ทันใดนั้น พวกเขาทั้งสองพลันชะงักงัน ราวกับสื่อถึงกันได้ เพียงพริบตา พวกเขารีบเบือนสายตาออกไป
"อีหลาน มัวใอะไรอยู่?" ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเร่งเร้า
“ท่านแม่ อีหลานเป็หญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน ไปกับชายหนุ่มเพียงลำพัง หากข่าวลือแพร่ออกไป เกรงว่า...” หนานกงเยวี่ยมุมปากกระตุก ยังมิทันทีที่นางจะเอ่ยจบ กลับถูกใครคนหนึ่งกล่าวตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ลำพังตรงไหนกัน ในจวนเหนียนมีผู้คนมากมายเยี่ยงนี้ ท่านอ๋องหลีเป็แขก อีหลานเป็เ้าบ้าน สมเหตุสมผลแล้วที่ต้องต้อนรับทักทายให้ดี
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเอ่ย หนานกงเยวี่ยพลันขมวดคิ้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเลอะเลือน ท่านแม่เองก็เลอะเลือนไปด้วยแล้วหรือ?
ทว่านางยังมิทันได้เอ่ยอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพลันเอ่ยเร่งเร้า “อีหลาน ยังไม่รีบไปอีก”
เหนียนอีหลานขมวดคิ้ว ท่านยายเอ่ยออกมาเยี่ยงนี้แล้ว นางคงได้แต่ต้องไป
เหนียนอีหลานก้าวเดินไปข้างหน้าหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนและย่อกายโค้งคารวะอย่างนอบน้อม ท่ามกลางสายตาของทุกคน “คารวะท่านอ๋องหลี ขอเชิญท่าน...”
เหนียนอีหลานจ้องมองใบหน้านั้น โฉมรูปหล่อเหลาเหนือผู้ใด ทว่ายศถาบรรดาศักดิ์ของเขานั้น...
หากในตอนนี้ คนตรงหน้าท่านคือท่านอ๋องมู่จะดีเพียงไร!
คนเฉลียวฉลาดเช่นจ้าวเยี่ยน ย่อมรับรู้ได้ถึงความไม่สนใจของเหนียนอีหลาน สำหรับสตรีผู้นี้ เขาไม่สนใจมาั้แ่ไหนแต่ไร เหนียนอีหลานตรงหน้าผู้นี้ก็มิใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน เดิมทีเขาคิดอยากปฏิเสธ ทว่าครั้นเห็นสายตาของฉางไทเฮาแล้ว คิ้วได้รูปของจ้าวเยี่ยนพลันขมวดมุ่นเล็กน้อย สุดท้ายยังคงต้องลุกขึ้น
ทั้งสองคนจึงต้องออกจากห้องโถงไปเช่นนี้ สายตาของทุกคนในห้องโถงมองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองด้วยสีหน้าต่างกันไป
หนานกงจื้อมิรู้ตัวเลยว่า ั้แ่เมื่อใดที่มือของเขากำแน่น...
เรือนหรูอี้
จ้าวอิ้งเสวี่ยเอนกายลงบนเตียง ปิดเปลือกตาลง
ด้านข้างมีจิ้นหวางเฟยกำลังขมวดคิ้วแน่น นางรู้สึกทุกข์ใจต่อความยากลำบากของจ้าวอิ้งเสวี่ย ในขณะเดียวกัน ในใจนางยังรู้สึกโกรธกริ้วหนานกงเยวี่ยอย่างมาก
“ท่านหญิง ยามาแล้วเ้าค่ะ ท่านรีบเถิดเ้าค่ะ...” ผิงเอ๋อร์รีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในมือถือยา เดินพลาง ใช้มือพัดถ้วยไปพลาง ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะทำให้ยาร้อนๆ เย็นเร็วขึ้น
ก่อนที่ผิงเอ๋อร์จะเดินมาถึง จิ้นหวางเฟยรีบผุดลุกยืนและเดินไปหาผิงเอ๋อร์ รับถ้วยยาในมือของนางมาถือเอง แล้วจึงเดินไปข้างเตียง พลางเอ่ยออกมาอย่างนิ่มนวลว่า “อิ้งเสวี่ย รีบลุกขึ้นมาดื่มยาเถิด ข้างในนี้ใส่ยาบรรเทาอาการเจ็บไว้...”
แม้ว่าจะไม่สามารถบรรเทาความเ็ปได้ทั้งหมด ทว่าก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้
จ้าวอิ้งเสวี่ยลืมตา ดวงตานางฉายแววเ็า เจ็บ?
ทุกความเ็ปในร่างกายของนางในยามนี้ เตือนให้นางนึกถึงความชั่วร้ายของคนในตระกูลนี้ จ้าวอิ้งเสวี่ยรับถ้วยยามา ขณะที่นางกำลังจะยกขึ้นดื่ม ฉับพลันนั้นมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาจากข้างนอก...
"ช้าก่อน..."
เสียงนั้นฟังดูรีบร้อนอย่างมิอาจบรรยาย การมาอย่างกะทันหัน ทำให้คนทั้งสามในห้องรู้สึกใเล็กน้อย แต่ละคนหันมองไปที่ประตูพร้อมกัน พวกเขาคาดมิถึงว่าจะเห็นบุคคลที่เดิมทีแล้วไม่ควรมาเยือนที่นี่
ลู่ซิวหรง อนุสองจวนเหนียน!
ลู่ซิวหรงเข้ามาในห้อง ครั้นนางเห็นว่าถ้วยยาอยู่ในมือจ้าวอิ้งเสวี่ย และยามนี้อยู่ที่ริมฝีปากนางแล้ว ลู่ซิวหรงรีบพุ่งตัวเข้าไปหาจ้าวอิ้งเสวี่ยและแย่งถ้วยชาในมือนางทันทีโดยมิสนใจสิ่งใด
“ท่านจะดื่มไม่ได้ จะดื่มยานี่ไม่ได้...” ลู่ซิวหรงสีหน้าตื่นตระหนก นางมองถ้วยยาในมือพลางเอ่ยอย่างลนลานว่า “ท่านหญิง ท่านดื่มไปแล้วหรือยัง?”
จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เฝ้าดูการกระทำของลู่ซิวหรง เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และเอ่ยว่า “อนุสอง เ้าแย่งยาของเปิ่นจวิ้นจู่ไปเช่นนี้ แล้วจะให้เปิ่นจวิ้นจู่จะดื่มได้อย่างไร”
“อนุสอง ท่านจะทำอะไร?” ผิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างเ็า สำหรับคนของจวนเหนียน นางไม่จำเป็ต้องมีไมตรี จิ้นหวางเฟยยามนี้เองก็มีสีหน้ามืดมน คิดดูแล้วคงเพราะไม่พอใจต่อการกระทำไร้มารยาทของลู่ซิวหรง
ลู่ซิวหรงครั้นตระหนักขึ้นได้ จึงรีบเอ่ยทันทีว่า "ท่านจะดื่มยานี่ไม่ได้ มีคนวางยาพิษในยานี้ ใครบางคน้าลอบทำร้ายท่านหญิงอิ้งเสวี่ย"
ครั้นคำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนพลันเคร่งเครียด
จิ้นหวางเฟยลุกยืนและคว้าข้อมือของลู่ซิวหรงทันที “เ้าพูดมาให้ชัดสิว่า ผู้ใด้าลอบทำร้ายอิ้งเสวี่ย...”
ลู่ซิวหรงใพลังท่าทีที่แผ่ออกมาจากจิ้นหวางเฟยจนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง “เพคะ...”
“หึ ในจวนแห่งนี้ นอกจากคนพวกนั้นจะมีผู้ใดหวังให้ข้าตายอีก?”
ยามที่ลู่ซิวหรงกำลังจะเอ่ย จ้าวอิ้งเสวี่ยพลันพ่นลมออกมาอย่างเ็า ความเย็นเยียบในดวงตานางทวีความหนาวเหน็บขึ้นเท่าตัว
“หนานกงเยวี่ย...” จิ้นหวางฟันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธขึ้ง นางเค้นเสียงลอดไรฟัน “หนานกงเยวี่ย นางผู้นี้จะรังแกกันเกินจะทนไหวแล้ว!”
วางยาพิษ!
หากเมื่อครู่นี้ อิ้งเสวี่ยดื่มยานี่เข้าไปละก็ เช่นนั้น...
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ต่อจากนี้ ร่างกายของจิ้นหวางเฟยพลันไร้เรี่ยวแรง ทว่าจากนั้นไม่นาน ความโกรธเกรี้ยวพลันทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นางปล่อยมือลู่ซิวหรง แล้วก้าวเท้ายาวออกไปนอกห้องทันที
“ท่านแม่ ท่านจะไปที่ใด?” จ้าวอิ้งเสวี่ยร้องเรียก
จิ้นหวางเฟยที่เพิ่งเดินมาถึงประตู ฝีเท้าพลันหยุดชะงัก “วันนี้มีผู้คนมากมายมาที่นี่ ทว่าหนานกงเยวี่ย กลับยังกล้าลงมือวางยาพิษเ้าเยี่ยงนี้ ข้าอยากจะไปลองดูเสียหน่อย ว่านางจะแก้ตัวว่าอย่างไร!”
จ้าวอิ้งเสวี่ยขมวดคิ้ว ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"พวกเราเองก็รู้ว่าวันนี้จะมีผู้คนมามากมาย ท่านแม่ หากท่านคิดอยากจะลงมือวางยาพิษใครสักคน จะเลือกทำในวันแบบนี้หรือไม่?"
ฉับพลันนั้น จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยปากขึ้นทันใด เมื่อเห็นสีหน้าของจิ้นหวางเฟยสงบลง ไม่นานนางก็รีบเอ่ยต่อไปว่า “ไม่แน่นอน หากลูกอยากจะวางยาพิษใครสักคน ย่อมต้องแอบลงมือ สถานการณ์ในวันนี้ ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเกินไป ยิ่งกว่านั้น หากลูกตาย ทุกคนต้องสงสัยหนานกงเยวี่ยอย่างแน่นอน”
คนในห้องที่ได้ยินดังนั้น ต่างคิดว่าสิ่งที่จ้าวอิ้งเสวี่ยกล่าวนั้นสมเหตุสมผล ทว่า...
“ทว่าเห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนวางยาพิษ สาวใช้ชุ่ยเอ๋อร์ของหม่อมฉันเห็นกับตาตัวเองเลยว่า คนที่วางยาพิษคนนั้นคือชุนเซียง สาวใช้ในเรือนของหนานกงเยวี่ย” ลู่ซิวหรงราวกับตระหนักอะไรบางอย่างได้ ดวงตานางพลันลุกวาว “ใช่แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงที่มาก็เพราะหนานกงเยวี่ยส่งเหนียนอีหลานไป...”
ลู่ซิวหรงราวกับ้าพิสูจน์อะไรบางอย่าง จ้าวอิ้งเสวี่ยเห็นทุกสิ่งในสายตา เพียงเหลือบมองนางก็มองความคิดของลู่ซิวหรงออก
"อนุสอง เ้าคิดดีแล้วหรือ?" จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยปากถามออกมาอย่างกะทันหัน
คิดดีแล้วงั้นหรือ คิดดีเื่อะไร?
ลู่ซิวหรงสบตาจ้าวอิ้งเสวี่ย เพียงไม่นาน ความสงสัยในใจของลู่ซิวหรงพลันกระจ่างแจ้ง
ฉับพลันนั้น ลู่ซิวหรงคุกเข่าลงไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว และเอ่ยออกมาอย่างเปิดเผยจริงจังว่า “ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย นิสัยของหนานกงเยวี่ย ท่านเองก็รู้ หม่อมฉันอยู่ในจวนเหนียนแห่งนี้มาหลายปี พวกเราเหล่าอนุภรรยาดูเหมือนสบายใจ ทว่าแท้จริงแล้วนั้นพวกเราต้องทนรับการข่มเหงรังแกจากนางมาโดยตลอด ตัวหม่อมฉันไม่สำคัญหรอก ทว่าชุ่ยเอ๋อร์...ท่านหญิง ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าเื่อันใด ขอเพียงท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเอ่ยสั่งมา แม้ร่างกายหม่อมฉันจะแหลกลาญ หม่อมฉันก็จะน้อมรับทุกคำสั่งของท่านหญิง”
“ดี น้อมรับทุกคำสั่งของข้านับว่าเป็คำพูดที่ดี อนุสอง เ้าฉลาดมาก” จ้าวอิ้งเสวี่ยชื่นชอบความตรงไปตรงมาของอนุสองผู้นี้ หลังจากนี้มีมิตรเพิ่มมาอีกคนในจวนเหนียน จะไม่ยินดีได้อย่างไร
แต่…
จ้าวอิ้งเสวี่ยเหลือบมองถ้วยยาในมือนาง พลันขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างเ็าว่า "ผิงเอ๋อร์ ลองดูสิว่ายาถ้วยนี้มีพิษจริงหรือไม่!"
ครั้นจ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยจบ สีหน้าของลู่ซิวหรงพลันแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยไม่เชื่อใจนางหรือ?
ใน่เวลาที่ลู่ซิวหรงกำลังชะงัก ผิงเอ๋อร์หยิบถ้วยยาในมือนางออกไป และนำเข็มเงินแท่งหนึ่งจุ่มลงไปในถ้วยยา ทุกนาที ทุกวินาทีผ่านไป ครู่ต่อมา นางหยิบเข็มเงินนั้นขึ้นมา เมื่อเห็นเข็มเงินเป็สีขาว ผิงเอ๋อร์พลันปรายตาถลึงมองใส่ลู่ซิวหรง แล้วนำเข็มเงินไปให้จ้าวอิ้งเสวี่ย
“ท่านหญิง นางโกหก!”