เจียงชิงเหอไม่รู้สึกประหลาดใจกับสถานการณ์ในยามนี้เขาอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทนว่า“คือแม่หนูที่จัดเทียบยารักษาโรคแผลพุพองของนายท่านรองสกุลมู่จนหายผู้นั้นขอรับครั้งก่อนตอนอยู่จวนสกุลอวี๋มีปู่ของนางขวางเอาไว้ทำให้ซื้อเทียบยารักษาโรคไม่สำเร็จ เพียงแต่แม่หนูอายุน้อยคนนั้นกลับพูดจาง่ายข้าได้สั่งให้คนตามไปแล้ว มิสู้ลองดูอีกสักครั้ง?”
หญิงรับใช้แบมือรองใต้ปากปล่อยให้นายน้อยของตนคายเมล็ดใส่กลางฝ่ามือ
“ก็แค่เด็กผู้หญิงบ้านป่า หากซื้อไม่ได้ ก็บีบบังคับเป็พอ”เฉินอวี๋ใช้ข้อศอกหยัดกายขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนักราวกับเดิมทีไม่ได้เห็นเื่เล็กน้อยนี้อยู่ในสายตา
“คือ...” เจียงชิงเหอใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาเอ่ยว่า“เด็กคนนั้นรักษาโรคแผลพุพองของนายท่านรองสกุลมู่จนหายดีข้าดูแล้วนายท่านรองสกุลมู่ค่อนข้างเกรงอกเกรงใจนางเกรงว่าหากกระทำการบีบบังคับจริงๆทางฝั่งนายท่านรองสกุลมู่คงไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอนขอรับ”
เฉินอวี๋ลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ผินใบหน้าด้านข้างมาเผยให้เห็นใบหน้ารูปงาม เรียวคิ้วคมเข้ม ดวงตาพร่างพราวดั่งดวงดาว จมูกโด่งเป็สันทั้งหมดทั้งมวลรวมเป็ใบหน้าอัดงดงามประดุจหยก
เขาขมวดคิ้วอย่างเกียจคร้าน “ถ้าเช่นนั้นเ้าก็คิดหาวิธีเื่เล็กน้อยแค่นี้ยังต้องมารบกวนข้า?”
เจียงชิงเหอรู้นิสัยใจคอของนายน้อยผู้นี้ดีมีนิสัยรักความสะดวกสบายและเกียจคร้านมาแต่ไหนแต่ไรนอกจากนั้นยังดูออกว่าเขาไม่ได้ใส่ใจวิชาหมอของแม่นางน้อยผู้นั้นดังนั้นจึงตอบรับแล้วถอยออกไป
ในขณะนั้น นอกห้องมีเสียงเคาะประตู เด็กจัดยาที่เจียงชิงเหอสั่งให้ไปจับตาดูเมิ่งอวี๋เจียวกลับมารายงานบอกว่ารถลาแอบจอดอยู่ที่ประตูหลังของจวนสกุลจางคนหนึ่งกลุ่มล้วนแต่เดินเข้าไปในจวนสกุลจาง
เพียงแค่ประตูกั้น เฉินอวี๋เลิกคิ้วเมื่อได้ฟังคำกล่าวของเด็กจัดยา“สกุลจางมีคนป่วย? เหตุใดถึงไม่มาเชิญเ้าไปรักษา?”
ใบหน้าของเจียงชิงเหอฉายแววกลัดกลุ้มเช่นกันเจียงชิงเหอสนิทชิดเชื้อกับสกุลมั่งคั่งในตำบลแทบจะทุกสกุลขอเพียงภายในจวนมีคนป่วยเมื่อก่อนจะต้องส่งเด็กรับใช้มาที่สำนักหุยชุนเพื่อเชิญเขาไปรักษา โดยเฉพาะสกุลจางเพราะมีการหมั้นหมายกับสกุลเฉิน ถึงแม้ข้ารับใช้ในจวนล้มป่วยก็ยังมาสำนักหุยชุนของสกุลเฉินเพื่อจัดยาเหตุใดยามนี้ถึงไปหาเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามอย่างเมิ่งอวี๋เจียวเสียแล้ว?
“อาจจะไม่ได้ไปตรวจโรคกระมัง?” เจียงชิงเหอคาดเดา
เฉินอวี๋เกิดหงุดหงิดใจเมื่อนึกถึงการหมั้นหมายกับสกุลจางกระทั่งผลองุ่นที่หญิงรับใช้ส่งมาจรดริมฝีปากยังรู้สึกหมดความสนใจ“สั่งคนไปตรวจสอบที่จวนสกุลจาง”
หลังจากพวกอวี๋เจียวเข้าไปในจวนสกุลจางทางประตูด้านหลังได้ถูกข้ารับใช้นำทางให้ไปพบกับฮูหยินของจวนเสียก่อน
เพราะอวี๋จือหางเป็บุรุษและคนนอกจึงถูกเรียกไปดื่มน้ำชาในห้องด้านข้าง
ผู้ดูแลสกุลจางคือบุตรของข้ารับใช้สกุลจางได้รับความสำคัญจากนายท่านจางภายหลังมอบหน้าที่ดูแลหมู่บ้านให้เป็รางวัลโดยไม่มีความกังวลใดๆ
หลังจากพาอวี๋เจียวและอวี๋ฝูหลิงเข้ามาในห้องด้านข้างสำหรับพบแขกผู้ดูแลสกุลจางคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อทำความเคารพฮูหยินสกุลจางเป็อันดับแรกก่อนจะเอ่ยว่า“ฮูหยิน ท่านผู้นี้ก็คือแม่นางเมิ่งขอรับ”
ฮูหยินสกุลจางผู้สวมอาภรณ์หรูหราปรายตามองอวี๋เจียวพบว่านางรูปร่างผอมบางอรชร อายุน้อยกว่าเยว่เอ๋อร์ของตนจึงนึกดูถูกภายในใจอย่างไม่อาจเลี่ยงนางยกมือขึ้นนวดคลึงหัวคิ้วที่ค่อนข้างเมื่อยล้าเพราะความกังวลยามนี้เยว่เอ๋อร์มีสัญญาหมั้นหมายกับสกุลเฉินทำได้เพียงหาหมอซี้ซั้วเพราะอาการป่วยทำให้ร้อนใจเสียแล้ว
นางกดข่มความคิดภายในใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงนับได้ว่าเป็มิตร“แม่นางเมิ่งต้องลำบากเดินทางมาแล้วคาดว่าจางซานสองสามีภรรยาคงเล่าสถานการณ์ของเื่นี้ให้เ้าฟังแล้วไม่ว่าจะเ้าจะรักษาโรคของเยว่เอ๋อร์ของข้าได้หรือไม่เื่นี้ก็ห้ามแพร่งพรายสู่ภายนอกเป็อันขาด”
เพราะถึงอย่างไรก็เป็ฮูหยินสกุลมั่งคั่ง นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ต้องทำอะไรเพียงเอ่ยวาจาออกมาก็เพียงพอจะทำให้เด็กสาวชาวบ้านที่ไร้ประสบการณ์ใอวี๋ฝูหลิงค่อนข้างหวาดกลัวจึงตัวติดกับอวี๋เจียว
อวี๋เจียวใบหน้านิ่งขรึม เอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า“ย่อมปิดปากเงียบแน่นอนเ้าค่ะ”
ครั้นเห็นนางไม่สะทกสะท้าน มีความหนักแน่นเช่นผู้ใหญ่อย่างเกินวัยฮูหยินสกุลจางมองดูแลสบายตาขึ้นเล็กน้อยหยัดกายลุกขึ้นพาอวี๋เจียวเดินออกไปข้างนอก “ตามข้ามา”
