“ฮือๆ ...พี่ใหญ่ หน้าข้า...” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง หากใบหน้าของนางมีรอยแผลเป็จะทำอย่างไร?
“เ้าไม่ต้องกลัว พี่ใหญ่จะพาเ้าไปหาน้องหก!”
“ไม่ ข้าไม่ไปหานาง! นางจะต้องทำร้ายข้าแน่!” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเริ่มดิ้นอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นน้องสาวร่วมมารดาไม่ยินยอมเช่นนี้ หลิ่วอวิ๋นเฟิงจึงทำได้เพียงพานางไปยังห้องของตน
ทว่าไม่นาน คนของจวนชางติ้งโหวก็ส่งยาสมานแผลมาให้ ว่ากันว่าคุณหนูเจ็ดก็ใช้ยาสมานแผลนี้ ใบหน้าของนางจึงไม่ทิ้งรอยแผลเป็ใดๆ ไว้
“เจ็บหรือไม่?”
“เจ็บ!” แปลกจริง นางจำได้ว่าวันนั้นเฟิ่งหลิงกล่าวว่าทายานี้แล้วก็จะไม่เจ็บ เหตุใดตนจึงรู้สึกเหมือนถูกไฟลวกเล่า?
“เช่นนั้น...ยาสมานแผลนี่ยังจะทาอยู่หรือไม่?”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าลังเลครู่หนึ่ง “ทาก็ทาไปแล้ว หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไปคิดบัญชีกับนังเด็กนั่น!”
หลังจากที่ทาวนอยู่หลายรอบ หลิ่วอวิ๋นเฟิงก็ทอดถอนใจ หยิบยาสมานแผลที่เหลือแล้วเดินออกไป ได้พบกับอวิ๋นซูถึงเพิ่งกลับถึงเรือนและเปลี่ยนชุดแล้วพอดี
“น้องหก!” เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายินดี “พี่รองของเ้าไม่ทันระวังจนได้รับาเ็ที่ใบหน้า นี่เป็ยาสมานแผลที่ทางจวนชางติ้งโหวส่งมาให้ แต่พอทาแล้วอวิ๋นฮว๋าร้องเจ็บไม่หยุด เ้าช่วยดูให้หน่อยเถิด ว่ายานี้ใช้ได้หรือไม่ได้กันแน่”
หลิ่วอวิ๋นเฟิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่เลวร้าย อวิ๋นซูย่อมไม่มีอคติใดๆ ต่อเขา นางรับยาสมานแผลขึ้นมาดม “...”
นี่คือยาสมานแผลสำหรับม้าที่นางปรุงขึ้นมาเอง! ท่าทางคนของจวนชางติ้งโหว้าจะลงโทษหลิ่วอวิ๋นฮว๋าเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม ยาสมานแผลนี้คนก็ใช้ได้ เพียงแต่จะต้องเจอความลำบากเล็กน้อยเท่านั้น หนังของม้าหยาบกระด้าง ดังนั้นยาสมานแผลจึงมีฤทธิ์แรง หากคนใช้ก็จะรู้สึกเสียดแทงิั ย่อมเจ็บกว่าเป็ธรรมดา
“ใช้ได้เ้าค่ะ แต่อย่าทาเยอะเกินไปนัก”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว น้องหก ระหว่างเ้ากับพี่รองของเ้าอาจจะมีเื่เข้าใจผิดกัน นาง...สรุปคือเ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย” หลิ่วอวิ๋นเฟิงเห็นกับตาว่าั้แ่ต้นล้วนเป็ท่านแม่ของตนและอวิ๋นฮว๋าที่พูดจาว่าร้ายนางมาตลอด แต่เขาไม่้าให้ครอบครัวต้องอยู่กันอย่างศัตรูคู่แค้น เขาเชื่อว่าด้วยฝีมือความสามารถของอวิ๋นซู ท่านแม่และน้องสาวร่วมมารดาทำอะไรนางไม่ได้อย่างแน่นอน
อวิ๋นซูมองบุรุษตรงหน้าอย่างจริงจัง หรือเขาไม่รู้ว่าตลอดมาเหลยซื่อกับหลิ่วอวิ๋นฮว๋าพุ่งเป้ามาที่นาง? เขาช่างคิดได้ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว หรือว่าบุรุษผู้นี้จะหูเบา
“พี่ใหญ่เ้าคะ บุรุษย่อมมีเื่ต้องกระทำ อย่าให้เื่หลังบ้านมาทำให้หยุดชะงักเลยเ้าค่ะ ความคิดของท่านควรจะจดจ่ออยู่กับราชสำนัก” อวิ๋นซูในยามนี้เผลอแสดงท่าทีสั่งสอนผู้อื่นเฉกเช่นสมัยก่อนออกมาโดยไม่รู้ตัว กลิ่นอายบนร่างเปลี่ยนไป ทำให้หลิ่วอวิ๋นเฟิงรู้สึกมึนงงไม่น้อย
ดรุณีน้อยผู้นี้พูดจาด้วยความสุขุมมากด้วยประสบการณ์ได้เชียวหรือ แต่คำพูดของนางก็มีเหตุผล ดูเหมือนตนจะใส่ใจเื่หลังบ้านมากเกินไป
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา มองไปยังอวิ๋นซู พยักหน้าเบาๆ แล้วหันกายเดินจากไป
ไกลออกไป สายตาเคียดแค้นคู่หนึ่งทำให้อวิ๋นซูหยุดฝีเท้า นางมองไปทางด้านที่นางััได้ เห็นสตรีสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวนางหนึ่ง บนผมมีดอกไม้สีขาวประดับอยู่ นางมองอยู่อย่างนั้น
หากจะกล่าวว่ามอง สู้กล่าวว่าจ้องเขม็งจะดีกว่า
อวิ๋นซูมองเห็นความแค้นที่โหมกระหน่ำได้จากสายตาของนาง ดวงหน้างามสง่าซีดขาวและเย็นะเื ั์ตาแดงเรื่อ เมื่อดูแล้วมีความระแวงผู้คนอยู่บ้าง
หลิ่วอวิ๋นหลี่ยืนอยู่ในมุมหนึ่ง แขนเสื้อบดบังมือที่กำแน่น
อี๋เหนียงของตนก็ตายไปเช่นนี้แล้ว แต่ว่าคนร้ายยังลอยนวล นางจะไม่แค้นได้อย่างไร! ฮูหยินผู้เฒ่าช่างลำเอียง ไม่ให้โอกาสอี๋เหนียงเลยแม้แต่น้อย กระทั่งโอกาสที่จะอธิบายก็ไม่มีให้ ตอนแรกพวกนางยังกินข้าวกันได้อย่างสบายอกสบายใจ แต่เพียงพริบตา นางกลับไม่เห็นแม้แต่ศพของอี๋เหนียงแล้ว
เป็เพราะนาง! เป็นาง! นังตัวโชคร้าย ั้แ่นางกลับมาจวนโหวก็เกิดเื่ไม่ดีมาตลอด ต้องรีบไล่นางไปเสีย! ต้องรีบไล่นางออกไป! ไม่ ทำให้นางหายไป ต้องทำให้นางหายไปตลอดกาล!
อวิ๋นซูไม่ได้สนใจความเศร้าโศกและคับแค้นใจที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของสตรีผู้นั้น คนที่รู้จักแต่โทษคนอื่นไม่รู้จักมองหาความผิดของตนเอง คนเช่นนี้ไม่ควรค่าที่จะเห็นใจ
“พี่ห้าขอรับ นั่นไม่ใช่พี่สี่หรือ? เหตุใดนางจึงได้สวมชุดขาวเช่นนั้นเล่า?” เสียงไร้เดียงสาเสียงหนึ่งดังขึ้น หลิ่วอวิ๋นชิงก้มลงมองเด็กน้อยที่ตนจับจูงอยู่ คุณชายเก้าเพิ่งจะอายุไม่เกินแปดขวบ ยังไร้เดียงสาไม่เข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัว
นางรู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง แต่ยังคงมองไปยังร่างในชุดขาวด้วยสายตาเหยียดหยาม “น้องเก้า อย่าไปมองเลย ประเดี๋ยวจะโชคร้ายเอา!”
เสียงนี้ตกอยู่ในหูของหลิ่วอวิ๋นหลี่ นางหันขวับมาทันที แต่กลับทำเพียงมองเงาร่างทั้งสองจับจูงมือเล็กๆ ของกันและกันเดินจากไปอย่างมีความสุข
ไม่รู้ว่าตนเองเดินกลับมาที่เรือนได้อย่างไร บนระเบียง ร่างหนึ่งในชุดสีแดงทะยานเข้ามา “พี่สี่!”
เสียงของหลิ่วอวิ๋นเหยาที่ไม่ค่อยจะโศกเศร้าทำลายสติอวิ๋นหลี่จนฉีกขาด เมื่อดรุณีน้อยผู้นั้นเข้ามาใกล้ ก็ได้ยินเสียงตบดังสนั่น ความเ็ปดั่งเพลิงผลาญทำให้นางกุมแก้มซ้ายๆ ของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “พะ พี่สี่?”
น้ำตาพลันไหลพรากลงมา อวิ๋นหลี่ในยามนี่มิได้ใจเย็นดั่งเช่นปกติ “ห้ามร้อง! อี๋เหนียงเพิ่งจะจากไป เหตุใดเ้าจึงแต่งกายด้วยสีแดงเช่นนี้?!”
“...” หลิ่วอวิ๋นเหยาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน นางเพียงแค่รู้สึกอารมณ์ไม่ดีจึงไปหาชุดกระโปรงยาวสีแดงที่ในยามปกติตนเองชอบที่สุดแต่ก็ไม่กล้าใส่ออกมาจากในตู้ จะรู้ได้อย่างไรว่าจะทำให้พี่สี่ของตนไม่พอใจถึงเพียงนี้
“ข้า ข้า...”
ในใจของหลิ่วอวิ๋นหลี่ราวกับมีหินก้อนใหญ่กดทับเอาไว้ ดูความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวน้องชายของคนอื่นเขาดีเสียขนาดนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายน้องชายคนอื่นก็สามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ ทว่าตนเองกลับมีเพียงน้องสาวที่ไม่รู้เื่รู้ราวคนหนึ่ง! คล้ายกับมองเห็นอนาคตอันริบหรี่ของตน เมื่อก่อนนางยังกล้าหัวเราะเยาะหลิ่วอวิ๋นซูว่าเป็ลูกอนุไม่มีอี๋เหนียง ทั้งยังมีชะตาโชคร้าย วันหน้าคงไม่อาจหาตระกูลดีๆ แต่งออกไปได้ ไม่คิดเลยว่าจะตกมาถึงคราวของตนแล้ว ทุกคนในจวนโหวหลีกเลี่ยงราวกับนางเป็งูพิษ ทุกคนทอดทิ้งอี๋เหนียงของนาง วันหน้านางจะทำอย่างไรดี?!
ตอนนี้เอง เสียงอันไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คุณหนูสี่ เ้ากำลังทำอะไร?”
หลิ่วอวิ๋นหลี่ใ ยังไม่ทันตอบอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าก็ถูกแม่นมประคองมายืนตรงหน้าของตนแล้ว
นางเบิกตากว้างจ้องมองสตรีที่สวมชุดขาวทั้งร่าง ทั้งยังมองไปยังดอกไม้สีขาวที่ประดับอยู่บนผม
“ทำไม เ้ากำลังไว้ทุกข์หรือ?!”
อวิ๋นหลี่ร่างกายสั่นระริก คุกเข่าลงอย่างสับสน สายตาของฮูหยินผู้เฒ่ามองไปยังหลิ่วอวิ๋นเหยาข้างกายที่แต่งกายด้วยสีแดงทั้งชุด คิ้วของนางขมวดแน่น
“มารดาเลี้ยงเ้ายังอยู่ เ้ากำลังไว้ทุกข์ให้ผู้ใดกัน?!” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่ามิอาจปล่อยปละละเลยนางได้ เนื่องจากในดวงตาของอวิ๋นหลี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเคียดแค้น! หากปล่อยให้ลูกอนุที่มีจิตใจเคียดแค้นอยู่ในจวน เกรงว่าจะไม่ใช่เื่ดีอะไร
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ได้อย่างไร? อวิ๋นหลี่เองก็เข้าใจดีว่าตนไม่ควรสวมชุดเช่นนี้ แต่ว่าอี๋เหนียงเพิ่งจากไป นางคิดจะแสดงความกตัญญู สวมเพียงชั่วครู่ก็จะถอดออก ใช่แล้ว เป็หลิ่วอวิ๋นซู! จะต้องเป็นางที่ไปฟ้องท่านย่า! ทำร้ายอี๋เหนียงจนตายยังไม่พอ คราวนี้ยังมาทำร้ายตนเองอีก!
“อวิ๋นหลี่เพียงแค่...”
“ยังไม่รีบถอดออกอีก! ท่าทางเช่นนี้ของเ้า ้าสั่งสอนให้น้องเจ็ดของเ้าเสียคนหรือ?!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากระทุ้งไม้เท้า เสียงกังวานหนักแน่นทำให้หลิ่วอวิ๋นหลี่อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั่งร่าง
น้ำตาคลอหน่วงอยู่ในดวงตา นางปลดดอกไม้ขาวบนศีรษะและเสื้อนอกสีขาวของตนออกอย่างเชื่องช้า
หลิ่วอวิ๋นเหยาหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ เกรงว่าตนจะถูกตำหนิไปด้วย ทว่าก็ยังหลบไม่พ้น
“อวิ๋นเหยา ไปเปลี่ยนชุดเสีย!” อี๋เหนียงของตนไม่อยู่แล้ว ไม่อาจสวมชุดสีสดใสงดงามเช่นนี้ได้ บุตรีทั้งสองของอนุรองช่างทำให้ผู้อื่นยุ่งยากใจโดยแท้
“อวิ๋นหลี่ หลายวันนี้ในจวนโหวยังไม่ค่อยสงบ เ้าไปหยิบคัมภีร์ในห้องข้า แล้วไปนั่งคัดออกมาสิบจบในห้องพิจารณาความผิดเถิด”
ห้องพิจารณาความผิด?! ท่านย่า้ากักบริเวณนางหรือ? เป็เพราะตนสวมชุดไว้ทุกข์หรือ?!
หลิ่วอวิ๋นหลี่ก้มหน้า กัดฟันของตนแน่น ฮูหยินผู้เฒ่ารักและตามใจหลิ่วอวิ๋นซูขนาดนั้น แต่กลับเ็ากับนางถึงเพียงนี้!
แม่นมประคองฮูหยินผู้เฒ่าเดินไปตามระเบียงช้าๆ “ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ คุณหนูสี่ผู้นี้ไม่รู้ความเอาเสียเลย เกรงว่าจะไม่เข้าใจความปรารถนาดีของฮูหยินผู้เฒ่านะเ้าคะ”
“ให้นางคัดก่อนเถิด ดูเสียหน่อยว่าจะสามารถสงบจิตใจลงได้หรือไม่ หากไม่ได้ ก็ค่อยคิดหาวิธีอื่น”
อีกด้านหนึ่ง
“อวิ๋นชิง เหตุใดเ้าถึงได้ดีใจขนาดนี้?” น้ำเสียงของอนุสี่อ่อนโยน มองสตรีข้างโต๊ะที่แอบยิ้มอย่างอดไม่ได้
“อี๋เหนียง เมื่อครู่ท่านไม่เห็นท่าทางน่าสงสารของพี่สี่ ฮ่าๆ”
อนุสี่ใ “ตอนนี้เ้าอย่าได้ไปหาเื่คุณหนูสี่ นางกำลังแค้นคุณหนูหกและอนุห้าอยู่ เ้าอย่าไปหาเื่ใส่ตัว”
“ไม่หรอกเ้าค่ะอี๋เหนียง นางไม่รู้แน่ๆ ว่าข้าเป็คนไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าเื่ที่นางสวมชุดไว้ทุกข์ คราวนี้อนุรองเกิดเื่ เกรงว่านางจะพลิกฐานะไม่ได้อีกแล้ว!”
หลิ่วอวิ๋นชิงแอบเห็นอวิ๋นหลี่เป็คู่แข่งมาโดยตลอด พวกนางล้วนเก่งกาจพอๆ กันในเื่บทกวี แต่ครั้งนี้หลิ่วอวิ๋นหลี่ได้รับความสูญเสียรุนแรงถึงเพียงนี้ นางย่อมดีใจเป็ธรรมดา
“ในยามปกติอย่าได้พาคุณชายแปดและคุณชายเก้าไปเรือนอนุรองเล่า” เด็กทั้งสองยังเล็กนัก นางไม่้าให้ไปติดโชคร้ายมา “อีกอย่าง อย่าไปหาเื่คุณหนูหก”
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ อนุสี่ยิ่งมั่นใจว่าแผนการของหลิ่วอวิ๋นซูช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน กระทั่งฮูหยินก็ถูกทำให้โกรธจนล้มป่วย ส่วนอนุรองก็ทิ้งชีวิตไปด้วยเหตุนี้ จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่จำเป็ต้องไปตั้งตัวเป็ศัตรูกับคุณหนูหก
เมื่อเห็นอี๋เหนียงของตนกำชับครั้งแล้วครั้งเล่า หลิ่วอวิ๋นชิงกลับไม่เข้าใจเหตุผล ในความคิดของนาง อนุรองเพียงแค่โชคร้ายเท่านั้น คงติดมาจากตัวโชคร้ายนั่น
กลางดึก ภายในห้องพิจารณาความผิดเงียบสงัด ทว่ากลับสามารถได้ยินเสียงลมจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
ใต้แสงเทียนสลัว หลิ่วอวิ๋นหลี่นั่งอยู่บนเบาะ มีพู่กันอยู่ในมือ นางคัดคัมภีร์ไปแล้วหนึ่งหน้า ทว่าคิ้วของนางกลับขมวดแน่น ในหัวเต็มไปด้วยสายตาที่ไม่ยี่หระต่อความตายของอนุรอง
นางโยนพู่กันในมือทิ้งไว้ด้านหนึ่ง หมึกเปื้อนตัวอักษรทั้งหน้ากระดาษ
นางในยามนี้เริ่มพิจารณาอย่างรวดเร็ว หากเป็เช่นนี้ต่อไป นางคงไม่มีที่ยืนในจวนโหวเป็แน่ ท่านพ่อก็คงมองนางเป็ตัวไร้ค่าเพราะเื่ของท่านแม่
หลิ่วอวิ๋นซูสามารถหาที่พึ่งพาได้ แล้วตนจะทำไม่ได้หรือ? แต่เมื่อมองไปทั่วทั้งจวนโหว มีผู้ใดเต็มใจจะข้องเกี่ยวกับนางกัน?
ต้องเป็ผู้ที่เคียดแค้นหลิ่วอวิ๋นซูเข้ากระดูก และไม่มีความขัดแย้งเื่ผลประโยชน์กับตน
หลิ่วอวิ๋นหลี่ใจเต้น เช่นนั้นไม่ใช่ว่า...มีแค่คนผู้นั้นหรอกหรือ?