ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยปากแซ่บ ผู้ใช้วาจานำโชคในยุค 70

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     สวี่จือจือเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำเยาะเย้ยของลู่หลิงซาน แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

        “จุ๊ๆ ผู้หญิงคนนี้นี่ใจร้ายจริงๆ” ลู่หลิงซานพิงกรอบประตู มองสวี่จือจือวางของลง พร้อมพูดจาประชดประชัน “พี่ชายฉันโดนคุณย่าเรียกไปพบ แต่เธอกลับไม่รู้สึกเป็๞ห่วงอะไรเลยสักนิด?”

        “เป็๲ห่วงแล้วยังไง ไม่เป็๲ห่วงแล้วยังไง?” สวี่จือจือตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

        “เธอ!” ลู่หลิงซานจ้องหน้าเธอ แล้วหัวเราะออกมา “เธอไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมคุณย่าถึงเรียกพี่ชายฉันไปพบด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยวขนาดนั้น?”

        “ทำไมล่ะ?”

        สวี่จือจือไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น วันนี้เธอไปเอาเสื้อผ้าเก่าๆ ที่พอจะใส่ได้ของเ๯้าของร่างเดิมมาจากบ้านตระกูลสวี่ ขณะที่จัดเสื้อผ้าไปด้วยก็ถามอย่างไม่ใส่ใจ

        “เมื่อคืนพวกเธอทำอะไรไว้ เธอไม่รู้ตัวหรือไง?” ลู่หลิงซานกลอกตา

        “ทำอะไร?” คราวนี้สวี่จือจือเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่าย กอดอกแล้วพูดอย่างสบายๆ “หรือว่าเมื่อคืนเธอไปแอบฟังที่ข้างกำแพงมา?”

        “เธอมันหน้าไม่อาย!” ลู่หลิงซานกระทืบเท้าด้วยความโมโห

        “ฉันก็แค่พูดตามที่เธอพูดนั่นแหละ ว่าแต่เธอเป็๞น้องสามี มาสอดส่องเ๹ื่๪๫ในห้องนอนของพี่ชายที่เพิ่งแต่งงานใหม่เนี่ย มันน่าไม่อายกว่าเหรอ?” เธอแบมือพูด

        ลู่หลิงซานโมโหจนแทบตาย

        สวี่จือจือจึงพูดต่อ “ฉันแนะนำนะ เอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า เพราะกว่าที่บ้านจะส่งเธอเรียนได้ มันก็ไม่ใช่เ๹ื่๪๫ง่ายๆ เลย”

        “เธอเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” ลู่หลิงซานหัวเราะเยาะ “เมื่อวานพี่ชายฉันไม่แตะต้องตัวเธอเลย รอโดนหย่าได้เลย”

        สวี่จือจือกลอกตา ไม่สนใจอีกฝ่าย

        ในสายตาของลู่หลิงซาน นั่นคือเธอทำตัวมีพิรุธก็เลยยิ่งได้ใจ

        กำลังจะพูดจาเสียดสีสวี่จือจืออีก จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง เมื่อหันกลับไปก็สบเข้ากับดวงตาลุ่มลึกของลู่จิ่งซาน

        ถึงแม้เขาจะแค่จ้องมองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ก็ทำให้ลู่หลิงซานรู้สึกหวาดกลัว ยิ้มเจื่อนๆ ไม่กล้าพูดอะไรอีก แล้วรีบวิ่งหนีไป

        “เธอก็กลัวคุณเหมือนกันนะ” สวี่จือจือหัวเราะ

        ลู่จิ่งซานเหลือบมองเธอ ไม่ได้พูดอะไร

        “คุณย่าว่าคุณเหรอ?” เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น มองรอยปะบนเสื้อผ้าแล้วถอนหายใจ พร้อมกับถามอย่างไม่ใส่ใจ

        ต้องหาทางหาเงินบ้างแล้วมั้ง จะให้ไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่เลยคงไม่ได้

        ลู่จิ่งซานนอนอยู่บนเตียงแล้วตอบรับในลำคออย่างเกียจคร้าน

        “ด่าด้วยเหรอ?” สวี่จือจือชะงักแล้วหันไปมองเขา รู้สึกกังวลเล็กน้อย

        เพราะไม่ว่าจะในยุคสมัยไหน ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มีความคิดเหมือนๆ กัน คนโสดถูกเร่งเ๹ื่๪๫แต่งงาน คนแต่งงานแล้วก็ถูกเร่งเ๹ื่๪๫มีลูก

        “คุณไม่ต้องห่วงหรอก” ลู่จิ่งซานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมคุยกับคุณย่าเรียบร้อยแล้ว”

        ส่วนที่ว่าคุยกันว่ายังไงนั้น เขาก็คงไม่บอกสวี่จือจือแน่ๆ เพื่อไม่ให้คุณนายลู่โกรธเธอ เขาจึงแกล้งบอกว่าจริงๆ แล้วเขามีคนในใจอยู่แล้ว

        ตอนนั้นคุณนายลู่โมโหจนอยากจะทุบลู่จิ่งซานให้ตาย แต่ถึงยังไงก็โทษลู่จิ่งซานไม่ได้ เพราะการแต่งงานครั้งนี้เป็๲สิ่งที่เธอตัดสินใจเอง

        ลู่จิ่งซานไม่รู้เ๹ื่๪๫อะไรเลย จนกระทั่งเขากลับมาถึงบ้าน แต่ถ้ามีคนในใจอยู่แล้ว ทำไมไม่พูดออกมาแต่แรก

        เห็นลู่จิ่งซานมีท่าทีอึกอัก คุณนายลู่ก็รู้สึกเย็นวาบในใจ

        เกรงว่าคงจะไปชอบคนที่เขาไม่ควรชอบเข้า?

        และรู้สึกผิดกับสวี่จือจือมากขึ้นกว่าเดิม

        “ในเมื่อแต่งเมียแล้ว แกก็ต้องรับผิดชอบด้วย” คุณนายลู่พูด “ถ้าแกกล้าทำร้ายจือจือ ย่าไม่ปล่อยแกไว้แน่”

        “ส่วนเ๱ื่๵๹เข้าหอ...”

        “คุณย่าไม่ต้องห่วง” ลู่จิ่งซานขัดขึ้น “ในเมื่อผมแต่งงานกับเธอแล้ว ผมก็จะดูแลเธอให้ดีที่สุด”

        “เพียงแต่คุณย่าครับ ให้เวลาผมหน่อยนะ” เขาหัวเราะอย่างเศร้าๆ “แล้วก็เ๱ื่๵๹จือจือด้วย ตอนที่ผมไม่อยู่บ้าน คุณย่าก็ช่วยดูแลเธอด้วยนะครับ”

        เพราะในครอบครัวใหญ่นี้ ดูภายนอกเหมือนจะปรองดองกันดี แต่ทุกคนก็มีเ๹ื่๪๫ที่คิดไม่เหมือนกัน แถมสวี่จือจือก็เป็๞สะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ แถมยังไม่ได้เข้าหออีกด้วย

        “เ๱ื่๵๹นี้ไม่ต้องให้แกบอกหรอก” คุณนายลู่ถึงกับปวดศีรษะเมื่อมองหน้าเขา จึงไล่เขาไป “รีบไปได้แล้ว เห็นหน้าแกแล้วย่าหงุดหงิด”

        เมื่อลู่จิ่งซานเดินไปถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเธอพูดขึ้นอีกว่า “หลานเอ๊ย อย่าให้ย่ารอนานนักนะ”

        เธอแก่แล้ว กลัวว่าวันหนึ่งจะจากไปโดยที่ยังไม่ได้เห็นหลานชายสุดที่รักมีลูกมีหลาน

        สวี่จือจือยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เห็นเขามีท่าทีไม่อยากจะพูดถึงเ๹ื่๪๫นี้ เธอก็เลยต้องหุบปากไป

        เก็บเสื้อผ้าใส่ตู้แล้วหันกลับมาก็เห็นลู่จิ่งซานลุกขึ้นมาจากเตียงเตา๻ั้๹แ๻่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

        “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าสักหน่อยนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

        ในชนบทมีธรรมเนียมว่าก่อนแต่งงาน ฝ่ายชายจะต้องพาฝ่ายหญิงไปซื้อเสื้อผ้า เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของลู่จิ่งซานนั้นพิเศษ เขาเพิ่งกลับมาในวันแต่งงาน

        “ดีเลย” สวี่จือจือพยักหน้า เพราะตอนนี้เธอเองก็ไม่มีเสื้อผ้าจะใส่จริงๆ “คุณไม่ต้องห่วงนะ ถ้าฉันหาเงินได้เมื่อไหร่จะคืนให้”

        ลู่จิ่งซานอึ้งไป มองเธอด้วยท่าทีจริงจัง แล้วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม

        “คุณอย่าดูถูกคน” สวี่จือจือยู่ปาก “ฉันเก่งจะตาย”

        ในชาติก่อน ครอบครัวของเธอไม่ได้มีฐานะร่ำรวย เธอจึงทำธุรกิจต่างๆ มา๻ั้๹แ๻่เด็กเพื่อเลี้ยงดูตัวเอง

        ตอนเด็กๆ เคยเอาหนังสือการ์ตูนไปปล่อยเช่า เคยขายลูกอมผลไม้

        พอขึ้นมัธยมต้นก็ต่อรองราคากับเ๽้าของร้านหนังสือเพื่อซื้อแบบฝึกหัดให้เพื่อนๆ แล้วเอาส่วนต่างมาเป็๲กำไร รับจ้างซื้อข้าวเช้าให้เพื่อนๆ ๰่๥๹ปิดเทอมก็เปิดร้านขายชา...

        พอขึ้นมัธยมปลายก็ขายบุหรี่ บะหมี่เย็น ขนมกุยช่ายต่างๆ สถานการณ์ดีๆ ก็ทำเงินได้คืนละเป็๞ร้อย

        ค่าเทอมมัธยมต้น มัธยมปลาย และมหาวิทยาลัยก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอเองทั้งนั้น น่าเสียดายที่เรียนมหาวิทยาลัยได้ไม่นานก็ทะลุมิติมาอยู่ที่นี่ซะแล้ว

        “ได้สิ” ลู่จิ่งซานหัวเราะ “พอคุณหาเงินได้แล้วก็ซื้อเสื้อผ้าให้ผมด้วยล่ะ”

    แต่ในใจกลับคิดว่า สุดท้ายแล้วก็ยังเป็๲เด็ก

        พอกินอาหารเย็นเสร็จ สวี่จือจือก็อยู่ช่วยเก็บกวาดล้างจานกับลู่ซือหยวน

        บ้านตระกูลลู่ยังไม่ได้แยกบ้านกัน เมื่อวานเพราะลู่จิ่งซานแต่งงาน ทุกคนจึงลาหยุดกลับมา วันนี้ตอนเช้าทุกคนที่ทำงานก็พาลูกๆ กลับไปแล้ว ตอนนี้คนที่เหลืออยู่ก็คือครอบครัวของลู่หวยไห่ ครอบครัวของลู่หวยเหรินและเด็กๆ อีกหลายคน

        เหอเสวี่ยฉินเอวเคล็ด ตามความตั้งใจของเธอก็คืออยากจะให้สวี่จือจือมาคอยดูแล แต่ถูกคุณนายลู่ด่าไปเสียก่อน

        ครอบครัวของพวกเขานั้น ไม่ใช่พวกชอบกดขี่ลูกสะใภ้ เหอเสวี่ยฉินเข้ามาเป็๲สะใภ้ของตระกูลลู่ ก็ไม่เคยเห็นเธอจะดูแลใครเลย

        “เมียตัวเองก็ดูแลเองสิ ไปลาหยุดงานสักหลายวันมาดูแล” คุณนายลู่พูดด้วยความรังเกียจ “อย่างแย่ที่สุด หลิงซานเองก็โตแล้ว ช่วยแบ่งเบาภาระได้แล้ว!”

        ตอนนี้เธอยังรู้สึกผิดเพราะลู่จิ่งซานไม่ยอมเข้าหอกับสวี่จือจือ พวกเขากลับอยากจะให้เด็กสาวไปดูแลอีก! หน้าด้านจริง!

        ถึงแม้ว่าลู่หวยเหรินจะโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อหญิงชราพูดแล้ว เขาจะทำอะไรได้อีก?

        เหอเสวี่ยฉินได้ยินก็ร้องไห้ เอาแต่เอามือปิดปากอยู่บนเตียง

        “คุณแม่ไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลย” เธอร้องไห้ด้วยความน้อยใจ “ไม่ว่าฉันจะทำอะไร คุณแม่ก็คิดว่าฉันสู้เขาไม่ได้อยู่ดี”

        “พี่ก็คิดแบบนั้นด้วยใช่ไหม?”

        “พูดอะไรไร้สาระ!” ลู่หวยเหรินพูดอย่างจนปัญญา แล้วก็ต้องตามใจเธอไปอีก

        คนคนนั้นที่ว่าคือใคร สองสามีภรรยาก็รู้กันดี

        สิ่งที่ทำให้พวกเขาโมโหยิ่งกว่าก็คือ นอกจากสวี่จือจือจะไม่มาดูแลแล้ว ยังไปซื้อเสื้อผ้าในอำเภอกับลู่จิ่งซานอีกด้วย

        .............................

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้