กู้อิ๋งลงจากหลังม้าและเดินไปหากู้เจิงนางไม่สามารถแสดงสีหน้าท่ามกลางสายตาของผู้คนได้ จึงได้แต่พูดเบา ๆ ว่า“พี่ใหญ่ก็มาด้วยหรือ”
“มาดูเ้าแข่งม้าน่ะ” กู้เจิงย่อมเห็นคำเตือนในดวงตาของกู้อิ๋งทว่าคร้านจะใส่นางเดินตรงไปยังองค์ชายห้า “ถวายบังคมองค์ชายห้า คุณชายเสิ่น”
เมื่อทุกคนได้ยินกู้อิ๋งเรียกโฉมงามผู้นี้ว่าพี่ใหญ่ก็รู้แล้วว่าคือคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้คุณหนูตระกูลป๋อเจวี๋ยไม่ใช่สตรีธรรมดาที่ใครจะมาหยอกล้อได้ตามอำเภอใจกอปรกับที่เป็พี่สาวของว่าที่พระชายาขององค์ชายห้าก็ต้องพับเก็บความคาดหวังและเริ่มแข่งม้าอย่างจริงจังเสียที
เมื่อการแข่งม้าของบุรุษกำลังจะเริ่มขึ้น ทางฝ่ายสตรีก็กำลังจะเริ่มด้วยเช่นกันกู้อิ๋งไม่มีเวลามาคอยสนใจพี่ใหญ่ของตน ทักษะการแข่งม้าของนางไม่ได้ยอดเยี่ยมหากไม่ทุ่มเทกำลังความสามารถทั้งหมดก็คงต้องอับอายต่อหน้าองค์ชายห้าเป็แน่
“เสิ่นเยี่ยน ข้ามีเื่จะคุยกับท่าน”กู้เจิงเดินผ่านองค์ชายห้าเข้าไปหาเสิ่นเยี่ยน ก่อนจะแหงนหน้ามองเขา
สายตาสองคู่ล้วนจับจ้องมาที่นาง
คู่หนึ่งนั้นเยือกเย็นและเอือมระอา ส่วนอีกคู่เ็าเฉยเมย
“มีเื่อะไรอย่างนั้นหรือ?” เป็ครั้งแรกที่เสิ่นเยี่ยนมองสตรีตรงหน้าเขาตรงๆ ใบหน้าฝูหรง* แววตาคาดหวัง ทั้งงามล้ำและเปราะบางพอดีกับที่นางเป็สตรีประเภทที่เขาไม่ชอบมากที่สุด
(*หมายถึง ดอกพุดตาน)
“ข้าไม่้าแต่งงานในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ขอเลื่อนวันแต่งงานเป็ปีหน้าได้หรือไม่เ้าคะ?” กู้เจิงไม่พูดอ้อมค้อม ทว่าเสียงของนางเบาลงมากเพราะกลัวว่าผู้อื่นจะได้ยิน
“เ้าคิดจะเล่นลูกไม้อะไร?” คำพูดนี้เป็ขององค์ชายห้า
กู้เจิงชำเลืองมององค์ชายห้าอย่างแปลกใจ“หม่อมฉันจะเล่นลูกไม้อะไรได้เพคะ? ขอองค์ชายห้าโปรดทรงชี้แจง”
สีหน้าองค์ชายห้ามืดมนในชั่วพริบตาลูกไม้ที่นางสามารถเล่นได้มีมากนัก
“เหตุใด้าเลื่อนวันแต่งงาน?” เสิ่นเยี่ยนถาม สตรีผู้นี้มีดวงตาที่ใสบริสุทธิ์ยามพูดขนตาของนางก็สั่นไหว แต่สายตานั้นดูแข็งกระด้างเล็กน้อยต่างจากกลิ่นอายอันนุ่มนวลของนาง
เหตุผลของกู้เจิงนั้นเรียบง่าย “ข้ายังไม่อยากรีบแต่งงานเ้าค่ะ”
“ในตอนที่เ้าวางยาเปิ่นหวาง* เ้าไม่ได้คิดเช่นนี้กระมัง?” เสียงประชดประชันขององค์ชายห้าลอยเข้ามา
(*เป็คำที่เชื้อพระวงศ์ชายใช้เรียกตัวเอง)
ร่างกายกู้เจิงแข็งทื่อ กาไหนไม่เปิดก็ยกกานั้น* จริงๆ เมื่อเห็นท่าทีไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยน ในใจก็ไม่ค่อยสบายใจนักจึงกัดฟันพูดออกไปว่า “เป็เพราะเมื่อก่อนหม่อมฉันไม่รู้ความเพคะ”
(*หมายถึงประเด็นไหนที่ไม่ควรยกขึ้นพูด ก็พูดอันนั้น)
ตอนนี้รู้ความแล้ว? สายตาอันลึกล้ำของเสิ่นเยี่ยนจับจ้องไปที่ใบหน้าของ“ข้าได้ส่งจดหมายไปให้ท่านแม่ที่บ้านแล้วยามนี้ท่านแม่คงแจ้งให้เครือญาติเตรียมตัวสำหรับงานแต่งแล้วการแต่งงานคงได้แต่จัดตามกำหนด”
กู้เจิง “...” ใบหน้าของนางหดหู่
สีหน้าท่าทางขององค์ชายห้าดูแปลกไปเล็กน้อยแววตาที่มองกู้เจิงนั้นเผยให้เห็นถึงความซับซ้อนที่ยากเข้าใจแต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไป
ในตอนที่กู้อิ๋งควบม้ากลับมา ก็เห็นทั้งสามคนมองนางอยู่
“คุณหนูสามขี่ม้าได้ดีจริงๆ เ้าค่ะ” ‘ชิวจื้อ’สาวใช้ข้างกายวิ่งไปข้างหน้าและรับบังเหียนจากกู้อิ๋ง พูดอย่างมีความสุขว่า“ทักษะการขี่ม้าของคุณหนูในปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วอีกเ้าค่ะ”
กู้อิ๋งก้มศีรษะลงพลางถามเสียงเบา“พี่ใหญ่คุยอะไรกับองค์ชายห้าหรือ?”
ชิวจื้อส่ายหน้า “คุณหนูใหญ่ไม่ได้พูดอะไรกับองค์ชายห้าเ้าค่ะเพียงพูดคุยกับคุณชายเสิ่นไม่กี่ประโยค แต่เสียงเบาเกินไปบ่าวเองก็ไม่กล้าเข้าใกล้ เลยไม่ได้ยินเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าพี่ใหญ่พูดคุยกับเสิ่นเยี่ยน กู้อิ๋งก็โล่งใจ ก่อนเข้าไปหาองค์ชายห้าด้วยรอยยิ้มที่สดใส
กู้เจิงยังอยากพยายามอีกสักหน่อยแต่ในเมื่อแจ้งเครือญาติแล้วก็รู้ว่าต่อให้พยายามแค่ไหนก็คงไร้ประโยชน์
เสียงกลองด้านหน้าดังขึ้นอย่างกะทันหันเป็การบอกทุกคนว่าการล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงในตอนบ่ายได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการแล้วกิจกรรมก่อนหน้าล้วนเป็เพียงการอุ่นร่างกายเท่านั้น
บ่าวรับใช้จูงม้าสองตัวไปส่งให้องค์ชายห้าและเสิ่นเยี่ยนทั้งสองคนพลิกตัวขึ้นหลังม้าออกไปพร้อมกับกู้อิ๋ง
ผู้สูงศักดิ์เ่าั้ต่างก็ขึ้นหลังม้าแล้วตามไป
ชุนหงไม่สบายใจ นางเป็เพียงสาวใช้ตัวเล็กๆจึงไม่กล้าเข้าใกล้องค์ชายห้ามากเกินไป เมื่อครู่เห็นคุณหนูใหญ่กำลังคุยกับคุณชายเสิ่นแต่ท่าทีของคุณชายเสิ่นดูเ็ามาก นางจึงปลอบคุณหนูด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านอย่าเศร้าใจไปเลยเ้าค่ะ รอให้ท่านแต่งเข้าตระกูลเสิ่นบางทีอาจจะมีโอกาสปลูกต้นรักกับคุณชายเสิ่นก็ได้นะเ้าคะ”
“ทำไมข้าจะต้องปลูกต้นรักกับเขาด้วย?” กู้เจิงกลอกตามองบน “ข้าไม่ได้เศร้าใจ”นางอ่อนแอเช่นนี้ที่ไหนกัน แค่คิดว่าตอนที่องค์ชายห้าเอ่ยถึงเื่ในอดีต เสิ่นเยี่ยนดูเหมือนจะไม่สนใจไม่สนใจนั้นก็เป็เื่ปกติ เพียงแต่ในอนาคตพวกเขาทั้งสองจะต้องผูกติดไว้ด้วยกันท่าทีเช่นนี้ของเขาทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจนัก ช่างน่าโมโหจริงๆ
เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของคุณหนูใหญ่ ชุนหงจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
ทั้งสองคนพากันเดินย้อนกลับไปทางเดิม เมื่อเดินเข้าไปยังถนนเล็กก็มีชายหนุ่มสองคนวิ่งออกมาจากในพงหญ้า หนึ่งในนั้นประสานมือคารวะถามกู้เจิงว่า“ขอถาม ท่านใช่คุณหนูใหญ่กู้หรือไม่ขอรับ?”
กู้เจิงมองไปที่สองคนนี้ พวกเขาสูงใหญ่ หน้าตาซื่อตรงกิริยาท่าทางสะอาดเรียบร้อยราวกับว่าเคยถูกฝึกฝนมาแม้ว่าในงานล่าสัตว์ของราชวงศ์จะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลทว่าในใจกลับตื่นตระหนกแปลกๆ “ไม่ใช่”
ชุนหงเหลือบมองคุณหนูใหญ่อย่างไม่ทราบสาเหตุ ในวินาทีต่อมาคุณหนูใหญ่ก็คว้าจับมือของนางไว้“ชุนหง วิ่ง”
ทว่ายังไม่ทันที่จะออกวิ่งก็ถูกทำให้หมดสติไป ก่อนที่จะหมดสติกู้เจิงได้ยินชายทั้งสองคุยกันว่า “เ้านี่โง่จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็คุณหนูใหญ่กู้แล้วยังจะถามอีก”
“ก็ข้ากลัวว่าจะผิดตัว อีกอย่างเื่เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายอย่างข้าพึงกระทำจริงๆ”