เดิมทีหลงเซี่ยวอวี่้าที่จะดึงผู้หญิงตัวเล็กที่กระสับกระส่ายอยู่ในอ้อมแขนของเขาออก เพื่อทำให้นางได้สติกลับคืนมา อยากที่จะลดธงเงียบเสียงกลอง [1]
แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าในยามนี้ผู้หญิงตัวเล็กผู้นี้กำลัง้าที่จะฆ่าคน นางถอนตัวจากปากของเขาไปเพียงน้อยนิด ปลายลิ้นยังคงััถึงกันได้ ก่อนที่นางจะจู่โจมเข้ามาอย่างกล้าหาญและทรงพลังมากยิ่งกว่าเดิม
ภายในห้องนอนอันเงียบสงบ ความหลงใหลที่พร่างพราวถูกปลุกเร้าขึ้นมาในทันที เป็การทำลายความเงียบในห้องอย่างเห็นได้ชัด
ภายใต้ภาพที่พร่ามัว มู่จื่อหลิงรู้สึกเ็ปจากเปลวเพลิงที่เผาไหม้ออกมาจากลิ้นของเขา ซึ่งมันเร่าร้อนจนไม่อาจอธิบายได้ มันกำลังแผดเผาลิ้นของนาง อากาศในร่างกายของนางเหมือนจะหมดไปนานแล้ว
ปอดที่แทบจะไม่อาจหายใจได้อีก ประกอบกับความเ็ปจากการเผาไหม้ที่โคนลิ้น ความรู้สึกอึดอัดจากการถูกโอบรัดร่าง ทำให้จิตใจที่สับสนของมู่จื่อหลิงค่อยๆ ฟื้นคืน
เห็นได้ว่าขนตายาวของมู่จื่อหลิงสั่นไหวเล็กน้อย เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ เปิดขึ้น
นางกะพริบตาอย่างสับสน เมื่อมองดูใบหน้างดงามที่อยู่ใกล้จนเห็นได้ชัดอย่างเหลือเชื่อที่อยู่ตรงหน้านาง ดวงตาของนางจึงกวาดไปยังรอบข้างที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
ที่นี่คือ...พวกเขาออกจากก้นบ่อั้แ่เมื่อใด?
ไม่รู้ว่าสมองหยุดทำงานไปนานเพียงใด ในยามนี้ นางหันมาด้วยสมองที่ยังมีอาการมึนงง ในเวลาไม่ถึงอึดใจ มู่จื่อหลิงก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น
หลงเซี่ยวอวี่จูบนางอย่างเร่าร้อน ดวงตาของมู่จื่อหลิงเบิกกว้างตามสัญชาตญาณ อยากจะใช้มือผลักเขาออกไป แต่น่าเศร้าที่พบว่าในยามนี้นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกมือขึ้นมา
การเป็อัมพาตเช่นนี้ อยู่ในสภาพที่จะถูกผู้อื่นฆ่าได้ มู่จื่อหลิงขมวดคิ้วด้วยความโกรธ สมองยังไม่หยุดคิด
ในตอนแรก หลงเซี่ยวอวี่กอดนางที่กำลังจะล้มลงไปกับพื้น แต่เขากลับดึงนางหล่นลงไปที่ก้นบ่อ ไม่ว่านางจะดิ้นรนที่ก้นบ่อมากมายเพียงใด เขาก็ไม่ยอมปล่อยนาง
จากนั้น นางจึงกลั้นหายใจด้วยสัญชาตญาณสุดท้ายของการเอาชีวิตรอด นางอยากจะคว้าลมหายใจของเขา...แต่เขาไม่ให้ ในที่สุด จิตใจของนางก็ตื่นตระหนกจากความรู้สึกหมดหนทาง นางจึงใส่กำลังทั้งหมดเข้าไปในปากของเขา...
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นสมองของมู่จื่อหลิงก็ะเิด้วยเสียงที่ดังหึ่งๆ ทั้งร่างของนางตื่นตัวเต็มที่
นางจูบเขาจริงหรือ?!
นางจะไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร? จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกว่าร่างกายของนางร้อนขึ้น นางแทบอยากจะมองหาตะเข็บมุดหนีไป [2]
แต่ถึงแม้นางจะเป็ฝ่ายเริ่มก่อน แต่สาเหตุมาจากเขาที่พานางลงไปในน้ำ ทั้งยังไม่ให้อากาศนางหายใจ นางจึงตกอยู่ในความสับสนเพื่อเอาชีวิตรอด จิตใจของนางว้าวุ่นด้วยความรู้สึกราวกับจะขาดใจ แต่ยามนี้คนเลวผู้นี้ยังจะใช้ประโยชน์จากมันเพื่อเอาเปรียบผู้อื่นอีก
แต่กลับไม่รู้ว่า คำว่าเอาเปรียบผู้อื่น มันใช่คำที่ควรนำมาใช้เปรียบกับนางที่เป็ฉีหวางเฟยหรือ?
ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองใกล้กันมาก รับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของกันและกันที่ถูกพ่นบนใบหน้าจากความชิดใกล้ โอบล้อมด้วยบรรยากาศที่มีเสน่ห์
ในยามนี้ ร่างกายของมู่จื่อหลิง ‘ไม่ต่างจากของเหลว’ ที่กระจายอยู่ในอ้อมแขนของหลงเซี่ยวอวี่
นางไม่มีแม้แต่แรงจะขยับนิ้ว ดูเหมือนว่าในยามนี้ตราบใดที่นางได้รับการปล่อยตัว ร่างของนางคงจะล่องลอยไปอย่างแ่เบาบนผิวน้ำริมบ่อน้ำพุ
หน้าของมู่จื่อหลิงแดงก่ำ ใบหน้าเล็กร้อนผ่าวอย่างน่าประหลาด มองไปที่หลงเซี่ยวอวี่ด้วยความหงุดหงิดและความโกรธเคือง ทั้งยังหอบหายใจอย่างหนัก
หลงเซี่ยวอวี่จ้องมองนางด้วยความอ่อนโยนที่ยังไม่จางหายไปจากดวงตา การหายใจของเขายังคงถี่รัว
“มู่มู่ วันหน้าเ้าอย่าซนอีก” ปลายนิ้วหยกที่อ่อนนุ่มของหลงเซี่ยวอวี่ค่อยๆ ไล่วาดไปบนริมฝีปากบวมแดงระเรื่อจากการถูกเขาทั้งดูดทั้งขบอย่างนุ่มนวล มุมปากของเขาค่อยๆ เกิดรอยยิ้มที่งดงามราวภาพฝัน “เปิ่นหวางเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ไม่ให้อากาศก็คือไม่ให้อากาศ”
ความหมายคือ บทเรียนก่อนหน้านี้ไม่เพียงพอหรือ?
หลังจากที่มู่จื่อหลิงได้ยินคำพูดนี้ นางก็ตระหนักว่านางเพิ่งถูกทำร้ายโดยมารร้ายผู้นี้
เป็มารร้ายที่ทำร้ายนาง เขาสมควรถูก ‘ทรมาน’!
เมื่อนึกถึงภาพใต้น้ำเมื่อไม่นานนี้ มู่จื่อหลิงมองการแสดงความเสน่หาด้วยใจสั่นเทา หลงเซี่ยวอวี่มองนางด้วยสายตาเฉยเมยราวกับน้ำแข็ง นางได้ข้อสรุปที่เข้าใจได้ดีในใจนางแล้ว
ชายผู้นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ...ไม่ควรยั่วยุ!
ไม่ว่าในใจจะโกรธเพียงใด ในยามนี้มู่จื่อหลิงก็ไม่สามารถโต้กลับได้
แม้ว่านางอยากจะยิงชายใจร้ายผู้นี้ให้ตายไปเสีย แต่ในยามนี้นางทำได้เพียงกลืนความขมขื่นลงท้องกลับไป มองดูชายที่ทำราวกับตนทำสิ่งถูกต้องซึ่งอยู่ตรงหน้านางด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เมื่อมองหญิงตัวเล็กน่ารักผู้นี้ที่กำลังตัวอ่อนปวกเปียกในอ้อมแขนของตน หลงเซี่ยวอวี่หัวเราะเบาๆ เกาจมูกของนางอย่างเอาใจ ก่อนจะอุ้มนางขึ้นมา พาออกจากบ่อน้ำพุร้อน
เดินไปถึงราวแขวนผ้า หลงเซี่ยวอวี่ยกมือขึ้น กำลังจะถอดเสื้อผ้าเปียกโชกที่ไม่อาจปกปิดสิ่งใดได้บนร่างกายของมู่จื่อหลิงออก
ในยามนี้ ดูเหมือนว่ามู่จื่อหลิงจะตระหนักถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ ทั้งตัวสั่นอย่างรุนแรง จับมือของเขาที่กำลังจะปลดชุดนางโดยไม่รู้ตัว “ท่านจะทำอะไร?”
ความโกรธในหัวใจของมู่จื่อหลิงเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ นางอยากจะยิงชายคนนี้ให้ตายจริงๆ
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ลดธงเงียบเสียงกลอง (偃旗息鼓) เป็สำนวนจากเื่สามก๊ก มีความหมายว่า ยุติการวิพากษ์วิจารณ์ ยุติการโจมตี หรือหยุดบางสิ่งเอาไว้ก่อน
[2] แทบอยากจะมองหาตะเข็บมุดหนีไป (差找条地缝钻进去) เป็วลี มีความหมายว่า อยากจะหาที่ซ่อนตัวหลังจากเกิดเื่น่าอับอาย