลิงพิโรธขององค์าา
“องค์าาเลือกพระสวามีให้กับองค์หญิง เื่นี้ไม่ผิด เพียงแต่องค์าาไม่คิดหรือว่างานพิธีหมั้นนี้มันหุนหันพลันแล่นเกินไป?” เย่เฟิงกล่าว
“อย่างไร?” องค์าาเอ่ยถาม ไม่เพียงแต่ไม่เกิดโทสะ แต่กลับนิ่งสงบขึ้นเยอะ เขาอยากฟังว่าชายหนุ่มที่ได้อันดับหนึ่งของงานชุมนุมหวงปั่งผู้นี้จะพูดสิ่งใดต่อไป
“ในฐานะผู้เป็บิดาขององค์หญิง องค์าาควรคำนึงถึงความสุขขององค์หญิงด้วย แต่ไม่ใช่แก้ไขด้วยการแต่งงาน เขาเว่ยฉีเทียนคือองค์ชายแห่งอาณาจักรเว่ย แต่กลับไม่มีความรู้หรือทักษะใด ๆ มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วอาณาจักรเว่ย มีผู้ใดบ้างที่ไม่ทราบ? ซึ่งการที่องค์หญิงแต่งกับคนประเภทนี้ คือสิ่งที่ผู้เป็บิดาสมควรทำอย่างนั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวต่อ หวนนึกถึงเงาแผ่นหลังของจ้าวซินอี๋ในวันนั้น เย่เฟิงรู้ดี ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยราคาแสนแพงเพียงใดก็ต้องหยุดการปรองดองระหว่างสองอาณาจักรให้จงได้ ดังนั้นวาจาของเขาจึงเฉียบคมเช่นนี้
“หือ?” คำพูดของเย่เฟิงทำให้องค์าาขมวดคิ้วอีกครั้ง ดูไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด เขาครองตำแหน่งนี้มานานหลายปี มีคนกล้าซักถามเขาเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน แต่ที่เย่เฟิงพูดมาก็มีเหตุผล หากไร้ซึ่งการกดดันจากอาณาจักรเว่ย เขาไม่มีทางให้จ้าวซินอี๋แต่งกับเว่ยฉีเทียนเด็ดขาด
“เย่เฟิง เ้าใจกล้ายิ่งนัก ความเกรงขามขององค์าาหาใช่สิ่งที่เ้าแตะต้องได้ไม่” จ้าวหยางตาเผยประกายเย็นเยือก จากนั้นเห็นเขาโค้งตัวคำนับองค์าาพร้อมกล่าวว่า “เสด็จพ่อ เด็กคนนี้กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ไม่เห็นราชวงศ์อยู่ในสายตา ลูกขอเสนอให้ลงโทษเด็กคนนี้ด้วยทัณฑ์มรณะ!”
แม้องค์าาจะถูกเย่เฟิงยั่วโมโห แต่โบกมือส่งสัญญาณให้จ้าวหยางหยุดพูด จากนั้นกล่าวกับเย่เฟิงต่อว่า “เ้ารู้หรือไม่ การที่เ้าพูดจาเช่นนี้กับข้ามีโทษถึงตายเชียวนะ เ้าไม่กลัวตายหรือ?”
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ “แน่นอนว่าข้ากลัว แต่บางอย่างข้าจำเป็ต้องพูด ต่อให้ความตายจะเกี่ยวข้องกับข้าแล้วอย่างไรเล่า ขอเพียงองค์หญิงมีความสุขก็เป็พอ”
“ข้าอยากรู้ความคิดเห็นของเ้า พูดต่อสิ” องค์าากล่าว เขาได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองไปที่จ้าวซินอี๋ เมื่อเห็นท่าทีเป็กังวลของนาง เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที การที่เย่เฟิงกระทำเช่นนี้มีความหมายบางอย่าง ถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็คนรุ่นเยาว์ มีประสบการณ์ด้านความรัก ซึ่งสายตาที่จ้าวซินอี๋มองเย่เฟิง องค์าาดูออกว่าจ้าวซินอี๋รู้สึกอย่างไรกับเย่เฟิง นี่ทำให้ความโกรธที่เขามีต่อเย่เฟิงลดน้อยลง
“ข้าคิดว่าองค์หญิงคือสาวงามอันดับหนึ่งแห่งแดนชิงอวิ๋น ย่อมคู่ควรกับชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในแดนชิงอวิ๋น หากเว่ยฉีเทียนอยากหมั้นกับองค์หญิง เขาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน” เย่เฟิงกล่าว นี่ทำให้สีหน้าท่าทางของทุกคนแปรเปลี่ยน ไม่เข้าใจว่าเย่เฟิง้าจะสื่ออะไร
“พิสูจน์อย่างไร ว่ามาสิ” องค์าากล่าว
“ประลองยุทธ์เลือกคู่ โดยการคัดเลือกราชบุตรเขยที่โดดเด่นที่สุดให้แก่องค์หญิง เมื่อถึงเวลาก็แจ้งให้คนรุ่นเยาว์ทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋นที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีให้มาเข้าร่วม ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมด หากเขาเว่ยฉีเทียนมีความสามารถ ก็จงพิสูจน์ตัวเองในการประลอง แทนที่จะใช้อำนาจของอาณาจักรเว่ยมากดดันอาณาจักรจ้าว เพื่อให้งานแต่งสำเร็จลุล่วง อาณาจักรเว่ยผู้เป็ศูนย์กลางของแดนชิงอวิ๋นก็คงไม่ได้คิดและหวังว่าองค์ชายของอาณาจักรตนจะไร้ความสามารถ” เย่เฟิงกล่าวต่อ แม้ถ้อยคำจะไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง แต่ก็ฉะฉานชัดเจนแจ่มแจ้ง
“เย่เฟิง ทางที่ดีเ้าอย่าให้คนเข้าใจผิด!” เว่ยฉีเทียนได้ยินเช่นนั้นก็มิอาจอยู่เฉยได้อีก เขารู้ศักยภาพของตนดีที่สุด หากเป็อย่างที่เย่เฟิงพูดมาเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อเริ่มการประลองยุทธ์เลือกคู่ เช่นนั้นจ้าวซินอี๋ก็จะตกอยู่ในมือของผู้อื่น แล้วจะไม่ให้เขาร้อนใจได้อย่างไร?
“ทองคำแท้ย่อมไม่กลัวไฟ ทำไม? องค์ชายเช่นเ้าไม่มั่นใจในศักยภาพของตัวเองหรือ? เห็นทีจะเป็พวกไม่เอาไหนจริง ๆ ถ้าเ้าเป็เช่นนั้น แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสานสัมพันธ์กับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ของอาณาจักรจ้าวข้า” เย่เฟิงกล่าวเย้ยหยันขณะมองเว่ยฉีเทียน
“ข้าและองค์หญิงซินอี๋เกิดมาคู่กัน เ้าจะมาพูดไร้สาระเช่นนี้ได้เยี่ยงไร?” เว่ยฉีเทียนกล่าวเสียงเย็น
“อะไรกัน หากเ้ากลัวก็เท่ากับตัวเองตกรอบ ในฐานะองค์ชายแห่งอาณาจักรเว่ย แม้แต่ความกล้าก็ไม่มี ไม่ละอายใจบ้างหรือ?” เย่เฟิงถากถางเว่ยฉีเทียน
แม้เว่ยฉีเทียนจะไม่มั่นใจในศักยภาพของตน แต่เมื่อถูกเย่เฟิงเหยียดหยามต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากเขาถอยร่น อาณาจักรเว่ยจะเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเขา ถึงเขาจะไม่ยอมเห็นตัวเองถูกเย่เฟิงชักจูงจมูก ตอนนี้จำต้องตามน้ำไปก่อน เพราะหากเขาไม่เห็นด้วยกับเย่เฟิง ก็เท่ากับเป็การหนี เช่นนั้นเขาเว่ยฉีเทียนจะไม่เพียงแต่ขายหน้า แต่รวมไปถึงอาณาจักรเว่ยที่อาจสูญเสียชื่อเสียงด้วย
หลังจากพิจารณาในหลาย ๆ เื่ ก็ได้ยินเว่ยฉีเทียนพูดขึ้นว่า “ใครบอกว่าข้ากลัว? ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ องค์หญิงซินอี๋ถูกกำหนดมาให้เป็ผู้หญิงของข้าเว่ยฉีเทียน”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็เผยสีหน้าตื่นใ ถ้อยคำของเย่เฟิงเฉียบคมมาก เว่ยฉีเทียนรู้ทั้งรู้ว่าไม่เอื้ออำนวยต่อตัวเอง แต่ก็จำต้องตอบตกลง
นี่สิผู้ปราดเปรื่องที่ทั้งเก่งด้านวาทศิลป์และวรยุทธ์ เย่เฟิงไม่เพียงแต่มากพร์ แต่ยังมีวาทศิลป์ที่ล้ำเลิศ ถึงกับทำให้เว่ยฉีเทียนเข้ามาอยู่ในเกมของเขา
บัดนี้แม้แต่เหล่าคนที่มีความแค้นกับเย่เฟิงต่างก็ชื่นชมอย่างช่วยไม่ได้ ขณะเดียวกันยังดูถูกเว่ยฉีเทียน คิดว่าอีกฝ่ายเป็พวกไม่เอาไหนจริง ๆ
เมื่อองค์าาจ้าวได้ยินถ้อยคำอันเฉียบคมของเย่เฟิงก็จำต้องแอบพยักหน้าในใจอย่างเห็นด้วย พร้อมมองเย่เฟิงด้วยสายตาชื่นชม
ตอนนี้เว่ยฉีเทียนเห็นด้วยกับการประลองยุทธ์เลือกคู่ เช่นนั้นแม้ราชวงศ์เว่ยจะทราบเื่นี้ แต่ก็จะโกรธเกลียดอาณาจักรจ้าวอย่างไร้เหตุผลไม่ได้
ในความเป็จริงเย่เฟิงได้ช่วยอาณาจักรจ้าวแก้วิกฤต ทั้งยังจัดการประลองยุทธ์เลือกคู่ให้จ้าวซินอี๋ เพื่อเลือกราชบุตรเขยที่เก่งและโดดเด่นที่สุดในแดนชิงอวิ๋น เช่นนี้จ้าวซินอี๋ก็จะไม่ต้องเสียใจอีก
“ดี!” ทันทีที่เว่ยฉีเทียนเห็นด้วยกับการประลองยุทธ์เลือกคู่ เย่เฟิงก็รีบพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “สมกับเป็องค์ชายแห่งอาณาจักรเว่ย พึ่งพาศักยภาพตัวเอง นี่สิลูกผู้ชายตัวจริง!”
เย่เฟิงสรรเสริญเว่ยฉีเทียนยกใหญ่ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ฟังแล้วกลับเป็การเหยียดหยามเสียมากกว่า นี่ทำให้สีหน้าของเว่ยฉีเทียนดูไม่ได้ ตอนนี้ทุกคนกำลังจับตามอง ดังนั้นจะกลับคำพูดตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ความเกลียดของเว่ยฉีเทียนที่มีต่อเย่เฟิงจึงพุ่งทะยานสูงถึงจุดที่แก้ไขไม่ได้ หากไม่มีเย่เฟิง เขาจะเห็นด้วยกับการประลองยุทธ์เลือกคู่นี้ได้อย่างไร
“หลานเว่ย เ้าเห็นด้วยกับการประลองยุทธ์เลือกคู่ที่เย่เฟิงเสนอมาหรือไม่?” องค์าาเหลือบมองเย่เฟิงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยถามเว่ยฉีเทียน
“ข้าเห็นด้วย!” เว่ยฉีเทียนกัดฟันตอบกลับไป
“ในเมื่อหลานเว่ยเห็นด้วย เช่นนี้การประลองยุทธ์เลือกคู่ก็ถือเป็ที่แน่นอนแล้ว” องค์าากล่าว แน่นอนเขาหวังว่าบุตรสาวของตนจะได้รับในสิ่งที่ดีที่สุด แต่เห็นทีตอนนี้การประลองยุทธ์เลือกคู่จะเป็ทางเลือกที่ไม่เลว
“เย่เฟิง เ้าว่าเวลาไหนเหมาะที่จะจัดการประลองยุทธ์เลือกคู่ดี?” องค์าามองไปที่เย่เฟิงอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นด้วยถ้อยคำที่เหมือนขอความเห็นจากเย่เฟิง ทำให้ผู้คนตาเผยประกายคมกริบ พวกเขาคาดไม่ถึงว่างานพิธีหมั้นในวันนี้จะเกิดเื่เช่นนี้ขึ้น
“ก่อนการประลองยุทธ์เลือกคู่ ทางราชวงศ์ต้องเตรียมการให้พร้อม ขณะเดียวกันก็กระจายข่าวให้ทั่วแดนชิงอวิ๋น ส่วนเวลาที่เหมาะสมในการจัดการประลองยุทธ์เลือกคู่ ข้าคิดว่าให้เป็วันนี้ในเดือนถัดไป” เย่เฟิงกล่าว หนึ่งเดือนคือเวลานานที่สุดที่เขาจะทำเพื่อตัวเองได้ หนึ่งเดือนต่อจากนี้เขาต้องยกระดับพลังที่จะสามารถต่อกรกับอัจฉริยะที่อายุต่ำกว่า 25 ปีทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋น จึงจะมีโอกาสคว้าอันดับหนึ่งในการประลองยุทธ์เลือกคู่และช่วยจ้าวซินอี๋ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฟิง แววตาของจ้าวซินอี๋ก็เป็ประกาย นางรับรู้ได้ว่า การประลองยุทธ์เลือกคู่เป็วิธีที่เย่เฟิงคิดเพื่อช่วยนาง ขณะเดียวกันนางก็เริ่มเป็กังวล ถึงอย่างไรเย่เฟิงก็เพิ่งบรรลุขั้นยุทธ์แท้ หาก้าแข่งขันกับอัจฉริยะทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋นที่อายุต่ำกว่า 25 ปี เห็นได้ชัดว่ายังห่างชั้นเกินไป แต่เย่เฟิงมีเวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น เขาจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งและรับมือกับอัจฉริยะเ่าั้ภายในหนึ่งเดือนได้หรือ?
ไม่ใช่ว่าจ้าวซินอี๋ไม่เชื่อเย่เฟิง แต่คู่ต่อสู้ที่เย่เฟิงจะต้องเจอแข็งแกร่งเกินไป!
แดนชิงอวิ๋นนั้นกว้างใหญ่ไพศาล มีอัจฉริยะมากฝีมือนับไม่ถ้วน แม้เย่เฟิงจะโดดเด่นมากในอาณาจักรจ้าว แต่หากเป็แดนชิงอวิ๋น อัจฉริยะอย่างเย่เฟิงย่อมไม่เจิดจรัส มีหลายคนที่มีศักยภาพมากกว่าเย่เฟิงในตอนนี้ถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นต่อให้เย่เฟิงมีสติปัญญาล้ำเลิศที่เสนอการประลองยุทธ์เลือกคู่เช่นนี้ได้ แต่คู่ต่อสู้ที่เย่เฟิงต้องเผชิญหน้าจะแข็งแกร่งกว่าหลายเท่านัก
“หนึ่งเดือน เช่นนั้นก็ทำตามที่เ้าว่ามา อีกหนึ่งเดือน ทางราชวงศ์จ้าวข้าจะจัดการประลองยุทธ์เลือกคู่ให้บุตรสาวซินอี๋ข้า ถึงเวลานั้นอัจฉริยะทั่วทั้งแดนชิงอวิ๋นที่มีอายุไม่เกิน 25 ปีและมีตบะขั้นยุทธ์แท้ ทุกคนสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมได้หมด แต่ผู้ที่คว้าอันดับหนึ่งมาได้ คนผู้นั้นจะได้รับโอกาสแต่งงานกับองค์หญิงซินอี๋” องค์าากล่าว จากนั้นเขาหันไปมองเซิ่งอ๋อง พร้อมกล่าวต่อ “เซิ่งอ๋อง เื่นี้ขอมอบให้เ้าจัดการแล้ว”
เซิ่งอ๋องกะพริบตาปริบ ๆ แม้ในใจกำลังคิดบางอย่าง แต่เขาก็คำนับรับคำสั่งจากองค์าา
“องค์าาทรงพระปรีชา!”
บรรดาขุนนางน้อยใหญ่ต่างโค้งตัวคำนับองค์าา ซึ่งพวกเขาเองก็ไม่อยากให้องค์หญิงซินอี๋แต่งงานกับลูกผู้ลากมากดีอย่างเว่ยฉีเทียนเช่นกัน
“ในเมื่อกำหนดวันเสร็จสิ้น เช่นนั้นทุกท่านมารวมตัวกันที่นี่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หากรุ่นเยาว์คนใดมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขก็ให้ลงทะเบียนเข้าร่วม ตอนนี้แยกย้ายกันได้แล้ว!” องค์าากล่าว
จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์จากทุกกองกำลังเริ่มแยกย้ายกันไป ด้านคนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ออกไปเช่นกัน ส่วนเย่เฟิงกำลังจะตามออกไป แต่กลับถูกองค์าาเรียกไว้ จึงให้คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนล่วงหน้าไปก่อน ส่วนตัวเองรั้งอยู่ที่นี่สักพัก
เว่ยฉีเทียนนำผู้ฝึกยุทธ์อาณาจักรเว่ยออกไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่ว่าสถานการณ์ถูกกำหนดแล้ว จึงมิอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก แม้เขาจะแจ้งให้ทางราชวงศ์เว่ยทราบ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทางราชวงศ์เว่ยก็คงจะไม่สนับสนุนเขาเว่ยฉีเทียนเฉกเช่นก่อนหน้านี้อีก เมื่อคว้าน้ำเหลวก็ย่อมสูญเสียความไว้วางใจจากราชวงศ์เว่ย
ผ่านไปสักพัก จ้าวหยาง เซิ่งอ๋อง และจ้าวเยี่ยต่างก็ทยอยออกจากตำหนักซวนยื่อ
