“นายท่านเ้าคะ ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ท่านพี่นะเ้าคะ! ท่านพี่ทุ่มเทจิตใจเพื่อจวนโหว ผลสุดท้ายกลับถูกคนสาปแช่ง ตอนนี้ยังนอนป่วยหนักอยู่บนเตียง หากไม่กำจัดิญญาชั่วร้ายออกไป เกรงว่าจวนโหวจะไม่มีวันสงบสุขแน่เ้าค่ะ!”
อนุรองน้ำตาไหลพรากทรุดกายแทบเท้าชางหรงโหว ทุกคนไม่รู้เลยจริงๆ ว่านางจะใส่ใจเหลยซื่อเพียงนี้
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเองก็งุนงงอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียขอเพียงกำจัดนังสารเลวนั่นได้ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็ใคร ตนเองก็จะช่วยทั้งนั้น
“ท่านพ่อเ้าคะ องครักษ์ขุดเจอตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งในเขตเรือนไผ่ เป็ตุ๊กตาที่ทำจากผ้าไหมหิมะตะวันตกที่ท่านย่าให้น้องหกและอนุห้าเป็รางวัล ้ายังเขียนชะตาเกิดของท่านแม่ไว้ด้วยเ้าค่ะ!” นางเช็ดน้ำตา สายตาที่มองอวิ๋นซูเต็มไปด้วยความรังเกียจ “ดูท่าแล้วน้องหกไปอยู่ชนบทมาหลายปี ไม่เพียงได้เรียนรู้วิชาแพทย์ แต่ยังได้เรียนวิชาชั่วร้ายเอาไว้ทำร้ายผู้คนอีกด้วย!”
“มีเื่เช่นนี้จริงหรือ?” เสียงของชางหรงโหวเย็นเยียบอยู่หลายส่วน สายตามองไปยังนักพรตเต๋าชุดเหลืองในห้องโถง
สายตาทิ่มแทงเจือแววคาดคั้นทำให้นักพรตเต๋าผู้นั้นร่างกายสั่นเทา สายตาของท่านโหวประดุจดั่งมองทะลุผู้คน โดนเขาจ้องตาเช่นนี้ นักพรตเต๋าพลันสูดลมหายใจลึกแล้วยืดกายขึ้น “ท่านโหว มีสิ่งอัปมงคลอยู่ในจวน สิ่งอัปมงคลนี้แบ่งกายเป็สามร่าง หากไม่กำจัด จะเป็อันตรายต่อทุกคนในจวนโหวขอรับ!”
เกิดความเงียบงันขึ้นชั่วขณะ ทุกคนรู้สึกได้ว่าร่างกายของชางหรงโหวแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมา
“เช่นนั้นสิ่งอัปมงคนนี้คือ...”
“ข้าตามกลิ่นอายอัปมงคลนั้นไป จนได้พบกับเขตเรือนของคุณหนูหกและอนุห้า!”
ความหมายของคำพูดนี้ช่างชัดเจนยิ่งนัก อวิ๋นซู อนุห้าและเด็กในท้องของนางก็คือจุดกำเนิดของกลิ่นอายอัปมงคล!
ชางหรงโหวโกรธจนตบโต๊ะดังปัง ทุกคนรีบก้มหน้าลง ทว่าในใจกลับมีความคิดหนึ่ง หลิ่วอวิ๋นซูต้องตายแน่แล้ว!
“เด็กๆ ลากออกไปโบย! โบยจนกว่ามันจะพูดความจริงออกมา!”
มุมปากของอนุรองยกยิ้มลำพองใจ นางรีบกล่าวเตือน “ท่านโหวเ้าคะ อนุห้ายังอยู่ในห้องเ้าค่ะ!”
นังแพศยานั่น ดูสิว่าถ้าถูกโบยแล้วเด็กในท้องจะยังรักษาไว้ได้อีกหรือไม่!
องครักษ์รีบเดินเข้ามา ทว่าพวกเขากลับเดินตรงไปจับกุมนักพรตเต๋าผู้นั้น
“นี่...นี่มัน?!”
นักพรตเต๋างุนงงอย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงของชางหรงโหวเต็มไปด้วยความอันตรายอย่างเข้มข้น “ใช้คำพูดไร้สาระมาหลอกลวงผู้คน โบยมันให้ท่านโหวอย่างข้าดูเสีย! โบยจนกว่ามันพูดความจริง!”
เหตุใดจึงเป็เช่นนี้ไปได้? หรือท่านโหวไม่เชื่อคำพูดพวกนี้?
อนุรองลุกลี้ลุกลน ในสายตาของนางพลันปรากฏรองเท้าปักอันงดงามขึ้นคู่หนึ่ง
“อี๋เหนียงดูเหมือนจะเสียใจนะเ้าคะ?” เสียงของอวิ๋นซูดังแว่วจาก้า อนุรองเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสายตาอันล้ำลึกคู่หนึ่ง ในใจพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
“น้องหก หลักฐานแ่า! เ้าคิดจะปฏิเสธหรือ?” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าไม่ยอมละทิ้งโอกาส “ตุ๊กตาสาปแช่งนี้ใช้ผ้าไหมหิมะทำขึ้น ทั่วทั้งจวนโหวมีแค่ในเขตเรือนของเ้าที่ไม่เกิดเื่แปลกๆ ขึ้น ท่านแม่ก็ป่วยหนัก หากเ้าไม่ได้ทำแล้วจะเป็ผู้ใด?!”
ทุกคำของนางหนักแน่น นางอยากจะเห็นความสิ้นหวังและร้อนรนบนใบหน้าของอวิ๋นซู
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับเปิดปากกล่าวอย่างเรียบเฉย “จวนของซูเอ๋อร์และเซวี่ยซวี่ไม่มีผ้าไหมหิมะ”
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ นี่...” จะเป็ไปได้อย่างไร พวกนางทุกคนล้วนเห็นว่าคืนนั้นฮูหยินผู้เฒ่ามอบผ้าไหมหิมะให้อวิ๋นซูและอนุห้า
สตรีนางนั้นอธิบายเนิบนาบ “ผ้าไหมหิมะมีสีย้อมชนิดหนึ่งที่ไม่ดีต่อสตรีมีครรภ์อย่างยิ่ง ดังนั้นอวิ๋นซูจึงนำผ้าไหมหิมะสองพับนั้นส่งคืนมายังเรือนฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเ้าค่ะ”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าตกตะลึง กล่าวเช่นนี้ก็หมายความว่า ในจวนโหวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่มีผ้าไหมนั่น...
“อวิ๋นฮว๋า เ้าคงจะไม่บอกว่าข้าเป็คนทำตุ๊กตาตัวนั้นหรอกกระมัง?” สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยแววสอบสวน หลิ่วอวิ๋นฮว๋ารีบส่ายศีรษะอย่างร้อนรน “จะ จะเป็ไปได้อย่างไรเ้าคะ?”
“ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูหกอาจจะแอบตัดไว้เป็ชิ้นเล็กๆ ก่อนส่งกลับไปก็เป็ได้นะเ้าคะ?” อนุรองไม่พอใจ เหตุใดเ้าเด็กชุ่ยเอ๋อร์นั่นถึงไม่บอกเื่นี้กับนาง
“เช่นนั้นอนุรองรู้จักคนผู้นี้หรือไม่?”
ตอนนี้เอง หญิงชราคนหนึ่งถูกชุนเซียงคุมตัวเข้ามา นางคุกเข่าข้างกายอนุรองอย่างเสียขวัญ ฮูหยินผู้เฒ่าเปิดปากพูด “เงยหน้าขึ้น”
หญิงชราผู้นั้นเงยหน้าด้วยความหวาดกลัว “ฮูหยินผู้เฒ่าไว้ชีวิตด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าไว้ชีวิตด้วยเถิด!”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ทำให้นางลำบากใจ “ยังจำได้หรือไม่ ผ้าไหมหิมะที่ส่งออกมาจากในวัง เ้าขายให้ผู้ใดในจวนของข้า?”
อนุรองใจเต้นจนแทบหลุดออกจากอก เหตุใดหญิงชราผู้นี้จึงถูกจับได้เล่า?!
“เป็นางหรือไม่?”
หญิงชรามองไปยังอนุรอง แล้วส่ายศีรษะอย่างลังเล อนุรองจึงวางใจลงได้ นางจะออกไปซื้อของนั่นด้วยตัวเองได้อย่างไรกัน
ไม่นึกว่าแม่นมผู้หนึ่งที่ถูกเซี่ยเหอมัดมือทั้งสองจะถูกโยนลงข้างกายหญิงชรา “เ้าดู ใช่คนนี้หรือไม่?”
“เป็นาง! เป็นางเ้าค่ะ! นางจ่ายเป็ทองแท่งหนึ่งเพื่อซื้อผ้าไหมหิมะจากข้า!”
ใบหน้าของแม่นมชราและอนุรองพลันซีดขาว “เ้า เ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ!”
“อะไรเล่า? ก็เป็เ้า ข้าจะจำคนผิดได้อย่างไร! ทองนั่นข้ายังไม่ได้ใช้เลย!” หญิงชรารีบพูดขัดแม่นม
อนุรองไม่กล้าเงยหน้ามองสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าและท่านโหวอีกต่อไป ทว่ากำไลหยกอันหนึ่งถูกดันมาเบื้องหน้านาง “อนุรอง ยังจำของสิ่งนี้ได้หรือไม่เ้าคะ?”
อวิ๋นซูแย้มยิ้ม อนุรองรู้สึกราวกับว่าเืในกายเย็นะเื นี่คือรางวัลที่นางมอบให้ชุ่ยเอ๋อร์!
“ฮึ! ยังไม่พูดความจริงอีก!”
ฮูหยินผู้เฒ่าตบโต๊ะ อนุรองร่างกายสั่นระริก ทว่ากลับไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไร
“ยังไม่รีบสารภาพอีก บอกมาเสียว่าเหตุใดเ้าจึงพาคุณชายซีไปูเาด้านหลัง เหตุใดจึงซื้อตัวชุ่ยเอ๋อร์ให้นางทำเื่แทนเ้า เหตุใดจึงให้นางช่วยเ้านำตุ๊กตาตัวนี้เข้าไปในเรือนไผ่! ยังไม่รีบพูดมาอีก!”
ยามนี้ ทุกคนได้สติกลับมาจากความใแล้ว คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้พวกเขายากที่จะเชื่อ แล้วเื่คุณชายซีนี่มันอะไรกัน?
ตอนนี้เองหลิ่วอวิ๋นหลี่ทะยานออกมา “ท่านย่าเ้าคะ นี่มีการเข้าใจผิดอะไรกันหรือไม่เ้าคะ? อี๋เหนียงนางบริสุทธิ์ อี๋เหนียงไม่ทำเื่เช่นนี้แน่ อี๋เหนียงจะต้องถูกผู้อื่นใส่ร้ายแน่นอน! สาวใช้ผู้นั่นเล่า? ให้นางออกมาสิเ้าคะ!”
อนุรองดึงแขนเสื้อของหลิ่วอวิ๋นหลี่ อีกฝ่ายประหลาดใจ มองไปยังท่าทางของอี๋เหนียงของตน คงไม่ใช่ว่า...
“เด็กๆ พาคุณหนูสี่ออกไป” เื่ต่อจากนี้ไม่เหมาะที่จะให้คุณหนูสี่เห็น
“ไม่! ไม่! อี๋เหนียง รีบบอกท่านย่ากับท่าพ่อไปสิว่าท่านถูกใส่ร้าย ท่านถูกใส่ร้าย!” เสียงของหลิ่วอวิ๋นหลี่ค่อยๆ ห่างออกไป ยามนี้ อนุรองจึงได้ยิ้มออกมาจางๆ
“คุณหนูหก เ้าคิดจะวางแผนทำร้ายข้านานแล้วหรือ?” ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา เบนสายตาขึ้นมองตรงไปยังอวิ๋นซู
ตอนนี้ชุนเซียงและเซี่ยเหอได้เข้ามาตรึงนางเอาไว้แล้ว ด้วยเกรงว่าจู่ๆ อนุรองจะโกรธจนขาดสติและทำร้ายคุณหนูหก
“เด็กคนนั้นวิ่งมามอบตัวกับข้าถึงในห้อง เล่าสิ่งที่เ้าทำทั้งหมดออกมา เดิมทีข้ายังไม่เชื่อ แต่เ้า...” สายตาของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยความเ็า
องครักษ์สองคนลากตัวนักพรตเต๋าที่สภาพร่อแร่เข้ามา โยนไปข้างกายอนุรอง
“ท่านโหว รับสารภาพแล้วขอรับ!”
อนุรองหลับตาลงช้าๆ นางรู้ว่าคราวนี้ตนเองแพ้แล้ว
“ทะ ท่านโหว...ข้าน้อย ข้าน้อยรับสารภาพแล้ว...เมื่อวานมีคน มีคนมาหาข้าน้อยที่วัดเต๋า บอกว่าขอเพียงวันนี้ ขะ ข้าน้อยกล่าวว่าทุกสิ่งล้วนเป็คุณหนูหกและอนุห้าทำ ก็จะให้ทองข้าน้อยหนึ่งแท่ง...” บนชุดสีเหลืองของนักพรตเต๋าเต็มไปด้วยเืสีแดงสด เดิมทีเขาไม่ยอมพูด ทว่าองครักษ์กล่าวว่า หากไม่พูดก็จะโบยให้ตายทั้งเป็ เขาถึงได้ยอมประนีประนอม
“เช่นนั้นเหตุใดจึงมีเพียงเรือนไผ่ที่ไม่มีหนู?” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ายังคงไม่พอใจ ดูเหมือน้าหาความผิดของอวิ๋นซูออกมาให้ได้
“เป็เพราะนอกเขตเรือนถูกโรยยาผงกันแมลงเอาไว้ ดังนั้นหนูและแมลงสาบจึงไม่กล้าเข้าใกล้เ้าค่ะ” อวิ๋นซูอธิบายให้หลิ่วอวิ๋นฮว๋าฟังอย่างใจดี
ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลิ่วอวิ๋นฮว๋าตาขวาง อีกฝ่ายรู้ตัวว่าหากยังพูดอะไรออกไปอีก เกรงว่ากระทั่งตนก็คงถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องเป็แน่
“ฮ่าๆๆ ...” ที่แท้แผนการที่นางอุตส่าห์คิดออกมาได้ถูกนั่งเด็กนั่นทำลายไปนานแล้ว! อนุรองหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “คุณหนูหกฉลาดเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่บอกฮูหยินผู้เฒ่าว่าข้านำชะมดเชียงไปวางไว้ในห้องอนุห้า ถึงทำให้นางไม่มีบุตรมาสามปีเล่า?”
“อะไรนะ? เ้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าลุกขึ้นยืนอย่างตกตะลึง มองไปยังสตรีบนพื้นด้วยสายตายากจะเชื่อ
อนุรองในตอนนี้บ้าไปแล้ว นางคิดจะระบายความขมขื่นที่เก็บไว้เต็มท้องออกมาทั้งหมด เช่นนี้ถึงจะทำให้นางสบายอารมณ์
ชางหรงโหวแผ่ไอสังหารออกมาจากร่าง เื่หลังบ้านเขาไม่เคยคิดที่จะสอบถามมาโดยตลอด แต่ว่าครั้งนี้เกี่ยวพันถึงลูกที่ยังไม่ได้ออกมาดูโลกของเขา ไม่อยากคิดถึงอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนอีกแล้ว ไม่คิดเลยว่าหญิงสารเลวคนนี้กลับสารภาพออกมาเอง!
“คุณหนูรองอย่ามองข้าเช่นนี้เลย หรือเ้าคิดว่ามือของมารดาเ้าจะสะอาดอยู่อีก? หรือเ้าไม่รู้ว่าการคลอดก่อนกำหนดของอนุห้าเป็ฝีมือของมารดาเ้า?” ในเมื่อต้องตาย วันนี้นางก็จะลากคนทำผิดร่วมกับนางออกมาให้หมด
“หยุดนะ ท่านอย่ามาพูดพล่อยๆ!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าชี้ไปยังสตรีผู้นั้นอย่างโกรธแค้น “ท่านเสียสติไปแล้ว!”
“ข้าไม่ได้บ้า มารดาของเ้าเคยทำอะไร เชื่อว่าเ้าก็คงรู้ชัด หากต้องตาย ข้าก็จะให้ทุกคนตายไปด้วยกันเสียเลย ฮ่าๆๆ!”
“เ้ามีหลักฐานอะไร!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าพยายามทำให้ตนเองสงบลง ตอนนี้พี่ใหญ่ยังดูแลท่านแม่อยู่ในห้อง ตนเองมิอาจตื่นตระหนกได้ มิฉะนั้นจะไม่มีใครช่วยนางได้
“หลักฐานหรือ? หากมีหลักฐานข้าคงไม่มีจุดจบเช่นวันนี้!” นางกับเหลยซื่อต่อสู้กันมาหลายปีขนาดนี้ก็เป็เพราะจับจุดอ่อนอีกฝ่ายไม่ได้ ทว่าวันนี้ นางไม่ระบายออกมาไม่ได้! ต่อให้ไม่มีหลักฐาน นางก็จะต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าและท่านโหวสงสัยเหลยซื่อ!
“นังงูพิษ! เด็กๆ สั่งลงไป อนุรองจวนชางหรงโหวป่วยเป็โรคร้ายจนสิ้นชีพ ส่วนนังสารเลวนี่ก็ลากออกไปโบยให้ตายเสีย!”
“ฮ่าๆๆ ...คุณหนูรอง บอกมารดาเ้าด้วย จุดจบของข้าในวันนี้ก็จะเป็จุดจบของนางในวันหน้า ฮ่าๆๆ ...”
“บ้าไปแล้ว! สตรีผู้นี้บ้าไปแล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายศีรษะ หมุนลูกประคำในมือไปพลางกล่าวอมิตาภพุทธไปพลาง
ด้านนอก เสียงหัวเราะของอนุรองกลายเป็เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจ นางไม่พอใจ นางยังไม่ได้เห็นความล่มจมของเหลยซื่อ เหตุใดชีวิตนางจึงมาจบลงในมือของเด็กคนหนึ่งได้! “ท่านโหว ท่านโหว”
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นซูได้กลับไปอยู่ข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเรียบร้อยแล้ว คนที่คุกเข่าอยู่ถูกพาตัวออกไป คนอื่นๆ ออกไปด้วยความตื่นตะลึง
อวิ๋นซูสังเกตท่าทางของชางหรงโหว พบว่าในสายตาของบุรุษผู้นี้ไม่ได้มีความโศกเศร้าเท่าไรนัก ดูท่าแล้วไม่เพียงแต่ครอบครัวราชวงศ์ที่ไร้ใจ กระทั่งครอบครัวโหวก็เ็ายิ่งนัก