อวี๋มู่เดินออกจากห้องหิน เผชิญหน้ากับลูกศิษย์หลายพันคนที่คุกเข่าอยู่ด้านนอก ได้ยินเสียงคำนับยินดีต้อนรับปรมาจารย์ออกจากการเก็บตัวบำเพ็ญเพียร โดยในใจยังคงปราศจากความสั่นไหว
นี่เขาเข้าถึงบทบาทอย่างแท้จริงแล้วหรืออย่างไร?
ช่างเป็หนทางไร้ซึ่งจิตที่ดีงามจริงๆ
อวี๋มู่พยักหน้าน้อยๆ แล้วเอ่ยให้ลุกขึ้น เหล่าบรรดาลูกศิษย์ถึงกล้าลุกขึ้น
ซึ่งนำโดยเด็กหนุ่มที่มีรูปโฉมงดงามและดูสุขุมลุ่มลึก เด็กหนุ่มเดินเข้ามาอยู่ข้างอวี๋มู่ แล้วเอ่ยถาม “เดิมท่านอาจารย์กำหนดไว้ว่าจะเก็บตัวบำเพ็ญเพียรเป็เวลาหนึ่งพันปี ยามนี้หลุดจากบำเพ็ญเพียรก่อนเวลา เพราะเกิดเื่อันใดขึ้นหรือขอรับ? ”
อวี๋มู่เหลือบมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง ก็รู้ว่าคนผู้นี้ก็คือศิษย์เอกของร่างเดิมนามว่า หลิงเฟิง ซึ่งก็คือเ้าสำนักแห่งสำนักกระบี่ใต้หล้าในตอนนี้ มองดูแล้วอีกฝ่ายยังหนุ่ม แต่อันที่จริงมีอายุกว่าหนึ่งหมื่นปีแล้ว
“ไม่มีเื่ใหญ่อันใด สลายตัวเถิด”
อวี๋มู่จะไปตามหาตัววายร้ายของเื่นามว่า เยี่ยจิ่วหลาน ตอนนี้จึงยังไม่อยากกล่าวกับพวกเขามากนัก ซึ่งหลิงเฟิงเองก็พอมองออก
เมื่อเด็กหนุ่มรับรู้ ก็พาคนจากไป
อวี๋มู่ใช้เคล็ดวิชาค้นหาจิต แล้วปักตำแหน่งของเยี่ยจิ่วหลานไว้อย่างแม่นยำ เพียงชั่วขณะจิต ก็มาถึงหน้าผาอินทรีแดง
อวี๋มู่มองเห็นงูเหลือมสีดำถูกตะปูเหล็กนิลตอกไว้บนหน้าผา พลันขมวดคิ้วน้อยๆ
ขณะนี้ที่เหนือศีรษะของเ้างูเหลือมสีดำมีตัวหนังสือขึ้นมาหนึ่งแถว พร้อมกับหัวใจสีดำจำนวนห้าดวง [บุคคลเป้าหมายปรากฏตัว ชื่อ: เยี่ยจิ่วหลาน อายุ: สามร้อยปี เริ่มต้นภารกิจ]
นิยายเื่นี้เกี่ยวกับโลกเหนือจินตนาการแนวเทพเซียนที่เอาใจคนอ่าน พระเอกของเื่เป็มนุษย์ธรรมดาที่บำเพ็ญเพียรจนขึ้นสู่แดน์ แล้วช่วยแดน์ให้พ้นจากการยึดครองของจอมปีศาจอสูรเยี่ยจิ่วหลาน แล้วจบสิ้นยุคสมัยอันมืดมนของแดน์
กระนั้นตอนที่อวี๋มู่ข้ามมิติมายังโลกนี้ก็คือก่อนหน้ายุคมืดมน——่วัยเด็กของตัววายร้ายเยี่ยจิ่วหลาน
เยี่ยจิ่วหลานคือบุตรที่ถือกำเนิดในตอนที่จักรพรรดิลงไปยังแดนมนุษย์เพื่อเรียนรู้เื่ความรักและไปวุ่นวายกับปีศาจงูเข้า
เมื่อจักรพรรดินีทรงทราบเื่ ก็รู้สึกเสียหน้าย่อยยับ จึงโร่ไปยังแดนปีศาจอสูรแล้วจัดการสังหารมารดาของเยี่ยจิ่วหลานต่อหน้าต่อตาเขา จากนั้นก็แปลงกายเยี่ยจิ่วหลานให้กลับสู่ร่างเดิม ทำลายพลังของเขา แล้วใช้ตะปูเหล็กนิลตอกเขาแล้วแขวนไว้ตรงหน้าผาอินทรีแดง จากนั้นใช้วิชาป้องกันชีพจรหัวใจของเขา เพื่อให้เขารับรู้ถึงความทุกข์ทรมานจากการถูกจิกกัดของอินทรีแดงทุกวัน อยากอยู่ก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่อาจ
ในนิยายกล่าวถึงเนื้อหาส่วนนี้ไม่มากนัก เพียงแต่บอกว่าต่อมาเยี่ยจิ่วหลานคำนับปรมาจารย์แห่งใต้หล้าเป็อาจารย์ แล้วแอบร่ำเรียนวิชาต้องห้ามในอู๋วั่งซาน จนสามารถชักกระบี่มารเสวียนเกอออกมาได้ และทำให้ปรมาจารย์แห่งใต้หล้าที่เป็ผู้สะกดเสวียนเกอได้รับาเ็สาหัส ต่อจากนั้นก็หักหลังอาจารย์แล้วเข้าร่วมกับแดนปีศาจอสูร จนหนึ่งหมื่นปีให้หลังกลายเป็จอมปีศาจอสูร บุกขึ้นแดน์ สังหารจักรพรรดินีและทำลายจักรพรรดิ กักขังปรมาจารย์แห่งใต้หล้า และเริ่มเข้าสู่ยุคมืดมนของแดน์
พล็อตเื่ตอนนี้มีปัญหาเื่ตรรกะ
เพราะว่าปรมาจารย์นั้นฝึกฝนหนทางไร้ซึ่งจิต ตัดขาดจากความรู้สึกรักและเยื่อใย ทุกสรรพสิ่งบนโลกไม่อาจดึงดูดความสนใจจากเขาได้ แล้วจะให้วิ่งโร่มาช่วยเยี่ยจิ่วหลานถึงหน้าผาอินทรีแดง แล้วรับเขาเป็ศิษย์ได้อย่างไร?
แต่อวี๋มู่ก็มาแล้ว
ภารกิจของเขาคือต้องทำดีกับเยี่ยจิ่วหลาน
พล็อตเื่นี้จึงเปลี่ยนเป็สมเหตุสมผลขึ้นมา
เขาเพียงโบกมือก็ทำลายการกักขังที่จักรพรรดินีลงไว้ได้ จากนั้นก็ใช้แรงลมอ่อนโยนโอบตัวเยี่ยจิ่วหลานมายังข้างหน้า กวาดตามองอีกฝ่ายที่ดูเหน็ดเหนื่อยและาเ็ แต่หาได้มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด
อวี๋มู่รู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์ของตัวเองขาดแคลนจนแทบไม่เหมือนคนปกติ ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เขาควรจะต้องรู้สึกวิตกกังวล แต่ตอนนี้ความวิตกกังวลเป็อย่างไร เขาก็ไม่อาจจินตนาการได้
เมื่อหลุดจากตะปูเหล็กนิล เยี่ยจิ่วหลานที่สมองตื้อๆ ก็ค่อยๆ ได้สติขึ้นมาบ้าง ดวงตากลมจ้องมองใบหน้างดงามตรงหน้า ชายหนุ่มที่บุคลิกลักษณะดุจเทพเซียนก็ไม่ปาน สัญชาตญาณอันตรายรุนแรงปะทุขึ้นมาในหัว
ชายคนนี้สามารถฆ่าตัวเองได้อย่างง่ายดาย!
แต่เขายังไม่อยากตาย!
เขายังต้องแก้แค้นให้มารดา ดังนั้นเขาต้องรอด เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยจิ่วหลานก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีดิ้นรนอยู่ท่ามกลางลมที่มองไม่เห็น พลิกตัวไปมา อยากจะอาศัยจังหวะที่หลุดจากตะปูเหล็กนิลแล้วรีบหนีไป
าแบนร่างกายเริ่มปริออกเพราะท่วงท่าของเขา เืสีแดงสดไหลลงมา บางส่วนหยดลงบนพื้น ซึ่งก็คือข้างๆ เท้าของอวี๋มู่
“อย่าขยับ” อวี๋มู่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และเต็มไปด้วยพลังงานที่ทำให้เยี่ยจิ่วหลานตัวนิ่ง
อวี๋มู่ยื่นสองนิ้วไปกดที่ศีรษะของเยี่ยจิ่วหลาน ส่งพลังปราณของตัวเองเข้าสู่ร่างกายของงูเหลือมสีดำ แล้วล้วงโอสถออกมาจากที่เก็บหนึ่งเม็ด เอาป้อนให้เยี่ยจิ่วหลาน ทำให้เืบนปากแผลที่เลวร้ายถึงหยุดไหล
“ข้าไม่ทำร้ายเ้าหรอก ดังนั้น อย่ากลัวไป”
อวี๋มู่รู้สึกว่าจำเป็ต้องปลอบอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความรู้สึกกลับยิ่งแสดงถึงความเ็า ราวกับว่ากำลังปฏิบัติต่อสิ่งของชิ้นหนึ่ง ยิ่งทวีความหยิ่งยโสให้สูงส่งขึ้น
ระบบเอ่ยอย่างขี้ขลาด [โฮสต์ครับ คุณเป็แบบนี้ ผมยังรู้สึกกลัวเลย แล้ววายร้ายจะไปเชื่อคุณได้อย่างไร...]
อวี๋มู่ขมวดคิ้ว: เ้าระบบ นายน่าจะรู้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฉัน
[อื้อๆ ผมรู้ครับ] ระบบกล่าว [แต่ว่าอันที่จริงแบบนี้ก็ดีครับ จะได้ไม่ทำให้คุณต้องโศกเศร้าเพราะตอนจบของโลกที่ผ่านๆ มา]
เยี่ยจิ่วหลานถูกสะกดนิ่ง ในแววตาสะท้อนเพียงท่าทางของอวี๋มู่ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ช่วยเขาลงมา ทั้งยังช่วยรักษาาแของเขาอีกด้วย แม้ว่าสีหน้าจะดูเยือกเย็น แต่กลับไม่มีท่าทีหมายจะทำร้ายเขาจริงๆ
มารดาเคยบอกไว้ว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คนที่ยิ้มให้เ้า ใช่ว่าจะเป็คนดี คนที่เ็ากับเ้า ก็ใช่ว่าจะเป็คนชั่ว
วันนั้นจักรพรรดินีสังหารมารดาของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วยังปล่อยให้เขาต้องทนทรมานที่นี่อยู่นานหลายปี สตรีผู้นั้นคือคนชั่ว
ส่วนบุรุษตรงหน้า ดูเหมือนจะเป็คนดี
ในขณะที่กำลังพิจารณา จู่ๆ ก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น จักรพรรดิกับจักรพรรดินีก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
“ข้านึกว่าใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้าปล่อยเ้าสัตว์เดรัจฉานนี่” จักรพรรดินีลอยตัวอยู่กลางอากาศ มองเยี่ยจิ่วหลานกับอวี๋มู่จากข้างบนลงมา พูดจาผิดแปลก “ที่แท้ก็ปรมาจารย์แห่งใต้หล้านี่เอง เ้าบำเพ็ญเพียรอยู่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงมาถึงที่เขาโสโครกแห่งนี้ได้”
หน้าผาอินทรีแดงอยู่ห่างไกลจากเขาอู๋วั่งหนึ่งหมื่นห้าพันลี้ การปรากฏตัวของอวี๋มู่ที่นี่จึงนับว่าเป็เื่ประหลาด
แต่จักรพรรดินีถึงขั้นกระโตกกระตากพาจักรพรรดิมาด้วย เห็นได้ชัดว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าคนที่มาคือเขา ตอนนี้คำพูดนี้เหมือนกำลังจงใจด่าทอเขาว่าไม่ดูตาม้าตาเรือ
อวี๋มู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจกล่าว นี่กำลังรังแกเขาที่อยู่ในเส้นทางไร้ซึ่งจิต ว่าโมโหไม่เป็หรืออย่างไร?
แต่เขาก็ไม่ได้โกรธจริงๆ...
ในสายตาของอวี๋มู่ จักรพรรดินีเป็เพียงก้อนหินเล็กๆ ริมทางที่ไม่มีความจำเป็
ส่วนคำพูดพวกนั้น เขายิ่งไม่ได้ใส่ใจ
แต่เยี่ยจิ่วหลานนั้นไม่เหมือนกัน วินาทีที่เขาเห็นจักรพรรดินี ดวงตาสีทองเข้มของเขาก็แผ่รังสีความเคียดแค้นและจิตสังหารออกมา แทบอยากจะพุ่งไปถลกหนังสตรีที่สวมชุดหรูหรา
แต่เมื่อสายตาเลื่อนไปมองบุรุษที่ยืนอยู่ข้างสตรี เขาตกตะลึงเล็กน้อย ความรู้สึกถึงสายเืนั้นจู่โจมหัวใจของเขา เขารับรู้ได้ว่าคนคนนี้น่าจะเป็ชายหนุ่มที่ท่านแม่เฝ้าคะนึงหาตลอดระยะเวลาสองร้อยปี และเป็บิดาแท้ๆ ของตัวเอง จักรพรรดิผู้สูงส่งหาสิ่งใดเหนือกว่า
ความรู้สึกเสียใจ เศร้าโศกและโกรธแค้นต่างๆ นานา เข้าจู่โจมหัวใจของเขา ดวงตาของเ้างูมีน้ำตาคลอ เขามองไปที่จักรพรรดิ ด้วยใจหนึ่งก็เคียดแค้นที่เขาทอดทิ้งตัวเองและท่านแม่ แต่อีกใจหนึ่งก็มีความคาดหวังว่าจักรพรรดิพอทราบเื่ทั้งหมดที่จักรพรรดินีกระทำต่อเขาและท่านแม่จะสามารถลงทัณฑ์สตรีอสรพิษคนนี้
เพียงแต่ หาได้เป็เช่นนั้น
เขาได้ยินจักรพรรดิเอ่ยกับจักรพรรดินี “เ้ารู้อยู่แล้วถึงสถานะของเขา แล้วไยจึงปล่อยให้เขามีชีวิตรอด? หากว่าเื่นี้ถูกแพร่งพรายออกไปถึงแดน์ เ้าจะให้ข้าจัดการเยี่ยงไร? ”
เยี่ยจิ่วหลานนิ่งอึ้งไปหลังจากฟังคำพูดนี้ แสงแห่งความหวังเ่าั้มลายหายไปสิ้นจากแววตา ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็มืดมนลง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
