เมื่อเสิ่นเยี่ยนมาถึงจุดล่าสัตว์เขาก็มองไปยังลานแข่งม้าที่อยู่ด้านหลังเหล่าสตรีสูงศักดิ์และลูกหลานตระกูลชั้นสูงทยอยกลับออกมาทีละคนนอกจากป่าสีเขียวด้านหลังเขาแล้ว ก็ไร้ซึ่งเงาผู้ใด
“จ่างหวาย เ้ากำลังมองอะไร?” องค์ชายห้าจ้าวหยวนเช่อถามออกมาเมื่อเห็นว่าเสิ่นเยี่ยนคอยมองไปทางด้านหลังขณะที่กำลังลองดึงคันธนูและลูกธนูที่ข้ารับใช้ส่งให้เขา
“ไม่เห็นคุณหนูใหญ่กู้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้าขมวดคิ้ว “เ้าเป็ห่วงนางมากหรือ?”
“อย่างไรคุณหนูใหญ่ก็เป็ภรรยาในอนาคตของกระหม่อม”แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่สีหน้าของเสิ่นเยี่ยนก็ยังเ็าเช่นเคย
องค์ชายห้าร้องเฮอะเสียงเย็น “นางไม่คู่ควรกับเ้านอกจากนี้ที่นี่คืออาณาเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์ มีอะไรน่ากังวลกัน”
ข้ารับใช้ผู้หนึ่งรีบเข้ามารายงานว่า “องค์ชายห้าองค์รัชทายาทเสด็จไปถึงด้านหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้พระองค์กับคุณชายเสิ่นรีบไปโดยเร็วทรงกล่าวว่าปีนี้ต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน"
อีกด้านหนึ่งหลังจากกู้อิ๋งนำม้าส่งให้ข้ารับใช้แล้วหันกลับมาก็เห็นองค์ชายห้าและเสิ่นเยี่ยนจากไปพอดี นางรู้สึกหวานล้ำในใจเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าองค์ชายห้าตั้งใจเสด็จมาดูการแข่งม้าของนางโดยเฉพาะ
“คุณหนูสาม เมื่อตอนเที่ยงบ่าวได้ยินจากแม่เฒ่าซุนว่าหลังจากงานล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงนี้พระสนมซูจะขอให้ฝ่าาทรงมีพระราชโองการกำหนดวันอภิเษกสมรสของท่านและองค์ชายห้าเ้าค่ะ”
กู้อิ๋งหน้าแดงเล็กน้อย แววตาที่มองดูองค์ชายห้าห่างออกไปก็ยิ่งอ่อนนุ่มละมุนดุจสายน้ำ
“หลังองค์ชายห้าแต่งงานก็ต้องได้รับพระราชทานยศเป็อ๋อง* ถึงตอนนั้นคุณหนูสามของเราก็ได้เป็พระชายาแล้วเ้าค่ะ”เมื่อคิดถึงเื่นี้ ชิวจื้อก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
(*เป็ชื่อตำแหน่งที่รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์จากฮ่องเต้)
“พระชายา” กู้อิ๋งพึมพำ มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อยถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่สตรีในเยว่ตูที่ต้องอิจฉานางแต่ตระกูลกู้ก็ต้องภูมิใจในตัวนางเช่นกันทั้งยังมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อหนทางสู่การเป็ขุนนางของท่านพ่อและพี่รอง
“แปลกนัก” ชิวจื้อมองไปทางด้านหลัง “เหตุใดคุณหนูใหญ่ยังไม่ถึงอีก? พวกเรายังต้องไปดูทุกคนล่าสัตว์นะเ้าคะ”
เื่ของกู้เจิง กู้อิ๋งคร้านจะใส่ใจ พูดเพียงว่า “ไปเราไปหาท่านแม่กัน”
กู้เจิงไม่เคยคิดว่าตนเองจะถูกลักพาตัวเื่เช่นนี้สำหรับนางที่เป็คุณหนูของจวนป๋อเจวี๋ยถือเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ในตอนที่กู้เจิงฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนเองกับชุนหงถูกจับมาไว้ในที่ที่โอบล้อมด้วยูเาไม่ได้ถูกปิดปาก มือเท้าก็ไม่ได้มัด และไม่ได้โดนคลุมหน้าเพียงแต่ถูกตีให้สลบไปเท่านั้น
กู้เจิงตื่นเพราะความหนาวเย็น นางรีบปลุกชุนหงให้ตื่น
“คุณหนูใหญ่?”ชุนหงยังคงสับสนเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็กรีดร้องเมื่อนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกู้เจิงรีบปิดปากของนางไว้
“อย่าร้อง เผื่อคนร้ายยังอยู่แถวนี้”
หยดน้ำตาของชุนหงร่วงลงเผาะๆ ก่อนจะเบิกตากว้างในวินาทีต่อมา“คุณหนูใหญ่เ้าคะ สะ เสื้อผ้าของท่าน”
เสื้อผ้า? กู้เจิงหลุบตามองที่เสื้อผ้าของตนเองก็ต้องตะลึงตาค้างนางสวมแค่เสื้อบางและกางเกงสวมคลุม ด้านในถัดจากเสื้อบางก็คือเสื้อชั้นในส่วนข้างในกางเกงสวมคลุม เอ่อ ในยุคสมัยนี้ไม่มีกางเกงในอะไรให้เอ่ยถึงสินะ
“สะ เสื้อคลุมของบ่าวก็ ก็ถูกถอดออกแล้ว” สีหน้าชุนหงขาวซีดในทันที“หรือว่าเรา...”
ยามนี้กู้เจิงรู้สึกตัวแล้วนางคลำหาเครื่องประดับบนศีรษะพบว่ายังอยู่แม้แต่กำไลหยกบนข้อมือก็ยังอยู่เช่นกัน คนเลวสองคนนั้นลักพาตัวพวกนางมาไว้ที่นี่แต่ทำเพียงแค่ถอดเสื้อคลุมของพวกนางออกเนี่ยน่ะหรือ?
กู้เจิงนึกสงสัยเื่ที่เกิดขึ้นกับพวกนาง เห็นชุนหงใช้สองมือกอดตัวเองไว้แน่นสีหน้าย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ กู้เจิง จึงรีบพูดว่า “ชุนหง อย่าได้คิดมากไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาแค่ถอดเสื้อคลุมของเราออกไปเท่านั้น”
“จะ จริงหรือเ้าคะ?”
“จริงสิ” หากเกิดอะไรขึ้นจริง ร่างกายจะไม่มีความรู้สึกได้อย่างไรกัน? นอกจากนี้ เสื้อผ้าของเราสองคนก็ยังอยู่สภาพดีและผมเผ้าก็ไม่ได้ยุ่ง
ได้ยินคุณหนูใหญ่กล่าวเช่นนี้ ชุนหงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“คุณหนูใหญ่ เหตุใดเ้าคนเลวนั่นต้องทำเช่นนี้ด้วยเ้าคะ?”
เหตุใด? นางเองก็กำลังคิดเช่นกัน“อย่าเพิ่งไปคิดเื่พวกนี้เลย เราหาเสื้อผ้ามาใส่ก่อนดีกว่า”หากถูกคนเห็นในสภาพเช่นนี้เข้า ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงจนยากที่จะคาดเดาได้
ทันทีที่เสียงพูดขาดหายไปเสียงเกือกม้านับไม่ถ้วนก็ดังขึ้นจากทางด้านหน้า และได้ยินเสียงะโของพวกบุรุษดังตามกันมา
“กวางที่อยู่ข้างหน้าเป็ของข้า ใครก็อย่าได้คิดแย่ง”
“น่าขัน ใครยิงได้ก่อนก็เป็ของคนนั้น”
“ย่าห์---”
เสียงเกือกม้ายิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
กู้เจิงคิดได้ทันทีว่าที่ที่พวกนางอยู่ในขณะนี้น่าจะอยู่ภายในเขตล่าสัตว์ที่กำลังล่ากันอยู่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสียงเหล่านี้จะต้องเป็ของลูกหลานวงศ์ตระกูลและเชื้อพระวงศ์อย่างแน่นอนนางตื่นใจนเหงื่อเย็นเยียบ หากนางและชุนหงถูกพวกเขาเห็นในสภาพเช่นนี้เข้า นั่นคงไร้หนทางรอดแล้วจริงๆ
เมื่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว กู้เจิงจึงดึงชุนหงวิ่งไปข้างหน้าไม่นานหลังจากนั้น นางก็เห็นกวางวิ่งมาทางพวกนาง
“คุณหนูใหญ่เ้าคะ” เมื่อเห็นกวาง ชุนหงก็ตื่นตระหนก
กู้เจิงเองก็ใกลัวจนขาอ่อนไปหมด แทบจะไม่มีแรงวิ่งอีกแล้วคนเ่าั้กำลังจะยิงกวาง แต่กวางกลับวิ่งมาทางพวกนางและด้วยวรยุทธของพวกเขาจะต้องเห็นพวกนางในทันทีแน่
ในขณะที่กู้เจิงกำลังคิดหาทางออก จู่ๆกวางตัวนั้นก็หันวิ่งไปอีกทาง ด้วยเหตุนี้ พวกนางจึงเห็นคนขี่ม้ากลุ่มใหญ่ล้วนวิ่งตามเ้ากวางไป
กู้เจิงแทบจะคุกเข่าขอบคุณฟ้าดินนางดึงชุนหงวิ่งเข้าไปในป่าลึกถึงได้กล้าหยุดพักหายใจสักครู่แต่นางไม่กล้าหยุดพักนานนัก ยามนี้เป็เวลาของการล่าสัตว์ นางกลัวจะมีคนมาพบ
“คุณหนูใหญ่เ้าคะ เสื้อผ้าของท่านถูกเกี่ยวขาดหมดแล้วซ้ำยังมีเืออกอีกด้วย” ชุนหงเห็นสภาพคุณหนูใหญ่ก็แทบทรุดตัวลงไปร้องไห้
ชุดและกางเกงชั้นในของกู้เจิงล้วนทำจากผ้าไหม เพียงถูกเกี่ยวเบาๆก็ขาดแล้ว ส่วนมือและขาที่โผล่พ้นด้านนอกสำหรับนางแล้วไม่นับว่าเป็ปัญหาอะไร
ตรงกันข้ามกับเสื้อผ้าเนื้อหยาบของชุนหงนอกจากความเขินอายก็ถือว่ายังอยู่ในสภาพดี