กู้อิ๋งและซิ่วอิงพากันเดินออกไปคุยเล่นที่ใต้ต้นไม้กู้เจิงได้ยินเสียงกู้เหยาหัวเราะ และพูดกับกู้เจิ้งชินว่า “ท่านพี่ท่านไม่อยากไปพูดคุยกับว่าที่ภรรยาบ้างหรอกหรือ?”
“ว่าที่ภรรยาอะไร? เ้าอย่าพูดเหลวไหล”เค้าหน้าเยาว์วัยที่มักจะแสร้งทำเป็ผู้ใหญ่เปลี่ยนเป็สีแดงอย่างรวดเร็ว
“ซิ่วอิงเป็บุตรตรีภรรยาเอกของตระกูลหนิงได้รับการเลี้ยงดูจากฮูหยินชราหนิงั้แ่ยังเด็ก ประพฤติตัวดีและรู้ความช่างเหมาะสมกับเจิ้งเอ๋อร์ของข้าราวกับกิ่งทองใบหยก”เว่ยซื่อมองคุณหนูตระกูลหนิงที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่ว่ามองอย่างไรก็พออกพอใจยิ่ง
“เจิ้งเอ๋อร์ การสอบหลังวันตงจื้อ[1] ถ้าเ้าสอบได้จริงๆ พ่อจะไปตระกูลหนิงเพื่อสู่ขอนางให้กับเ้า” กู้หงหย่งพูดหยอกล้อ
กู้เจิ้งชินหน้าแดง เมื่อถูกบิดามารดาและน้องสาวพูดล้อเช่นนี้ทว่าเขาไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงดวงตาอ่อนโยนที่ทอแสงเป็ประกาย
“แต่บุตรสาวอนุคนโตผู้นั้นช่างทำให้ข้าเสียอารมณ์จริงๆ ”เอ่ยถึงหนิงซิ่วหลันบุตรีอนุของตระกูลหนิงเว่ยซื่อก็จ้องมาที่กู้เจิงอีกครั้งด้วยสายตาเ็า
กู้เจิงไม่คิดว่าหนิงซิ่วอิงจะเป็น้องสาวของหนิงซิ่วหลันนางบังเอิญเห็นหนิงซิ่วหลันนั่งที่โต๊ะจัดเลี้ยงด้านข้างอยู่ไม่ไกลไม่ใช่แค่นางเท่านั้น แต่ยังมีเหล่าท่านหญิงคนอื่นๆ ที่ได้พบกันในตอนเช้ายกเว้นตระกูลฟู่
แขนเสื้อถูกดึงเบาๆเมื่อกู้เจิงหันกลับมามองก็เห็นท่านพ่อมองตนอยู่ด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ “ถ้าพระสนมซูไม่อาจยับยั้งเื่นี้ไว้ได้ตระกูลเรากับตระกูลฟู่จะต้องบาดหมางกัน ล้วนเป็เื่งามหน้าที่เ้าก่อทั้งสิ้น”
กู้เจิงก็หวังว่าพระสนมซูจะสามารถยับยั้งเื่นี้เอาไว้ได้ไม่ใช่ด้วยเหตุผลอื่น อนึ่งนางก็ไม่้าทำลายทั้งชีวิตของหญิงสาวผู้หนึ่งเพราะความไม่ระวังของตนเอง
เมื่องานเลี้ยงจบลง กู้เจิงก็ไม่ได้พบเสิ่นเยี่ยนอีกเลยเมื่อได้เวลาแล้วทุกคนก็ออกจากศาลางานเลี้ยงและไปที่ลานล่าสัตว์
ชุนหงที่รออยู่นอกกระโจมที่พักเมื่อเห็นคุณหนูใหญ่กลับมาก็วิ่งไปหาอย่างตื่นเต้น “คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว งานเลี้ยงสนุกไหมเ้าคะ?”
“สนุก”
“จริงหรือเ้าคะ?” ดวงตาชุนหงเป็ประกาย “ท่านเล่นอะไรมาหรือเ้าคะ?”
“ถูกคนเล่นงาน”
“หา?”
เมื่อเข้าไปในกระโจม กู้เจิงก็กระโจนลงบนที่นอนนุ่มๆเหยียดแขนขาอย่างสุขสบาย
ชุนหงที่อยู่ด้านข้างกังวล “อะไรคือถูกคนเล่นงานหรือเ้าคะ?”
กู้เจิงลุกขึ้นนั่งและเล่าให้ชุนหงฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเล่าถึงตอนที่นางดึงกระโปรงของคุณหนูตระกูลฟู่ ชุนหงก็ตกตะลึงตาค้าง
หลังจากเล่าเื่ทั้งหมดจบแล้วชุนหงก็มองไปที่คุณหนูใหญ่ของตนเองด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
ทั้งสองต่างมองตากันอย่างอับจนหนทางจนกระทั่งเสียงเรียกของแม่เฒ่าซุนดังมาจากนอกกระโจม “คุณหนูใหญ่การล่าสัตว์จะเริ่มแล้วเ้าค่ะ”
ในตอนที่กู้เจิงและชุนหงถูกแม่เฒ่าซุนพาไปยังลานล่าสัตว์คนตระกูลกู้ก็อยู่ที่นั่นแล้ว กู้อิ๋งและกู้เหยาสวมชุดขี่ม้าที่เรียบง่ายและยามนี้ก็กำลังจับสลากเข้ากลุ่ม
กู้เจิงขี่ม้าไม่เป็จึงไม่ได้เตรียมชุดขี่ม้ามาดังนั้นจึงทำได้เพียงเดินเล่นไปกับชุนหงเท่านั้น เว่ยซื่อและเหล่าภรรยาคนอื่นๆนั่งพูดคุยกันอยู่บนแท่นสูง บางครั้งก็เบนสายตามองไปที่บุตรสาวทั้งสอง
“คุณหนูใหญ่ นายท่านกับคุณชายกำลังเลือกม้าอยู่ด้านนั้นเ้าค่ะ”ชุนหงชี้ไปที่กู้หงหย่งและบุตรชายที่อยู่ไม่ไกล
“ชุนหง พวกเราก็ไปดูที่ด้านนั้นกันเถอะ” กู้เจิงพูดขณะออกตัววิ่งไปในเมื่อบิดาไร้ค่าอยู่ที่นั่น องค์ชายห้าก็น่าจะอยู่แถวๆ นั้นด้วย
บริเวณลานเต็มไปด้วยธงล่าสัตว์ มีกองทหารรักษาการณ์ และม้าสูงใหญ่มีผู้คนขี่ม้าวิ่งผ่านกันไปมา
ชุนหงคิดว่าคุณหนูของตนจะไปหานายท่านแต่คุณหนูกลับเดินไปอีกทางหนึ่ง
เมื่อมองทะลุเข้าไปในพงหญ้า กู้เจิงเห็นบุรุษหลายคนกำลังจับกลุ่มแข่งม้าอยู่อีกฟากหนึ่งของป่า
“คุณหนูใหญ่ดูสิเ้าคะ มีคนกำลังยิงธนูอยู่ตรงนั้น”ชุนหงชี้อย่างตื่นเต้น
กู้เจิงไม่ได้สนใจเื่เหล่านี้ นางกำลังมองหาเสิ่นเยี่ยนเ้าหมอนี่ต้องอยู่กับองค์ชายห้าแน่ เป็จังหวะเดียวกับที่มีบุรุษเดินสวนออกมาสายตาของพวกเขาล้วนจับจ้องไปที่กู้เจิง
ชุนหงที่ตามมาเริ่ม กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดเข้า “คุณหนูที่นี่เต็มไปด้วยบุรุษแปลกหน้า เรารีบกลับกันเถอะเ้าค่ะ”
หากเป็ก่อนหน้านี้ กู้เจิงจะต้องพูดอย่างแน่นอนว่า ‘นี่เป็งานล่าสัตว์ของราชวงศ์จะมีคนกล้าทำอะไรหญิงสาวตามใจชอบงั้นหรือ?’ ทว่าตอนนี้นางไม่มั่นใจเช่นนี้แล้วไม่กลัวเื่ที่แน่นอนก็กลัวเหตุไม่คาดฝัน[2]
ขณะพากันเดินกลับ ชุนหงก็ชี้ให้ดูบางสิ่ง “คุณหนูใหญ่คุณหนูสามกำลังแข่งม้า เราไปดูกันดีไหมเ้าคะ?”
เมื่อมองไปกู้เจิงเห็นว่าสถานที่ที่บุรุษแข่งม้ากันอยู่เมื่อครู่ยามนี้กลับมีสตรีมาเข้าร่วมหลายคนในหมู่คนพวกนั้นมีกู้อิ๋งที่กำลังนั่งอยู่บนหลังม้าอย่างสง่างาม
ในยุคสมัยนี้ กิจกรรมนันทนาการของสตรีมีอยู่จำกัด นอกจากกู่ฉิน[3] หมากล้อม ลายสือศิลป์ และจิตรกรรม ก็มีเพียงปาลูกดอกลงเป้า ชิงช้าหม่าฉิว[4] และชู่จวี[5] ด้วยเหตุนี้สตรีชนชั้นสูงเกือบทั้งหมดจึงเชี่ยวชาญในด้านการขี่ม้าและการแข่งม้า
กู้เจิงกวาดตามองจนเห็นองค์ชายห้าในกลุ่มคนเ่าั้ และก็ย่อมเห็นเสิ่นเยี่ยนที่อยู่ข้างกายองค์ชายห้าด้วยดีมาก ในที่สุดนางก็พบเสียที
ที่ลานแข่งม้าในเวลานี้มีบุรุษผู้หนึ่งชี้ไปที่กู้เจิงที่กำลังเดินตรงมาใกล้พวกเขาก่อนจะะโอย่างตื่นเต้นว่า “พวกเ้าดูนั่นสิ นั่นเป็คุณหนูบ้านใครกันหน้าตางดงามจริงๆ"
องค์ชายห้าซึ่งกำลังทอดสายตาไปที่กู้อิ๋งจึงกวาดตาไปในทิศทางนั้นเมื่อเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยก็ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ตายยากจริงๆ”
“นางมาทำอะไรที่นี่?” กู้อิ๋งเห็นกู้เจิงก็รู้สึกไม่พอใจน้อยครั้งนักที่นางจะได้อยู่กับองค์ชายห้าแล้วพี่ใหญ่ผู้นี้ของนางยังจะเข้ามาขัดขวางอีกอย่างนั้นหรือ?
“นับว่าหน้าตาไม่เลวจริงๆ เ้าคงไม่ได้ชอบนางแล้วกระมัง?” มีคนหยอกล้อเ้าหนุ่มที่เอ่ยชมกู้เจิง
“ข้าชอบนาง แต่นางไม่ได้ชอบข้านี่นะ” คนผู้นั้นหัวเราะชอบใจ
คำพูดไม่กี่คำทำให้ทุกคนหันมาสนใจกู้เจิง มีเพียงสายตาของเสิ่นเยี่ยนเท่านั้นที่มองไปยัง ‘เซี่ยฉางชิง’ ผู้ดำรงศักดิ์กงเจวี๋ย[6] แห่งตระกูลเซี่ยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาั์ตานั้นยิ่งลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ
---------------------------------------------------
[1] วันตงจื้อ(แปลว่า ฤดูหนาวมาเยือนแล้ว) หรือ เทศกาลฤดูหนาวเป็่ที่พระอาทิตย์โคจรผ่านจุดใต้สุดของเส้นศูนย์สูตรในขั้วโลกเหนือระหว่างวันที่ 21-23 ของเดือนธันวาคมซึ่งใน่นี้กลางวันจะสั้นที่สุดและกลางคืนจะยาวที่สุดในรอบปี
[2] ไม่กลัวเื่ที่แน่นอนก็กลัวเหตุไม่คาดฝัน หมายถึง ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท
[3] กู่ฉิน เป็เครื่องดนตรีของปัญญาชนจีนมีเจ็ดสาย ใช้วางดีดเช่นกู่เจิง ปัจจุบันถูกกล่าวถึงในฐานะาาแห่งเครื่องดนตรีจีน
[4] หม่าฉิว เป็การเล่นแข่งขันอย่างหนึ่งโดยขี่ม้าตีลูกกลมด้วยไม้ หรือที่ปัจจุบันเรียกว่ากีฬาขี่ม้าโปโล
[5] ชู่จวี เป็การละเล่นหรือกีฬาชนิดหนึ่งของจีนโบราณที่มีลักษณะการเล่นคล้ายกับฟุตบอลในยุคปัจจุบัน การเล่นชู่จวีจะแบ่งผู้เล่นเป็ 2 ทีม แต่ละฝ่ายใช้ขาหรือเท้าเตะลูกบอลเพื่อทำประตูของอีกฝ่ายห้ามใช้แขนหรือมือ โดยประตูชู่จฺวีจะเป็ห่วงไม้ขนาดใหญ่ที่แขวนจากที่สูงไม่ได้เป็โครงประตูอย่างยุคปัจจุบันนี้
[6] กงเจวี๋ย เป็ตำแหน่งขุนนางขั้นสูงของจีนโบราณโดยบรรดาศักดิ์แบ่งเป็ ‘กง โหว ป๋อ จื่อหนาน’ ตามลำดับ