หลายวันมานี้ชุ่ยเอ๋อร์หลับไม่ค่อยสบายนัก เนื่องจากอวิ๋นซูบอกว่าใกล้ถึงเวลาแล้วที่นางจะได้ออกจากจวนโหว
ทุกๆ วัน นางมักจะทำงานอย่างระมัดระวัง ทั้งยังคอยระแวงว่าจะมีมือคู่หนึ่งยื่นออกมาจากมุมมืดตลอดเวลา ในจิตใต้สำนึกก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง
กำลังก้มหน้าก้มตาซักผ้าอยู่พลันได้ยินเสียงกระซิบเสียง นางหันไปพบว่าบริเวณหัวมุมมีข้ารับใช้ผู้หนึ่งกำลังโบกมือมาทางนาง
ภายในห้อง อนุรองสีหน้าเย็นะเื มองสาวใช้บนพื้นที่มีใบหน้าซีดเซียว
ร่างกายของชุ่ยเอ๋อร์สั่นไม่หยุด นางพยายามนึกถึงคำพูดของอวิ๋นซู ทันใดนั้นใบหน้าพลันเปลี่ยนสี “อี๋เหนียงไว้ชีวิตด้วย อี๋เหนียงโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
“หืม? เ้าทำผิดอะไรถึงได้ขอให้ข้าให้ชีวิตเ้า?”
“บ่าว บ่าวไม่ทราบว่าคุณหนูหกกับอนุห้า...ชุ่ยเอ๋อร์ไม่ทราบจริงๆ เ้าค่ะ วันนั้นพวกนางทะเลาะกันรุนแรงจริงๆ ...อี๋เหนียงต้องเชื่อบ่าวนะเ้าคะ!”
“เชื่อสิ ข้าย่อมเชื่อเ้าแน่นอน เ้ารับผลประโยชน์ไปจากข้าตั้งมากมาย หากข้านำเื่นี้ไปบอกคุณหนูหก เ้าว่าเ้าจะยังรอดอยู่อีกหรือ?”
ชุ่ยเอ๋อร์เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ที่แท้ตลอดมาอนุรองให้รางวัลตนเอง ก็เพราะ้านำมาใช้ขู่ตน
“บ่าวไม่กล้า บ่าวไม่กล้าเ้าค่ะ อี๋เหนียงไว้ชีวิตด้วยเถิด!”
อนุรองยกยิ้มเ็า ส่งสายตาให้แม่นมข้างกาย แม่นมรีบนำห่อผ้าเล็กๆ ออกมาวางไว้ตรงหน้าชุ่ยเอ๋อร์
สาวใช้ผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายจึงเปิดห่อนั้นออก ข้างในมีเงินอยู่กองหนึ่ง!
“ขอเพียงเ้าช่วยข้าเป็เื่สุดท้าย เงินพวกนี้ก็เป็ของเ้าทั้งหมด”
ชุ่ยเอ๋อร์สูดน้ำลาย แววตาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นางมองอนุรองด้วยความเคารพบูชาอย่างหาที่เปรียบมิได้
“ฮ่าๆ เ้านำสิ่งนี้เข้าไปซ่อนไว้ในเรือนไผ่ ไม่ต้องซ่อนให้ดีเกินไปนัก แต่ก็ต้องไม่ให้ถูกพบ เข้าใจหรือไม่?”
ชุ่ยเอ๋อร์รับตุ๊กตาผ้าสีขาวราวหิมะนั้นมา เงยหน้ามองอนุรองด้วยความสงสัย อีกฝ่ายไม่กล่าวอะไรอีก ให้ข้ารับใช้พาชุ่ยเอ๋อร์ออกไป
“สั่งลงไป รอให้เื่นี้สำเร็จ สาวใช้คนนั้นก็ไม่ต้องเก็บไว้อีก” อนุรองมองไปยังทิศทางที่ชุ่ยเอ๋อร์จากไปอย่างเ็า
...
ยามค่ำคืน ตุ๊กตาผ้าตัวนั้นกลับตกอยู่ในมือของอวิ๋นซู
อนุห้ามองตุ๊กตาผ้าตัวนั้นอย่างรังเกียจ “นี่มันอะไร มองแล้วรู้สึกแปลกยิ่ง”
อวิ๋นซูลูบบนเนื้อผ้าที่คุ้นเคย ตุ๊กตาตัวนี้เหมือนจะทำมาจากผ้าไหมหิมะตะวันตก หากนางเดาไม่ผิด นี่เหมือนจะเป็วิธีน่าเบื่อที่เอาไว้ใช้สาปแช่งผู้อื่นของสตรีในครอบครัวชั้นสูง
แต่อย่างไรวิธีทำตุ๊กตานี้ก็ง่ายมาก เดาว่าอนุรองเองก็เพียงแค่เคยได้ยินมาเช่นกัน อวิ๋นซูไม่รู้ว่าคนที่นาง้าสาปแช่งเป็ใคร?
เมื่อใช้มือคลึงเบาๆ ที่ตุ๊กตาตัวนั้น อวิ๋นซูรู้สึกเหมือนจะมีของอะไรบางอย่างสอดอยู่ข้างใน จึงฉีกชุดของตุ๊กตาที่เย็บอย่างลวกๆ ออก ทันใดนั้นก็มีผ้ายันต์สีเหลืองหล่นออกมา
้ามีตัวอักษรเขียนเอาไว้ ดูเหมือนจะเป็ชะตาเกิด
“อี๋เหนียงทราบหรือไม่ว่าเป็ชะตาของใคร?”
อนุห้าไม่ค่อยเต็มใจที่จะใช้มือของตนัักับของสิ่งนั้น นางจึงรีบชำเลืองมอง แล้วมองต่อไปยังอวิ๋นซูอย่างตกตะลึง “นี่เป็ชะตาของฮูหยิน!”
อนุรองนำตุ๊กตาสาปแช่งเหลยซื่อมาซ่อนไว้ในเขตเรือนของตน ใช่แล้ว ดูเหมือน่นี้เหลยซื่อจะนอนป่วยอยู่กับเตียง ช่างเหมาะที่จะเป็เป้าหมายการสาปแช่งเสียจริง
“คุณหนูหก รีบเผาตุ๊กตาตัวนั้นเสียเถิด!”
“เผาไม่ได้”
“อนุรอง้าใส่ร้ายพวกเรา! หากท่านโหวพบตุ๊กตัวนี้เข้า จะต้อง...”
ถึงอย่างนั้น อวิ่นซูกลับแย้มยิ้มบางๆ กล่าวกับอนุห้าประโยคหนึ่ง “อี๋เหนียง ท่านเชื่อใจข้าหรือไม่?”
...
บริเวณประตูหลังของจวนโหว หญิงชราคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาในซอย เพียงแต่ครั้งนี้มีสาวใช้ผู้หนึ่งยืนรออยู่ที่ประตูตลอด
หญิงชราไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากคราวนี้สิ่งที่พวกนาง้าเป็เพียงแป้งผัดหน้าที่เหล่าสนมใช้กันในวังเท่านั้น แป้งชนิดนี้ต่อให้เป็ร้านค้าที่พอเป็ที่รู้จักสักหน่อยก็มีขาย เพียงแต่ซื้อจากนางจะถูกกว่าเล็กน้อย
“ขอบคุณคุณหนูเ้าค่ะ ขอบคุณคุณหนู!”
ชุนเซียงมองหญิงชราที่หันกายเตรียมจะเดินจากไป ทันใดนั้นก็ส่งเสียงหยุดนางเอาไว้
“คุณหนูมีอะไรจะสั่งอีกหรือเ้าคะ?”
ในมือของเด็กสาวตรงหน้าปรากฏผ้าไหมที่ขาวราวหิมะออกชิ้นหนึ่ง “ของสิ่งนี้ เ้าคงรู้จักกระมัง?”
ใบหน้าของหญิงชราพลันเปลี่ยนสี ถึงกับชักเท้าวิ่งหนี แต่นางเป็คู่ต่อสู้ของชุนเซียงที่ไหนกัน สาวใช้คนนั้นวิ่งสองสามก้าวก็ไล่ทันแล้ว นางใช้มือจับกระดูกสะบักของหญิงชรา ความเ็ปสายหนึ่งพลันแล่นไปทั้งร่าง
“อย่า อย่าตีข้าเลย ข้าพูดทุกอย่าง พูดทุกอย่าง!”
ในวันนี้ เสียงกรีดร้องดังแพร่ไปในอากาศของจวนโหว
“กรี๊ด หนู! หนู!”
“กรี๊ด มีแมลงสาบ! แมลงสาบเต็มไปหมด!”
เพียงพริบตา จวนโหวต่างรวมเป็หนึ่งเดียวกัน กระทั่งในเขตเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าก็สามารถเห็นหนูและแมลงสาบวิ่งว่อนไปทั่ว
“นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”
สตรีทุกคนต่างก็วิ่งไปยังข้างูเาจำลองในสวนดอกไม้ เมื่อหลิ่วอวิ๋นเฟิงตื่นมาก็พบเข้ากับภาพเช่นนี้แล้ว จึงรีบวิ่งไปในห้องนอนเหลยซื่อ “ท่านแม่!”
เป็ดังคาด บนพื้นห้องของเหลยซื่อเองก็มีหนูคลานอยู่เต็มไปหมด เงาร่างอันตื่นตระหนกเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมด้วยเสียงกรีดร้องบาดหู “กรี๊ด! พี่ใหญ่ หะ ห้องของข้า...”
อย่างไรก็ตามยังมีสิ่งที่ทำให้ทุกคนแปลกใจ เรือนไผ่เป็แห่งเดียวที่เงียบสงัดไร้เื่ราว ทั้งยังไม่เห็นคนของเรือนไผ่ออกมาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสียงร้อง เมื่อมองไปข้างใน ก็พบกับทิวทัศน์อันสงบงดงาม
เมื่อจวนโหวผ่านการทำความสะอาดไปทั้งวัน ในที่สุดพวกเขาก็กำจัดหนูและแมลงสาบที่ตายออกไปได้
“ฮูหยินผู้เฒ่า ในจวนมีกลิ่นอายความชั่วร้ายอยู่!”
หลังจากนักพรตเต๋าที่เชิญมาทำพิธีเสร็จไปรอบหนึ่ง ทุกคนก็มองไปยังเรือนไผ่ด้วยความสงสัย ทุกเรือนล้วนมีหนูและแมลงสาบวิ่งออกมา มีเพียงพวกนางที่ไม่มี นี่มันไม่แปลกหรือ?
ในใจของทุกคนต่างะโโลดเต้น ไม่แน่ว่าวันเวลาดีๆ ของเรือนไผ่ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วก็เป็ได้!
“ท่านย่าเ้าคะ นี่คือ...” อวิ๋นซูเดินออกมาจากห้องอนุห้า มองนักพรตเต๋าชุดเหลืองผู้หนึ่งนำทุกคนมายืนข้างหน้าตน
“ซูเอ๋อร์ วันนี้ทั้งจวนมีหนูกับแมลงสาบเต็มไปหมด มีเพียงเรือนไผ่เรือนเดียวที่ไม่มี นักพรตเต๋าบอกว่าพลังชั่วร้ายนี้ออกมาจากเรือนไผ่ ้าตรวจค้นเรือนเสียหน่อย”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เื่พลังชั่วร้ายเช่นนั้น ครอบครัวชั้นสูงย่อมให้ความสำคัญ
ทว่าอวิ๋นซูกลับไม่ได้พูดอะไร “ท่านนักพรตเต๋าเบาเสียงลงหน่อยได้หรือไม่ ด้านในมีสตรีพักผ่อนอยู่”
ทว่านักพรตเต๋าผู้นั้นกลับมองอวิ๋นซูด้วยสายตาเหยียดหยาม ระฆังในมือก็เริ่มส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ปากก็พึมพำบทสวด ทุกคนตามหลังเขาไปเช่นนั้นจนไปถึงหลังเรือนของอวิ๋นซู บริเวณที่ใช้ปลูกสมุนไพรในเขตเรือน
“ฮูหยินผู้เฒ่า!”
ยามนี้ องครักษ์คนหนึ่งพบอะไรบางอย่าง ในมือของเขาถือตุ๊กตาผ้าสีขาวออกมาส่งไปในมือของฮูหยินผู้เฒ่า พลันนั้น สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
ถึงกับหาของแบบนี้ออกมาจากเรือนไผ่ได้จริงเสียด้วย! ฮูหยินผู้เฒ่าพลันมองไปยังอวิ๋นซู คิดไม่ถึงว่าดรุณีผู้นั้นจะส่ายศีรษะเบาๆ “ท่านย่าเ้าคะ ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของในเรือนซูเอ๋อร์เ้าค่ะ”
“แย่แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่า พลังชั่วร้ายในจวนแข็งแกร่งมาก! วิชาของปีศาจตัวนี้ร้ายนัก มันแยกเป็สามร่างแล้ว หากไม่รีบกำจัด วันหน้าจะต้องเอาชีวิตผู้อื่นในจวนไปแน่!”
ความหมายของนักพรตเต๋าก็คือ ปีศาจตนนี้ไม่ได้มีเพียงหนึ่ง แต่มีถึงสาม!?
ทั้งหมดคิดเชื่อมโยงไปถึงอนุห้าและเด็กในท้องของนาง แล้วยังมีอวิ๋นซูอีกคน ไม่ใช่ว่าเป็สามคนพอดีหรือ?!
ทุกคนไปรวมตัวกันในเขตเรือนฮูหยินผู้เฒ่า ยามนี้ใบหน้าของแต่ละคนล้วนแปลกประหลาดยิ่งนัก
บนที่นั่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังสำรวจตุ๊กตาผ้าในมืออย่างละเอียด ข้างในมีผ้ายันต์สีเหลืองสอดอยู่แผ่นหนึ่ง ้ามีดวงชะตาเขียนอยู่ นางเบนสายตาขึ้นมองไปยังตำแหน่งของเหลยซื่อที่ว่างเปล่า
“หรือว่าที่สะใภ้ป่วยกะทันหัน เป็เพราะตุ๊กตาตัวนี้...”
“ฮูหยินผู้เฒ่า ตุ๊กตาตัวนี้มีิญญาชั่วร้ายสิงสถิตอยู่!” นักพรตเต๋าผู้นั้นเน้นย้ำถึงตุ๊กตาตัวนั้นอยู่ตลอด ดวงตาของอนุรองพลันสว่างวาบ “ฮูหยินผู้เฒ่า เสื้อผ้าบนตัวตุ๊กตาตัวนั้น ดูคุ้นเคยอยู่บ้างนะเ้าคะ?”
เมื่อนางกล่าวถึง ทุกคนต่างพากันยื่นคอมองไป ทว่าอวิ๋นซูกลับยิ้มบางๆ “สายตาของอนุรองดีจริงๆ เ้าค่ะ”
เด็กคนนี้นี่ ความตายมาถึงตัวแล้วยังแสร้งทำเป็ใจเย็นอยู่อีก?! แล้วนังแพศยานั่นเหตุใดยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก? เื่มาถึงขนาดนี้แล้วยังมีใจไปนอนอยู่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “อืม เป็ผ้าไหมหิมะตะวันตกจริงๆ”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ภายในห้องโถงก็เกิดความโกลาหล
“น้องหก เหตุใดเ้าจึงทำเช่นนี้? เ้าทำตุ๊กตาเช่นนี้ออกมา ้าทำร้ายใครกัน?” ดวงหน้าของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าเต็มไปด้วยความตกตะลึง หลักฐานทุกอย่างต่างชี้ไปที่อวิ๋นซู เมื่อมองไปยังสตรีที่ถูกทุกคนกล่าวโทษ ใจของตนก็อัดแน่นไปด้วยความโกรธ หากนางเป็คนทำ วันนี้นังสารเลวนี่ก็จบสิ้นแล้ว หากไม่ใช่นางทำ...ไม่! ต้องเป็นางเท่านั้น!
“คุณหนูรองเ้าคะ คุณหนูหก้าทำร้ายใคร ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ แค่ดูยันต์ในมือของฮูหยินผู้เฒ่าว่าเขียนอะไรไว้ก็รู้แล้ว!”
แม่นมรับยันต์สีเหลืองมาจากมือฮูหยินผู้เฒ่า แล้วส่งไปให้ถึงในฝ่ามือของหลิ่วอวิ๋นฮว๋า นางเปิดออกดู ใบหน้าพลันซีดขาว
“น้องหก เ้าช่างจิตใจอำมหิตยิ่งนัก ยามปกติท่านแม่ก็ดูแลเ้าไม่ได้ขาด เหตุใดเ้าจึงได้ทำเื่เช่นนี้ออกมาได้! มิน่าเล่า ท่านแม่จึงได้ป่วยกะทันหัน ที่แท้ก็เป็เพราะตุ๊กตาตัวนี้...”
บนแผ่นยันต์เขียนชะตาเกิดของเหลยซื่อเอาไว้!
“น้องหก เหตุใดเ้าจึงทำเช่นนี้?”
“พี่หก ท่านแม่ดูแลท่านไม่ได้ขาด เหตุใดจึงลงมืออำมหิตถึงเพียงนี้?”
พริบตาเดียว ทุกคนในห้องโถงต่างชี้นิ้วไปทางอวิ๋นซู ทว่านางทำเพียงยืนอย่างเรียบเฉย ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ใบหน้าคล้ำหม่นไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำ
“รีบไปนำตัวอนุห้าออกมาเร็ว นางเป็พวกเดียวกัน!”
ไม่ทราบว่าใคระโประโยคนี้ออกมา ทว่าพริบตานั้น ทุกคนต่างพึมพำให้ฮูหยินผู้เฒ่าลากตัวอนุห้าออกมาจากเรือน
ตอนนี้เองเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังขึ้น บุรุษวัยกลางคนร่างกำยำก้าวยาวๆ เข้ามาในห้องโถง สายตาไม่พอใจของชางหรงโหวกวาดมองทุกคนในห้องโถงรอบหนึ่ง “เกิดเื่อะไรขึ้น?”
ประโยคง่ายๆ ทว่ากลับทำให้ทุกคนหุบปากโดยพลัน อย่างไรก็ตาม พวกนางทั้งหมดต่างใช้สายตามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นมองไปยังหลิ่วอวิ๋นซู แววตาเช่นนั้นราวกับกำลังมองคนตายอยู่ก็มิปาน
บุตรชายภรรยาเอกยังถูกโบยหนึ่งร้อยไม้แล้วส่งออกไปนอกจวน เช่นนั้นบุตรีอนุภรรยาไร้ความสำคัญคนหนึ่งเล่า? ทำตุ๊กตาเช่นนี้มาทำร้ายมารดา หลิ่วอวิ๋นซูคงไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อแล้วใช่หรือไม่?